พอเข้าเมืองอู๋เฟิงแล้ว ทั้งสองเดินบนถนนเส้นหลักตรงไปยังทางออกเมือง
เนื่องจากโหยวเสี่ยวโม่ยืนกรานคัดค้าน หลิงเซียวจึงล้มเลิกความตั้งใจที่จะกินมื้อเที่ยงที่นี่ หลิงเซียวแค่อยากแกล้งเขา ไม่ได้จะมากินจริงจังอยู่แล้ว
ทางเส้นหลักนั้นคนพูดกันเซ็งแซ่ เดินไม่กี่ก้าวก็มีแต่คนเอ่ยถึงแก๊งเขี้ยวหมาป่า โหยวเสี่ยวโม่เงี่ยหูฟัง ในที่สุดก็เข้าใจว่าแก๊งเขี้ยวหมาป่าเป็เช่นไรกันแน่
แก๊งนี้เป็แก๊งเดียวกับที่พวกเขาเจอที่เมืองฮุยจี๋ แต่หลังจากที่หัวหน้าถูกฆ่าตาย แก๊งนี้ก็ระส่ำระสาย เพราะมีเพียงหัวหน้าเท่านั้นที่มีพลังชั้นจันทรา ส่วนที่เหลือต่างเป็แค่ชั้นตะวัน พอหัวหน้าตาย คนกลุ่มนี้ก็เริ่มทะเลาะกัน จะต้องมีคนขึ้นนำแทน แต่กลับไม่มีใครยอมใคร
ปมปัญหาร้อนแรง จนเกือบก่อากันเอง แต่เมื่อวานกลางดึก มีคนนอกที่มีพลังแข็งแกร่งกว่าปรากฏตัวขึ้น ในแก๊งเขี้ยวหมาป่ามีคนมีพลังชั้นตะวันคนหนึ่งเกิดมีเื่กับเขาแล้วปะทะกัน ผลคือคนมีพลังชั้นตะวันถูกฆ่า
ไม่เพียงเท่านี้ เ้าคนนอกที่พึ่งเข้ามาพอได้ยินว่าหัวหน้าพึ่งตายไป กำลังเลือกหัวหน้าคนใหม่กันอยู่ กระนั้นเ้าคนนอกนั่นก็บุกเข้าแก๊งและรวบรวมคนของเขา จากนั้นตั้งตัวเป็หัวหน้าคนใหม่สำเร็จ
เ้าคนนั้นก็เจนจัดพอควร หลังจากเข้าใจสถานการณ์ของแก๊งแล้ว เมื่อคืนก็ประกาศว่าต่อแต่นี้ไป เมืองอู๋เฟิงเป็เขตแดนของเขาแล้ว หากใครไม่ยอมจำนน เขาก็จะฆ่าคนนั้น
จากที่รู้มานั้นเมืองอู่เฟิงอยู่อย่างอิสระเสรีมาหลายปี ในเมื่อมีแก๊งเขี้ยวหมาป่าก็ต้องมีแก๊งอื่นๆ อีกเป็แน่
ดังนั้นคำประกาศของเขาพึ่งออกมาได้คืนเดียว หัวหน้าแก๊งอื่นก็รีบร่วมมือกัน หารือกันแล้วบุกไปฆ่าพวกแนวหน้าแก๊งเขี้ยวหมาป่า แต่ผลคือ จอมยุทธทั้งหลายร่วมมือกันกลับสู้เ้าคนนอกนั่นไม่ได้ เลยโดนเชือดไก่ให้ลิงดู จัดการฆ่าหัวหน้าแก๊งพวกนั้นเรียบ จากนั้นรวบแก๊งพวกนั้นเข้าเป็ของแก๊งเขี้ยวหมาป่า
เช่นนี้แล้ว ประชาชนที่อาศัยอยู่ในเมืองอู๋เฟิงจึงรับรู้ว่าเมืองอู๋เฟิงกำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงแล้ว!
การเก็บค่าผ่านทางเมืองอู๋เฟิงคือสิ่งแรกที่แก๊งเขี้ยวหมาป่าเริ่มทำหลังควบคุมเมืองนี้
โหยวเสี่ยวโม่กับหลิงเซียวดวงไม่ดีนัก เพราะไม่เพียงแต่บังเอิญพบเข้า ทั้งยังเป็คนแรกที่โดนเก็บค่าผ่านทางอีกด้วย
โหยวเสี่ยวโม่รับรู้ได้ชัดเจนอยู่เื่หนึ่ง เขากับแก๊งเขี้ยวหมาป่านั้นดวงชงกันเป็พิเศษ เริ่มแรกไม่รู้อีโหน่อีเหน่ก็ถูกหาเื่ ตอนนี้แม้เขาจะเป็คนเริ่มแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง แต่ใครใช้ให้ค่าผ่านทางมหาโหดขนาดนี้ หากว่าซักห้าหรือสิบตำลึงยังพอทำใจรับได้
“ศิษย์พี่หลิง ท่านเดาว่าพลังของหัวหน้าแก๊งเขี้ยวหมาป่าคนใหม่คือชั้นไหนหรือ?” โหยวเสี่ยวโม่วิ่งไปหน้าหลิงเซียว แล้วถามด้วยใบหน้าฉงน แม้เขาจะรู้ขั้นพลังของนักฝึกตน แต่ก็แบ่งแยกไม่ออก
หลิงเซียวยิ้มมุมปากโค้ง เดินมุ่งหน้าราวกับเดินเล่นชมเมือง พลางอธิบาย “หัวหน้าคนเดิมของแก๊งเขี้ยวหมาป่ามีพลังชั้นจันทรา หัวหน้าแก๊งอื่นๆ ก็คงมีพลังชั้นจันทราเช่นเดียวกัน ไม่งั้นคงอยู่ร่วมกันในเมืองอู๋เฟิงไม่ได้แน่ ส่วนหัวหน้าแก๊งเขี้ยวหมาป่าคนใหม่นั้นจัดการพวกนั้นราบคาบได้ อย่างน้อยก็คงมีพลังชั้นดวงดารา แต่ไม่น่าเกินกว่าชั้นอรุณ”
โหยวเสี่ยวโม่ฟังไปพยักหน้าไป แล้วถามต่อ “ทำไมล่ะ?”
หลิงเซียวเอ่ยยิ้มๆ “หากเขามีพลังชั้นอรุณจริง แม้จะอยู่ไหนก็สามารถเป็หัวหน้าแก๊งเล็กๆ ได้อยู่แล้ว หรือหากไม่ใช่ก็สามารถหาที่พึ่งจากสำนักใหญ่เพื่อเป็ชั้นแนวหน้า หากแต่เขาไม่ใช่ แต่กลับมาที่เมืองอู๋เฟิง ทั้งยังรับแก๊งเขี้ยวหมาป่าไว้ เห็นได้ว่าเขาคงตั้งใจฝังรากอยู่ที่เมืองนี้ต่อไปในวันข้างหน้า สถานการณ์เช่นนี้เป็ไปได้อย่างเดียว นั่นก็คือเขากำลังถูกตามฆ่า อีกอย่างคนที่ตามฆ่าเขาอยู่นั้นเก่งกาจพอควร ทั้งอาจจะเป็สำนักใหญ่ ดังนั้นจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหนีมาเมืองอู๋เฟิง”
ช่างหลักแหลม! ช่างเก่งกาจ!
จากข้อมูลน้อยนิดกลับสรุปได้ข้อมูลเพียบขนาดนี้ จู่ๆ โหยวเสี่ยวโม่ก็รู้สึกว่า อันที่จริงหลิงเซียวก็พอมีประโยชน์อยู่บ้าง อย่างน้อย…อย่างน้อยหลิงเซียวก็ฉลาดหลักแหลมกว่าเขา…
นี่เป็ความจริงที่เขาไม่อยากยอมรับเลย!
“พวกมันนั่นไง คนของแก๊งเราที่ไปเก็บค่าผ่านทางสองคนถูกเ้าชุดขาวนั่นฆ่าตาย”
ขณะนั้นเอง คนกลุ่มหนึ่งท่าทางก้าวร้าวเดินตรงมาทางพวกเขา คนที่พูดอยู่คือคนที่นำทางพวกเขามา รูปร่างอ้วนพี หน้าตาคุ้นๆ
โหยวเสี่ยวโม่มองไป คนๆ นี้เหมือนเห็นที่นอกเมืองอู๋เฟิงเมื่อครู่ เพราะภายนอกที่ดูเตะตา ไม่คิดว่าจะเป็พวกเดียวกับสองคนนั้น ขี้โกงจริง เขารีบะโหลบหลังหลิงเซียว เขาไม่ได้รักตัวกลัวตาย ไม่เลยแม้แต่นิด เพียงแต่ตอนนี้เขายังไม่มีต้นทุนที่จะกำแหงออกตัวสู้กับใครได้ก็เท่านั้นเอง
หลิงเซียวยืนนิ่ง คนพวกนั้นทั้งเจ็ดคนก็พุ่งเข้าหาเขา พลังไม่เกินชั้นจันทราหนึ่งดาว ใบหน้าขรุขระรูปร่างกำยำ แต่พลังของเขาไม่มั่นคงนัก คงเพราะพึ่งบรรลุขั้นไม่นาน แต่คนพวกนี้เขาไม่คุ้นใครเลย คนที่เคยเจอที่เมืองฮุยจี้ไม่อยู่ในนี้
ชายกำยำหน้าตาเหี้ยมโหดเดินมาหน้าเขาสองก้าว หลังเสือเอวหมี ท่าทางร้ายกาจ สายตาดูแคลนจ้องมาที่หลิงเซียว ยกขวานบนบ่า เอ่ยเสียงเยือกเย็น “เ้าจะจัดการตัวเอง หรือให้ข้าลงมือเอง?”
หลิงเซียวใบหน้าเผยรอยยิ้ม “แต่ข้าอยากเลือกตัวเลือกข้อสามมากกว่าน่ะ”
ไม่ทันให้ชายกำยำได้พูด โหยวเสี่ยวโม่ก็ยื่นหัวมาจากด้านหลังแล้วถาม “ตัวเลือกข้อสามคืออะไรหรือ?”
หลิงเซียวหัวเราะ “พวกเขาต้องตาย!”
โหยวเสี่ยวโม่ตัวสั่นเย็นวาบ พลันหดคอกลับไป
ชายกำยำเบื้องหน้าแผ่จิตสังหารในพริบตา ไม่เอ่ยวาจาใด ยกขวานขึ้นฟาดเต็มแรงลงไปที่คอหลิงเซียว ผลคือที่รู้กันอยู่ คนมีพลังชั้นจันทราจะมีความสามารถแค่ไหนกันเชียว? ก็แค่พวกนักเลงในเมืองอู๋เฟิง
ฝ่ามือเดียวของหลิงเซียวก็เล่นซะเขากระเด็นออกไป เขาลงมือทีไรไม่เคยมีคำว่าหนักหรือเบาอยู่ในพจนานุกรม ชายกำยำน้ำหนักร้อยกว่าโลถูกฝ่ามือพัดปลิวไปอัดกำแพง เืพุ่งติดกำแพงไหลลงมา เมื่อร่างหล่นถึงพื้น เืก็ทะลักออกทั้งเจ็ดทวาร แขนขาไร้เรี่ยวแรง หายใจหอบ
คนดูพลันรู้สึกเหมือนมีลมเย็นวาบจากเท้าขึ้นหัวใจ
ผู้มีพลังชั้นจันทราเมื่อกี้นั้นพึ่งบรรลุขั้นไม่นานจริงๆ เพราะคนที่ช่วยเขาบรรลุขั้นก็คือหัวหน้าแก๊งคนใหม่นั่นเอง เพื่อที่จะสร้างคนสนิทที่ไว้ใจได้ ดังนั้นจึงยอมช่วยชายกำยำบรรลุขั้นพลัง เพียงแต่เขาคงไม่คิดว่า ไม่ถึงวัน คนสนิทของเขาก็ต้องมาตาย หากรู้ถึงหูเขา คงจะเดือดดาลน่าดู
พวกใจเสาะรีบวิ่งหางจุกตูด จนเมื่อวิ่งไปได้ไกลพอสมควร หนึ่งในนั้นหยุดลง จากนั้นหันมากล่าววาจาเหี้ยมโหด “แน่จริงอย่าหนีไปไหน รอหัวหน้าแก๊งเรามา พวกแกได้เห็นดีแน่!”
เขาพูดจบก็รีบวิ่งหนี
“ศิษย์พี่หลิง หรือว่าเรารีบออกจากที่นี่ตอนนี้เลย?” โหยวเสี่ยวโม่เดินออกมาจากด้านหลังหลิงเซียว ขมวดคิ้ว ดูจากท่าทีคนพวกนี้ คงไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปแน่
“พวกเราไม่ได้กำลังไปจากที่นี่หรอกหรือ?” หลิงเซียวจ้องเขาน่าขัน จากนั้นย่างช้าๆ ไปตามทาง อารมณ์เหมือนเดินเล่น
โหยวเสี่ยวโม่ถูจมูก “ข้าหมายถึงว่าทันทีน่ะ ก่อนที่คนพวกนั้นจะมา”
จู่ๆ หลิงเซียวก็หยุดเดิน สายตาล้ำลึกจ้องเขา มุมปากโค้งขึ้น “เ้ากังวลอะไรอยู่ หรือกลัวว่าข้าไม่สู้พวกนั้นไม่ไหว?”
แน่นอนว่า…ไม่ใช่!
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โหยวเสี่ยวโม่ก็สังเกตได้ถึงบางอย่าง
แม้ตอนนี้เขาจะเป็ส่วนหนึ่งของแผ่นดินหลงเสียงไปแล้ว แต่ความคิดเขายังติดอยู่ในชาติที่แล้ว ไม่เคยเปลี่ยนแปลง หากพบเจอเื่แบบนี้ในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ดละก็ คนส่วนมากคงเลือกที่จะเลี่ยงพวกนั้น แต่การกระทำแบบนี้ในแผ่นดินหลงเสียงที่นับถือผู้เก่งกล้าคงเห็นว่าช่างอ่อนแอ
นอกจากว่าพลังของเ้าสู้อีกฝ่ายไม่ได้ ไม่งั้นหากเ้าหนี คนอื่นก็จะนึกว่าเ้าเป็เพียงเสือกระดาษ อ่อนแอไม่น่านับถือ
เมื่อเห็นเขาจู่ๆ ก็นิ่ง หลิงเซียวสะดุดคิ้วกระตุกขึ้น
เวลาปกติ เขาคงรีบกุลีกุจออธิบายหน้าดำหน้าแดง ตอนนี้ดันนิ่งเงียบ กลับดูผิดปกติ
“ศิษย์น้องเล็ก?” หลิงเซียวหยั่งเชิงเรียกเขา มีเพียง์ที่รู้ว่าเขาหยั่งเชิงทำไม
โหยวเสี่ยวโม่พลันเงยหน้ามองหลิงเซียวแล้วหัวเราะ เดินไปคว้าแขนหลิงเซียวแล้วลากเขาเดินต่อ พลางเอ่ย “ศิษย์พี่หลิง ข้าไม่ได้กังวลอะไร ข้ารู้ว่าท่านเก่งกาจ พวกแก๊งเขี้ยวหมาป่าไม่ใช่คู่มือท่านสักคน แต่พวกเขาก็ไม่มีค่าพอให้ท่านลงมือ ดังนั้นพวกเรารีบไปดีกว่า ที่นี่ไม่สนุกเลย”
“ก็พอมีเหตุผลอยู่…” หลิงเซียวเห็นด้วยกับที่เขาพูด แต่ก็ยังรู้สึกว่าโหยวเสี่ยวโม่ท่าทีแปลกไป ราวกับว่าอยู่ดีๆ ก็โยนอะไรทิ้งไป ท่าทีดูโล่งอกขึ้นมาทันตา
แต่ปัญหาที่กำลังมาเยือนก็ยังมีไม่น้อยไปกว่าเดิม
หัวหน้าแก๊งเขี้ยวหมาป่าที่กำลังปูรากฐานอำนาจ ก็ต้องกำจัดพวกที่ริอาจต่อต้านกฎที่เขากำหนดขึ้นให้สิ้นซาก และพวกเขาก็คือก้างขวางคอชิ้นแรกของเขานั่นเอง
เมื่อใกล้ถึงประตูเมือง หัวหน้าแก๊งก็มายืนรอพร้อมลูกน้องอยู่แล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้