เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งข้าก็เอาแต่ยุ่งอยู่กับงานกระทั่งตะวันลาลับตกดินอีกรอบหลังจากกินข้าวเย็นเสร็จข้าก็ไม่ได้ฝึกฝนต่ออย่างที่เคยแต่กลับเตรียมตัวไปที่ห้องทำงานของพี่เสวียนยินตามนัดและเมื่อไปถึงก็คงจะรู้เองว่า ‘ของขวัญ’ ที่นางเตรียมไว้ให้มันคืออะไร
ห้องทำงานของปู้เสวียนยินอยู่ด้านหลังห้องเ้าสำนักหนึ่งในบ้านพักที่เงียบสงบและสวยงาม มีดอกไม้เล็กๆสีขาวปลูกประดับอยู่ริมกำแพงแม้จะมีกลิ่นแปลกๆ อยู่บ้าง แต่ก็ดูสวยงาม
ก๊อกก๊อก...
พอเคาะประตูตามมารยาทเสร็จเสียงของนางก็ดังขึ้นมาจากด้านใน “เข้ามาสิ”
เพียงเปิดประตูเข้าไปกลิ่นของยาบางชนิดก็ส่งกลิ่นคละคลุ้งไปทั่วห้องซึ่งคือยาอะไรนั้นข้าก็ไม่อาจรู้ได้
บ้านพักหลังนี้ถูกจัดแต่งอย่างเรียบๆไม่ฉูดฉาด บานหน้าต่างถูกตกแต่งด้วยไม้ประดับ ไม้เลื้อยสีเขียวและดอกไม้สีขาววางไว้เป็ระเบียบแต่ดูเหมือนว่าพี่เสวียนยินจะรักการปลูกต้นไม้เพียงอย่างเดียวเพราะไม่เห็นจะมีอ่างปลาเล็กๆ สักอ่าง
“ท่านอยู่ไหนล่ะ? พี่เสวียนยิน” ข้าถามขึ้น
“ขึ้นมา้า”
ข้าปิดประตูแล้วเดินตามเสียงขึ้นไป้าก็เห็นว่ามีประตูห้องห้องหนึ่งเปิดกว้างอยู่โดยมีไอหมอกและกลิ่นยาเมื่อครู่ลอยฟุ้งออกมาจากห้องนี้ด้วย เมื่อข้าเดินเข้าไปใกล้ก็เจอพี่เสวียนยินที่เดินยกกะละมังสวนออกมาภาพตรงหน้าก็ทำให้ชะงักไปชั่วขณะ เพราะตอนนี้นางไม่ได้อยู่ในชุดของรองเ้าสำนักแต่เป็ผ้าคาดอกสีขาวที่คาดปิดก้อนเนื้อนูนเด่นราวกับูเาเอาไว้ท่อนล่างสวมกระโปรงสั้นปลายบานออก เส้นผมที่นุ่มลื่นบวกกับใบหน้าที่แดงระเรื่อจากไอความร้อนมองมาที่ข้าแล้วเผลอยิ้ม
“เ้าจะมองอะไรนักหนา!”
พอได้ยินแบบนี้ข้าถึงได้สติแล้วตอบกลับไป“ท่านพี่ ตอนเด็กท่านไม่ได้สวยขนาดนี้สักหน่อย...”
“เ้าเด็กบ้า!” ปู้เสวียนยินยิ้มอย่างดีใจก่อนจะพูดต่อ“โตแล้วก็รู้จักปากหวานเหมือนกันนี่ แต่เก็บเื่แบบนี้ไว้ใช้กับซูเหยียนแล้วก็ตั้นไถเหยาสองคนนั้นเถอะนะรีบเข้ามาในห้องสิ ปล่อยทิ้งไว้นานมันจะหมดฤทธิ์ยา”
“อืม”
เมื่อเดินเข้ามาในห้องก็เจอกับอ่างไม้ขนาดใหญ่ภายในบรรจุน้ำยาไว้เต็มอ่างไอความร้อนที่ลอยขึ้นทำให้ข้ารู้สึกขยาดจนไม่กล้าลงไปแช่
“นี่มัน?...”
ปู้เสวียนยินเอ่ยขึ้นในทำนองออกคำสั่ง“ถอดเสื้อผ้าแล้วลงไปซะ นี่เป็น้ำยาพันิญญาที่ข้าอุตส่าห์ไปหาหญ้าชนิดต่างๆ มาเพื่อให้เ้าได้ชำระล้างสิ่งสกปรกในตัวอย่าทำให้ข้าต้องเสียแรงเปล่าล่ะ”
“น้ำยาพันิญญา?”
พอได้ยินแล้วข้าก็ถึงกับใเพราะข้าเคยได้ยินชื่อเสียงที่โด่งดังของมันมาก่อนเครื่องปรุงน้ำยาพันิญญาแต่ละอย่างต่างก็เป็สิ่งหายากถึงขั้นที่ว่ามีส่วนผสมบางอย่างก็แทบจะสูญพันธุ์ไปแล้วก็มีและโดยปกติก็จะมีแค่พวกชาติตระกูลสูงส่งถึงจะสามารถหาของพวกนี้มาจนครบได้ส่วนคนธรรมดาก็ไม่กล้าแม้แต่จะคิดด้วยซ้ำซึ่งจุดเด่นที่สำคัญของน้ำยาพันิญญานี้คือการชำระล้างสิ่งสกปรกในร่างกายได้อย่างหมดจดทั้งยังช่วยปลุกพลังจากส่วนลึก และสร้างความแข็งแกร่งของกระดูกได้อีกด้วย
“รีบถอดเสื้อผ้าแล้วลงไปสิ”
ได้ยินแบบนั้นข้าก็หันไปมองหน้านางก่อนจะพูดขึ้น“แล้วท่านยืนดูข้าแบบนี้เนี่ยนะ?”
“อะไรอีกล่ะ ตอนเด็กๆ ข้าเห็นมาตั้งกี่ร้อยกี่พันรอบแล้ว!”
น้ำเสียงและแววตากำลังบ่งบอกว่านางเริ่มไม่สบอารมณ์สักเท่าไร“เร็วเข้าสิ ไอน้ำเยอะขนาดนี้ข้าจะไปเห็นอะไรล่ะและอีกอย่าง...เ้ามันก็ไม่มีอะไรให้ข้าดูอยู่แล้วนี่”
ข้ารีบถอดเสื้อผ้าแล้วะโลงอ่างอย่างรวดเร็วอย่างเขินอายปู้เสวียนยินหรี่ตาลงแล้วยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะนั่งฟุบที่ขอบอ่างด้านหลังแล้วขยับเข้ามากระซิบข้างๆ หู“หืม...ดูเหมือนว่าเสี่ยวเชวียนจะโตเป็หนุ่มแล้วสินะ...”
ข้ารู้สึกเขินอายกว่าเดิมก่อนจะหันกลับไปมองนางแต่สายตาก็ดันไปเห็นก้อนเนื้อนุ่มกดทับอยู่บนขอบอ่างจนอดไม่ได้ที่จะโต้กลับอีกฝ่าย “ท่านก็เหมือนกัน...”
“เหมือนอะไร?”
ข้าพูดขึ้นพร้อมกับใช้มือทำท่าทำทางประกอบ“ท่านก็โตแล้วเหมือนกัน ครั้งก่อนที่เจอยังแค่นี้ แต่ว่าตอนนี้...แฮ่ๆ”
“เ้าเด็กบ้า!!”
ปู้เสวียนยินยกมือขึ้นฟาดที่ท้ายทอยข้าหนึ่งทีก่อนจะพูดต่อ“ขนาดกับพี่สาวเ้ายังกล้าเล่น เดี๋ยวนี้นับวันก็ยิ่งเอาใหญ่แล้วใช่ไหม?”
ถึงจะรู้สึกเจ็บไม่มากแต่ก็รับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่พี่สาวคนนี้มีให้เมื่อหลายปีก่อนที่พี่เสวียนยินออกไปเผชิญโลกของการฝึกฝนไม่รู้ว่านางต้องผ่านอะไรมาบ้าง แต่เมื่อเลือกที่จะเดินบนเส้นทางนี้แล้วรับรองว่าต้องไม่ใช่เื่ง่ายอย่างแน่นอน
“เ้าต้องอดทนไว้”
ปู้เสวียนยินพูดเบาๆข้างหู “ได้ยินว่าเสี่ยวเชวียนของข้าตอนนี้ได้เป็ถึงหัวหน้าโรงงานเลี้ยงไก่แล้วเหรอ?”
ข้าได้ยินแล้วตอบกลับอย่างเขินๆ“ท่านก็อย่าพูดถึงเื่นี้เลยน่าท่านพี่”
นางหัวเราะออกมาข้ารู้ว่านางกำลังช่วยให้ข้ามีสติรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาเพราะตัวยาจะออกฤทธิ์ได้ที่ดีสุดในขณะที่ร่างกายตื่นตัวอยู่เสมอแต่ถึงอย่างไรข้าก็ยังรู้สึกง่วงเพราะตัวยาที่แทรกซึมเข้ามาในร่างกายอยู่ดี
ปู้เสวียนยินยื่นแขนขาวๆข้างหนึ่งมาพาดไว้บนบ่าแล้วพูดขึ้น “เสี่ยวเชียนถ้าเกิดว่าเ้าอยากจะแข็งแกร่งจะต้องรู้จักอดทน เ้าจะหลับไม่ได้เพราะถ้าเกิดเ้าหลับไปละก็ ข้าเองก็ไม่รู้จะช่วยเ้ายังไงแล้วล่ะเพราะเ้าน่าจะรู้ดีว่าถ้าเปิดจุดิญญาไม่ได้เ้าก็จะไม่มีทางเข้าสู่ขั้นประกายจิตเช่นกันท้ายที่สุดการบำเพ็ญของเ้าก็จะหยุดอยู่ที่ขั้นหลอมปราณเท่านั้น”
ข้าพยักหน้ารับ“ข้าเองก็รู้...”
แต่ว่ายิ่งนานเข้าความรู้สึกเหนื่อยล้าอยากจะหลับตาลงก็ยิ่งมีมากขึ้นเรื่อยๆจนเปลือกตาแทบจะปิด
“ถ้าเกิดว่าเ้าเปลี่ยนแปลงตัวเองให้แข็งแกร่งขึ้นไม่ได้คนพวกนั้นก็จะต้องดูถูก ไม่ว่าเจอหน้าที่ไหนก็อยากจะเข้ามาซัดเ้าให้เละเ้าคงไม่ได้คิดจะให้ข้าปกป้องเ้าไปตลอดชีวิตหรอกใช่ไหม?” ปู้เสวียนยินพูดขึ้นมาอีกรอบ
“ไม่มีทาง!” ข้ากัดฟันพูด
นางได้ยินแล้วก็พูดขึ้นพร้อมกับกลิ่นหอมๆที่โชยมาเตะจมูก “งั้นก็ดี เพราะถึงแม้ข้าจะเป็หนึ่งในสามสิบสามเทพศาสตราวุธแต่ตระกูลปู้ของเราก็ไม่ได้เป็ที่เคารพนับถือสำหรับผู้อื่นข้ามันก็แค่ไม้ซีกท่อนหนึ่งที่อยากจะให้เ้าแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะมาปกป้องข้ารู้หรือเปล่า...”
“ข้ารู้...”
ข้าสูดเอาลมหายใจเข้าเฮือกใหญ่อุณหภูมิของน้ำที่ััร่างกายเริ่มเย็นลงเม็ดเหงื่อจากหน้าผากไหลย้อนเข้าตาจนพร่ามัว น้ำยาพันิญญาซึบซาบสู่เส้นเอ็นและหลอมรวมเข้าไปในกระดูก สิ่งสกปรกถูกจำกัดออกไปทีละนิด แต่การจะได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ดีก็ต้องแลกมาด้วยความเ็ปที่ยากจะทานทนได้ข้ากำหมัดแน่นกระทั่งปลายเล็บทิ่มแทงเนื้อจนเืไหลซึมออกมา
“เ้าต้องอดทนเอาไว้นะ!”
นางยังคงพร่ำบอกข้าซ้ำๆข้างหู “เ้าคือน้องชายของข้า ปู้อี้เชวียน คนที่ข้าภาคภูมิใจมาโดยตลอดเ้าจะต้องอดทนไว้...”
ข้าที่อยู่ในอาการง่วงซึมแม้แต่แรงที่จะพยักหน้าก็แทบจะไม่มี
ขณะที่ข้ากำลังสะลึมสะลืออยู่นั้นปู้เสวียนยินก็ขยับมาด้านหน้าแล้วกอดคอของข้าไว้ใบหน้ารูปไข่อันสวยงามขยับเข้ามาใกล้ ก่อนที่นางจะประกบริมฝีปากนุ่มลงบนปากของข้าทันใดนั้นพลังไอร้อนก็แผ่ซ่านผ่านปลายลิ้นเข้ามาในปากและไอร้อนนี้เองก็คือพลังเพลิงตะวันที่มาจากอาวุธิญญาของนางนั่นเอง
พักเดียวข้าก็เบิกตากว้างแล้วมองคนตรงหน้า
แก้มแดงระเรื่อค่อยๆหลับตาลง และประจบปากจูบอย่างอ่อนโยนในขณะเดียวกันพลังเพลิงตะวันก็ไหลแล่นเข้าสู่เส้นลมปราณช่วยให้ข้าผ่านพ้นความเ็ปครั้งนี้ไปได้ปากของเราทั้งสองประกบจูบกันนานกว่าห้านาทีก่อนนางจะผละออกข้ารู้สึกถึงอุณหภูมิทั้งร้อนและหนาวที่เกิดขึ้นในส่วนลึกของร่างกายเหมือนเป็ส่วนไขที่ฝังลึกในกระดูก
เฮือก...
ข้าถอนหายใจออกมายาวๆด้วยร่างกายที่อ่อนล้าไปทั้งตัว
“เสร็จแล้วใช่ไหม?” ข้าถามขึ้น
“อืม ฤทธิ์ยาเข้าไปในไขกระดูกแล้วล่ะ”
ปู้เสวียนยินยิ้มน้อยๆก่อนจะพูดอย่าง
โล่งอก“ใแทบแย่ ข้านึกว่าเ้าจะทนไม่ได้แล้วซะอีก...”
ข้าไม่มีแรงหันกลับไปดูนางแต่กลับรู้สึกผิวกายอุ่นๆ แนบััอยู่ที่หลัง เมื่อนึกๆดูแล้วนางก็เกือบตกอยู่ในอันตรายเพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปดเท่านั้นเพราะถ้าเมื่อครู่เกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาข้าเองก็ไม่อยากจะนึกถึงผลของมันเหมือนกัน
“ท่านพี่เื่เมื่อครู่...”ข้าพูดออกไปแบบเขินเล็กน้อยก่อนจะชะงักไปหลายวินาทีกว่าจะพูดต่อ“มันเป็จูบแรกของข้าเลยนะ...”
นางหน้าแดงขึ้นมาก่อนจะฟาดมือลงบนท้ายทอยข้าอีกรอบ“เ้าเด็กบ้า จูบแรกของเ้าคนเดียวหรือไงล่ะ!”
ข้าชะงักอยู่ชั่วขณะเมื่อได้ยินในฐานะที่เป็ผู้ชายจึงพูดปัดเพื่อทำลายบรรยากาศเงียบๆ ตอนนี้ออกไป “ท่านพี่ท่านเองก็อายุตั้งยี่สิบห้าแล้ว ั้แ่ออกจากบ้านมาฝึกฝนท่านยังไม่เจอชายที่ถูกใจบ้างเลยเหรอ?”
“ไม่มี” นางตอบก่อนจะเม้มริมฝีปากแดงนั่นแล้วพูดต่อ “เ้าเด็กนี่คิดจะล้วงความลับข้างั้นเหรอ?”
“เปล่า...ข้าก็แค่เป็ห่วงท่านไงข้าได้ยินมาว่าพวกลูกเ้าคนนายคนต่างก็เคยแวะเวียนมาจนถึงขั้นพูดเื่แต่งงานแต่ทำไมท่านถึงปฏิเสธล่ะ เพราะพวกนั้นไม่ดีพองั้นเหรอ?”
“หืม...” ปู้เสวียนยินบ่ายเบี่ยงก่อนจะเปลี่ยนเื่“เ้าเพิ่งจะอายุเท่าไรเอง ก็มายุ่งกับเื่ของข้าแล้วเหรอ? เฮอะ การที่เ้าอยู่ในสำนักหมื่นิญญานี่ก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยก็จะได้มาอยู่เป็เพื่อนข้า”
ข้ามึนงงไปหมดเพราะไม่รู้ว่านางกำลังใช้เหตุผลข้อไหนก็เลยเปลี่ยนเื่พูดพลางยิ้ม“ท่านพี่ ที่ท่านปลูกน่ะมันดอกอะไรเหรอ ทำไมถึงมีกลิ่นแปลกๆ แบบนั้น?”
“นั่นเหรอ มันเป็ดอกไม้ล้ำค่าชื่อว่าดอกผีผา เห็นว่าเขตทางใต้ส่งมาให้”
“อ่อ...”
ข้านั่งตัวตรงแล้วััถึงพลังในร่างกาย“แปลก ทำไมทั้งๆ ที่ยาพันิญญาเข้าสู่ร่างกายแล้ว แต่ทำไมข้าถึงไม่รู้สึกว่าบรรลุขั้นหลอมปราณเลยล่ะ?”
นางหัวเราะออกมาเบาๆแล้วตอบ “ถึงแม้ยาพันิญญามันจะมหัศจรรย์แต่ยังไงมันก็แค่ฤทธิ์ของพืชชนิดหนึ่งเท่านั้น ถึงแม้จะสามารถเร่งการบำเพ็ญได้แต่ก็ได้ทดแทนการบำเพ็ญได้ยังไงล่ะตอนนี้มันได้หยั่งรากอยู่ในส่วนลึกขึ้นของร่างกาย รอวันที่เ้าปลดปล่อยพลังออกมาเมื่อถึงตอนนั้นเ้าจะสามารถบรรลุขั้นหลอมปราณ เปิดจุด และสร้างิญญาได้อย่างราบรื่นเพียงแต่ว่า...”
“แต่ว่าอะไร?”
“เ้าไม่ควรบรรลุขั้นหลอมปราณจนกว่าจะฝึกวิชาลมหายใจัจนถึงขั้นที่หกสำเร็จเพราะถ้าเ้ารอให้วิชาลมหายใจัถึงขั้นที่หกเป็พลังพื้นฐานเพื่อบรรลุขั้นหลอมปราณแล้วละก็มันจะทำให้เ้าแข็งแกร่งยิ่งขึ้น จนอาจจะเก่งกว่าข้าก็ได้”
“อ้อ...”
ปู้เสวียนยินตบบ่าข้าสองสามทีก่อนจะพูดขึ้น“คืนนี้เ้าก็นอนที่นี่แล้วกัน ข้าเตรียมห้องนี้ไว้ให้เ้าได้พักผ่อนส่วนข้าก็อยู่ห้องตรงข้าม”
“อืม”
โชคดีที่บอกซูเหยียนไว้ั้แ่เมื่อวานว่าวันนี้ข้าจะหยุดพักสักหนึ่งวันอีกอย่างข้าก็สอนวิชาปลายพู่กันให้นางจนหมดจึงไม่มีอะไรจะสอนนางแล้วด้วย
หลังจากเช็ดเนื้อเช็ดตัวเสร็จก็เริ่มรู้สึกว่ามีพลังที่แ่เบาเกิดขึ้นในร่างกายบ้างแล้ว จึงรีบพักผ่อนแทนการฝึกฝนเช่นทุกวัน