เจาหยางจวิ้นจู่น้อยดึงมือของหลิงมู่เอ๋อร์ไว้ หลิงมู่เอ๋อร์มีหยกอุ่นอยู่กับตัว ร่างกายมิได้หนาวถึงเพียงนั้นแล้ว ดังนั้น จึงได้มีอารมณ์คุยกับเจาหยางจวิ้นจู่น้อย บัดนี้ เห็นนางเป็ฝ่ายมาดึงมือของนางด้วยตัวเอง หลิงมู่เอ๋อร์ที่ไม่คุ้นเคยกับการสนิทสนมกับผู้อื่นปล่อยนางออก ดวงตาที่ราวกับไข่มุกดำเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจที่มีต่อนาง
“ครั้งก่อนเป็ข้าที่ไม่ถูก ข้าไม่ควรพูดเช่นนั้นกับท่านย่า แต่ว่าเ้าก็ช่วยเข้าใจข้าด้วย ั้แ่เด็กจนโต ที่ข้าเห็นมากที่สุดก็คือพวกผู้หญิงที่เข้าใกล้พี่ชายข้าอย่างโดยไม่มีเจตนาดี ผู้หญิงพวกนั้นไม่เพียงมีสตรีสูงศักดิ์ และยังมีหญิงชาวบ้านที่มีชาติกำเนิดยากลำบาก ข้าช่วยท่านพี่ป้องกันสตรีที่คิดไม่ซื่อกับเขาไปไม่น้อย ข้าไม่รู้สึกว่าตนเองมีความผิด พี่ชายก็ไม่เคยห้ามมาก่อน ข้ารู้ว่าเขาก็ไม่ชอบเช่นกัน ตอนนั้นเพิ่งรู้จักเ้า ข้าก็ไม่รู้ว่าเ้าเป็คนเช่นไร จึงต่อต้านไม่ให้เ้าเข้าใกล้พี่ชายด้วยความเคยชิน”
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยเพื่อหลิงจือเซวียนแล้ว แต่ไหนแต่ไรมา ผู้ที่ไม่เคยอ่อนข้อให้คนอื่นมาก่อนเช่นนาง ถึงกับเผยสีหน้าบริสุทธิ์และถูกทำร้ายออกมา ในเวลานั้น อย่าพูดถึงว่าเจาหยางจวิ้นจู่รู้สึกไม่เป็ธรรมชาติ หลิงมู่เอ๋อร์ดูแล้วก็รู้สึกฝืนธรรมชาติเช่นกัน นางยังคงคุ้นชินกับเจาหยางจวิ้นจู่ที่สวมชุดแดงจัดการกับบุญคุณความแค้นตามอำเภอใจเช่นนั้นมากกว่า ท่าทางเช่นดอกไม้ขาวที่อ่อนแอในตอนนี้ ไม่เหมาะกับนางจริงๆ
“จวิ้นจู่ เื่นั้น ข้ามิได้นำมาใส่ใจ ข้ากับจวิ้นอ๋องน้อยเดิมก็เป็เพียงเพื่อนธรรมดาเท่านั้น ต่อให้ไม่มีท่าน ข้าก็ไม่มีทางชอบเขา” หลิงมู่เอ๋อร์บอกเจาหยางจวิ้นจู่น้อยอย่างชัดเจน “ยังมีอีกเื่หนึ่งก็คือ ท่านเปลี่ยนกลับเป็ชุดแดงเถิด ชุดขาวทั้งชุดนี่ดูแล้วน่ากลัวมาก ท่านไม่เหมาะกับสีนี้”
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยดึงเสื้อผ้า ในดวงตามีประกายวาบผ่าน “ข้าก็รู้สึกแบบนี้ แต่ว่าพี่ชายของเ้าดูเหมือนจะชอบชุดสีขาวเป็พิเศษ”
“เขาชอบชุดสีขาว มิได้หมายความว่าเขาชอบให้คนใส่สีขาวเหมือนเขา ชายหญิงสวมชุดสีขาวเดินอยู่บนถนน เ้าไม่รู้สึกว่าแปลกประหลาดมากหรือ?” หลิงมู่เอ๋อร์ยิ้มอย่างหมดปัญญาทีหนึ่ง “ข้ายอมรับว่าไม่มีความรู้สึกที่ดีอะไรกับเ้า เ้าเป็สตรีสูงศักดิ์ พี่ชายของข้ามีชาติกำเนิดธรรมดา สตรีเช่นเ้า้าสิ่งใดไม่มี เพียงแค่เป็ความแปลกใหม่เท่านั้น แต่เมื่อเห็นเ้าเปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อพี่ชายของข้า ข้าก็เปลี่ยนความคิด ข้าไม่อาจช่วยเ้า แต่วันหลังไม่ขัดขวางเ้าก็แล้วกัน”
“เ้าจะไม่ขัดขวางข้าอีกจริงๆหรือ?” เจาหยางจวิ้นจู่น้อยมองนางอย่างมีความสุข “เช่นนี้ก็พอแล้ว พี่ชายของเ้ารักเ้ามาก หากเ้าไม่ชอบข้า ข้าย่อมไล่ตามเขาไม่ได้แน่ ตอนนี้ เ้าไม่ผลักไสข้า ข้าก็มีโอกาสที่จะไล่ตามเขาได้แล้ว”
“พี่ชายของข้าต้องเตรียมตัวลงสนามสอบ เ้าอย่าได้รบกวนการเรียนของเขา” หลิงมู่เอ๋อร์เอ่ยปากเตือน “การกระทำต่างๆก็อย่าให้เกินไปนัก ท่านแม่ของข้าไม่ชอบสตรีที่ดุร้ายเกินไป เ้าเป็เช่นนี้จะทำให้นางใ”
“อื้ออื้อ ขอบใจเ้า” เจาหยางจวิ้นจู่น้อยยิ้มแย้มอย่างเบิกบาน
หากรู้แต่แรกว่าสาวน้อยนี้พูดง่ายเช่นนี้ ตอนนั้นก็ไม่ควรใช้แข็งชนแข็งกับนาง ที่แท้การพูดจาอ่อนน้อมสักหน่อยเช่นนี้ดีจริงๆ! การต่อสู้พัวพันเป็เวลาครึ่งปี ยังไม่สู้คำพูดไม่กี่คำในวันนี้ เจาหยางจวิ้นจู่น้อยนึกถึงกลยุทธ์การถอยรุก[1]ในตำราพิชัยาที่พี่ชายพูดถึง นี่เป็ครั้งแรกที่เข้าใจถึงข้อดีของการใช้ไหวพริบ นางตัดสินใจว่าจะต้องอ่านหนังสือให้ดี ไม่อาจใช้แต่กำลังเช่นในอดีต
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยโอ้อวดมาสิบกว่าปี อยากให้นางเปลี่ยนเป็ดอกไม้ขาวน้อยที่อ่อนแอ ย่อมเป็ไปไม่ได้ วันนี้ ทุกสิ่งที่ทำเป็เพราะมีผู้แนะนำ ส่วนผู้ที่แนะนำนางนั้น นอกจากซูเช่อแล้ว จะเป็ผู้ใดไปได้
ทุกอย่างนี้ หลิงมู่เอ๋อร์ไม่รู้ นางจัดการเจาหยางจวิ้นจู่น้อยได้แล้ว ในที่สุดก็เป็อิสระขึ้นบ้าง งานเลี้ยงที่เหลือนั้นธรรมดามาก เป็เพียงการดื่มชาพูดคุยของเหล่าฟูเหรินและคุณหนูจากตระกูลใหญ่พวกนั้น จากนั้นก็ถือโอกาสพูดถึงเื่ซุบซิบนินทาต่างๆ จนกระทั่งเสียงแหลมสูงเสียงหนึ่งทำลายบรรยากาศที่สงบกลมเกลียวนี้
“ไท่จื่อเฟยเสด็จ”
ทุกคนต่างก็ลุกขึ้นทำความเคารพผู้ที่กำลังมาถึง
ในสมองของหลิงมู่เอ๋อร์มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา ดูไปแล้ว ไท่จื่อเฟยผู้นี้ก็คือผู้สูงศักดิ์ที่เหล่าฟูเหรินพูดถึง เยี่ยงนี้ หรือว่าผู้สูงศักดิ์ท่านนี้มีอาการเจ็บป่วยหรือ?
เพราะทำการคารวะไปพร้อมกับความคิดนี้ ทำให้การเคลื่อนไหวจึงช้ากว่าผู้อื่นไปครึ่งจังหวะ จึงดึงดูดความสนใจของหญิงสาวผู้ออกเรือนแล้วที่ก้าวเข้ามาในห้อง
ฟูเหรินสาวนางนั้นมองสำรวจหลิงมู่เอ๋อร์ ในดวงตาปรากฏแสงสว่างที่ไม่รู้อาจระบุได้ขึ้นมา นางมองไปที่ซูเหล่าฟูเหริน คนหลังพยักหน้าให้นาง
“ทุกท่านเชิญลุกขึ้นเถิด!” ไท่จื่อเฟยนั่งอยู่ในตำแหน่งผู้นำ แม้แต่ซูเหล่าฟูเหรินก็ทำได้เพียงนั่งอยู่ที่ตำแหน่งด้านข้างเท่านั้น
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยเมื่อพบไท่จื่อเฟย ความสนใจก็ถูกแบ่งไปเล็กน้อย ไม่พัวพันพูดคุยกับหลิงมู่เอ๋อร์อีก หลิงมู่เอ๋อร์แอบถอนใจ
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยที่เกเรเอาแต่ใจทำให้คนปวดหัว แต่เจาหยางจวิ้นจู่ที่เป็มิตรอย่างกระตือรือร้นเกินไปเช่นนี้ก็ทำให้นางรับไม่ไหว สตรีเช่นนี้จะสามารถดักจับหัวใจของพี่ชายไว้ได้จริงหรือ? เมื่อคิดถึงว่านางมีโอกาสจะกลายเป็พี่สะใภ้ของตน ที่บ้านจะต้องกลายเป็วุ่นวายไก่บินสุนัขะโแน่ ภาพนั้นงดงามเกินไปแล้ว นางไม่กล้าคิด
“ปิ่นหงส์ประดับมุกบนศีรษะของไท่จื่อเฟยเหนียงเหนียงชิ้นนี้เป็เครื่องบรรณาการกระมัง? ได้ยินว่าเป็อาณาจักรชิงเยว่เป็ผู้นำมาถวาย” หญิงชราที่ดูหรูหราสง่างามผู้หนึ่ง มองยอดศีรษะของไท่จื่อเฟยแล้วกล่าวออกมา “ในโลกนี้ ก็มีเพียงไท่จื่อเฟยเหนียงเหนียงเท่านั้นที่คู่ควรกับปิ่นล้ำค่าเช่นนี้ ดูท่าทางของหงส์ตัวนั้นสิ ราวกับกำลังจะโบยบินขึ้นไป มีชีวิตชีวาเหลือเกิน”
รอยแย้มสรวลของไท่จื่อเฟยลึกยิ่งขึ้น ยิ้มกับหญิงชรานางนั้นว่า “เหล่าฟูเหรินกล่าวเกินไปแล้ว เปิ่นกงก็อาศัยรัศมีของปิ่นล้ำค่านี้ ต่อให้เป็คนอัปลักษณ์ เมื่อมีปิ่นวิเศษนี้ ก็คงจะเจิดจรัสขึ้นไม่น้อย กลับเป็คุณหนูข้างกายของเหล่าฟูเหรินท่านนี้มีหน้าตางดงามล่มเมือง เพียงมองก็ทำให้เกิดความยินดี ข้าแค่เห็นก็รู้สึกสนิทสนม ราวกับเป็น้องสาวของตนกระนั้น หากมีโอกาส ให้นางมาที่วังตะวันออกอยู่เป็เพื่อนข้าสักสองสามวันดีหรือไม่?”
หญิงชราผู้นั้นจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร? วังตะวันออกมิใช่สถานที่ที่ใครก็จะเข้าไปเหยียบได้ ความหมายของไท่จื่อเฟยชัดเจนมาก หญิงสาวผู้นี้สามารถมาเป็เช่อเฟย[2]ได้ไม่มีปัญหา
ที่จริงแล้ว การที่รัชทายาทรับชายารองมิใช่เื่แปลกอันใด คาดว่าน่าจะเป็ตัวองค์รัชทายาทเองที่มีความประสงค์นี้ ไท่จื่อเฟยถือโอกาสนี้มาซื้อใจผู้คนก็นับว่าเป็กลเม็ดของนาง
หลิงมู่เอ๋อร์ดูแล้วรู้สึกเบื่อ แสดงไปแสดงมาก็ล้วนเป็ลูกไม้ในการซื้อใจผู้คนพวกนั้น หากมีอะไรที่แปลกใหม่ นางก็จะถือว่าชมเพื่อความบันเทิง แต่บทงิ้วพวกนี้ เมื่อก่อนก็เห็นในทีวีจนเบื่อแล้ว วิธีการที่เหล่าคุณหนูสกุลใหญ่พวกนั้น นำใช้ชิงดีชิงเด่นกันก็รุนแรงหยาบกระด้างเกินไป นางอยากนำมาดูเป็ภาพยนตร์การต่อสู้ในเรือนหลังวังหลังพวกนั้น ผลกลับกลายเป็งิ้วโรงเล็กแทน
มีเพียงสิ่งเดียวที่ทำให้นางคาดเดาไม่ได้คือไท่จื่อเฟยผู้นั้น สายตาของนางแปลกๆ ไม่เข้าใจจริงๆว่านาง้าทำสิ่งใด
“พวกบุรุษทั้งหลายที่เรือนด้านหน้าแต่งกลอนอยู่ครู่หนึ่ง ราชบุตรเขยก็นำตำราโบราณที่ค้นพบในเมืองชิงเฉินออกมา ตอนนี้พวกเขากำลังถกกันเื่ที่มาของมันกันอยู่!” มัวมัวที่อายุมากแล้วของซูเหล่าฟูเหรินนำข่าวของเรือนด้านหน้ากลับมา ทุกคนเมื่อได้ยินว่าเหล่าบุรุษในเรือนด้านหน้ากำลังชื่นชมตำราโบราณ แต่ละคนก็เกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
“พวกเราออกไปชมกัน ” ซูเหล่าฟูเหรินพูดหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “วันนี้ ที่เชิญมาก็ไม่มีคนนอก ล้วนแต่เป็ญาติมิตรที่สนิทสนมกัน แม้จะพบกันเสียหน่อยก็ไม่เป็ไร”
หลิงมู่เอ๋อร์มองผู้หญิงทั้งห้อง ในดวงตามีประกายความสงสัยวาบผ่าน พวกนี้ล้วนแต่เป็ญาติสนิทมิตรสหายของตระกูลซู? เช่นนั้นด้ายบุพเพของสกุลซูเส้นนี้ก็ยาวจริงๆ
หรือจะบอกว่า ซูเหล่าฟูเหรินตั้งใจให้ฝ่ายชายและฝ่ายหญิงได้พบหน้ากัน? หญิงสาวที่ไม่ได้ออกเรือนจำนวนมากเช่นนี้ ซูเหล่าฟูเหรินมีวัตถุประสงค์ใดกันแน่? เชื่อมด้ายแดงหรือ?
มองดูหญิงสาวแต่ละนางที่ใบหน้าเล็กๆเป็สีแดง หลิงมู่เอ๋อร์พลันเข้าใจขึ้นมา ที่แท้ มิใช่ผูกสัมพันธ์ให้ผู้อื่น แต่เป็การผูกด้ายแดงให้ซูเช่อ
เช่นนั้น นางก็ไม่เสนอหน้าไปอย่างกระตือรือร้นแล้วกระมัง? หลิงมู่เอ๋อร์คิดแล้วก็มองเจาหยางจวิ้นจู่น้อยที่อยู่ด้านข้าง กล่าวข้างหูของนางว่า “ข้ารู้สึกไม่ค่อยสบาย ก็ไม่ไปเรือนด้านหน้าแล้ว เ้ามีสถานที่สงบให้ข้าพักผ่อนสักครู่หรือไม่?”
เจาหยางจวิ้นจู่น้อยย่อมอยากคลี่คลายความสัมพันธ์กับหลิงมู่เอ๋อร์อย่างมาก หลิงมู่เอ๋อร์มีเื่ขอร้องนาง นางย่อมเต็มใจช่วยเหลือ นางพยักหน้ากล่าวว่า “มีสิ เ้าตามข้ามา”
หลิงมู่เอ๋อร์ตามเจาหยางจวิ้นจู่น้อยไปที่เรือนด้านหลัง เจาหยางจวิ้นจู่น้อยให้นางพักอยู่ในห้องข้างแห่งหนึ่ง ให้สาวใช้นางหนึ่งรั้งอยู่ปรนนิบัตินาง
“เ้าออกไปเถอะ! หากข้ามีเื่ใดจะเรียกเ้า” หลิงมู่เอ๋อร์เห็นทิวทัศน์ของสวนดอกไม้ด้านหลังไม่เลว จึงตั้งใจจะอยู่ที่ศาลาพักร้อนนั่นแล้ว
ที่นี่ค่อนข้างห่างไกล คนพวกนั้นไม่น่าจะตามมาถึงที่นี่ได้ ในที่สุด เจาหยางจวิ้นจู่น้อยผู้นั้นก็ได้ทำเื่ที่นางพอใจออกมาเื่หนึ่ง เห็นแก่ที่วันนี้นางแสดงออกได้ดี วันหลังก็ไม่คัดค้านที่นางไล่ตามหลิงจือเซวียนแล้ว แต่ว่า อาศัยลักษณะเช่นนั้นของนาง น่าจะไม่ใช่ประเภทที่หลิงจือเซวียนชอบ ความเป็ไปได้ที่อยากจะไล่ตามหลิงจือเซวียนทันนั้นต่ำเกินไปแล้ว
หลิงมู่เอ๋อร์ส่ายหัว พี่ชายแข็งแกร่งเกินไป ผู้ที่เป็น้องสาวควรจะยินดีกับเขา ทว่า ถูกคุณหนูใหญ่เช่นนี้ต้องตาเข้า เช่นนั้นก็อวยพรให้เขาโชคดีแล้ว พระคุณของหญิงงามนั้น ไม่ใช่ใครก็จะสามารถรับไว้ได้ อย่าได้เป็เพราะหญิงงามนางนี้ชักนำเื่เดือดร้อนมาสู่ตนเอง
การตกแต่งของจวนจวิ้นอ๋องเป็แบบที่นางชอบจริงๆ หลังจากการปรับปรุงในครั้งนี้ ก็ยิ่งงดงามแล้ว ในอากาศเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกล่าเหมย ในสายตาเบื้องหน้าเป็สีแดงผืนใหญ่
เกล็ดหิมะสีเงิน ดอกล่าเหมยสีแดง ทุกสิ่งช่างงดงามถึงเพียงนี้ นางอดคิดไม่ได้ว่า ดูไปแล้วควรจะสั่งการให้คนสวนปลูกสวนดอกเหมยออกมาผืนหนึ่งเช่นกัน ยามฤดูหนาวชื่นชมทิวทัศน์ดอกเหมย ในฤดูออกผล ก็สามารถนำผลท้อไปหมักสุราได้
“เ้าอยู่ที่นี่เอง” เสียงอ่อนโยนเสียงหนึ่งดังมาจากเบื้องหน้า
หลิงมู่เอ๋อร์เงยหน้ามองไป ซูเช่อในอาภรณ์ขาวราวหิมะเดินมาทางนาง ที่ด้านหลังคลุมด้วยเสื้อคลุมสีน้ำเงินตัวหนึ่ง ในมือของเขาถือเตาพกอุ่นไว้ มองแล้วอ่อนโยนสง่างาม
เดิมหลิงมู่เอ๋อร์ครึ่งเอนครึ่งนั่งอย่างเกียจคร้าน เมื่อเห็นเขาก็รีบนั่งตรงขึ้นมา
ซูเช่อมองท่าทางของนาง ก็พ่นหัวเราะออกมา “ยังคงเป็ลักษณะของเ้าจริงๆ ปลาเนื้อในเรือนหน้าไม่ไปหั่น แต่กลับหลบมากินเกล็ดหิมะที่นี่”
“่นี้กระเพาะของข้าไม่ค่อยดี ไม่อาจรับประทานของที่น่าตื่นเต้นเกินไปนัก เนื้อสัตว์มากเกินไปไม่เหมาะกับข้า” หลิงมู่เอ๋อร์ตอบเรียบๆ “จวิ้นอ๋องน้อยไม่ไปชื่นชมทิวทัศน์ฤดูใบไม้ผลิที่มีอยู่เต็มเรือน เหตุใดจึงวิ่งมาที่นี่แล้ว? ซูเหล่าฟูเหรินเพื่อท่านแล้ว ถือได้ว่าทุ่มเทแรงใจอย่างยิ่งแล้ว ท่านก็รีบหากุลสตรีที่เหมาะสมมาคลอดเหลนชายสักคนให้เหล่าฟูเหรินเถอะ
ซูเช่อมองหลิงมู่เอ๋อร์ ชั่วเวลาหนึ่งก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา หลิงมู่เอ๋อร์ที่เดิมหยอกเย้าเขาเล่นเห็นท่าทางเช่นนี้ของเขา ก็พลันรู้สึกหมดอารมณ์
“ข้าเพียงแค่ล้อเล่นเท่านั้น ท่านไม่ต้องทำเช่นนี้กระมัง? อย่างมาก ข้าไม่พูดก็ได้” หลิงมู่เอ๋อร์แย้มปากกล่าว
“่ก่อนข้าถูกส่งไปทำงานราชการนอกเมือง เพิ่งกลับมาได้ไม่นาน เดิมคิดจะไปเยี่ยมเ้า แต่ก็คิดว่าเ้าคงไม่พบข้า” ซูเช่อมองทิวทัศน์ของหิมะที่อยู่ไม่ไกล “ได้ยินว่าเ้ามีความสัมพันธ์กับผู้บัญชาการองครักษ์หลวงไม่เลว? พวกเ้ารู้จักกันได้อย่างไร?”
“จวิ๋นอ๋องน้อยผู้หนึ่งเหตุใดจึงเป็เช่นผู้อื่นมาถกเื่ถูกผิดได้?” เมื่อกล่าวถึงซั่งกวนเซ่าเฉิน พวงแก้มของหลิงมู่เอ๋อร์ก็แดงระเรื่อด้วยความเขินอายเล็กน้อย
ท่าทางของสาวน้อยที่เด่นชัดเช่นนี้ทำให้ใจของซูเช่อจมลง เดิมเป็เพียงแค่การลองเชิงเท่านั้น บัดนี้กลับสามารถยืนยันได้ว่า สาวน้อยนางนี้ต้องใจแล้วจริงๆ
[1] กลยุทธ์การถอยรุก เป็กลยุทธ์ที่ใช้ในการหลีกเลี่ยงการปะทะกับศัตรูที่แข็งแกร่ง รุกเมื่อศัตรูถอย ถอยเมื่อศัตรูรุก ใช้ในการหาช่องว่างของศัตรูเพื่อโจมตีภายหลัง
[2] เช่อเฟย คือ ตำแหน่งชายารอง