เหยาเชียนเชียนกระโจนเข้าใส่ร่างลูกแมวทั้งตัวและทับเขาไว้เล็กน้อย เป่ยเหลียนโม่พยายามดึงอย่างไรก็ดึงไม่ออก นางติดหนึบอยู่ข้างบนราวกับขนมหนิวผี [1]
“หวังเฟยนี่มันหมายความว่าอย่างไร” อาภรณ์ของเป่ยเหลียนโม่ถูกยื้อยุดเสียจนไม่เรียบร้อยในยามที่นางดิ้นขัดขืน “ถอยไป”
ถอยไม่ได้สิ เหยาเชียนเชียนนอนนิ่งบนเตียงในท่าทางที่น่าเกลียดถึงที่สุด ไม่ต้องพูดถึงใบหน้าที่ยังคงประดับรอยยิ้มประจบประแจงของนางเลย เหมือนกับกบตัวใหญ่กำลังยิ้มยิงฟันให้ก็ไม่ปาน
“ท่านอ๋องให้หม่อมฉันดูอาเหยียน มีอะไรต้องกังวลหรือเพคะ หม่อมฉันเพิ่งกล่อมเขาจนหลับไป ถ้าปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมาเวลานี้คงรู้สึกไม่ดีอย่างแน่นอน ถ้าพระองค์มีเื่อะไรรอให้เขาตื่นก่อนแล้วค่อยคุยดีหรือไม่เพคะ?”
นางนอนลงและใช้ทั้งแขนและขากอดก่ายลูกแมวน้อยไว้ ท่าทางเหมือนกับไม่ยี่หระต่อความตายใดๆ ทั้งสิ้น เป่ยเหลียนโม่โกรธแต่ก็หลุดหัวเราะออกมา เขาพยักหน้าและเอ่ยว่า “ได้ เช่นนั้นเปิ่นหวังก็จะพักผ่อนที่นี่สักพักด้วยเช่นกัน”
เหยาเชียนเชียนกางแขนกางขาอย่างรวดเร็ว พยายามใช้ร่างเล็กๆ ของนางพื้นที่ทุกตารางนิ้วบนเตียง ใบหน้าเล็กที่นอนอยู่บนเตียงบี้แบน นางพูดกับเป่ยเหลียนโม่อย่างยากลำบากว่า “เตียงนี้มีขนาดเล็กยิ่งนัก ไม่สามารถรองรับร่างใหญ่ๆ ของท่านอ๋องได้หรอกเพคะ”
“เหมียว~”
ในผ้าห่มน่าจะอึดอัด ลูกแมวน้อยจึงส่งเสียงร้องเบาๆ ส่งผลให้เหยาเชียนเชียนเหงื่อผุดพราย แอบกรีดร้องอยู่ในใจ
“เหมียวๆๆ! เหมียวๆๆ!” นางยิ้มร่าพลางมองไปทางเป่ยเหลียนโม่ “ใช่ นี่เป็เสียงแมวที่หม่อมฉันเพิ่งฝึกมา ท่านอ๋องคิดว่าเหมือนหรือไม่เพคะ?”
เ้าลุกขึ้นเดี๋ยวนี้! เป่ยเหลียนโม่ยื่นมือออกไปหมายจะดึงนางขึ้นมา แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากข้างนอก บอกว่ามีคนของกองทัพมาขอเข้าเฝ้า
เมื่อปล่อยสตรีผู้นั้นไปแล้วเป่ยเหลียนโม่ทั้งโมโหทั้งขำ เขาก็ถึงขั้นเล่นไร้สาระตามนางไปด้วย เขาจัดเสื้อผ้าเล็กน้อยและมองไปทางเตียงด้วยสายตาเ็าพร้อมพูดทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า
“ถ้าเช่นนั้นก็ฝากอาเหยียนให้หวังเฟยดูแลไปก่อน หากผมขาดไปแม้แต่เส้นเดียว เปิ่นหวังจะเลาะกระดูกออกจากตัวหวังเฟย”
เขามักจะขู่ขวัญนางด้วยคำพูดรุนแรง เหยาเชียนเชียนแอบชูนิ้วกลางให้เขาอย่างหยิ่งผยองในใจ ทว่าเบื้องหน้ากลับพยักหน้ารัวๆ และยิ้มให้ด้วยไมตรีจิต
“ท่านอ๋องวางใจเถิดเพคะ”
ในที่สุดก็ส่งเทพผู้โเี้ออกไปได้เสียที เหยาเชียนเชียนรีบร้อนดึงตัวลูกแมวน้อยออกจากผ้าห่ม เขารู้สึกไม่สบายตัวนิดหน่อยจึงถูไถกับผ้าห่มเล็กน้อยแล้วก็หลับไปอีกครั้ง
“โชคดีที่เ้าเป็เด็กดี” นางถอนหายใจ “ถ้าไม่ซื่อสัตย์จริงๆ ข้าก็คงปกป้องเ้าไว้ไม่ได้”
นางลงจากเตียงเพื่อไปลงกลอนประตูอย่างระมัดระวัง ก่อนจะกลับมานอนกอดลูกแมวน้อยที่นอนหลับอยู่อย่างสบาย แม้ว่าเ้าตัวน้อยจะน่ารัก แต่เขาควรรีบกลับร่างเดิมน่าจะดีกว่า มิเช่นนั้นนานวันเข้าจะต้องเปิดเผยตัวตนออกมาแน่นอน
“เมื่อตอนอยู่ที่จวนตระกูลเหยาข้ากระอักเืได้อย่างไรกัน?” เหยาเชียนเชียนลูบท้องเบาๆ “ต่อให้ตระกูลเหยามีความกล้ามากเท่าไร ก็ไม่น่าจะถึงขั้นกล้าวางยาพิษชิงผิงอ๋อง หรือว่าเป็ตัวข้าที่มีปัญหา?”
น่าโกรธที่ระหว่างทางกลับมาจวน คนผู้นั้นไม่ยอมพูดอะไรเลย ก็ถูกแล้ว! เหยาเชียนเชียนคิดอย่างโมโห เขาเป็คนที่อยากให้นางตายที่สุดอยู่แล้ว จะพูดกับนางมากได้อย่างไร
ไม่สนใจแล้ว เหยาเชียนเชียนถูไถอาเหยียนน้อยอย่างสบายใจ อย่างไรคนที่้าชีวิตของนางก็มีไม่น้อย ในจวนก็มีอยู่คนหนึ่ง รักษาชีวิตที่อยู่ในเงื้อมมือเขาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
ทั้งคู่หลับไปจนถึงเวลาอาหารเย็น เหยาเชียนเชียนไม่มีประสบการณ์ในการเลี้ยงดูเด็กหรือสัตว์เลี้ยงมาก่อน นางไม่รู้ว่าควรกำหนดเวลาเพื่อลุกขึ้นมากินข้าวด้วย อาเหยียนน้อยจึงตื่นขึ้นมาด้วยความหิว เขาเขย่าตัวเหยาเชียนเชียนทั้งที่ยังสะลึมสะลืออยู่
“ท่านแม่ อาเหยียนหิว”
“หือ?” เหยาเชียนเชียนขยี้ตาพลางลุกขึ้นนั่ง “เ้ากลับร่างเดิมแล้วหรือ?”
อาเหยียนพยักหน้า เขาลงจากเตียงด้วยขาสั้นๆ เพื่อไปรินน้ำชาและยกมาให้นาง
“เหตุใดถึงเป็เด็กดีเช่นนี้นะ” เหยาเชียนเชียนซาบซึ้งใจมาก หลังจากเงยหน้าขึ้นดื่มชาแล้ว นางกอดอาเหยียนไว้และบีบแก้มเขาอย่างอดไม่ได้ “รอก่อนนะ แม่จะไปขอสำรับอาหารให้เ้า”
หญิงรับใช้ที่อยู่ข้างนอกหลังจากรอแล้วรอเล่า ในที่สุดก็ถึงเวลาที่เหยาเชียนเชียนเปิดประตูออกมาเสียที เมื่อได้ยินว่าเสี่ยวซื่อจื่อหิวแล้ว พวกนางจึงรีบไปยกสำรับอาหารมาให้
“เหตุใดถึง...เป็จานผักทั้งหมดเลยเล่า?”
เหยาเชียนเชียนเขี่ยเล็กน้อย ทั้งโต๊ะมีแค่ปลาเหลืองต้มน้ำแกงใสตัวหนึ่งเป็จานเนื้อเพียงจานเดียว เมื่อวางอยู่บนโต๊ะที่มีแต่ผักเขียวขจีจึงสะดุดตาเป็พิเศษ
“อาหารเหล่านี้ท่านอ๋องเป็คนจัดการเพคะ เสี่ยวซื่อจื่อเสวยอาหารเหล่านี้มาตลอด” หญิงรับใช้าุโตอบอย่างระมัดระวัง นางยังให้ความเคารพหวังเฟยที่รอดชีวิตมาได้อย่างอัศจรรย์ผู้นี้อยู่บ้าง
“เช่นนี้โภชนาการจะไม่สมดุล จะให้เขากินแต่ผักได้อย่างไร เวลานี้เป็่วัยที่เด็กกำลังโต ถ้ากินเช่นนี้จะทำให้ร่างกายไม่สูงและภูมิต้านทานจะอ่อนแออีกด้วย”
เหล่าข้าหลวงไม่เข้าใจว่านางกำลังพูดอะไร แต่ก็พอจะเข้าใจความหมาย คือหวังเฟยไม่พอใจกับอาหารของเสี่ยวซื่อจื่อ
แต่ว่านี่เป็สิ่งที่ท่านอ๋องกำชับมาตลอด
“นกกระทาเมื่อครั้งที่แล้วไม่เลวเลย ไปยกมาอีกสองตัว” เหยาเชียนเชียนพูด “รีบให้พวกเขาไปยกมาเร็วเข้า อย่ารั้งเวลาเสวยอาหารของเสี่ยวซื่อจื่อ เดี๋ยวข้าจะอธิบายต่อท่านอ๋องเอง”
หญิงรับใช้มองหน้ากันเลิ่กลั่ก หลังจากสบตากับหญิงรับใช้าุโที่เป็ผู้ดูแลแล้ว พวกนางจึงทำได้เพียงไปยกนกกระทาสองตัวที่ห้องเครื่องกลับมา
เป็ความ้าของหวังเฟย หากฟ้าถล่มก็ยังมีนางค้ำยันอยู่
เหยาเชียนเชียนยกมาวางตรงหน้าอาเหยียนอย่างอารมณ์ดี จริงๆ แล้วนางไม่ได้จะอธิบายอะไรต่อเป่ยเหลียนโม่ นางรู้สึกว่าคนผู้นั้นไม่มีประสบการณ์ในการเป็พ่อ ดังนั้นจึงได้ให้ข้าหลวงเตรียมแต่อาหารเหล่านี้
ไม่เป็ไร ก็แค่กินเนื้อเอง จะเป็อะไรไปได้เล่า
เมื่อทั้งคู่กินดื่มจนอิ่มหนำแล้ว อาเหยียนน้อยก็พิงบนอกของเหยาเชียนเชียนพลางลูบท้องและเอ่ยถามอย่างจริงจังว่า “ท่านแม่ ต่อไปอาเหยียนจะได้กินเนื้อทุกมื้อเลยหรือขอรับ?”
เหยาเชียนเชียนสงสารเขาสุดหัวใจ ฟังคำออดอ้อนที่เด็กน้อยพูดเจื้อยแจ้วออกมา
“กิน กินชิ้นใหญ่เลย!”
อาเหยียนน้อยที่ได้รับคำยืนยันแล้วก็ยิ้มจนตาหยีและขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของนาง เหยาเชียนเชียนกำลังจะกล่อมให้เขาหลับ แต่ทันใดนั้นก็ััได้ถึงอะไรบางอย่างที่นุ่มและฟูตรงฝ่ามือ
“อาเหยียน หู...หูของเ้า” นางบีบมันเบาๆ อย่างประหลาดใจ ัันุ่มนิ่มที่ปลายนิ้วทำให้นางทั้งกังวลและตื่นเต้น นี่ไม่ใช่การบีบหูแมวครั้งแรก แต่นี่เป็ครั้งแรกที่ได้บีบหูแมวของอาเหยียน
“ข้าเก็บไม่อยู่ ท่านแม่อย่ากลัว” อาเหยียนจูบนางเบาๆ
เหยาเชียนเชียนส่ายหน้า นางไม่ได้กลัว นางเพียงแค่นึกถึงสาวหูแมวในการ์ตูนก่อนหน้านี้ คาดไม่ถึงเลยว่าจะได้เห็นของจริงกับตาตัวเองในบั้นปลายชีวิต!
“อาเหยียน เ้าสามารถควบคุมการเปลี่ยนร่างได้หรือไม่?”
อาเหยียนคิดเล็กน้อยก่อนจะส่ายหน้า “ข้าไม่แน่ใจ”
เป็เช่นนี้ เหยาเชียนเชียนกอดเขาไว้และฮัมเพลงกล่อม หากอาเหยียนไม่สามารถควบคุมการเปลี่ยนร่างของตนได้ เช่นนั้นจะไม่เสี่ยงมากยิ่งขึ้นหรือ ผู้ใดจะรู้ได้ว่าเขาจะเปลี่ยนจากคนเป็แมวเหมียวอีกเมื่อไร โชคดีที่เขายังเด็ก จึงไม่ต้องไปเข้าสังคมข้างนอก
แต่หากรอเขาโตแล้ว เื่นี้ก็มีโอกาสเสี่ยงจะถูกจับได้อยู่
เด็กน้อยหลับไปอย่างรวดเร็วในอ้อมกอดของนาง เหยาเชียนเชียนวางเขาลงอย่างเบามือ ดูท่าหูนี้น่าจะเก็บไม่ได้ไปอีกสักพัก นางคิดเล็กน้อยก่อนจะออกจากห้องไป และกำชับคนที่อยู่ข้างนอกว่าไม่อนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปรบกวนเด็กน้อย
“ข้าต้องไปคุยกับชิงผิงอ๋อง ตกลงแล้วเขารับรู้ถึงสถานการณ์ของอาเหยียนน้อยหรือไม่ หากเขาไม่รู้ก็จะได้รับรู้ไว้ด้วย”
นางคิดเช่นนี้ตลอดทางที่จะไปหาเป่ยเหลียนโม่ แต่ก็ได้ทราบจากพ่อบ้านว่าวันนี้ท่านอ๋องนอนค้างกับหลิ่วอี๋เหนียง
“นอนค้าง?”
เหยาเชียนเชียนชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ตระหนักขึ้นมาได้ว่าเื่เหล่านี้เป็เื่ปกติมากสำหรับที่นี่ นางยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน ก่อนจะหมุนตัวกลับไปยังห้องของตน
ผู้ชายเฮงซวย ลูกชายของท่านสามารถถูกปิศาจจับตัวไปได้ตลอดเวลา ท่านยังมีอารมณ์ไปคิดเื่รักๆ ใคร่ๆ อีก!
“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว!”
ดูเหมือนว่าแม่นมจะรอเหยาเชียนเชียนอยู่ที่ห้องนานแล้ว เมื่อเห็นว่านางกลับมาก็รีบยัดจดหมายใส่ในมือให้ทันที
“อะไรกัน?”
เหยาเชียนเชียนเปิดอ่านด้วยความสงสัย ทว่าเมื่อเห็นข้อความบนนั้นอย่างชัดเจนแล้วก็ค่อยๆ เบิกตากว้าง
องค์ชายสามนัดนางไปพบวันพรุ่งนี้?!
เชิงอรรถ
[1] ขนมหนิวผี หมายถึง ติดหนึบ เป็สำนวนเปรียบเปรย