สายตาของหลิวเสี่ยวหลันมองสลับไปมาระหว่างหลิวซานกุ้ยกับหลิวฉีซื่อ คราวนี้ก็มีที่ให้นางพูดแทรกเสียที จึงรีบเอ่ย “พี่สาม พี่ไม่ต้องร้อนใจไป แม่แค่เป็กังวลว่าพี่จะไม่สนใจเื่ครอบครัว ตลอดมาพี่เอาแต่ดูแลงานที่สวน ส่วนพี่สะใภ้สามก็ไม่รู้ความ นับตัวเลขไม่เป็ เอาเงินไปเก็บไว้ มีเกินหรือขาดก็ไม่มีทางทราบ แม่ทำเช่นนี้ก็เป็การดีกับตัวครอบครัวพี่นะ”
ดีบ้าบอสิ!
หลิวเต้าเซียงอยากใช้คำหยาบคาย นางยิ้มอย่างเ็าและเอ่ย “หากพูดเช่นนี้ เงินของบ้านลุงรองลุงใหญ่ ก็สมควรยกให้ย่าน่ะสิ!”
“อย่าแม้แต่จะคิด ไม่มีทาง!” เสียงแหลมปรี๊ดดังขึ้นในห้องโถงทันใด
หลิวซุนซื่อที่เหม่อลอยตลอด พอได้ยินคำพูดของหลิวเต้าเซียงคำนี้ ถึงกับะเิ!
เหตุใดเงินที่สามีของนางหามาได้ ต้องเอามาให้นางเฒ่านี่ดูแลด้วย?
“แหกปากร้องดังขนาดนี้ อยากตายหรือ!” หลิวฉีซื่อมองหลิวซุนซื่อด้วยสายตาเดือดดาล
ลูกสะใภ้คนนี้นับวันยิ่งรู้สึกขวางหูขวางตา หรือว่าลูกชายที่กตัญญูมารดากำลังทำอะไรลับหลังเช่นนั้นหรือ?
หลิวฉีซื่อไม่คิดเช่นนั้น หลิวเหรินกุ้ยคือคนที่นางคลอดออกมา เงินก็เป็เงินที่ลูกชายตนเองหามาได้ เหตุใดจึงต้องเสียเปรียบให้หลิวซุนซื่อ?
การที่ผู้เป็แม่จะใช้ ยังต้องมาดูสีหน้าของลูกสะใภ้เช่นนั้นหรือ?
เป็ไปไม่ได้!
“เ้าว่าอย่างไรนะ? อย่าแม้แต่จะคิด? ฮึ เ้ากินของบ้านข้า สวมใส่ของบ้านข้า อาศัยในบ้านข้า แล้วคิดจะเอาเงินที่ควรเป็ของข้าไป ฝันกลางวันไปเถิด! นางคนหน้าไม่อาย พ่อเ้าป้อนถุงน้ำดีหมูให้กินไปเท่าใด หน้าถึงได้หนาเช่นนี้!”
หลิวซุนซื่อคิดในใจ แย่แล้ว เหตุใดตัวเองจึงพูดความในใจออกมา
จึงรีบทำหน้ายิ้มแย้มและเอ่ย “ท่านแม่ ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น นี่ก็เพราะนึกถึงจื้อเอ๋อร์กับเป่าเอ๋อร์ที่ต้องเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายภายในบ้านสูงขึ้นทุกวัน พอได้ยินคำพูดของนางเด็กเต้าเซียง ก็ร้อนใจ แล้วเอ่ยคำพูดเช่นนี้ออกมาโดยไม่ทันคิด ท่านแม่ อย่าได้โมโหไป หากแม่บอกว่า้าเอาไป ต่อให้ลูกๆ ไม่ได้เล่าเรียน ก็จะหาเงินมาให้น้องสี่ได้สู่ขอภรรยา และให้อาเล็กได้มีสินเดิมตอนออกเรือน”
เมื่อเห็นว่าเื่ราวหันเหทิศทางไปไกลหลายสิบลี้ หลิวเต้าเซียงหัวเราะในใจ หลิวฉีซื่อแกล้งทำมึน ปล่อยให้หลิวซุนซื่อโมโหโวยวาย ตนเองจะได้เลี่ยงหัวข้อเมื่อครู่สินะ
นางมองไปที่มารดาของตนเงียบๆ กระซิบด้วยเสียงที่ได้ยินเพียงสองคน “นี่คงเห็นว่าครอบครัวเราโง่กันทั้งบ้านสินะ”
จางกุ้ยฮัวตะลึง ก่อนจะเอ่ยปาก “พี่สะใภ้รอง หากเ้า้าตอบแทนบุญคุณเราก็ไม่ขวางทางเ้า หรือไม่ เ้านำปิ่นปักเงินบนศีรษะปลดลงมา เพื่อปลอบประโลมสภาพจิตใจของแม่ก่อน อย่างน้อยก็มีค่าอยู่บ้าง จากนั้นค่อยส่งจดหมายให้พี่ใหญ่กับพี่รอง บอกว่าพี่สะใภ้รองบอกแล้วว่าให้ทุกบ้านเอาเงินเก็บส่วนตัวมาให้ท่านแม่ดูแล อ้อ ไม่ถูกต้องสิ ครอบครัวเราไม่มี”
เมื่อพูดถึงตอนท้าย หลิวซานกุ้ยที่นั่งอยู่ข้างๆ รู้สึกถึงอารมณ์น้อยเนื้อต่ำใจรุนแรงแผ่มาทางเขา
ตามคาด หลายปีมานี้แม้ภรรยาจะไม่ปริปาก แต่ความจริงในใจก็โกรธเคืองเขาอยู่พอสมควร
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ไม่ว่าจะยุ่งกับเงินเก็บส่วนตัวของพี่ใหญ่หรือพี่รองหรือไม่ ข้ายังไม่ขอกล่าวถึง ที่ข้าคิดคือเช่นนี้ ในเมื่อท่านพ่อบอกว่าจะแบ่งให้ห้าตำลึงเงิน เช่นนั้นข้าขอเพียงสองตำลึงเงิน ที่เหลือสองตำลึงเงินข้าขอมอบให้พ่อกับแม่ ท่านพ่อ ว่าเช่นนี้ดีหรือไม่?”
หลิวซานกุ้ยรู้ดีว่ามารดาของตนนิสัยเป็เช่นไร ในอดีตเพียงเพื่อข้าวสารกำมือเดียว ยังคิดอยู่นานกว่าจะตอบตกลง
หลิวฉีซื่อคิดด้วยสายตาเลิ่กลั่ก นางไม่ได้ยินดีที่จะควักออกมาแม้แต่แดงเดียว
“เ้าพูดอะไรกัน ก็ตกลงแล้วว่าจะยกให้พวกเ้าปีละห้าร้อยอีแปะไม่ใช่หรือ?”
หลิวต้าฟู่เงยหน้าขึ้นมองนาง จากนั้นมองไปที่หลิวซานกุ้ยที่นั่งอยู่ข้างล่าง ใบหน้าคล้ำจนแวววาวเต็มไปด้วยความสับสน
“ท่านพ่อ เงินห้าร้อยอีแปะนั่นคือเงินที่ย่าให้ครอบครัวเราที่ช่วยทำงานเพื่อเอามาตัดเย็บเสื้อผ้าไม่ใช่หรือ?”
หลิวฉีซื่อแทบจะกระอักเืออกมา เหตุใดจึงมีตัวทำเสียเื่เช่นนี้ได้นะ?
“ถูกต้อง ท่านแม่ เงินห้าร้อยอีแปะไม่เกี่ยวข้องกับห้าตำลึงนี่ หรือไม่เช่นนั้น ท่านแม่ก็แบ่งออกมาห้าร้อยอีแปะ แล้วเรียกให้พี่ใหญ่กับพี่รองกลับมาทำนา ถึงอย่างไร บรรดาลูกหลานก็มีพ่อกับแม่ส่งเสียอยู่แล้ว สู้ให้พวกเขากลับมาดีกว่า กินอยู่กับที่บ้าน ทำสวนเหมือนกัน ค่อยแบ่งให้พวกเขาด้วยครอบครัวละห้าร้อยอีแปะ หากเป็เช่นนี้ ลูกสะใภ้กับซานกุ้ยจะไม่โต้แย้งแม้แต่น้อย”
จางกุ้ยฮัวกล่าวออกมาจนหมดในอึดใจเดียว โดยแทบไม่หายใจ
ใบหน้าของหลิวฉีซื่อดำมืดราวกับท้องฟ้าอึมครึมก่อนพายุฝนจะกระหน่ำ สายตาคมดุจมีด กำลังกรีดบนตัวจางกุ้ยฮัว
จางกุ้ยฮัวนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเป็กิจจะลักษณะ ศีรษะก้มต่ำ ไหนว่าสามีของนางไม่มีค่าไม่ใช่หรือ?
หลิวเต้าเซียงอยากพุ่งเข้าไปกดเครื่องหมายถูกใจให้จางกุ้ยฮัวรัวๆ ท่านแม่เยี่ยมยอดไปเลย!
ไม่มีใครคาดคิดว่าจางกุ้ยฮัวจะพูดแบบนี้ แล้วดื่มน้ำเหมือนปกติ ต่างก็ตื่นตะลึงและนั่งอยู่กับที่!
“จางกุ้ยฮัว เ้าช่างเหมือนหมูแพศยา น่าไม่อาย เ้ายังกล้าดีมานั่งอยู่ที่นี่ ไม่ใช่เพราะน้องชายเ้าหอบเงินหนีไป ถึงทำให้ซานกุ้ยของเราต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้?”
หลิวต้าฟู่ที่เหนื่อยมาครึ่งเช้า ในที่สุดก็หาหลอดเสียงของตนเองเจอ เขาใกล้จะหมดความอดทนแล้ว แสงตะวันด้านนอกที่กำลังสาดลงมาที่ดินโคลนตรงลานบ้าน ยิ่งทำให้เขาง่วงนอน อยากรีบไปนอนพัก “เ้ายังมีอะไรไม่พอใจอีก อย่าได้อำมหิตเกินไปเลย ถึงอย่างไรซานกุ้ยก็เป็ลูกชายเ้า”
“หลิวต้าฟู่!” หลิวฉีซื่อลุกพรวด เสียงดุจเข็มทองแดงที่ทิ่มแทงเข้าไปในแก้วหู จนรู้สึกเจ็บจี๊ด
หลิวเต้าเซียงเงยหน้าขึ้นเห็นสีหน้าที่เกรี้ยวกราดของนางพอดี ถึงกับตกตะลึง จากนั้นในสมองก็มีคำพูดปรากฏออกมาว่า หลิวฉีซื่อบ้าไปแล้ว!
นางโยนตะเกียบลงบนโต๊ะเต็มแรง จนมันกระเด็นไปในจานกับข้าว น้ำแกงสาดกระจายลงบนโต๊ะ
หลิวต้าฟู่ยืนอึ้งอยู่ตรงนั้น อ้าปากเหวอ เบิกตาโต มองไปยังหลิวฉีซื่อที่ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความใ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เห็นหลิวฉีซื่อคลั่งเช่นนี้?
ครั้งสุดท้ายคือเมื่อตอนที่หลิวซานกุ้ยถูกพ่อของตนพาย้ายไปอยู่ด้วย หลิวฉีซื่อก็มีท่าทีเช่นนี้ นางปฏิเสธที่จะให้หลิวซานกุ้ยกับพ่อย้ายเข้ามาอยู่ ครั้งนั้นเป็เพราะพ่อเขาโน้มน้าวด้วยคำพูดดีๆ และให้ผลประโยชน์ นางจึงยอมสงบ
หลิวเต้าเซียงเบะปาก เอ่ยถามด้วยสีหน้าใสซื่อ “ท่านย่า เหตุใดจึงต้องโมโหเช่นนี้? ท่านย่าไม่้าควักเงินออกมาใช่หรือไม่?”
พอพูดจบ จึงไม่ได้สนใจใบหน้าดูไม่จืดของหลิวต้าฟู่กับหลิวฉีซื่อ แล้วหันไปเอ่ยกับหลิวซานกุ้ย “ท่านพ่อ ท่านย่าไม่้าให้ เฮ้อ แล้วเหตุใดท่านย่าจึงยอมให้ลุงใหญ่ ลุงรอง อาสี่ แต่ไม่ยอมให้พ่อกันนะ?”
ถัดจากนั้น ไม่ยอมให้เวลาทุกคนได้ตั้งตัว ก็หันไปเอ่ยถามหลิวต้าฟู่ “ท่านปู่ พ่อของข้าถูกเก็บมาหรือไม่!”
หลังจากหลิวเต้าเซียงพูดจบ รู้สึกเพียงว่ามีสายตาที่เย็นะเืแผ่ซ่านมาที่ร่างเล็กของนาง
ยืนหยัดไว้! นางให้กำลังใจตนเองเงียบๆ จากนั้นก็มองไปยังทิศทางของสายตานั้น เป็หลิวฉีซื่อจริงด้วย ฮึฮึ สายตานั้นแทบอยากจะจับนางยัดเข้าท้องจางกุ้ยฮัวแล้วไปเกิดใหม่อีกรอบเสียให้ได้!
หลิวเต้าเซียงพ่นคำพูดนี้ออกมาอย่างไร้ซึ่งความรับผิดชอบ
“จางกุ้ยฮัว นางหมูแพศยา ดูสิว่าสั่งสอนลูกสาวอย่างไร กล้าทำตัวไม่เคารพผู้ใหญ่” หลิวฉีซื่อขอบตาสองข้างแดงก่ำ จากนั้นก็เปิดโหมดบ้าคลั่งเต็มกำลัง
นับั้แ่จางกุ้ยฮัวเปลี่ยนความคิดใหม่ บางคำพูดกลับทำให้นางรู้สึกว่าหัวใจผ่อนคลายมากขึ้น ครั้งนี้ได้ยินคำพูดของบุตรสาวคนรอง ทีแรกนั้นใ แต่ต่อมาก็นั่งชมอย่างอิ่มเอมใจอยู่ตรงนั้น
จวบจนหลิวฉีซื่อโกยความขัดแย้งมาที่นาง แล้วจึงเอ่ยอย่างเ็า “เฮ้อ ท่านแม่ อย่าคิดว่าลูกสะใภ้พูดไม่เป็ สิ่งที่ลูกรองของข้าพูดมาไม่ได้ผิดแต่อย่างใด กระทั่งข้าเองก็รู้สึกว่าซานกุ้ยเหมือนถูกเก็บมาเลี้ยง”
“จะเป็ไปได้อย่างไร เพราะเขาถูกปู่ทวดย่าทวดของพวกเ้าพาไปเลี้ยงดู จึงทำให้แม่เ้ารู้สึกแย่มาตลอดต่างหาก และรู้สึกว่าในใจซานกุ้ยไม่เคยมีนางผู้ซึ่งเป็แม่อยู่เลย” หลิวต้าฟู่ได้ยินดังนั้นก็รีบพูดแทนหลิวฉีซื่อให้หลุดพ้น
หลิวซุนซื่อที่นั่งอยู่ข้างๆ กำลังคิดว่าหลายวันมานี้ราวกับเห็นผี หนักหน่วงเหลือเกิน วันๆ ถูกหลิวฉีซื่อโขกสับไม่พอ แล้วยังชอบพูดคำหยาบ เหนื่อยจนนางแทบจะยืดตัวตรงไม่ไหว
“ท่านพ่อ เหตุใดจึงพูดเช่นนี้ ท่านแม่ไม่ดีกับเขาตรงไหน จางกุ้ยฮัว เ้าเองไม่ลองคิดดูให้ดี พี่ใหญ่กับสามีของข้า บ่านั้นแบกหามไม่ได้ มือไม้ก็ยกของไม่ได้ กลับมาบ้านก็เท่ากับสร้างความลำบากให้กับพ่อแม่ อีกอย่าง ในใจท่านแม่รู้สึกแย่ แทนที่เ้าจะเชื่อฟังถึงจะถูก ฮึฮึ แต่เ้ากลับฟังคำภรรยาอย่างเดียว จนลืมแม่ตนเองไปหมดสิ้น ท่านแม่ ข้าได้ยินน้องสะใภ้สามด่าท่านลับหลังก็ตั้งหลายหน”
ในเวลานี้ นางพยายามที่จะยุแยงตะแคงรั่วความสัมพันธ์ระหว่างหลิวฉีซื่อกับจางกุ้ยฮัว ตนเองจะได้ผ่อนคลายบ้าง
หลิวต้าฟู่ที่เดิมทีเพียงแค่้าให้หลิวฉีซื่อยกเงินให้หลิวซานกุ้ยห้าตำลึง คิดไม่ถึงว่ากลับทะเลาะกันบานปลาย ยิ่งคุยยิ่งยุ่งเหยิง
“สะใภ้รอง เื่นี้ไม่เกี่ยวกับเ้า” ความหมายก็คือเขาสั่งให้นางหุบปาก
หลิวฉีซื่อไม่พอใจ แม้ว่าในใจนางยังคงชิงชังหลิวซุนซื่อ แต่คำพูดของหลิวซุนซื่อก็ถูกใจนาง
“ตาเฒ่า เ้าด่าอะไรกัน? เด็กมันไม่ได้พูดผิด อีกอย่าง ครอบครัวเ้าสามก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้ กินอยู่เราก็จัดการให้ แล้วจะเอาเงินไปทำอะไร?”
“เ้าจะให้หรือไม่ให้?” ไฟชั่วร้ายที่สุมทรวงอยู่ในอกของหลิวต้าฟู่มาหลายสิบปี ในที่สุดก็ถูกกระทุ้งออกมา
“ไม่ให้!” หลิวฉีซื่อตอบอย่างเสียงดังฟังชัด
“ไม่ให้จริงหรือ?” เดิมทีเขารูปร่างสูงกว่าหลิวฉีซื่อ จู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นมา ทำเอาหลิวฉีซื่อสะดุ้งยกใหญ่
“ไม่ให้!!”
คิดจะเอาเงินให้หลิวซานกุ้ย ไม่มีทาง!
“สองตำลึงก็ไม่ได้อย่างนั้นหรือ?” น้ำเสียงของหลิวต้าฟู่เ็าขึ้นเรื่อยๆ
“ไม่ได้!” หลิวฉีซื่อพูดจาเด็ดขาดมาแต่ไหนแต่ไร นางไม่มีทางเกรงกลัวหลิวต้าฟู่อยู่แล้ว
ทันใดนั้น หลิวต้าฟู่ก็กระแทกปล้องยาสูบในมือกับโต๊ะเสียงดัง เอ่ยปากด่ากราด “นางเฒ่าตัวดี ข้าทนกับเ้ามาหลายสิบปีแล้ว ให้ตายเถิด เ้าใหญ่โตมาจากไหนกัน วันๆ เอาแต่ทำจมูกเชิดก็แล้วไป แม้กระทั่งจิตใจก็เอียงไปถึงรักแร้”
“หลิวต้าฟู่ เ้าเองก็ไม่เคยปัสสาวะออกมาแล้วส่องดูสภาพตนเองสักหน่อย! ข้าแต่งเข้าบ้านเ้า นับว่าเป็บุญบารมีแก่บรรพบุรุษเ้าทั้งชั่วโคตร จนจะเปิดฝาโลงออกมาฉลองแล้ว!”
“พูดพล่ามอะไรของเ้า ถุย ข้าไม่ได้อยาก้าแต่งงานกับเ้า”
“เ้าว่าอย่างไรนะ เ้าคนแก่หน้าไม่อาย หากไม่ใช่เพราะท่านพ่อข้าบังคับให้แต่งงานกับเ้า ข้าคงไม่มีทางเหลียวแล” หลิวฉีซื่ออยู่ในบ้านตระกูลหลิวนับว่าเป็ประมุข ไม่มีใครกล้าขัด เวลาพูดจายิ่งไม่ไว้หน้าผู้ใด
ใบหน้าของหลิวต้าฟู่นิ่งดุจน้ำลึก หัวร้อนยิ่งนัก เขาชูปล้องยาสูบขึ้นแล้วฟาดไปที่หลิวฉีซื่อที่เหมือนคนบ้า แล้วเปิดปากด่ากราด “มารดาเถอะ ข้าไม่ควรแต่งงานกับคนแพศยาเช่นเ้า หากไม่ใช่เพราะเ้า แล้วแม่ข้าจะจากไปเร็วเช่นนี้หรือ?”
หลิวฉีซื่อได้ยินดังนั้นถึงกับสบตาอย่างดุเดือด กดเสียงต่ำแล้วตะคอก “หลิวต้าฟู่ เ้ากล้าตบข้าหรือ? เ้าคงคิดว่าลูกชายได้ดี แล้วปีกกล้าขาแข็งสินะ”
-----
