เกิดใหม่ครั้งนี้ ขอเป็นภรรยาเศรษฐีนีแม่ลูกสามในยุค 80

สารบัญ
ปรับตัวอักษร
ขนาดตัวอักษร
-
+
สีพื้นหลัง
A
A
A
A
A
รีเซ็ต
แชร์

     หลังจากเดินดูทุกห้องแล้ว ซย่านีก็ตัดสินใจได้ในทันที “เอาหลังนี้ก็แล้วกันค่ะ พี่เฝิงหย่งค่าเช่าบ้านหลังนี้เดือนละเท่าไหร่หรือ?”

        เฝิงหย่งเอ่ยตอบ “บ้านหลังนี้ค่าเช่าเดือนละสิบห้าหยวน”

        อันที่จริงแล้วราคาสิบห้าหยวนนั้นไม่ถูกเลย บ้านที่เฝิงหย่งกับเซี่ยงเหมยเช่าอยู่ในตอนนี้ราคาเช่าต่อเดือนแค่สิบหยวนเอง เฝิงหย่งกล่าวขึ้น “ฉันคิดว่า มันน่าจะลดราคาลงได้อีกนะ”

        ซย่านีไม่เข้าใจราคาตลาดของที่นี่จึงเอ่ยถาม “ราคาเท่าไหร่ ถึงจะเหมาะสมงั้นหรือ?”

        เฝิงหย่งกล่าว “บ้านหลังนี้ใหญ่กว่าบ้านหลังที่ฉันเช่าอยู่แค่นิดเดียวเอง ฉันคิดว่าราคาค่าเช่าสักประมาณสิบสองหยวนกำลังพอดี”

        ซย่านีกล่าว “ได้ งั้นก็เช่าที่ราคาสิบสองหยวนก็แล้วกัน พวกเราไปคุยกับเขาตอนนี้เลยดีไหม?”

        เฝิงหย่งกล่าว “เธอรีบเช่าไหม ถ้าเธอรีบฉันจะพาเธอไปคุยกับเขาตอนนี้เลยชายคนนี้เป็๲พ่อตาของเพื่อนที่ทำงานฉันเอง ฉันได้ยินเพื่อนที่ทำงานเล่าว่า พ่อตาของเขาค่อนข้างเป็๲คนโลภและคิดแต่เ๱ื่๵๹เงินเดาว่าคงคุยกันไม่ง่ายนัก แต่เขาเป็๲คนตรงไปตรงมามากๆ หากเธอจ่ายเงินไปแล้ว ก็วางใจได้แหละ เธอไม่ต้องกังวลว่าเขาจะบิดพลิ้วแล้วไล่ตะเพิดเธอออกไปทีหลัง”

        “ไม่เป็๞ไรค่ะ ลองคุยดูก่อนดีกว่า” ตอนนี้ซย่านีมีเงินอยู่ในมือแล้วและเธอค่อนข้างเป็๞คนใจกว้างเ๹ื่๪๫เงิน “หากเจรจากันได้ก็คงจะดีที่สุด แต่หากเจรจากันไม่ได้ก็ไม่เป็๞ไรหรอกค่ะ” สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้ก็คือเธอต้องรีบคว้าบ้านหลังนี้ไว้โดยเร็วเพื่อที่เธอจะได้พาลูกๆ ย้ายออกมาจากบ้านตระกูลซ่งสักที

        ครอบครัวนี้อาศัยอยู่ใกล้ๆ กัน เฝิงหย่งพาซย่านีเดินออกจากตรอกแล้วเลี้ยวตรงหัวมุมก็เจอประตูบานหนึ่งทันที

        เฝิงหย่งเคาะประตูคนด้านในก็มาเปิดประตูให้ ผู้ที่มาเปิดประตูให้นั้นเป็๞ชายหนุ่มอายุประมาณยี่สิบต้นๆ เขาไว้ผมสั้นดูแล้วเปี่ยมไปด้วยชีวิตชีวายิ่งนัก 

        เขาเห็นเฝิงหย่งพาสหายหญิงมาด้วยก็สับสนอยู่แว็บหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมา “พวกคุณมาเช่าบ้านสินะ? ผมได้ยินพี่เขยบอกไว้แล้ว ท่านนี้คือสหายเฝิงหย่งใช่ไหม? ผมชื่อเหยาซุ่นผิงนะครับ”

        เฝิงหย่งยื่นมือออกมาทักทาย “ใช่แล้ว สวัสดีครับๆ ผมชื่อเฝิงหย่งนะครับ”

        หลังจากที่พวกเขาจับมือกันเสร็จ เฝิงหย่งก็แนะนำให้อีกฝ่ายรู้จักกับซย่านี “นี่คือสหายซย่านีที่อยากเช่าบ้านของพวกคุณ”

        “เช่นนั้นก็เข้ามาคุยกันก่อนเถิด” เหยาซุ่นผิงผายมือเชื้อเชิญพวกเขา

         “สหายซย่านี คุณวางแผนไว้ว่าจะเช่านานแค่ไหนหรือ?” เหยาซุ่นผิงยกน้ำมาให้ซย่านีกับเฝิงหย่งคนละแก้ว

        หลังจากที่ซย่านีเดินมาไกลก็รู้สึกกระหายน้ำมากจริงๆ เธอยกแก้วน้ำขึ้นจิบให้ปากและคอของเธอชุ่มฉ่ำแล้วจึงกล่าวขึ้น “ฉันอยากเช่าก่อนสักปีหนึ่งค่ะ” หนึ่งปีต่อมา เธอน่าจะหาเงินมาซื้อบ้านได้แล้ว

        เหยาซุ่นผิงพยักหน้ารับ “งั้นพวกเราก็มาลงนามกันเถอะ ตกลงตามนี้ก็แล้วกันนะ?”

        ซย่านีต่อรอง “เ๹ื่๪๫ค่าเช่าบ้าน พอจะถูกกว่านี้หน่อยได้ไหมคะ?” 

        เหยาซุ่นผิงหยิบธนบัตรขึ้นมาพลางเคาะปากกาในมือลงบนโต๊ะด้วยท่าทางสบายๆ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นแล้วเอ่ยถามซย่านี “งั้นคุณจ่ายได้เท่าไหร่?”

        ท่าทางเช่นนั้นดูเหมือนกำลังบอกว่า ‘ถ้าเธอไม่พูดราคาที่ฉันพอใจออกมา ล่ะก็ฉันก็ไม่ปล่อยเช่าแน่ๆ ’ ท่าทางเช่นนี้ช่างข่มเหงผู้อื่นยิ่งนักแต่ซย่านีเป็๞คนที่ผ่านชีวิตมากว่าสี่สิบปีแล้ว หลายวันมานี้ตอนทำการค้าก็ได้พบเจอลูกค้าหลากหลายประเภทเธอจึงไม่กลัวเขาเลยสักนิด ซย่านีกล่าวออกไปตามตรง “เดือนละสิบห้าหยวนแพงไปจริงๆ คุณว่าถ้าเป็๞ราคาเดือนละสิบสองหยวนล่ะ ฟังดูเป็๞อย่างไร?”

        เหยาซุ่นผิงส่ายหน้า “สิบสองหยวนไม่ไหวหรอก น้อยเกินไป” เขายืนขึ้น ราวกับกำลังส่งแขก “ถ้าคุณคิดว่ามันแพงเกินไปก็ลองไปหาบ้านหลังอื่นดูก็แล้วกัน”

        เฝิงหย่งเริ่มเป็๞กังวลขึ้นมา เขาจ้องมองซย่านีไม่หยุดแต่ซย่านีกลับยังคงถือแก้วน้ำชาแล้วนั่งจิบน้ำของตนเองต่อไป หลังจากจิบไปหลายอึกถึงค่อยเอ่ยปากว่า “ฉันคงไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกว่ามันแพงหรอกมั้งคะ? บ้านของคุณมีเรือนตั้งหลายหลังทำเลก็ดี หากว่าตามนี้ก็น่าจะปล่อยเช่าได้ง่ายๆ แต่เรือนหลังนั้นแค่มองแว็บเดียวก็รู้ทันทีเลยว่าไม่มีคนอยู่มานานแล้ว คนอื่นเองก็คงคิดว่ามันแพงเช่นกัน” 

นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้