ระหว่างที่กลุ่มผู้แสวงบุญกระซิบพูดคุยกัน ฮวาชีเยว่และบ่าวไพร่ก็มุ่งหน้ากลับเข้าเมืองหลวงแล้ว ไม่ไกลนัก คุณหนูรองสกุลฮวา ฮวาเมิ่งซือที่นั่งอยู่ในรถม้าปล่อยม่านลงอย่างเ็า
กลับถึงจวนได้สองชั่วยาม ข่าวเื่ที่นาง้ารับบุตรบุญธรรมก็แพร่ไปทั่วเมืองหลวง ทำให้ชาวบ้านร้านตลาดพากันตื่นเต้น ทุกคนล้วนแต่้าเป็ผู้ถูกเลือก หากเด็กคนหนึ่งได้สกุลฮวารับเลี้ยง เด็กคนนั้นย่อมต้องมีอนาคตงดงามแน่นอน
เื่ที่เกิดขึ้นในวัดหานเยว่ได้ผู้แสวงบุญหญิงที่เกี่ยวข้อง จากนั้นได้นักเล่านิทานนำไปแต่งเติมจนแพร่ไปอย่างกว้างขวาง ยามนี้ชื่อเสียงเลวร้ายของฮวาชีเยว่ถูกทำให้ใสสะอาดขึ้นมาถึงเจ็ดขั้นแล้ว
ฮวาชีเยว่สั่งโหย่วชุ่ยให้เตรียมพร้อม และแจ้งนายท่านเ้าตระกูลให้ทราบเื่การรับบุตรบุญธรรม
เมื่อฮวาเมิ่งซือกลับมา คนก็แจ้งฮูหยินผู้เฒ่าว่าฮวาชีเยว่ถูกขโมยปิ่นปักผมที่วัดหานเยว่ ทั้งยังถูกให้ร้ายว่ามีสัมพันธ์กับพระ อีกทั้งยังสั่งลงโทษหลานจูห้าสิบแส้
ฮูหยินผู้เฒ่าโมโหเดือดดาล มิคาดว่าบุตรีภรรยาหลวงผู้หนึ่งจะถูกหลานจู สาวใช้ของฮวาเมิ่งซือกลั่นแกล้งใส่ร้ายเสียได้
เนื่องจากฮวาเมิ่งซือเป็ผู้สารภาพ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงให้อภัยนาง ลงโทษเพียงสั่งตัดเงินสองเดือนเท่านั้น
ลู่ซินไม่เข้าใจว่าเหตุใดฮวาชีเยว่ไม่อุทธรณ์ต่อฮูหยินผู้เฒ่าเสียหน่อย ทำเพียงกลับเรือนน้อยเตรียมรับบุตรบุญธรรมเท่านั้น
ฮวาชีเยว่ยิ้มไม่ได้อธิบายอะไร ในใจนางทราบดีว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบตัวก่อปัญหา หากนางเป็ฝ่ายร้องเรียนก่อน ฮูหยินผู้เฒ่าย่อมต้องรู้สึกรังเกียจแน่
นางสั่งให้ลู่ซินแต่งหน้าให้นางบางเบาและแต่งกายอย่างเหมาะสม จากนั้นจึงไปพบฮูหยินผู้เฒ่า
ลู่ซินและโหย่วชุ่ยตกตะลึงสุดขีดอีกครั้ง ในอดีต คุณหนูหวาดกลัวการพบฮูหยินผู้เฒ่าเป็ที่สุด เมื่ออยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายจะตัวสั่นงันงกอยู่เสมอ
ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็เบื่อหน่ายคุณหนูผู้ไร้ประโยชน์คนนี้แล้ว จึงเอ่ยว่าไม่ต้องไปคารวะที่เรือนฝูซินอีก
เรือนฝูซินเป็เรือนที่ฮูหยินผู้เฒ่าอาศัยอยู่ วันนี้ในเรือนค่อนข้างวุ่นวายเนื่องจากทั้งคุณหนูรองฮวาเมิ่งซือ อนุสองและอนุสามล้วนแต่อยู่ที่นี่
สาวใช้ของบุตรีอี๋เหนียงสองก่อปัญหาใหญ่ นางย่อมต้องเข้ามาเพื่อหาทางประจบฮูหยินผู้เฒ่า
สั่งลงโทษหลานจูและสั่งคนลากตัวนางออกไปแล้ว คนก็เริ่มพูดคุยหัวเราะกันอีกครั้ง ราวกับไม่มีผู้ใด้าจดจำเื่ที่เกิดขึ้นกับฮวาชีเยว่
พวกนางควรขุ่นเคือง พวกนางควรโมโห ทว่ากลับไม่มีผู้ใดปลอบประโลมฮวาชีเยว่
ในสายตาพวกนาง ย่อมไม่จำเป็ต้องปลอบประโลมคนโง่งมอ่อนแอที่เส้นลมปราณถูกทำลายคนนั้น
“ท่านย่า เรือนของท่านมีชีวิตชีวาเหลือเกินเ้าค่ะ! ”
ขณะที่ทุกคนกำลังคุยกันอย่างมีความสุข เสียงเรียบเรื่อยก็ดังขึ้นจากนอกประตู ทุกคนในห้องเงียบลงในฉับพลัน หันไปมองต้นเสียง
ฮวาชีเยว่เดินเข้ามาพร้อมลู่ซินและโหย่วชุ่ย นางสวมชุดสีชมพูอ่อนกับเสื้อคลุมสีเขียวอ่อน รับกับรองเท้าสีขาวเรียบๆ ดูทั้งสดชื่นทั้งสง่างาม
บนใบหน้านางมีเครื่องสำอางบางเบา ราวกับจันทร์เสี้ยวที่เผยร่างผ่านมวลเมฆ ฉายแสงเย็นอ่อนลงสู่พื้นโลก
เช้าเดือนมิถุนายนอันอบอ้าว ทุกคนล้วนแต่แปลกใจกับรูปลักษณ์นาง
“นี่ พี่หญิง ไม่เหนื่อยหรือเ้าคะ? ท่านยังแวะหาไต้ซือเสวียนจีรูปงามที่วัดหรงฝู ยามนี้ควรจะพักผ่อนเสียหน่อย” ฮวาเสี่ยวอีแค่นเสียงเย้ยหยัน
นางเล่นลิ้นเช่นนั้น ทำให้สีหน้าทุกคนเปลี่ยนไป
ฮวาชีเยว่ก้าวเดินช้าๆ ไปเบื้องหน้าฮูหยินผู้เฒ่า ก้มหัวคารวะแล้วเอ่ย “ท่านย่า หลานมิได้มาที่นี่เสียนาน ช่างอกตัญญูนัก หลานผิดเองเ้าค่ะ”
หลังจากนั้น นางจึงหันไปทักทายอนุสองและอนุสาม สีหน้าของฮวาเมิ่งซือและฮวาเสี่ยวอีเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เหตุใดฮวาชีเยว่จึงเชื่อฟังและอ่อนหวานเสียได้? เหตุใดเพียงข้ามคืนจึงเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้?