ตอนที่กำลังชำระล้างร่างกาย ฉันก็เผลอมองไปยังรูรักที่เต็มไปด้วยเมือกเยิ้ม
ในขณะทำความสะอาดจึงถือโอกาสแตะออกมาเล็กน้อยแล้วใช้ปลายนิ้วละเลงเล่น ซึ่งมันเกือบจะทำให้ฉันตกอยู่ในวังวนอีกครั้ง
ฉันรีบส่ายหัวทันทีแล้วตั้งใจทำความสะอาดร่างกายทั้งภายในและภายนอก
“ทั้งหมดเป็ความผิดของโยตะ”
ถึงลึกๆ ในใจฉันจะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของเขา แต่ตอนที่แช่ตัวอยู่ในอ่างน้ำฉันก็ยังเอาแต่โทษเขาอยู่ดี
เมื่อเปรียบเทียบโยตะกับผู้ชายทั่วไปโดยเฉพาะในวัยเดียวกันนั้น เขาดูมีออร่า[1] ที่แตกต่างจากผู้ชายคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
แม้แต่บรรดาแฟนเก่าที่ฉันเคยคบหาในอดีตก็ไม่มีใครทำให้เผลอใจได้เหมือนโยตะเลยสักคน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหลงรักหัวปักหัวปำขนาดนี้
จริงๆ แล้วเขาก็มีข้อเสียอยู่มากมาย โดยเฉพาะนิสัยชอบเอาชนะกับชอบประชดประชันคนอื่น
แต่ไม่ว่าจะเป็เื่ที่เขายอมรับนิสัยเอาแต่ใจของฉันได้ หรือเคยััเชยชมส่วนไหนของร่างกายฉันก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างความคิดกับร่างกายทั้งสองอย่างนี้ต่างก็ทำให้ฉันรู้สึกสบายใจมาก
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงความเข้ากันที่ยากจะบรรยาย ทุกครั้งที่นึกถึงฉันก็อดอุทานออกมาไม่ได้
ขณะแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ ฉันก็เริ่มััลูบไล้ตามร่างกายตัวเองอีกครั้ง
ในระหว่างที่กำลังบีบเค้นแต่ละส่วนอย่างเบามือ ความคิดที่ว่ามือใหญ่ของโยตะทำให้เสียวได้มากกว่าก็แว็บเข้ามาในหัวฉัน
ประกอบกับความเสน่หาที่ยังไม่จางหายไปก็ยิ่งทำให้ฉันนึกถึงร่างกายของโยตะโดยไม่รู้ตัว
ฉันตบแก้มตัวเองเพื่อหยุดคิดเื่นี้ พอรู้สึกสบายตัวแล้วก็รีบลุกออกจากอ่างอาบน้ำทันที
หลังจากห่อตัวด้วยผ้าขนหนูและเดินออกจากห้องน้ำ ฉันก็กลับมาที่โซฟาแล้วเริ่มต้นทำกิจวัตรประจำวันอย่างการดูแลผิวที่มีขั้นตอนซับซ้อนและใช้เวลานานพอสมควร
แม้ฉันจะรู้สึกว่ายุ่งยากในบางครั้ง แต่ก็ยังอดทนต่อความเกียจคร้านและไม่ปล่อยให้วินัยของตัวเองหย่อนยานเกินไป
ไม่ว่าอย่างไรฉันก็รู้ดีว่าชื่อเสียงส่วนหนึ่งต้องอาศัยรูปลักษณ์ภายนอก ไม่ได้อาศัยแค่การร้องเพลงและการเต้นเท่านั้น
ฉันอาศัย่ที่ไม่ได้ทำอะไรในขณะมาส์กหน้าเปิดอ่านจดหมายจากแฟนคลับที่วางอยู่บนโต๊ะ
จดหมายทุกฉบับที่อยู่ในกล่องถูกเปิดแล้ว ทีมงานจะคัดกรองให้ก่อนเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงจดหมายที่มีเจตนาไม่ดี
ถึงจะเป็อย่างนั้นแต่ใน่นี้ก็ยังมีจดหมายจำนวนมากที่ต้องใช้เวลาเยอะเป็พิเศษถึงจะอ่านเสร็จได้ทั้งหมด
มีบางส่วนที่ฉันพกติดตัวไปอ่านระหว่างเดินทาง แน่นอนว่านี่เป็กำลังใจส่วนหนึ่งที่ทำให้ฉันทุ่มเทกับการทำงาน
เมื่อถึงเวลาฉันก็ถอดแผ่นมาส์กหน้าออกแล้วหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปจดหมายจากแฟนคลับที่ได้รับในสัปดาห์นี้ เพื่อเก็บไว้ให้ผู้จัดการบัญชีของทาจิบานะ ไอกะ นำไปโพสต์ในภายหลัง
ความจริงแล้วสิทธิในการจัดการบัญชีทางการทั้งหมดของไอกะนั้นมอบให้ผู้จัดการของทางบริษัทเป็ผู้ดูแล ฉันแค่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโพสต์และเตรียมรูปถ่ายในชีวิตประจำวันของตัวเองเท่านั้น
แม้กระทั่้งในตอนที่ฉันไม่ได้ใส่ใจดูแล แต่บัญชีของทาจิบานะ ไอกะ ก็ยังแสดงภาพลักษณ์ที่ดูตั้งใจทำงานของฉันออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ส่วนหนึ่งก็ต้องขอบคุณทางบริษัทที่จัดหาผู้จัดการที่มีทัศนคติค่อนข้างสอดคล้องกับภาพลักษณ์ในบัญชีของฉัน ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าฉันเป็คนดูแลและจัดการบัญชีเอง
ในขณะที่ฉันกำลังเช็คภาพที่ถ่ายไว้ โทรศัพท์ส่วนตัวที่วางอยู่ข้างๆ ก็สั่น
นอกจากเพื่อนเก่าและครอบครัวแล้วคงไม่มีใครส่งข้อความมายังบัญชีของโทรศัพท์มือถือเครื่องนี้แน่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงในเวลาดึกดื่นขนาดนี้
ฉันเลื่อนเปิดหน้าจอด้วยความอยากรู้ บนหน้าจอขึ้นข้อความจากยาชิมะ
ครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อก่อนที่ส่งแค่สติ๊กเกอร์ นี่เป็ครั้งแรกที่เขาส่งข้อความสั้นๆ เรียบง่ายแต่ชัดเจนมาแทน
“นอนหรือยัง?”
ฉันรู้สึกไม่เข้าใจเล็กน้อยกับการกระทำของโยตะ หลังจากลังเลอยู่นานก็พิมพ์ข้อความตอบกลับเขาไป
“ยังเลย ผมก็ยังไม่ได้เป่า”
ข้อความที่ส่งไปถูกอ่านทันที ไม่นานโยตะก็ตอบกลับมา
“ฉันมีไดร์เป่าผม คืนนี้มาค้างที่บ้านฉัน”
“ฮะ!?”
ยังไม่ทันจะทำเข้าใจความหมายของข้อความที่โยตะส่งมา ฉันก็ชิงส่งคำอุทานที่เต็มไปด้วยความงุนงงกลับไปเสียก่อน
อีกทั้งข้อความที่เหมือนออกคำสั่งของเขานั้นทำให้ฉันไม่ค่อยพอใจสักเท่าไร ฉันจึงทำได้เพียงสงบสติอารมณ์แล้วถามกลับเกี่ยวกับเจตนาของเขา
"ตอนนี้เหรอ?”
“อืม”
คำขอที่ส่งมากะทันหันทำให้ฉันค่อนข้างหนักใจและไม่สามารถเข้าใจจุดประสงค์ของโยตะได้ในทันที
เดิมทีฉันอยากจะใจร้ายปฏิเสธเขาไป แต่กลับนึกขึ้นได้ว่าวันนี้โยตะเองก็เพิ่งยอมทำตามคำขอที่เอาแต่ใจของฉัน
แม้บอกกับเขาไว้แล้วว่าจะทำอาหารที่เขาชอบให้กิน แต่ให้ตอบแทนน้ำใจของเขาเร็วขึ้นอีกหน่อยก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้
“โอเค งั้นนายรอฉันแป๊บหนึ่ง”
สุดท้ายฉันก็ตัดสินใจยอมรับคำขอของโยตะ แล้วเริ่มเตรียมตัวออกจากบ้าน
ข้อความสั้นๆ ของโยตะทำให้ฉันนึกถึงตอนที่ตัวเองเพ้อฝันว่าได้นอนค้างคืนกับโยตะ
จู่ๆ ก็รู้สึกว่าแบบนี้ไม่ได้แย่สำหรับฉันเท่าไรนัก เพียงแต่ว่าบนตัวฉันยังคงห่อด้วยผ้าขนหนูก็เท่านั้น
ในตอนนั้นฉันก็พลันคิดว่าควรแต่งตัวให้ดูดีกว่านี้ค่อยออกไปดีไหม จนกระทั่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีกิจวัตรอะไรให้ทำก่อนเข้านอนอีกมากมาย
แม้ว่ากำหนดการเดินทางของเช้าวันพรุ่งนี้จะเป็การฝึกตามปกติซึ่งไม่จำเป็ต้องแต่งหน้ามากนัก แต่การดูแลผิวที่ต้องทำในตอนเช้าก็ไม่สามารถละเลยได้อยู่ดี
ยาที่จำเป็ต้องกินก็ต้องพกไปด้วย ส่วนที่ต้องกินวันนี้ก็ยังไม่ได้กินเลย อีกทั้งบนเตียงก็ยังมีตุ๊กตาปุกปุยที่นอนเป็เพื่อนฉันมาหลายปี ฉันควรเอาไปด้วยไหมนะ?
เฮ้อ... แต่ก็ยังไม่ได้เลือกชุดเลยว่าจะใส่แบบไหน...
เพราะการเตรียมตัวที่ค่อนข้างรีบร้อน ฉันก็เลยยัดทุกสิ่งที่้าใส่กระเป๋าใบเล็กๆ จนเต็ม
ท้ายที่สุดฉันตัดสินใจสวมชุดนอนชิ้นเดียวแล้วสวมเสื้อคลุมบางๆ ทับ จากนั้นก็ออกไปกดกริ่งประตูบ้านของโยตะ
ทว่ามาคิดๆ ดูแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันเผยหน้าสดต่อหน้าโยตะเท่านั้น แต่ยังเป็ครั้งแรกที่แต่งตัวสบายๆ ออกจากบ้านอีกด้วย
ฉันยังไม่ทันได้จัดระเบียบความคิดใหม่ อีกทั้งเริ่มกังวลว่าผมที่ยังเปียกอยู่จะทำให้ฉันดูน่าเกลียดหรือไม่ โยตะก็เปิดประตูออกมาเสียก่อน
“โยตะ ฉันมาแล้ว”
“เธอเอาของอะไรมาเยอะแยะ?”
“ผู้หญิงในแต่ละวัน้าสิ่งต่างๆ เยอะกว่าที่นายคิดไว้นะ”
“ตุ๊กตาเน่านั่นด้วยเหรอ?”
"ใช่!ก็ใช่!"
โยตะมองตุ๊กตาสุนัขในมือของฉันอย่างสงสัย หลังจากที่ตอบกลับเขาไปสั้นๆ ฉันก็ไม่ได้สนใจคำถามเขาอีกและเดินตรงเข้าไปในห้อง
"รบกวนเธอแล้ว"
"อืม ไดร์เป่าผมฉันวางไว้บนโต๊ะในห้องนั่งเล่น"
ฉันวางกระเป๋าและเสื้อคลุมไว้บนโซฟาในห้องนั่งเล่น เป็ตำแหน่งเดียวกับที่เรากอดรัดกันเมื่อไม่นานมานี้
ในเวลานี้ฉันรู้สึกว่าพื้นที่ภายในห้องสว่างผิดปกติราวกับว่าโยตะเปิดไฟเกือบทุกดวง ทีวีก็เปิดรายการวาไรตี้ตอนดึกค้างไว้
ฉันพยายามคิดหาคำตอบและอยากเอ่ยปากถามโยตะถึงเหตุผลที่เรียกฉันมา ทว่าเขากลับหยิบเสื้อผ้าแล้ววิ่งไปอาบน้ำ
“เอ๊ะ? ดึกขนาดนี้แล้วโยตะยังไม่อาบน้ำเหรอ?”
“ฉันชินกับการอาบน้ำเวลานี้น่ะ”
“งั้นเหรอ?”
แม้จะไม่มีหลักฐานชัดเจน แต่เพราะโยตะทำให้ฉันรู้สึกว่าเขาเป็คนรักสะอาด ฉันจึงคิดว่าเขาจะอาบน้ำทันทีหลังจากที่ฉันออกไปเสียอีก
แต่ในเมื่อเขาวิ่งไปอาบน้ำแล้ว ฉันก็ต้องใช้เวลานี้รีบเป่าผมให้แห้งโดยเร็วเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามความผิดปกติเล็กๆ น้อยๆ ที่เกิดขึ้นก็ทำให้ฉันแน่ใจกับข้อสงสัยของตัวเองที่มีอยู่ในใจมากขึ้น
รอจนกระทั่งโยตะออกมาจากห้องน้ำ ฉันยังคงอดทนที่จะไม่เอ่ยถาม
หลังจากนั้นเขาก็มองมายังฉันที่กำลังยืดตัวอยู่บนโซฟาแว็บหนึ่ง แล้วกลับไปนั่งหน้าโต๊ะที่อยู่ข้างทีวีซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือเรียนของเขา
ก่อนที่โยตะจะก้มหน้าลงไปจดบันทึกอะไรสักอย่าง เขาหันหลังให้ฉันและเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“อยากนอนเมื่อไหร่ก็บอกฉัน”
“อืม ใกล้แล้วล่ะ… ฉันดื่มน้ำที่วางบนโต๊ะได้ไหม?”
"ได้"
------------------------
[1] ออร่า หมายถึง บุคลิกดี
