เก้าวันต่อมา ตำหนักใหญ่แห่งยอดเขาหมาป่าประจิมพรรคเทพหมาป่า์!
เ้าตำหนักหมาป่าประจิมโม่ซันซันกำลังจิบชา
ด้านข้างมันคือมู่หรงลวี่กวงที่นั่งหน้าบูดบึ้งอยู่
“พรุ่งนี้คือวันเปิดบริษัทเสินหวังของหวังเค่อ!
จนถึงตอนนี้เ้าก็ยังไม่ได้รับการตอบรับจากจางหลี่เอ๋อร์ แถมยังถูกเชิดใส่มาอีก?”
โม่ซันซันจิบชาเอ่ยเสียงเรียบ
รอยยิ้มดั่งยิ้มคนตายบนใบหน้าของโม่ซันซันกลับดูน่าหวาดหวั่นยิ่งขึ้นขณะยิ้ม
“เ้าตำหนักโม่
มีอะไรน่าขันกัน?” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยเสียงหม่น
“ไม่น่าขัน ก็แค่รู้สึกแปลกใจ
หลายวันมานี้ ทุกครั้งที่หวังเค่อไปเยือนอาคารเสินหวัง
จางหลี่เอ๋อร์ล้วนรอต้อนรับด้วยรอยยิ้ม ทำไมพอเป็เ้านางกลับสะบัดหน้าใส่?
หวังเค่อมีอันใดดีกว่าเ้า?” โม่ซันซันจิบชาอีกคำพลางเอ่ยด้วยท่าทางสงบ
มู่หรงลวี่กวงหน้าเขียวไปชั่วขณะ
“หากเป็เื่พลังฝีมือ
ไม่ทราบเ้าทิ้งห่างหวังเค่อนั่นปานไหน! เื่ศักดิ์ฐานะ
หวังเค่อแม้จะเป็รองเ้าตำหนักหมาป่าบูรพา แต่ทุกคนล้วนรู้ว่านั่นมันจอมปลอม
มีเพียงเ้าที่มีคุณสมบัติดำรงตำแหน่งเ้าตำหนักหมาป่าบูรพาในวันหน้า!
ทางด้านรูปกายภายนอก มู่หรงลวี่กวงเ้าก็ราวกับต้นหยกกลางสายลม! ฮ่าฮ่า
สาวงามเหล่านี้ล้วนั์ตามืดบอด ไหนจะองค์หญิงโยวเยว่ ยังมีจางหลี่เอ๋อร์?
ทิ้งขว้างหยกเนื้องามไปเก็บก้อนหินเหม็นเน่าอย่างหวังเค่อ? เฮ้อ ประหลาดจริงๆ!” โม่ซันซันหัวร่อ
มู่หรงลวี่กวงหน้าดำทะมื่น
“เ้าตำหนักโม่ มีอะไรท่านก็พูดมาตรงๆ! ไม่ต้องอ้อมค้อม!”
“ก็แค่ตั้งข้อสังเกตเท่านั้น แต่ว่า
ตำหนักหมาป่าประจิมข้าตอนนี้ได้ข่าวบางอย่างมาจริงๆ!” โม่ซันซันเอ่ยเรียบเฉย
“อ้อ?”
“ก่อนหน้านี้
หวังเค่อสัญญากับพวกเราว่าจะช่วยเราจับถงอันอัน ข่าวเื่นี้เกี่ยวกับถงอันอัน
มันมาแล้ว!” โม่ซันซันเอ่ยเสียงเรียบ
“มาแล้ว? ใครมาแล้ว?” มู่หรงลวี่กวงผงะ
“ก็ถงอันอันไง!
มันกำลังจะมาร่วมงานเปิดบริษัทเสินหวังของหวังเค่อ !” โม่ซันซันจิบชาพลางกล่าว
“จริงรึ? เ้าถงอันอันนี่หาที่ตาย! ยอดฝีมือมากมายที่หวังเค่อเชิญมาร่วมงาน
ไม่กลัวมาหาที่ตายงั้นรึ?” มู่หรงลวี่กวงร้องลั่น
“ไม่ผิดพลาดแน่
ข้ายืนยันหลายครั้งแล้ว ถงอันอัน้าลอบสังหารหวังเค่อในวันงาน!”
โม่ซันซันอธิบาย
“นี่แม้แต่มารอริยะยังไม่มีปัญญาทำสำเร็จ
จริงมั้ย? วันงานพิธีเปิด? นี่ไม่นับรวมบรรดายอดฝีมือฝ่ายธรรมะที่มาร่วมงานทั้งสี่ทิศ
แม้แต่ท่านประมุขก็อยู่ด้วย!” มู่หรงลวี่กวงเอ่ยด้วยความประหลาดใจ
“เพราะหวังเค่อมันหดหัวอยู่แต่ในพรรคมาเก้าเดือนแล้ว
ถงอันอันกลัวว่ามันจะซุกตัวอยู่แต่ในพรรคไม่ยอมออกมา ดังนั้นมันจำเป็ต้องเสี่ยง!
ด้วยพลังขั้นดวงธาตุทองคำ จู่โจมสังหารหวังเค่อระดับเซียนเทียน มีอะไรยากลำบาก?
อันที่จริง
มีเพียงวันพรุ่งนี้ที่หวังเค่อจะออกจากพรรคโดยไม่มีท่านประมุขอยู่ใกล้ชิดนี่?
ผู้คนมากมายอึกทึกเซ็งแซ่ ช่างสะดวกแก่การลอบสังหารยิ่ง!”
โม่ซันซันเอ่ย
มู่หรงลวี่กวงสีหน้าพิลึก
สุดท้ายผงกศีรษะ ยอมรับการวิเคราะห์เหตุผล
“เช่นนั้น
พวกเราสมควรแจ้งท่านประมุขหรือไม่?” มู่หรงลวี่กวงถาม
โม่ซันซันส่ายหน้า
“นี่คือสาเหตุที่ข้าตามเ้ามา ข้าไม่คิดว่าเราต้องแจ้งต่อท่านประมุข!”
“ทำไม?” มู่หรงลวี่กวงขมวดคิ้ว
“ข้าเองก็สืบเสาะพฤติการณ์ของหวังเค่อมา
เ้าหมอนี่ละโมบตาขาว หากบอกท่านประมุข หวังเค่อย่อมรู้
ถึงตอนนั้นมันเกิดกลัวตายแล้วแอบอยู่ข้างกายท่านประมุข
ถงอันอันก็จะไม่มีทางเผยร่องรอยออกมาแล้วพวกเราจะจับมันยังไง?” โม่ซันซันเอ่ยเสียงหนัก
“เช่นนั้นท่านหมายความว่า…?”
“พวกเราแค่คอยจับตาหวังเค่อ
ไม่จำเป็ต้องให้หวังเค่อรู้ เพื่อป้องกันมันเททิ้ง ขอเพียงถงอันอันโผล่มา
พวกเราก็จับมันไว้! เื่ก็จบ!” โม่ซันซันอธิบาย
“ไม่ดีกระมัง? พวกเรารับปากท่านประมุขไว้แล้ว?” มู่หรงลวี่กวงเอ่ย
สีหน้าบิดเบี้ยว
“ข้าก็เลยมาหารือกับเ้าไงเล่า!
หากพลาดโอกาสนี้อาจไม่สามารถจับถงอันอันได้อีกก็ได้ ไม่รู้ว่าต้องรออีกถึงเมื่อไหร่
ยิ่งครั้งหน้าต่อให้ใช้หวังเค่อเป็เหยื่อล่อ ถงอันอันจะออกมาหรือเปล่าก็ไม่รู้
ใช่แล้ว หากตามแผนข้า หวังเค่ออาจต้องเผชิญอันตราย!
แต่มิใช่ว่ายังมีเ้าและข้าคอยอารักขาหรือไง? แน่นอน
หากเ้าไม่แน่ใจว่าจะสามารถคุ้มครองหวังเค่อให้ปลอดภัยได้ ก็ถือว่าที่ข้าพูดเมื่อกี้เป็โมฆะเถอะ!”
โม่ซันซันส่ายหน้า
มู่หรงลวี่กวงท่าทางลังเลสับสนชั่วครู่
หากโม่ซันซันไม่ได้เอ่ยถึงท่าทีของจางหลี่เอ๋อร์มาก่อนหน้า
มันไม่แน่ว่าอาจรายงานเื่นี้ต่อท่านประมุข แต่ตอนนี้ไฟริษยาของมันเผาผลาญจิตใจ
มันจึงเมินเฉิยต่อความปลอดภัยของหวังเค่อ
“ตกลง ไม่บอก
ครั้งนี้ไม่อาจให้เกิดเื่เหนือคาดหมายใดๆ!” มู่หรงลวี่กวงเน้นเสียง
“อย่าห่วง ข้ากระทำเื่ราว
ไหนเลยเคยผิดพลาดมาก่อน?” โม่ซันซันเอ่ยอย่างเชื่อมั่น
เมืองหลางเซียน
หนึ่งในห้องพักรับรองแขกห้องหนึ่ง
ถงอันอันมาจริงๆ
บุรุษชุดดำสิบคนยืนอยู่ภายในห้อง ก่อนคารวะต่อถงอันอัน
“ผู้ดูแลถง
เหตุใดมีเพียงพวกเราสิบคน? แล้วคนอื่นๆ เล่า?” บุรุษชุดดำผู้หนึ่งถามอย่างกังขา
“ข้าเฝ้านับจำนวนคน
พบว่าพวกเราบางคนหายไปเรื่อยๆ หรือว่าจะถูกพวกพรรคเทพหมาป่า์จับไป เฮอะ
ความลับของพวกเรารั่วไหลไปแล้ว!” ถงอันอันแค่นเสียงเย็น
“อะไรนะ?”
“จะฆ่าหวังเค่อไม่ได้ต้องใช้คนมากมาย
แค่พวกเราดวงธาตุทองคำเท่านี้ก็พอแล้ว พวกฝีมืออ่อนด้อยมาก็เกะกะเปล่าๆ
พรุ่งนี้สภาพการณ์เป็อย่างไร? มียอดคนฝ่ายธรรมะคอยเฝ้าดูแล
จะเอาพวกมันมาหาที่ตายหรือ? ” ถงอันอันถลึงตา
“งั้นแล้วทำไมพวกเรายังเลือกลงมือพรุ่งนี้เล่า?”
บุรุษชุดดำถามด้วยวิตก
“หวังเค่อมันเป็เต่าหดหัว
หากรอนานกว่านี้ มันดันโผล่ออกมาอีกเก้าเดือนจะทำยังไง! ถ้ายังลากถ่วงต่อไป
ข้ามิต้องถูกเ้าตำหนักสามบั่นหัวไปก่อนหรือ! เข้าใจมั้ย
ฉวยโอกาสที่พรุ่งนี้ในงานวุ่นวายสับสน ต้องหาทางฆ่าหวังเค่อให้ได้!” ถงอันอันั์ตาสว่างวาบ
“แต่…!”
“ไม่มีแต่ วางใจเถอะ
อาคารเสินหวังขี้หมานั่นก็แค่ของตบตาคน ข้าได้แบบแปลนของอาคารเสินหวังมาแล้ว
ไม่มีปัญหา! พวกเ้าคอยเสริมข้าก็พอ ว่าไปท่านเ้าตำหนักสามเองก็มาแล้ว
พวกเ้ายังจะกลัวอะไร?” ถงอันอันกวาดมองทุกคน
“เ้าตำหนักสามมาแล้ว?
ดียิ่ง!” ทุกคนสะท้านขึ้นด้วยความยินดี
“แล้วก็นี่มันสถานที่อะไร
ไม่รู้หรือ? เมืองหลางเซียนตอนนี้มีศิษย์ฝ่ายธรรมะชุมกันอยู่เท่าไหร่
พวกเ้าทำแบบนี้อย่างจะโพนทะนาหรือยังไง?” ถงอันอันจ้องเขม็ง
“พวกเรา?” บุรุษชุดดำทั้งสิบท่าทางงุนงง
“ใส่ชุดดำแบบนี้กลัวคนอื่นจับไม่ได้งั้นสิ?
นี่มันถิ่นฝ่ายธรรมะ อย่าทำตัวเด่น!” ถงอันอันคาดโทษ
“ขอรับ!” ทั้งหมดผงกศีรษะ
“พรุ่งนี้เช้า
ให้เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่หมด ไม่อนุญาตให้ใส่ชุดดำเด็ดขาด
ตามข้าปะปนไปกับพวกศิษย์ฝ่ายธรรมะ เข้าร่วมงานพิธีเปิดของบริษัทเสินหวัง ยังมี
เข้าเมืองไปซื้อชุดคลุมมาให้ข้า ไม่เอาสีดำ!” ถงอันอันเน้นหนัก
“พรุ่งนี้
งานเปิดบริษัทเสินหวัง จะเป็วันตายของหวังเค่อ!” ถงอันอันเอ่ยเสียงเหี้ยม
“ฆ่าหวังเค่อ!”
กลุ่มมารร้ายดวงธาตุทองคำลั่นเสียงเย็นเยียบ
เช้าตรู่วันต่อมา
อาคารเสินหวังเริ่มคึกคัก
ถงอันอันขมวดคิ้วมองดูลูกน้องใต้บังคับบัญชาทั้งสิบตรงหน้าที่ปลอมตัวมา
การปลอมตัวของพวกมันช่างเรียบง่ายยิ่ง ก็คือถอดเสื้อคลุมดำออก
เผยกล้ามเป็มัดกับหัวล้านเลี่ยนเตียนโล่งทั้งสิบหัว
“นี่เรียกว่าปลอมตัว? เมื่อคืนพวกเ้าเล่นไพ่นกกระจอกกันอีกสินะ?” ถงอันอันจ้องลูกน้องของตน
“เอ่อ
ข้าเล่นไปแค่สองสามตาเอง!” ลูกสมุนคนหนึ่งเอ่ยเสียงอ่อย
“กล้าโกหกอีก? ข้าได้ยินเสียงตีไพ่กันทั้งคืน? นั่นมันกี่ตา?
ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือว่าไพ่นกกระจอกคือยาพิษที่หวังเค่อมันวางไว้แก่ลัทธิมารเรา
พวกเ้ายังกล้าเล่นอีก” ถงอันอันด่าทอ
“พวกเรา….”
“แล้วข้าบอกให้พวกเ้าปลอมตัว
แล้วพวกเ้าไปโกนหัว แถมใส่เสื้อโชว์กล้ามมาทำไม?” ถงอันอันถลึงตา
“พวกเราเคยก่อบาปกินคน
ดังนั้นมีบาปกรรมและไอมารหนาแน่น ปกติไอมารทมิฬครอบงำอำพรางใบหน้าไว้
คนน้อยคนที่จะรู้โฉมหน้าพวกเรา ต่อให้เผยโฉมก็ไม่มีใครจำได้
พวกเราไม่เคยปลอมตัวนี่นา คิดจนหัวแทบแตก ถึงได้คิดวิธีโกนหัวออกมา!”
คนหนึ่งพูดขึ้น
“เื่ของเื่ก็คือ
หัวพวกเ้าทั้งหมดไม่มีรอยธูป แถมพวกเ้าก็ไม่ใช่พระ
หัวล้านใสสิบใบนี้ยังสะท้อนแสงแสบตากว่าชุดดำอีก! พวกเ้าอยากทำอะไรกันแน่?”
ถงอันอันด่าทอถลึงตา
ทั้งสิบต่างมองหน้ากันและกัน
ต่างก็หน้าแข็งทื่อ ผู้คนทั้งหมดล้วนผมเผ้าดำขลับสลวย มีแต่พวกมันที่หัวล้านใสกิ๊ง
เอาที่ไหนไปไม่เด่นสะดุดตา?
“แล้วข้าบอกพวกเ้าให้หาชุดให้ข้าใช่มั้ย?
ไม่เอาสีดำ? แล้วพวกเ้าซื้อสีอะไรมา? สีชมพู? ทำไม? คิดอะไรอยู่?
ให้ข้าใส่ชุดคลุมสีชมพู?” ถงอันอันมองแรงใส่ลูกสมุน
“เมื่อวานค่ำมืดแล้ว
แสงก็ไม่ค่อยสว่าง ร้านผ้าที่พวกเราไปเมื่อวานเหลือเพียงชุดกันลมชุดนี้เท่านั้น!
แถมนี่ยังเป็ชุดที่ศิษย์พรรคเทพหมาป่า์คนหนึ่งสั่งไว้
พวกเรายื้อแย่งเอามาด้วยซ้ำ!” คนผู้นั้นกล่าว
“แล้วเ้าจะไปหาเลือกร้านอื่นก็ไม่ได้?”
ถงอันอันเขม่นตา
“ไปแล้ว ไม่มี!” คนผู้นั้นเอ่ย
ถงอันอัน “…!”
ไปผายลมเ้าสิ
พวกเ้ารีบกลับมาเล่นไพ่นกกระจอกล่ะสิท่า?
“ผู้ดูแลถง
เสียงดังมาจากทางอาคารเสินหวังแล้ว พิธีน่าจะกำลังเริ่ม! ตอนนี้จะกลับเข้าเมืองไปซื้อชุดคลุมก็ไม่ทันแล้ว!”
ลูกน้องกล่าว
ถงอันอัน “…!”
ถงอันอันสะกดความดันที่พุ่งปรี๊ดขณะกวาดตามองลูกสมุนของตนเองลงไปอย่างยากลำบาก
“ได้ พวกเ้าสิบโล้น
แยกห่างจากข้าในงานเปิดอาคารเสินหวังซะ อย่ามาใกล้ข้า คิดว่ายังเด่นไม่พอหรือ?
กระจายตัวออกให้หมด ห้ามอยู่ใกล้กันเด็ดขาดจนกว่าข้าจะสั่ง!”
ถงอันอันจ้อง
“ขอรับ!” สิบโล้นขานรับ
ถงอันอันมองดููชุดคลุมสีชมพูหวานแหว๋วในมือของตนเอง
ใบหน้าบิดกระตุกเนิ่นนาน ก่อนจะกล้ำกลืนความโกรธแค้นสวมใส่มันลงไป
ถงอันอันร่างอวบท้วน
หากชุดคลุมสตรีสีชมพูตัวนี้อ้อนแอ้นโค้งเว้าขับเน้นสัดส่วน
พอสวมกลายเป็เนื้อปลิ้นแปลกตา โชคดีที่ชุดคลุมมีหมวกขนาดใหญ่
ถงอันอันยัดลงบนหัวด้วยความคับแค้น
คนทั้งสิบเอ็ดกระจายออกไปทั่วทั้งลานจัตุรัสอาคารเสินหวัง
ด้านนอกอาคารตอนนี้ คนยิ่งมายิ่งมาก
พรรคฝ่ายธรรมะทั้งสิบหมื่นมหาบรรพตล้วนส่งศิษย์มาล่วงหน้า
หนึ่งสำนักส่งมาหลายสิบคน เพียงกวาดตามองคร่าวๆ ประมาณการณ์ด้วยว่าในจัตุรัสตอนนี้มีคนสองสามพันคน
ถงอันอันและสิบโล้นปะปนอยู่ในฝูงชนมาถึงจัตุรัส
ตามรายทาง
พบเจอศิษย์ของพรรคเทพหมาป่า์ไม่น้อย
พวกมันมองดูถงอันอันร่างปลิ้นในชุดคลุมชมพูแล้วต้องตัวสั่นอย่างกลั้นไม่อยู่
เบนสายตาหลบแทบไม่ทัน
“ศิษย์พี่ใหญ่
ข้าหาบุรุษหน้าตารูปร่างเหมือนถงอันอันไม่เจอเลยขอรับ!”
ศิษย์คนหนึ่งรายงานต่อมู่หรงลวี่กวง
“หา หาต่อไป
ถงอันอันต่อให้ปลอมตัวมา แต่มันปลอมสัดส่วนของตัวเองไม่ได้! คนตัวอ้วนจะมีสักกี่คน
ตรวจสอบทีละคน บุรุษร่างอ้วนทุกคน พวกเ้าจงเข้าไปใกล้ๆ และตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน!”
มู่หรงลวี่กวงเอ่ยเสียงต่ำ
“ขอรับ!”
บุรุษร่างอ้วนทั้งหมดล้วนถูกจับตาโดยผู้ใต้บังคับบัญชาของมู่หรงลวี่กวง
แต่พวกมันทั้งหมดล้วนแต่พลาดเป้า “สาวชุดชมพู” ถงอันอันไป
ในห้องนอนหนึ่งภายในอาคารเสินหวัง
จางหลี่เอ๋อร์ถือแปลนของอาคารเสินหวังไว้
“เ้าลองไปทุกที่มาแล้ว?”
จางหลี่เอ๋อร์เสียงเข้ม
“ท่านพี่ วางใจเถอะ
ทุกซอกมุมพวกเราล้วนไปตรวจสอบมาแล้วรอบหนึ่ง นอกจากยอดอาคาร
ทั้งห้องทำงานของหวังเค่อและที่อื่นๆ พวกเราไปค้นมาหมดแล้ว!” จางเสินซวีตบบ่า
“ห้องทำงานของหวังเค่อ?”
จางหลี่เอ๋อร์ขมวดคิ้ว
“ใช่ ห้องทำงานของหวังเค่อ
เรียกว่าสำนักงานหวังเค่อ ชื่อประหลาดมาก! ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้เข้าไป
ทั้งเหมือนจะมีศาสตราอาคมในการซ่อนกลิ่นอาย ป้องกันเสียงเล็ดรอดออกมา
ทุกครั้งที่หวังเค่อมา มันต้องเข้าไปในนั้น! นั่นเป็ห้องที่ลึกลับที่สุด!”
จางเสินซวีอธิบาย
“อ้อ?” จางหลี่เอ๋อร์หรี่ตา
ชั้นบนสุด? สำนักงานหวังเค่อ? มีข่ายอาคมเพื่อป้องกันเสียงและแสง? สถานที่อันประเสริฐ!
นี่มันที่เหมาะเจาะสำหรับการรีดทรัพย์เลยนี่นา?
“ฮ่าฮ่าฮ่า เ้าทำได้ดีมาก
อีกเดี๋ยวตามข้ามา!” จางหลี่เอ๋อร์เอ่ยเสียงขรึม
“ท่านพี่ วางใจเถอะ
ข้าล้วนเชื่อฟังท่าน!” จางเสินซวีตบอก
“เอาละ เกือบได้เวลาแล้ว
ไปเถอะ ไปงานตัดริบบิ้นของหวังเค่อก่อน หลังตัดริบบิ้น มันต้องมาช่วยข้าหาเงินแล้ว
ฮ่าฮ่าฮ่า!” จางหลี่เอ๋อร์เบิกบานจนเก็บทรงไม่อยู่
ยอดเขาหยั่งรู้กระบี่
พรรคเทพหมาป่า์!
“หวังเค่อ คนมากันเต็มแล้ว
ทำไมยังไม่รีบอีก!” จางเจิ้งเต้าเร่งกระชั้น
“จะรีบไปทำไม? ในจัตุรัสเสินหวังก็มีบุฟเฟต์เตรียมไว้แล้ว ยังไม่ถึงเวลาซะหน่อย!”
หวังเค่อส่องกระจกพลางฉีดสเปรย์จัดทรงลงบนผมของตนเอง
“เ้าไม่รีบจริงๆ นะ
เื่ของเื่คือ วันนี้เ้าจะจัดการยังไง บริษัทเสินหวังเปิดตัว
แต่อาคารร้านค้าของเ้าว่างเปล่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น?” จางเจิ้งเต้าร้อนรน
จนถึงวันนี้
จางเจิ้งเต้าก็ยังไม่เห็นสินค้าที่หวังเค่อพูดถึง เ้าจะขายผายลมอะไรในงานเปิดตัว? สร้างงานใหญ่ขนาดนี้มาเพื่อเลี้ยงดูพวกฝ่ายธรรมะ
กินดื่มหาความสนุกอย่างเดียว?
“ผลิตภัณฑ์ได้รับการออกแบบไว้แล้ว!
ไม่ต้องห่วง ยังไงวันนี้เ้าอิ่มแปล้แน่นอน! เ้าพาคนมาได้เยอะขนาดนี้
รับรองค่าคอมเหนือจินตนาการ!” หวังเค่อเอ่ยอย่างเชื่อมั่น
“ผลิตภัณฑ์? สินค้าน่ะนะ? อยู่ไหนล่ะ? ข้าตาบอดหรือไง?
ทำไมไม่เห็นอะไรเลย?” จางเจิ้งเต้างุนงง
“อีกเดี๋ยวก็รู้เอง ไป
ไปกันเถอะ!” หวังเค่อหวีสางผมเผ้า เอ่ยด้วยท่าทางเชื่อมั่น
