“หรือก็คือ หัวหน้าศาสตร์ศิลปะการต่อสู้ไม่เพียงจะต้องมีป้ายหัวหน้าบอกยังต้องมีเงินถึงจะได้ เอาเถิด เ้ารู้แล้ว ที่แท้หัวหน้าศิลปะการต่อสู้เป็คนยากจน”
เฉินเนี้ยนหรานเบะปาก ความใฝ่ฝันในยอดฝีมือได้แตกสลาย แต่นางยังไม่ตายใจ
“เื่นั้น จะอย่างไรหัวหน้าศาสตร์การต่อสู้ยังมีสิทธิ์อยู่สักหน่อยใช่หรือไม่ไม่เช่นนั้น เหตุใดถึงได้มีคนเดินทางไปงานชุมนุมเรื่อยๆ ยังต้องควักเงินงานที่น่าเสียใจ ทั้งๆ ที่ไม่มีข้อดีอะไร ผู้ใดจะยอมทำ ไม่ต้องพูดกับข้าว่าอะไรคนพวกนี้แค่ใช้ชื่อเสียงให้น่าฟัง ข้าไม่มีทางเชื่อเื่พวกนี้หรอก”
“เพราะว่า...การได้เป็หัวหน้ามีความเป็ไปได้ที่จะได้คบหากับคนเบื้องบน ดังนั้นคนจำนวนไม่น้อยถึงได้ยอมเป็หัวหน้าที่จะต้องลงทุนลงแรงบางครั้งฮ่องเต้เดินทางออกมาตามลำพัง มาเจอคนอย่างบรรดาหัวหน้าเคยมีหัวหน้าท่านหนึ่งได้ทำเื่ราวในยุทธภพเอาไว้มากจึงถูกคนเบื้องบนรับไปเป็แม่ทัพหน้าราชวัง ไม่ต้องพูดถึงเกียรติยศของตนเองคนรุ่นหลังยังสลัดชื่อเสียงอันธพาลในยุทธภพออกไปได้ด้วย”
พอได้ยินถึงตรงนี้ เฉินเนี้ยนหรานจึงเข้าใจแล้ว รู้สึกว่าที่คนพวกนี้้ามาคัดเลือกหัวหน้ามากเพียงนี้เพราะความจริงแล้วปรารถนาจะได้รับเกียรติยศ
ได้เป็หัวหน้า มีชื่อเรียกเป็หัวหน้าของยุทธภพ หากมีเื่การปล้นสะดมหรือมีโจรมาก็จะออกไปทำคุณงามความดี
ชื่อหัวหน้านี้เหมือนเป็การเลื่อนตำแหน่งยิ่งหมายถึงสลัดคราบออกจากชื่อของคนในยุทธภพออกไป และกลายเป็ขุนนางของแคว้นที่ขึ้นตรงต่อราชวงศ์กินเงินของแคว้นแทน…
เอาเถิด นี่เป็ตัวแทนมาตรการสอบเข้าตำแหน่งราชการของคนในยุคปัจจุบัน
“เข้าใจแล้ว เมื่อมองเช่นนี้ การเลือกหัวหน้าไม่ได้มีสิ่งใดน่าดูมากมายแล้วสู้พวกเราทำอย่างอื่นในขณะที่อยู่ในการคัดเลือกหัวหน้ากันดีกว่าอย่างการหาเงินอะไรพวกนี้”
เมื่อเห็นนางเริ่มคิดไปไกลเกินความจริง โจวอ้าวเสวียนจึงยกมือขึ้นไปโอบนางอย่างเอาแต่ใจ
“ั้แ่นี้ไป เ้าไปเที่ยวกับข้าดีๆ เถิด ส่วนเื่หาเงินพวกนี้เ้าไม่ต้องเป็กังวล”
แม้จะไม่พอใจ แต่เฉินเนี้ยนหรานก็รับข้อเสนอที่ไม่ยุติธรรมนี้
ถูกต้อง ชีวิตคนเราได้ออกมาเที่ยวทั้งที โดยเฉพาะยังได้มากับบุรุษอย่างโจวอ้าวเสวียนทั้งคู่ที่เอาแต่ทำงานอยู่ทั้งวัน จะมีเวลาออกไปเที่ยวกับสองต่อสองที่ใดกันนางจึงวางเื่กังวลใจพวกนี้ไป ก่อนที่ทั้งคู่จะเป็เพียงนักท่องเที่ยวธรรมดา
สามวันต่อมาเป็วันคัดเลือกหัวหน้าศาสตร์ศิลปะการต่อสู้
คนที่อยู่ในทั้งแปดหมู่บ้านละแวกสิบลี้ใกล้ๆ นี้ และนักท่องเที่ยวผู้ร่ำรวยในยุทธภพต่างพากันเคลื่อนไหวแม้แต่บุคคลที่มาเข้าร่วมการคัดเลือกในครั้งนี้ก็มีจำนวนมากเช่นกัน
อย่างน้อย ในกลุ่มคนที่มาเข้าร่วมคัดเลือกหัวหน้า เฉินเนี้ยนหรานได้เห็นพวกคนหนุ่มหน้าตาดีดูชาญฉลาด
อย่างเช่น สองวีรบุรุษแห่งโม่เป่ย และนักดาบของหนานซื่อ
ทั้งยังมีดอกไม้ของยุทธภพ
แน่นอน หนึ่งในนั้นย่อมมีพวกยอดฝีมือสติเฟื่อง
ค่ายคนประหลาดที่เดินทางไปกับพวกนางสองคน เป็ต้นฉบับประเภทคนแปลก
“เอ๋ เสี่ยวหลิว เ้าดูสิ ตรงนั้นมีแม่นางคนหนึ่งมีเส้นผมสีแดงเหมือนกันกับเ้าเลย หน้าตาหรือก็งดงาม ข้าคิดว่าพวกเ้าสองคนคบหากันจะต้องเหมาะสมกันมากที่สุดเป็แน่”
ห่างจากตรงนั้นไม่ไกลนัก มีหญิงสาวที่มีเส้นผมสีแดงคนหนึ่งเดินมาอย่างภาคภูมิ
เสื้อผ้าที่นางสวมใส่ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นสะดุดใจคนดวงตาสดใสเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกคู่นั้น ยิ่งกระชากิญญาและหัวใจของบุรุษทุกคน
ตอนที่เสี่ยวหลิวเห็นสตรีคนนั้น สีหน้ากลับเปลี่ยนไปและเบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความโมโห“เ้าสิถึงจะเหมาะสม ข้ากับนางไม่ใช่คนที่อยู่ในเส้นทางเดียวกัน ชาตินี้ทั้งชาติข้าไม่เคยเห็นสตรีที่ไร้ยางอายเช่นนางมาก่อน ว่างๆ ไม่มีสิ่งใดก็จะชม้ายชายตาไม่ก็ยิ้มโปรยเสน่ห์ มีสตรีดีๆ ที่ไหนจะยิ้มโปรยให้คนอื่นไปทั่วเช่นนี้บ้าง”
เอ๋ น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างรุนแรงนัก
เฉินเนี้ยนหรานมองพิจารณาสตรีที่กำลังเดินเข้ามาอย่างจริงจังอีกครั้ง แม้บนใบหน้าของนางจะมีรอยยิ้มดวงตาทั้งสองข้างคู่นั้นก็ยิ่งเรียวยาวสวย
เพียงแค่ปรายตามองทุกคน แต่กลับทำให้คนมีความรู้สึกคล้ายิญญาถูกดึงออกไปแต่บนตัวของนางกลับให้ความรู้สึกที่ทำให้คนไม่สามารถดูิ่นางได้
สตรีคนนี้เป็คนที่เก่งกาจมาก
“เสี่ยวหลิว นางแค่ทำตัวตามปกติมิใช่หรือ? ทั้งๆที่เป็คนน่าหลงใหล เป็แค่คนที่งดงามไปหมด เ้านี่ไม่เข้าใจเลย ถุย คงไม่ใช่เ้าแอบหลงรักนางจากนั้นก็ถูกปฏิเสธกลับมาใช่หรือไม่ ถึงได้โมโหเช่นนี้”
เสี่ยวหลิวถูกพูดเช่นนี้จึงหน้าแดงขึ้นมา หันไปถลึงตาใส่ทันที“เฉินเนี้ยนหราน หากเ้ายังกล้าพูดจาส่งเดชอีกระวังข้าจะต่อยเ้าจนฟันร่วงเต็มพื้น”
สายตาเรียบนิ่งของโจวอ้าวเสวียนกวาดตามองไป ทำให้เสี่ยวหลิวใถอยกลับไปอยู่ด้านหลังของตาเฒ่าคนแปลกผู้หนึ่งอย่างไม่อาจสู้
“โหดร้าย โหดร้ายอะไรเช่นนี้ สตรีของเ้ากลับไม่ยอมดูแลให้ดี ดูวันๆนางพูดอะไรออกมา?”
โจวอ้าวเสวียนลูบหัวนางด้วยความเอ็นดูแล้วมองขู่ไปทางเสี่ยวหลิวที่ยังคิดจะร้องฮึดฮัด
“ฮ่าๆ เสี่ยวหลิวเอ๋ย นี่คือข้อดีของการหาสามีต่อไปหลังจากเ้าหามารดาของลูกน้อยแล้ว จะต้องมอบความรักเหมือนกับที่สามีของข้าให้ถึงจะถูกข้าจะบอกเ้าให้นะ สตรีล้วนจะต้องได้รับความรัก ไม่ใช่ทำตัวเป็ศัตรูกับนาง”
“ใช่ ใช่ ฮูหยินท่านนี้พูดถูกจริงๆ ” สตรีตรงหน้าคนนั้นพูดสนับสนุนขึ้นมา
ไกลถึงเพียงนี้ อีกทั้งถนนเส้นนี้ยังเสียงดังเจี๊ยวจ๊าวเช่นนี้การได้ยินของนางดีเกินไปแล้ว
เฉินเนี้ยนหรานหรี่ตามองพิจารณาแม่นางผมแดงคนนี้ ไม่พูดไม่ได้เลยว่าสตรีนางนี้ผิวขาว รูปร่างดี ประกอบกับเส้นผมสีแดงบนศีรษะ ให้ความรู้สึกสวยแบบแปลกพิกล
สตรีที่งดงามเช่นนี้ ในยุคปัจจุบันจะต้องเป็คนที่ร้องเรียกครั้งเดียวก็ได้รับการตอบรับเป็ร้อยทว่าในยุคนี้ เพราะผมยาวของนาง ดังนั้นตอนที่นางเดินออกมาจะถูกคนในสังคมมองว่านางเป็เหมือนกับคนประหลาด
“ปีศาจผมแดงคนนั้น ได้ยินมาว่าสตรีในเรือนเป็คนชั่วร้ายราวกับลูกปีศาจที่สตรีสักคนในป่าคลอดออกมา”
“โอ้ คนเช่นนี้ยังกล้าออกมาเดินไปทั่วอีกหรือ เฮ้อสังคมในตอนนี้ไม่สามารถใช้สายตาเก่าๆ มองคนอื่นได้แล้วนะ”
“สตรีเช่นนี้ ไม่มีบุรุษดีๆ ที่ไหน้าหรอก คนที่ชอบนางล้วนแต่เป็พวกที่อยากจะได้นางสักครั้งแล้วจากไป”
“ตัวนางเป็ปีศาจเองนี่ สตรีเช่นนี้ ทางที่ดีอย่าไปมีเื่ดีกว่าหากถูกดูดเืไปคงไม่ได้หรอกนะ”
ได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์เหล่านี้เฉินเนี้ยนหรานรู้สึกเสียดายแทนสตรีคนนี้
ดูสิ สตรีดีๆ คนหนึ่ง เพราะสีผมผิดแปลกกว่าคนอื่นจึงถูกปฏิเสธว่าไม่ใช่พวกเดียวกันและมองเป็ภูตผีปีศาจ…
โลกใบนี้ การคลอดลูกที่ผิดแปลกออกมาล้วนถูกคนปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียมใช่หรือไม่?
“แม่นาง ขอบคุณสำหรับสายตาใจดีของท่าน แต่ข้ามีชีวิตที่ดีดังนั้นความใจดีของท่าน ข้าขอไม่รับ”
ผู้ใดจะคิดว่า ตอนที่เฉินเนี้ยนหรานกำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นแม่นางตรงหน้ากลับเดินมาพูดประโยคใจกว้างเมื่อครู่ออกมา
เฉินเนี้ยนหรานเบิกตากว้าง เพียงรู้สึกชื่นชมแม่นางคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆกลับเป็เสี่ยวหลิวที่ไม่รู้ว่าถูกจี้เส้นประสาทส่วนไหน ถึงได้กระโจนออกมาชี้หน้าด่านาง
“เ้าคิดว่าเ้าเป็ใคร ฮูหยินเพียงแค่มองเ้า กำลังต่อว่าเ้า เ้ากลับคิดว่านางมองเ้าด้วยความใจดีอย่างนั้นหรือเอาความหลงตัวเองมากจากที่ใดกัน ถุย ไม่ยอมอยู่ในเรือนดีๆ ออกมาเปิดเผยตัวบนโลกนี้ด้วยเหตุใดดูสภาพสิ เ้าเหมือนกับสตรีหรือไม่ หา เ้าเหมือนสตรีหรือ?”
ทุกคนต่างมองไปยังเสี่ยวหลิว รู้สึกแค่ว่าเด็กคนนี้ไม่นิ่งเงียบเอาเสียเลย
เฉินเนี้ยนหรานกัดหูของโจวอ้าวเสวียน
“จากลางสังหรณ์ของสตรี ข้ารู้สึกว่าเสี่ยวหลิวกับแม่นางคนนี้คงจะมีเื่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา”
“ใช่ ข้าเองก็คิดเช่นนั้น” เป็ครั้งแรกที่โจวอ้าวเสวียนให้ความร่วมมือกับเื่ซุบซิบของภรรยา
“พี่ชายผมแดงคนนี้ ท่านฉุนเฉียวมากเกินไปแล้ว ข้าพูดกับฮูหยินท่านนี้ก็ไปทำเื่ขัดขวางท่านหรือ? หรือท่านเห็นว่าข้านั้นงดงามสะกดใจจนทำให้ท่านไม่อาจลืมเลือนได้แม้จะเห็นเพียงครั้งเดียวพอมาเจอกันอีกครั้งก็จิตใจหวั่นไหว ้าใช้วิธีนี้มาดึงความสนใจของข้าอย่างนั้นหรือ? โอ้ๆ พี่ชายผมแดง ว่าไปแล้ว พวกเราชะตาต้องกันจริงๆ นะเ้าคะดูเหมือนว่า ท่านกับข้าจะมีเส้นผมสีแดงเหมือนกัน จุ๊ๆ เช่นนั้นพวกเรามาคู่กันแล้วคลอดลูกตัวน้อยๆ ออกมาวิ่งเล่นกันเถิด”
ต่อหน้าผู้คนมากมาย สตรีคนนี้กลับพูดจากล้าหาญเช่นนี้ออกมา
เฉินเนี้ยนหรานจะฟังอย่างไรก็รู้สึกว่านางกำลังหยอกเสี่ยวหลินจึงมองไปทางเสี่ยวหลิวที่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงอย่างเห็นใจ เฉินเนี้ยนหรานจับแขนของโจวอ้าวเสวียนแน่น
“ข้ารู้สึกว่า แม่นางท่านนี้นิสัยดีจริงๆ ไม่เลว ไม่เลว ข้ายิ่งชื่นชมนาง”
โจวอ้าวเสวียนเพียงแค่ปรายตามองไปทางนางแล้วส่ายหน้าความจริงแล้วเขาอยากจะพูดมากว่า แม่นางคนนี้มิกล้าหาญเกินไปหน่อยหรือ
“เ้า เ้า เ้ามันไร้ยางอาย” เสี่ยวหลิวพูดติดอ่างอยู่นานก่อนจะพูดคำนี้ออกมาได้
“ฮี่ๆ บุรุษท่านนี้ เห็นแก่ที่ท่านมีเส้นผมสีแดงเหมือนกับข้าจะไม่เก็บเื่นี้มาคิดเล็กคิดน้อย เอาเถิด ตอนนี้ข้ามีเื่ที่ต้องทำ มา มามาดูกันสักหน่อย ตอนนี้ข้าจะเปิดงานประมูล ยินยอมที่จะไปเป็ทาสคอยดูแลขอแค่จ่ายเงินหนึ่งร้อยก้วนก็สามารถพาข้ากลับเรือนได้ ้าให้เป็สาวใช้ข้างห้องเป็อนุเป็สตรีอุ่นเตียง เป็สาวใช้ หรือองครักษ์ล้วนแล้วแต่ความชอบของเหล่าบุรุษทั้งหลายจะกำหนด ขอแค่ออกเงินหนึ่งร้อยก้วนในการประมูลย่อมสามารถพาข้ากลับเรือนได้ มาๆ เริ่มประมูลกันในตอนนี้…”
แม่นางคนนั้นเริ่มะโออกมา ทำเฉินเนี้ยนหรานใจนคางแทบจะร่วงลงมา
“นี่ นี่…ยังมีการเปิดประมูลตนเองด้วยหรือ? แม่นางคนนี้ มีความเป็ตนเองมากเกินไปหรือไม่?”
แม้แต่ในยุคปัจจุบัน ย่อมไม่มีทางมีคนประมูลตนเองเช่นนี้แม่นางคนนี้เป็คนในยุคโบราณจริงหรือ
เฉินเนี้ยนหรานถึงขั้นสงสัยว่าคนคนนี้ก็เป็คนที่ข้ามมิติมาจากยุคปัจจุบันใช้ชีวิตได้ปล่อยตามสบายเกินไปแล้ว
“ทุกปีมักจะเป็เช่นนี้ ไม่มีผู้ใดกล้ารับนางไปสักคน” เสี่ยวหลิวพูดพึมพำออกมาอีกครั้งแม้เขาจะพึมพำออกมาเบาๆ แต่เฉินเนี้ยนหรานยังฟังออกถึงความสัมพันธ์แปลกๆของพวกเขาสองคนอยู่ในนั้น
“เอ๋ เสี่ยวหลิว แต่ก่อนนางก็มาประมูลตนเองเช่นนี้หรือ?”
“ใช่ คนบ้านี่ ทุกครั้งที่มีการชุมนุมศิลปะการต่อสู้ มักจะออกมาประมูลตนเองคราแรกยังมีคนติดกับประมูลนางกลับไปเป็อนุ เป็สาวใช้ข้างห้องพวกนี้ ไม่รู้ว่านางไปอยู่อย่างไรถึงได้ทำให้เขาหอบเงินและส่งนางออกมา จนถึงยามนี้ติดต่อกันห้าปี คนบ้านี่ก็ประมูลตนเองอยู่ตลอดไม่รู้ว่าปีนี้จะมีคนโง่ติดกับหรือไม่”
