บทที่ 104 กัวเฉียงยอมแพ้
มีอะไรจะฝากไปบอกไหมอย่างนั้นเหรอ?
เย่จื่อเฉินเม้มปากยิ้ม แล้วส่ายหน้าตอบ
“ไม่มี”
ชายชุดดำคนนั้นก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าเย่จื่อเฉินจะให้คำตอบกับเขาแบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงพยักหน้ายิ้มรับ ก่อนจะเดินไปขึ้นรถแล้วขับออกไป
“เ้าห้า โอกาสดีขนาดนี้ทำไมนายถึงเอาแต่ปฏิเสธ? ฉันว่าประธานหูเขาดูหวังกับนายไว้มากเลยนะ ่ที่นายไม่อยู่ที่มหาลัย เขาก็มาหาพวกฉันที่มหาลัยด้วยตัวเองตั้งหลายครั้ง”
จูอิ๋นไป๋คนที่เด็กสุดในห้องถามขึ้นด้วยความไม่เข้าใจ ไป๋อี่ยกมือขึ้นตบบ่าเขาเล็กน้อย แล้วหันไปส่ายหน้าให้
ในบรรดารูมเมทกลุ่มนี้ ไป๋อี่รู้จักเย่จื่อเฉินมานานที่สุด อีกทั้งยังเป็คนที่เข้าใจเขาที่สุด
เขาจำได้รางๆ ว่าตอนที่อยู่มัธยมปลาย เย่จื่อเฉินเคยมีแฟนอยู่คนหนึ่ง
เหมือนจะเป็หยางอี่ฉือนี่แหละ
ตอนมอหกเย่จื่อเฉินก็เคยซึมไป่หนึ่ง หลังจาก่นั้นแม้ว่าหยางอี่ฉือจะดังมาก เย่จื่อเฉินก็ไม่เคยอวดใครถึงอดีตระหว่างพวกเขาสองคน
อาจเป็ไปได้ว่าระหว่างทางนั้นมีปัญหาเกิดขึ้น ทำให้เขาไม่อยากพูดถึง
จูอิ๋นไป๋ชะงักไปนิดที่โดนไป๋อี่ตี แต่เย่จื่อเฉินกลับยิ้มแล้วเก็บบัตรคอนเสิร์ตไว้ ก่อนจะไหวไหลแล้วพูดขึ้น
“ทำไมคนถึงอยากเป็ดารากัน ก็เพราะ้าหาเงินไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้ขาดเงินสักหน่อย จำเป็อะไรต้องไปเป็ดาราให้มันเหนื่อย?”
“ทำไมฉันอยากต่อยมันจัง?”
มือซ้ายของจางรุ่ยกำหมัดขวาเอาไว้แน่น คังเผิงก็พยักหน้าพูดอย่างอดไม่ได้
“น่าต่อยจริงๆ นั่นแหละ”
ระหว่างที่คุยเล่นกันพวกเขาก็เดินมาถึงร้านอาหารแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัย ที่จริงพื้นที่ของร้านอาหารแห่งนี้ค่อนข้างใหญ่ แต่ราคาค่อนข้างจับต้องได้ มักเป็ตัวเลือกแรกของนักศึกษามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีปิงเฉิงในการมากินเลี้ยง
เนื่องจากห้องวีไอพีเต็มแล้ว พวกเย่จื่อเฉินจึงนั่งติดหน้าต่างบนชั้นสอง
“คุณผู้ชาย นี่เมนูครับ”
พนักงานเอาเมนูมาวางลงบนโต๊ะ เย่จื่อเฉินจึงดันเมนูไปตรงหน้าคังเผิงกับไป๋อี่
“พวกนายเป็พระเอก สั่งสิ”
ทันใดนั้น พนักงานที่อยู่ข้างๆ ก็ตาเป็ประกายขึ้นมาทันที ก่อนจะเอ่ยถามขึ้น
“คุณคือเย่จื่อเฉินใช่ไหม?”
เย่จื่อเฉินเงยหน้าขึ้นมองตามเสียง แล้วเกาแก้มตอบกลับไป
“ครับ”
“ฉันขอถ่ายรูปคู่กับคุณหน่อยได้ไหม?”
“โอเค”
พนักงานที่ได้รูปไปแล้วทำหน้าตาตื่นเต้นดีใจ จากนั้นคังเผิงกับไป๋อี่ก็สั่งอาหาร ก่อนจะยิ้มแห้งให้กับพนักงาน ไป๋อี่เลิกคิ้วถามอย่างคลุมเครือ
“เย่จื่อ ความฮอตของนายนี่ไม่แพ้ดาราเลยนะ ในมหาลัยเทคโนโลยีปิงเฉิงของเรา นายนี่เยี่ยมไปเลย”
พูดแล้วก็ยกนิ้วหัวแม่มือขึ้นมา เย่จื่อเฉินหัวเราะด้วยใบหน้ากระอักกระอ่วน
“ฉันคิดว่านี่เป็คำชมฉันได้ไหม?”
“ก็ชมนายนั่นแหละ ตอนนี้คุณชายเย่ของพวกเรากำลังมาแรงในมหาวิทยาลัยปิงเฉิงเชียวนะ มันเลยพลอยทำให้เพื่อนอย่างฉันได้รับบารมีไปด้วย”
จางรุ่ยเกาะไหล่เย่จื่อเฉินก่อนจะหัวเราะเสียงดัง
“ได้บารมี?”
เย่จื่อเฉินทำหน้าสงสัย จูอิ๋นไป๋ที่อยู่ข้างๆ จึงเบ้ปากพูด
“เ้าบ้านี่ใช้วีแชทนายหลอกเด็กผู้หญิงออกไปเปิดโรงแรมข้างนอก นายไม่รู้สึกเลยเหรอว่า่นี้มีคนเพิ่มวีแชทนายเยอะขึ้น?”
“อ๋อ” เย่จื่อเฉินลุกออกจากเก้าอี้ทันที กำหมัดแน่นพร้อมกับต่อว่า “ที่แท้คนที่เปิดโปงฉันก็คือนายนี่เอง เฮ้ยพวก มัวอึ้งอะไรอยู่”
“อย่าโวยวายสิ โธ่เอ๊ย ฉันผิดไปแล้ว อย่าๆๆ…”
ที่จริงทุกคนก็ไม่ได้ลงไม้ลงมืออะไร แต่แค่จางรุ่ยเล่นใหญ่เกินไปหน่อยเท่านั้น
ทันใดนั้น เสียงด่าที่ไม่พอใจก็ดังขึ้นมาจากห้องด้านข้างที่มีผ้าม่านกั้นไว้
“ข้างนอกเงียบๆ หน่อย”
ทุกคนสลายตัวทันที เย่จื่อเฉินยกนิ้วขึ้นแตะปาก เป็เชิงบอกให้ทุกคนเงียบเสียงลงหน่อย
ที่นี่เป็สถานที่ส่วนรวม เมื่อครู่นี้พวกเขาก็เสียงดังกันเกินไปจริงๆ
“เลิกเล่นได้แล้ว ค่อยกลับไปเล่นที่หอ”
จางรุ่ยชูกำปั้นทั้งสองข้างแล้วยิ้มเย้ยคนที่อยู่ชั้นล่าง แต่ใครจะไปรู้ว่าพอฝั่งของเย่จื่อเฉินเงียบเสียงลงแล้ว กลับมีใครก็ไม่รู้ในห้องวีไอพีหัวเราะเย้ยหยันขึ้นมาทันที
“เห็นไหม พวกที่อยู่ข้างนอกมันกลัวแล้ว”
ในน้ำเสียงของคนที่พูดแฝงไว้ด้วยความเย่อหยิ่งอยู่จางๆ สีหน้าทุกคนทางฝั่งของเย่จื่อเฉินบึ้งตึงขึ้นมาแล้ว
“ให้ตายเถอะ เมื่อกี้ใครพูด? ถ้ากล้าก็พูดอีกรอบสิ!”
จางรุ่ยถอดแว่นตาออก แล้วลุกจากเก้าอี้หันไปะโใส่ห้องนั้น
“โอ๊ะ! เ้าอารมณ์ซะด้วย”
สิ้นเสียง ม่านกั้นห้องก็ถูกเปิดออก วัยรุ่นเจ็ดแปดคนถือขวดเบียร์เดินออกมาจากภายในห้อง
“เ้าหนู ฉันนี่แหละพูด”
“กัวเฉียง”
คนที่เอ่ยขึ้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็เ้ากัวเฉียงที่แย่งแฟนของเย่จื่อเฉินคนนั้นนั่นเอง
จางรุ่ยขมวดคิ้วมุ่น คนอื่นในโต๊ะจึงลุกขึ้นพร้อมกับถือขวดเบียร์ไว้ในมือเช่นเดียวกัน
พวกเขารู้ว่าเ้านี่มันแย่งแฟนของเย่จื่อเฉินไป
“ฉันอยากช่วยเ้าห้าจัดการแกมานานแล้ว ไอ้สวะ ถือว่าแกดวงไม่ดีเลยนะที่มาเจอฉันที่นี่”
จางรุ่ยจับขวดแล้วปรี่จะเข้าไปฟาด แต่เย่จื่อเฉินที่เอาแต่นั่งนิ่งไม่ขยับอยู่ข้างๆ ได้ยกมือขึ้นมาขวางขวดเบียร์ของเขาไว้ทันที
“เย่จื่อ”
จางรุ่ยขมวดคิ้วเล็กน้อย ส่วนกัวเฉียงที่อยู่ตรงข้ามก็เลิกคิ้วขึ้น
จากนั้น เย่จื่อเฉินก็ลุกขึ้น ก่อนจะหันไปมองพวกกัวเฉียงเล็กน้อย
สิ่งที่ทำให้เย่จื่อเฉินแปลกใจคือ ครั้งนี้ผู้หญิงที่ยืนข้างกายของกัวเฉียงไม่ใช่เหยาเยว่ แต่เป็หญิงสาวหน้าขาววอกคนหนึ่ง มองแวบเดียวก็รู้เลยว่าเป็ผู้หญิงที่โบ๊ะหน้าหนามาก
“จะไปสนใจเขาทำไม ก็แค่หมาบ้าตัวเดียว”
แย่งขวดเบียร์ไปจากมือของจางรุ่ย ก่อนจะตวัดมือฟาดไปที่หัวของกัวเฉียงทันที
“ฟาดมันเลยก็จบ!”
“เวรเอ๊ย!”
ลูกน้องสามสี่คนที่อยู่ข้างหลังกัวเฉียงพอจับขวดเบียร์ได้ก็พุ่งเข้าใส่ พวกคังเผิงจึงลุกออกจากเก้าอี้ทันที
ทันใดนั้น กัวเฉียงก็ลุกขึ้นมาโดยใช้มือกุมาแบนหัวเอาไว้ พร้อมยกมือห้ามคนที่อยู่ข้างหลังเขา จากนั้นจึงเดินไปหยุดลงตรงหน้าเย่จื่อเฉิน แล้วก้มหัวให้พร้อมกับพูดขึ้น
“คุณชายเย่ ขวดนี้ถือว่าผมชดใช้ให้คุณ ตอนนี้คุณก็ตีไปแล้ว หวังว่าคุณจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับอดีตที่ผ่านมา ได้โปรดอย่าเกลียดผม ผมกับเหยาเยว่เลิกกันแล้ว คุณ…”
ปฏิกิริยาของกัวเฉียงทำให้ทุกคนตกตะลึง เย่จื่อเฉินถึงกับเลิกคิ้วถาม
“เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าไงนะ?”
“คุณชายเย่!” กัวเฉียงกัดฟันก้มหน้าลงต่ำ ก่อนจะพูดขึ้น “คุณชายเย่ ตอนนั้นผมมันมีตาแต่ไร้แวว ผู้หญิงอย่างเหยาเยว่ก็ไม่ใช่คนดีอะไร เธอยอมทิ้งคุณมากับผมเพียงเพราะผมเอาเงินซื้อเธอมา เธอก็ไปจากคุณเพราะคนอื่นเอาเงินซื้อเธอได้เหมือนกัน”
“คังเผิง”
เย่จื่อเฉินยกมือขึ้น คังเผิงจึงวางขวดเบียร์ลงในมือของเขา
ตุบ
วางขวดลง หัวของกัวเฉียงอาบไปด้วยเื แต่เขากลับยังคงกัดฟันยืนอยู่ตรงหน้าเย่จื่อเฉิน แล้วก้มหัวลง
“คุณชายเย่ ผมขอโทษ”
“ไสหัวไปซะ!”
เย่จื่อเฉินตีหน้านิ่งขรึม ชี้นิ้วไปทางบันไดแล้วตะคอกลั่น
กัวเฉียงพาหญิงสาวข้างกายพร้อมลูกน้องอีกสามสี่คนวิ่งลงไปข้างล่าง ราวกับนักโทษหลบหนี
เย่จื่อเฉินกำหมัดแน่นเข้าด้วยกัน ก่อนจะนั่งลงโดยไม่ส่งเสียงใดๆ
“เย่จื่อ…”
ไป๋อี่กับจางรุ่ยตบบ่าของเย่จื่อเฉินด้วยความเป็ห่วง เย่จื่อเฉินแสยะยิ้ม ในหัวนึกถึงคำพูดของกัวเฉียงเมื่อครู่นี้
“น่าขำจริงๆ”
เย่จื่อเฉินเลียริมฝีปาก แล้วหยิบเอาเบียร์ขวดหนึ่งออกมาจากลังที่อยู่ด้านข้าง ก่อนจะแสยะยิ้มพูด
“กินเบียร์เป็เพื่อนฉันหน่อย วันนี้พวกเราไม่เมาไม่กลับ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้