ประตูของเขตต้องห้ามเปิดออกช้าๆ ก่อนที่หลินเฟิงกับเมิ่งฉิงจะเดินออกมา ตอนนี้ทุกสายตาล้วนจ้องมองพวกเขาเป็ตาเดียว
หลินเฟิงเดินจูงมือเมิ่งฉิงออกมา ใบหน้าของเมิ่งฉิงยังคงเรียบเฉยและสงบนิ่ง ขณะปล่อยให้หลินเฟิงจับมือนาง ราวกับว่ามันเป็เื่ปกติที่พวกเขาทำกัน นอกจากนี้ความหนาวเย็นที่แผ่ออกมาจากร่างของนางก็สลายไปแล้ว
“ช่างเป็คู่ที่เหมาะสมกันมาก”
ฝูงชนต่างพากันแสดงความชื่นชม ตอนนี้พวกเขาเข้าใจแล้วว่าเมิ่งฉิงกับหลินเฟิงมีความสัมพันธ์กันอย่างไร และทำไมนางถึงได้ฆ่าคนตระกูลจื่อหลังจากผู้าุโตระกูลจื่อบอกว่าหลินเฟิงตายไปแล้ว ที่แท้เมิ่งฉิงก็เหมือนกับต้วนซินเยี่ย พวกนางต่างเป็ผู้หญิงของหลินเฟิง
เมิ่งฉิงเดินออกมาพร้อมกับหลินเฟิง เช่นเดียวกับที่หลินเฟิงเดินออกมาพร้อมกับต้วนซินเยี่ย พวกเขาดูเหมาะสมกันและยังเป็คู่รักที่โดดเด่นมาก
เมื่อเทียบพร์ของพวกเขากับหลินเฟิงแล้ว ฝูงชนต่างรู้สึกต่ำต้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงพลังที่ไร้เทียมทานของเมิ่งฉิงเลย เพราะมันทำให้พวกเขารู้สึกอับอายมากยิ่งขึ้น หลินเฟิงกับเมิ่งฉิงเป็คู่รักที่เหมาะสมกันมากราวกับเกิดมาคู่กัน มีเพียงอัจฉริยะอย่างหลินเฟิงเท่านั้นที่คู่ควรกับเทพธิดาคนนี้
จื่ออีและจื่อหลิงจ้องมองหลินเฟิงกับเมิ่งฉิงอยู่เงียบๆ จื่ออีก้มหน้าลงเพราะรู้สึกว่าตัวเองช่างต่ำต้อยอย่างบอกไม่ถูก นางเป็เพียงดอกไม้ริมทางช้ำๆ ต่างจากเมิ่งฉิงที่งดงามราวกับเทพธิดา มิหนำซ้ำเมิ่งฉิงยังบรรลุไปถึงระดับขอบเขตลี้ลับอีกด้วย นอกจากนี้ผู้หญิงคนนั้นยังรักหลินเฟิงมาก เพียงแค่หลินเฟิงะโสั่งให้นางกลับมา นางก็ยอมเดินกลับมาหาหลินเฟิงอย่างเชื่อฟัง ในตอนแรกจื่ออีคิดว่าหลินเฟิงคงสนใจในตัวนาง ซึ่งความคิดนั่นมันช่างน่าขันเป็ที่สุด
นางมีอะไรเหนือกว่าเมิ่งฉิงและต้วนซินเยี่ยกัน? เมื่อเทียบกับผู้หญิงสองคนนั้นแล้ว จื่ออียังห่างชั้นจากพวกนางอีกมาก
“คาดไม่ถึงว่าหลินเฟิงจะแข็งแกร่งขนาดนี้ เขาไม่เพียงมีพร์และพลังที่แข็งแกร่ง แต่ยังมีผู้หญิงถึงสองคนที่ชอบเขาอยู่” จื่อหลิงพึมพำกับตัวเองเบาๆ แน่นอนว่านางรู้สึกอิจฉาพวกนางมาก
ตอนที่ต้วนซินเยี่ยเห็นหลินเฟิงเดินจูงมือเมิ่งฉิงออกมา ดวงตาของนางทั้งสั่นไหวและทอประกายความไม่พอใจออกมา
นี่เป็ครั้งแรกที่นางพบว่าตัวเองด้อยกว่าผู้หญิงคนอื่น แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อน แต่นางต้องยอมรับว่าเมิ่งฉิงไม่เพียงแค่มีท่าทางสง่างามเท่านั้น แต่ยังมีใบหน้าที่งดงามมากอีกด้วย ไม่ว่าจะมองมุมไหนเมิ่งฉิงก็โดดเด่นกว่านาง
เมิ่งฉิงชอบหลินเฟิง และหลินเฟิงก็สนใจนาง
เมื่อหลินเฟิงเห็นสีหน้าของต้วนซินเยี่ย เขาก็เผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา ขณะเดียวกันในใจก็เกิดความรู้สึกสับสน ในโลกที่ตัวเองจากมา เขาอยู่เป็โสดจนตาย แต่ในโลกนี้เขากลับมีสาวงามมากมายให้ความสนใจ
“เตรียมม้าให้ข้าสองตัว”
หลินเฟิงเปิดปากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ไม่นานก็มีคนจูงอาชาโลหิตสองตัวเดินเข้ามา
“ซินเยี่ยขึ้นม้าเถอะ ได้เวลาที่พวกเราต้องกลับกันแล้ว”
หลินเฟิงหันมาพูดกับต้วนซินเยี่ย ซึ่งนางก็พยักหน้าเห็นด้วย
นางหายตัวไปนานมากแล้ว ท่านพี่ของนางคงเป็ห่วงอยู่แน่ๆ
ต้วนซินเยี่ยเดินไปหยุดอยู่ข้างๆ อาชาโลหิต ก่อนจะพยุงตัวขึ้นไปนั่งบนหลังม้า ถึงแม้ว่าร่างกายขององค์หญิงจะมีค่าดุจทองคำ แต่ต้วนซินเยี่ยก็เรียนรู้ทักษะการป้องกันตัวและการขี่ม้ามาบ้าง
“เมิ่งฉิง พวกเราก็ขึ้นม้ากันเถอะ”
หลินเฟิงหันมามองเมิ่งฉิง ก่อนที่นางจะพยักหน้าและะโขึ้นหลังม้าอีกตัว
หลังจากที่นางขึ้นขี่ม้าเรียบร้อยแล้ว หลินเฟิงก็ะโขึ้นหลังม้าซ้อนหลังของเมิ่งฉิง แล้วเอื้อมมือไปจับบังเหียนผ่านเอวบางของเมิ่งฉิง ทำให้นางสะดุ้งเล็กน้อย หลินเฟิงช่าง...
“ไป!”
หลินเฟิงกระตุกบังเหียนทำให้อาชาโลหิตร้องออกมา ก่อนจะทะยานไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เมิ่งฉิงเอนตัวไปด้านหลังเพื่อพิงอกของหลินเฟิง คนสองคนบนหลังม้าหนึ่งตัวกำลังวิ่งผ่านหุบเขาที่ทอดยาวออกไป
“คุ้มครององค์หญิง!”
เสียงะโสั่งการของหลินเฟิงดังขึ้นมา ทำให้ดวงตาของกอลกำลังดาบนภาโลหิตฉายแววเคร่งขรึม ขณะที่ะโขึ้นขี่หลังม้าและควบตามหลังต้วนซินเยี่ยไป
“องค์หญิง!!!”
ฝูงชนมองไล่หลังกลุ่มทหารม้าที่วิ่งจากไปอย่างตกตะลึง ขณะเดียวกันพวกเขาก็ไม่อาจสงบใจลงได้เมื่อได้ยินเื่นี้ ที่แท้ต้วนซินเยี่ยก็คือองค์หญิงของอาณาจักรเสวี่ยเยว่นี่เอง
แล้วหลินเฟิงคนนั้นล่ะ เขาเป็ใครกันแน่? เขามีทหารม้าโลหิตหนึ่งกองที่คอยฟังคำสั่ง และยังมีองค์หญิงกับเมิ่งฉิงเป็คนรักอีก
บนถนนสายหนึ่งมีอาชาโลหิตกำลังวิ่งไปโดยไม่หยุดพัก ฝุ่นละอองปลิวว่อนไปในอากาศ
บนหลังม้าตัวหนึ่งมีเงาคนสองคนนั่งอยู่ คนหนึ่งเป็สตรีที่มีใบหน้างดงามราวกับเทพธิดา และอีกคนเป็ชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลา
เส้นผมของพวกเขาพลิ้วไหวไปตามแรงลมที่พัดเข้ามา
อาชาพันธุ์ดี สาวงาม ถนนโบราณที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา กับชายหนุ่มผู้หล่อเหลาที่แบกดาบไว้ด้านหลัง ทั้งหมดนี้ดูราวกับภาพวาดที่ศิลปินชั้นยอดสร้างสรรค์ขึ้น
เมิ่งฉิงนั่งพิงอกหลินเฟิงเงียบๆ ทั้งสองคนไม่มีใครพูดอะไรออกมา ตอนนี้พวกเขากำลังซึมซับบรรยากาศที่เงียบสงบราวกับฝันนี้อยู่
แม้ว่าเส้นทางจะยาวไกล แต่ทิวทัศน์ที่เงียบสงบนี้กลับดูสวยงามอย่างบอกไม่ถูก
ไม่นานหลินเฟิงก็เดินทางมาถึงชายแดนต้วนเริ่น หลังจากที่ได้หลอมรวมกับโลกแล้ว ประสาทััของหลินเฟิงก็เฉียบคมมากขึ้น ทำให้เขารู้สึกได้ว่ามีใครบางคนกำลังจ้องมองมาที่ตัวเองอยู่และกำลังซ่อนตัวอยู่ในหุบเขา
ม้าศึกที่ห้อตะบึงมาอย่างยาวนานก็ค่อยๆ หยุดฝีเท้าลง ก่อนที่หลินเฟิงจะะโไปทางหุบเขาในชายแดนต้วนเริ่นว่า “ข้า หลินเฟิง ผู้บัญชาการของกองกำลังดาบนภาโลหิต”
สิ้นเสียงะโนั้น ความเงียบก็เข้าปกคลุมไปทั่วชายแดนต้วนเริ่น ไม่มีเสียงใดๆ โต้ตอบกลับมา ทุกอย่างยังคงเงียบสงบราวกับไม่มีใครอยู่ที่นี่ อย่างไรก็ตามหลินเฟิงกลับรู้สึกได้ถึงอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ในความเงียบงันนี้
“หลินเฟิง ผู้บัญชาการของกองกำลังดาบนภาโลหิต จะขอเคลื่อนพลเข้าไปในชายแดนต้วนเริ่น”
แม้หลินเฟิงจะไม่รู้ว่าทหารที่เฝ้าชายแดนต้วนเริ่นเป็ใคร แต่ก็ยังะโแจ้งความประสงค์ให้อีกฝ่ายรับทราบ จากนั้นก็ควบม้าไปข้างหน้า
หลินเฟิงกับเมิ่งฉิงขี่ม้าเข้าไปในช่องแคบระหว่างหุบเขา
“หือ?”
ทันใดนั้นคิ้วของหลินเฟิงก็กระตุกขึ้น เมื่อได้ยินเสียงแหลมคมที่แหวกอากาศมา ตอนนี้ลูกศรนับไม่ถ้วนกำลังยิงเข้ามาในช่องแคบ!!!
หลินเฟิงสะบัดมือปล่อยคลื่นดาบออกไปโจมตีลูกศรที่พุ่งเข้ามา ขณะที่ควบม้าทะยานไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
เสียงแหวกอากาศดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ลูกศรปกคลุมไปทั่วท้องฟ้าประหนึ่งห่าฝน ราวกับจะปิดตายเส้นทางนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้พวกเขาผ่านช่องแคบนี้ไปได้
“เมิ่งฉิง ฆ่าพวกมันซะ!”
หลินเฟิงกล่าวประโยคนี้ด้วยสีหน้าเ็า เสียงของเขาดังกังวานไปทั่วหุบเขาต้วนเริ่น ทั้งๆ ที่หลินเฟิงได้แจ้งไปแล้วว่า ตัวเองเป็คนในกองทัพทหารม้าโลหิต แต่อีกฝ่ายกลับไม่สนใจและยังยิงธนูโจมตีพวกเขาต่อ แสดงให้เห็นว่าคนเ่าั้้าชีวิตของพวกเขา ในเมื่อเป็แบบนี้ก็ไม่จำเป็ต้องพูดอะไรอีก!
ร่างของหลินเฟิงทะยานขึ้นไปในอากาศ ปลายเท้าของเขาเหยียบไปตามร่องตามแนวหุบเขาขณะที่พุ่งขึ้นไปบนยอดเขา โดยมีเงาร่างของเมิ่งฉิงทะยานตามหลังมาติดๆ
พริบตาเดียวพวกเขาทั้งสองคนก็มาถึงยอดเขา หลินเฟิงยืนอยู่บนก้อนหินั์ ขณะจ้องมองไปยังกลุ่มทหารที่กำลังปล่อยลูกศรใส่กลุ่มของหลินเฟิงอยู่ แต่เมื่อพวกเขาเห็นหลินเฟิงมายืนอยู่ตรงหน้า สายตาของพวกเขาก็พลันสั่นไหวขึ้นมา มือที่กำลังง้างธนูอยู่ก็แข็งทื่อไปทันที
“ที่แท้ก็เป็ทหารของอาณาจักรเสวี่ยเยว่นี่เอง”
หลินเฟิงมองชุดเกราะที่อีกฝ่ายสวมใส่ด้วยสีหน้าเ็า เขารู้มาจากเมิ่งฉิงว่า าก่อนหน้านี้ได้คร่าชีวิตทหารของอาณาจักรโม่เยว่ไปจำนวนมาก และเนื่องจากกองทัพของอาณาจักรโม่เยว่อยู่ในอาณาเขตเสวี่ยเยว่ ทำให้กองหนุนมาเสริมทัพไม่ทัน ทำให้อาณาจักรโม่เยว่ตัดสินใจถอยทัพกลับไป ส่วนชายแดนต้วนเริ่นก็ถูกกองทัพของอาณาจักรเสวี่ยเยว่ยึดคืนกลับมาได้
หลังจากที่พวกเขาเข้ามาในช่องแคบ ทหารจากอาณาจักรเสวี่ยเยว่เหล่านี้ก็ยิงธนูใส่พวกเขาไม่หยุด เห็นได้ชัดว่าพวกมัน้าชีวิตของเขา
“พวกเ้าเป็ใคร? และใครเป็คนออกคำสั่ง?”
หลินเฟิงมองอีกฝ่ายอย่างสงบนิ่ง ขณะที่ปลดปล่อยลมปราณอันเย็นเยือกออกมา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบคำถามเขา ทั้งยังง้างธนูยิงใส่หลินเฟิงทันที
“หาที่ตาย!!!”
หลินเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยชา ขณะที่สะบัดมือปล่อยลำแสงอันหนาวเย็นออกมา ร่างของอีกฝ่ายพลันแข็งทื่อจากนั้นก็ค่อยๆ ล้มลงไปนอนกองกับพื้น
เมื่อสังหารชายคนนั้นเสร็จ หลินเฟิงก็ลงมือฆ่าคนอื่นๆ ต่อ หลังจากที่หลินเฟิงได้ก้าวเข้าสู่ขอบเขตผสานกับเทวโลก ทุกคนที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาต้วนเริ่นล้วนไม่มีใครหลุดพ้นจากประสาทััของหลินเฟิงไปได้
ไม่นานหลินเฟิงก็มาปรากฏด้านหน้าทหารคนหนึ่งและถามว่า “ใครเป็คนสั่ง?”
อีกฝ่ายนิ่งเงียบ ไม่ยอมพูดอะไรออกมา
“ตาย!” หลินเฟิงไม่คิดจะถามอีกรอบ เขาสะบัดมืออีกครั้ง เพียงพริบตาเดียวคนตรงหน้าก็ถูกหลินเฟิงสังหารในทันที
หลินเฟิงไม่จำเป็ต้องปรานีพวกมัน หุบเขาต้วนเริ่นแห่งนี้กว้างใหญ่มาก เขาไม่เชื่อว่าจะไม่มีใครไม่ตอบคำถามเขา
ร่างของหลินเฟิงเคลื่อนไหวไม่หยุด บนยอดเขาต้วนเริ่นขณะนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย ไม่เพียงแค่หลินเฟิงเท่านั้นที่สังหารคน แต่เมิ่งฉิงก็ไล่ฆ่าผู้คนบนยอดเขาแห่งนี้เช่นกัน หลินเฟิงถาม ส่วนนางฆ่า
แม้แต่หลินเฟิงก็ลืมไปแล้วว่าที่นี่คือชายแดนของอาณาจักรเสวี่ยเยว่ และทหารเหล่านี้ก็คือปราการด่านสุดท้ายของชายแดนต้วนเริ่น หลินเฟิงไล่สังหารทหารทุกคนอย่างต่อเนื่อง
หลังจากที่ผ่านประสบการณ์สู้รบในามา แิของหลินเฟิงก็เรียบง่ายมากขึ้น นั่นก็คือใครคิดที่จะสังหารเขา มันต้องตาย!!!
เขาสู้รบเพื่อปกป้องอาณาจักรเสวี่ยเยว่ แล้วอาณาจักรเสวี่ยเยว่ล่ะ ทำอะไรให้เขาหรือหลิ่วชั่งหลันบ้าง?
องค์หญิงถูกจับตัวไป ส่วนในกองทัพก็เกิดการหักหลังกันขึ้นมา กองทัพของอาณาจักรโม่เยว่เข้ารุกราน ทหารนับแสนต้องตายไปอย่างน่าเสียดาย อุบายที่ชั่วช้าขนาดนี้ อาณาจักรเสวี่ยเยว่ยังไม่สนใจมัน แล้วหลินเฟิงจะสนใจมันทำไม?
หลินเฟิงเป็คนจากต่างโลก ดังนั้นเขาจึงไม่มีความรู้สึกรักหรือหวงแหนอาณาจักรเสวี่ยเยว่ และหากวันหนึ่งอาณาจักรเสวี่ยเยว่้าให้เขาตาย เขาก็จะทำลายมันซะ!!!