เวลาสองเดือนถือเป็่ข้อต่อสำคัญสำหรับเย่เฟิงในตอนนี้
เมื่อเวลาเปิดเทอมใกล้เข้ามา สภาพอากาศเปลี่ยนจากร้อนเป็เย็นอีกครั้ง เวลานี้เย่เฟิงที่ขยายเส้นลมปราณหามรุ่งหามค่ำก็ได้ระดับพลังบ่มเพาะยี่สิบปีเป็ที่เรียบร้อย หลังจากดูดซับสมบัติ์หลายชิ้นที่อยู่ในแหวนมิติ ระดับพลังของเขาก็พุ่งถึงยี่สิบปีในคราเดียว!
ดังนั้น ทั้งโล่ดาวประกายพรึกและทักษะการหลอมหรือเคล็ดหลอมดวงดาว เย่เฟิงจึงได้อย่างรวดเร็ว ในไม่ช้าก็สามารถใช้มันอย่างราบรื่น ในขณะเดียวกันก็สามารถใช้วิชาเซียนสื่อจิตหรือก็คือเสียงเซียนแยบยลได้ในที่สุด!
เมื่อมีทักษะนี้แล้ว เย่เฟิงจะสามารถสื่อสารกับคนอื่นได้โดยไม่ต้องออกเสียง นอกจากคนที่มีระดับพลังบ่มเพาะเหนือกว่าเขามากเกินไปก็ไม่มีใครจับเสียงที่เขาส่งไปได้แน่นอน ในบางสถานการณ์ ทักษะเสียงเซียนแยบยลจะต้องเป็ประโยชน์มาก
ก่อนออกเดินทาง เย่เฟิงตัดสินใจว่าจะพาพวกซูเมิ่งหานกลับไปที่ทะเลตะวันออกก่อน เขาจะกลับไปพบซูเฟยหยิ่งอีกครั้งและฟังการแนะนำแนวทางจากท่านอาจารย์เป็อย่างสุดท้าย แน่นอนว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือการได้เห็นซูเฟยหยิ่งอีกครั้ง
ห่างกันมานานขนาดนี้ เย่เฟิงก็รู้สึกคิดถึงอีกฝ่าย...
ครั้งนี้ยังคงเป็ซูเมิ่งหานและหลงหว่านเอ๋อร์ที่ชายหนุ่มจะพาไปด้วยกัน แต่จื่อเจี้ยนหลานก็โวยวายอยากมาด้วยเช่นกัน ซึ่งท่าทางรอคอยนั้นทำให้เย่เฟิงปฏิเสธไม่ลง สุดท้ายก็ตัดสินใจพาหญิงสาวทั้งสามคนมุ่งหน้าไปยังทะเลตะวันออกอีกครั้ง
เย่เฟิงยังมีข้อสงสัยในการฝึกฝนวิชากระบี่ไร้ตัวตนอยู่เล็กน้อย การไปคราวนี้ก็สามารถให้ซูเฟยหยิ่งช่วยชี้แนะและทำให้พลังการต่อสู้ที่แท้จริงทวีกำลังขึ้นไปอีกขั้น
ส่วนเื่ในตระกูล มีเย่เวิ่นเทียนคอยดูแลอยู่ก็คงไม่เกิดเื่อะไร
ยามเช้าแสงแดดจ้าสายลมอ่อน ได้เวลาที่เย่เฟิงพาผู้หญิงทั้งสามคนออกเดินทาง พวกเขาขึ้นเครื่องบินมายังทะเลตะวันออก จากนั้นเช่ารถยนต์กับเรือยอร์ชในพื้นที่เพื่อเตรียมออกทะเล
ระยะเวลาสองเดือนที่กำหนดไว้กำลังมาถึง หลี่เสวียนจากตำหนักไท่จี๋และคนจากสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็คงกำลังจับตาดูเย่เฟิงอยู่ ซึ่งเย่เฟิงก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองถูกจับตามองมาตลอดทาง แต่เขาก็ไม่ใส่ใจ เพียงหาโอกาสเหมาะๆ ใช้ทักษะล่องหนก็สามารถกำจัดคู่ต่อสู้ได้สบายๆ แล้ว ด้วยพลังการบ่มเพาะของเขากับหลงหว่านเอ๋อร์ก็ซ่อนตัวจื่อเจี้ยนหลานและซูเมิ่งหานได้ไม่ยาก
หลังจากออกทะเลมาอย่างราบรื่น จื่อเจียนหลานที่นั่งอยู่ข้างเย่เฟิงก็ถามขึ้นด้วยความสงสัย “เย่เฟิง ท่านอาจารย์เป็คนที่สวยมากเลยใช่ไหม? แล้วเธอบินได้จริงๆ เหรอ?”
“ใช่แล้ว”
เย่เฟิงหัวเราะเสียงเบาพลางมองใบหน้าเรียวแสนงดงามและไร้เดียงสาของสาวน้อยชุดกระโปรงยาวสีม่วง แล้วจู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในใจ เขาไม่รู้ว่าถ้าให้ซูเฟยหยิ่งรับเธอเป็ศิษย์สำนักสุสานดวงดาว ท่านอาจารย์ของเขาจะเต็มใจหรือเปล่า?
จากการใช้ชีวิตร่วมกันมา เขามองออกว่าความสามารถในการฝึกฝนของจื่อเจี้ยนหลานนั้นไม่ย่ำแย่ เพียงแต่เธอมีนิสัยรักสงบและไม่ชอบการฆ่าฟันเท่านั้น ส่วนเธอจะมีพร์พิเศษหรือไม่นั้น เย่เฟิงก็ไม่ทราบเช่นกัน เพราะไม่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดเหมือนกับหลงหว่านเอ๋อร์
เมื่อชายหนุ่มทอดสายตาออกไปนอกทะเลก็มีร่องรอยของความคิดถึงเล็กๆ ปรากฏอยู่ในแววตา ความคิดถึงนี้ ไม่ใช่แค่ซูเฟยหยิ่ง แต่ยังเป็เซียวเยว่ด้วย หลังจากคืนนั้นที่โรงแรม เซียวเยว่ก็ไม่มาหาเขาอีกเลย บางทีเธออาจกลัวบรรดาผู้หญิงข้างกายของเขาไม่เห็นด้วย หรืออาจกลัวการพบหน้าเย่เฟิง
ใน่เวลาสองเดือนเย่เฟิงได้เจอหญิงสาวอยู่สองสามครั้ง และทุกครั้งที่เซียวเยว่เห็นชายหนุ่มก็จะรีบเดินหลบออกไป ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อเหมือนกำลังเขินอายอยู่อย่างไรอย่างนั้น เพียงแต่เท่าที่เย่เฟิงรู้คือเซียวเยว่ก็ไม่ใช่พวกสาวน้อยขี้อายนี่นา? ดังนั้นชายหนุ่มจึงลองถามหลินซือฉิง แต่อีกฝ่ายตอบกลับมาว่าเซียวเยว่ก็ปกติดี เธอไม่มีอะไรเปลี่ยนไป...
เย่เฟิงส่ายหน้าและไม่คิดมากกับเื่นี้อีก รอกลับมาจากทะเลทรายก่อนค่อยคุยกันอีกครั้งจะดีกว่า หากเขาพบจุดวาร์ปที่ทะเลทราย และสามารถกลับโลกเทวะได้ เขาต้องไตร่ตรองให้ดีว่าควรพัฒนาความสัมพันธ์กับเซียวเยว่ต่อไปหรือไม่
เมื่อระยะทางห่างจากหมู่เกาะที่ซูเฟยหยิ่งอยู่ประมาณหนึ่งกิโลเมตร ทันใดนั้นเย่เฟิงก็ผุดลุกขึ้นยืน พร้อมกับหลงหว่านเอ๋อร์ที่ลุกขึ้นมายืนอยู่ข้างๆ ด้วยเช่นกัน
ใบหน้าของทั้งสองคนขรึมลงเล็กน้อย เพราะว่าจู่ๆ ก็มีคลื่นความร้อนที่ร้อนจัดพัดมาจากทิศทางของหมู่เกาะเป็ระลอก ซึ่งส่งผลให้อุณหภูมิของผิวน้ำทะเลโดยรอบสูงขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งเข้าใกล้หมู่เกาะที่ซูเฟยหยิ่งอยู่เท่าไร อุณหภูมิของน้ำทะเลก็ยิ่งสูงขึ้นจนไอความร้อนพวยพุ่งขึ้นมาเหมือนบ่อน้ำร้อน
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
เย่เฟิงรู้สึกได้ว่านี่ไม่ใช่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติแน่นอน เพราะในคลื่นความร้อนที่พัดมานั้น ดูเหมือนมาพร้อมกับกลิ่นอายของพลังชี่ที่แรงกล้าจนทำให้รู้สึกร้อนอบอ้าวไปทั้งตัว หากเป็คนธรรมดาจะต้องเหงื่อไหลท่วมตัวแน่นอน
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านอาจารย์หรือเปล่า?”
เย่เฟิงคิดไปต่างๆ นานา แต่ก็รีบส่ายหน้าไล่ความคิดออกไป นอกจากวิชาเซียนของสำนักสุสานดวงดาวแล้ว การฝึกตนของซูเฟยหยิ่งเป็วิชาเซียนสายตระกูลน้ำและตระกูลน้ำแข็งเสียส่วนใหญ่ เป็ไปไม่ได้เลยที่จะสร้างคลื่นความร้อนแบบนี้
หรือมีคนอื่นมาที่เกาะนี้?
ถ้าเป็สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติก็ไม่น่าเป็ไปได้ ถึงอย่างไรเื่ที่ทะเลตะวันออกก็ผ่านไปสองเดือนแล้ว ตามข่าวที่ได้มาจากหลินซือฉิง พวกสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติล้มเลิกปฏิบัติการที่ทะเลตะวันออกไปตั้งนานแล้ว เพียงแต่จะส่งคนบางส่วนไปตรวจตราเป็ประจำ เป็ไปไม่ได้ที่จะโจมตีโจ่งแจ้งขนาดนี้
ไม่ดีแน่!
เย่เฟิงฉุกคิดถึงความเป็ไปได้หนึ่งข้อ คงไม่ใช่ราชันหั่วยวินเยามาที่นี่แล้วพบร่องรอยของซูเฟยหยิ่งเข้า จากนั้นทั้งสองฝ่ายก็ประมือกัน?
ถ้าอย่างนั้นก็แย่สิ!
ตอนนี้ร่างกายของซูเฟยหยิ่งาเ็จากไฟ และจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวอย่างน้อยครึ่งปี หากเผชิญหน้ากับราชันหั่วยวินเยาล่ะก็ ท่านอาจารย์ก็มีแต่จะเสียเปรียบ!
ใบหน้าของเย่เฟิงตึงเครียดขึ้นมาทันที
“เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”
จื่อเจี้ยนหลานและซูเมิ่งหานก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่มาจากทะเลด้านหน้าเช่นกัน และยังเห็นความตึงเครียดบนใบหน้าของเย่เฟิง พวกเธอจึงพากันลุกขึ้นมา
“สถานการณ์บนเกาะมีการเปลี่ยนแปลง พวกเธอรออยู่ที่นี่นะ ฉันจะลองไปดูก่อน” เย่เฟิงพูดเสียงขรึม
สถานการณ์แบบนี้ไม่เหมาะที่จะให้พวกหลงหว่านเอ๋อร์เข้าไปใกล้ ถ้าเป็ราชันหั่วยวินเยาจริง ตอนนี้พวกเขาคงถูกพบตัวแล้วแน่นอน ด้วยระดับพลังบ่มเพาะหนึ่งร้อยปี ระยะการตรวจจับของจิตหยั่งรู้แผ่กระจายได้ไกลกว่าหนึ่งกิโลเมตร หรือบางทีตอนนี้พวกเขาอาจอยู่ในระยะการตรวจจับของราชันหั่วยวินเยาแล้วก็เป็ได้ แม้เย่เฟิงอยากจะถอยออกมา แต่ก็ไม่อาจทำอย่างนั้นได้ จึงทำได้เพียงเดินหน้าต่อไปเท่านั้น อย่างน้อยมันก็เป็ไปไม่ได้ที่เขาจะทอดทิ้งซูเฟยหยิ่งไว้ข้างหลัง หากอาศัยความเชี่ยวชาญในวิชากระบี่ไร้ตัวตนของเขาตอนนี้ แม้ศัตรูจะมีระดับพลังบ่มเพาะถึงหนึ่งร้อยปีก็น่าจะสามารถทำอะไรได้บ้างหรือเปล่า?
ไม่สนใจแล้ว ต้องรีบไปดูก่อน!
เรือยอร์ชถูกจอดไว้ห่างจากหมู่เกาะหนึ่งกิโลเมตร จากนั้นเย่เฟิงก็ะโลงน้ำทะเลไป เพียงเวลาอันสั้นเขาก็รู้สึกได้ถึงคลื่นความร้อนที่พัดเข้ามาและยังมีความเย็นเยือกปะปนอยู่ในนั้นด้วย สิ่งนี้คือกลิ่นอายของซูเฟยหยิ่งที่เขารู้จักเป็อย่างดี ดูเหมือนการต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายค่อนข้างดุเดือดเลยทีเดียว
หลงหว่านเอ๋อร์และหญิงสาวอีกสองคนยืนอยู่บนเรือยอร์ชมองเย่เฟิงะโลงทะเลด้วยความเป็ห่วง แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเืพลุ่งพล่าน
แม้ตอนนี้เธอจะเป็ผู้ฝึกวิถีเซียนแล้ว แต่ก็ไม่เคยเห็นผู้ฝึกวิถีเซียนคนอื่นเลยนอกจากเย่เฟิงและซูเฟยหยิ่ง เธอยิ่งอยากรู้เกี่ยวกับราชันหั่วยวินเยาเข้าไปอีก ในที่สุดวันนี้ก็จะได้เห็นการต่อสู้ระหว่างผู้ฝึกวิถีเซียนแล้วใช่ไหม?
เย่เฟิงเคลื่อนตัวเข้าใกล้เกาะอย่างรวดเร็ว และรู้สึกได้ว่าเขตลวงเบญจธาตุที่ซูเฟยหยิ่งกางไว้มีบางส่วนถูกทำลาย และขณะนั้นเอง บนเกาะก็มีเปลวเพลิงขนาดใหญ่พวยพุ่งขึ้นท้องฟ้า ด้านในเปลวไฟมีร่างมหึมาร่างหนึ่ง ซึ่งกำลังโอ้อวดพละกำลังและระบายโทสะ
ราชันหั่วยวินเยา?
เย่เฟิงรีบก้าวขึ้นเกาะ