ซูอินที่กำลังก้าวเข้าไปในโรงเรียน ความจริงในใจเธอไม่ใช่ไม่รู้สึกอะไรดั่งเช่นที่แสดงออก
ั้แ่วันที่เธอกลับชาติมาเกิด รวมถึงพฤติกรรมผิดปกติทั้งก่อนและหลังของอู๋อู๋ เธอจึงอนุมานได้ว่าการที่อีกฝ่ายรับเลี้ยงตนไว้ต้องมีจุดประสงค์
แน่นอนว่านั่นเป็เพียงการคาดคะเน แต่ในตอนนี้เธอมั่นใจถึง 99% และสถานการณ์นั้นก็เลวร้ายยิ่งกว่าที่เธอคิดเสียอีก
การอยู่หรือไปของเธอไม่ได้เกี่ยวข้องกับการได้โควตาของอู๋อู๋เท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับธุรกิจของหลิงจื้อเฉิงด้วย
มันเกี่ยวกับอะไรกันแน่
เมื่อวานหลิงจื้อเฉิงพูดคำว่า “ช่วย” ตอนแรกซูอินคิดว่ามันเกี่ยวข้องกับหลิงเมิ่ง
การเสียชีวิตของเธอในชาติก่อนสาเหตุนั้นง่ายมาก หลิงเมิ่งป่วยและ้าปลูกถ่ายอวัยวะ หลังจากทดสอบกับตัวเธอมันไม่สามารถเข้ากันได้ แต่เธอบังเอิญไปเข้าคู่กับอีกคนที่้าเปลี่ยนอวัยวะอย่างเร่งด่วน หลังจากเจรจาอย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพ ครอบครัวนั้นจึงได้เสนอข้อแลกเปลี่ยน
เพื่อบุตรสาวอันเป็ที่รัก สองสามีภรรยาตระกูลหลิงจึงส่งเธอเข้าห้องผ่าตัดโดยไม่ลังเล
ในเวลานั้นตระกูลหลิงจงใจปลอมแปลงประวัติด้านจิตเวช โดยส่งเธอเข้าโรงพยาบาลจิตเวชก่อนเพื่อให้แน่ใจว่ากระบวนการทั้งหมดจะไม่มีข้อผิดพลาด
การกระทำทั้งหมดตราตรึงอยู่ในจิตใจส่วนลึกของเธอ ดังนั้นสิ่งที่หลิงจื้อเฉิงกล่าวเมื่อวาน เธอจึงนึกได้เพียงส่วนนี้เท่านั้น
เมื่อมองดูวันนี้ ความเป็จริงอาจไม่เป็อย่างที่เธอคิด
ถ้าเช่นนั้นตัวเธอได้ “ช่วย” อะไรไว้กันแน่
ในห้องน้ำ ซูอินเช็ดผมให้แห้งและเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ ส่วนตัวเก่าที่เปียกและสกปรก เธอไม่ได้รีบเก็บเข้าห้วงมิติ แต่ใส่ถุงที่นำติดมือมาด้วย
ท้ายที่สุดแล้วการมีอยู่ของห้วงมิติถือเป็สิ่งลึกลับ มันจะดีกว่าหากใส่ใจรายละเอียดเหล่านี้เข้าไว้
จนเมื่อจัดการร่างกายให้สดชื่นแล้ว ซูอินก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าตนเองได้ช่วยเหลือบุคคลหรือสิ่งสำคัญอะไรไว้กันแน่
เมื่อคิดไม่ออก เธอจึงไม่พยายามฝืนต่อไป
หรือสิ่งนั้นอาจไม่มีอยู่จริง
มิฉะนั้นจะให้อธิบายอย่างไร ชีวิตในชาติก่อนของเธอช่างน่าเวทนา แต่กลับไม่มีใครยื่นมือเข้าช่วย
ไม่เพียงแค่นั้น ปฏิกิริยาใน่สองวันมานี้ของอู๋อู๋ก็เพียงพอที่จะยืนยันในจุดนี้ หากไม่เพราะมั่นใจว่าเธอไร้ประโยชน์แล้ว อู๋อู๋ไม่มีทางขับไล่เธออย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ และเหตุผลที่พวกเขามาหาเธอในเช้าวันนี้ ต้องเกี่ยวข้องกับความน่าเชื่อถือของหลิงจื้อเฉิงอย่างแน่นอน
หลังจากอยู่ด้วยกันมาหลายปี ซูอินมั่นใจว่าเธอรู้จักสองสามีภรรยาตระกูลหลิงเป็อย่างดี ตอนนี้เธอจึงสันนิษฐานได้อย่างรวดเร็ว
หากดูจากมุมมองคนอื่น ก็สามารถบอกได้ว่าสิ่งที่เธอสันนิษฐานไม่แตกต่างจากความเป็จริงนัก
เมื่อเข้าใจสถานการณ์แล้ว ซูอินจึงสงบใจได้
ไม่ว่าเื่ราวนั้นจะจริงหรือเท็จประการใด แต่สิ่งหนึ่งที่เธอมั่นใจคือ การที่ตระกูลหลิงตัดสินใจรับเลี้ยงเธอต่อเป็เพราะ้าใช้ประโยชน์จากเธอ แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกตามที่อู๋อู๋บอก
ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชาติก่อนเป็เพียงเื่หลอกลวง
ความกตัญญูของเธอได้เสียสละทุกอย่าง แม้แต่่สุดท้ายของชีวิต…
ตัวเธอกับตระกูลหลิงได้แตกหักกันแล้ว!
ยืนหยัด “แก้แค้นตระกูลหลิง” คือความรู้สึกในใจเธอที่ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ซูอินก็ไม่คิดว่าการแก้แค้นคือทั้งหมดของชีวิต
ได้กลับมาเกิด เธอก็ควรสนุกกับชีวิตใหม่ที่ได้มาอย่างลำบาก และพยายามเต็มที่เพื่อจะได้มีชีวิตที่มีความสุข
ฟื้นฟูร่างกายให้กระปรี้กระเปร่าอีกครั้งแล้ว เธอก็ถือเสื้อผ้าที่เปื้อนเข้าไปในห้องสอบ เมื่อเผชิญกับสายตาแปลกๆ ที่มองมา ซูอินกลับไม่สนใจ เธอยืดอกเดินเชิดหน้าไปยังที่นั่งของตนเอง
ถึงแม้สนามสอบที่หนึ่งจะเป็ที่รวมของนักเรียนที่มีผลการเรียนดีที่สุด แต่ที่ใดมีผู้คน ที่นั่นย่อมมีนักเลง ที่ใดมีผู้คน ที่นั่นย่อมมีการนินทา
พวกนักเรียนแถวหน้าก็เป็คน ดังนั้นย่อมมีการนินทา
เพื่อแสดงความจริงใจ รถเมอร์เซเดสเบนซ์ได้มาจอดรออยู่หน้าประตูโรงเรียนั้แ่เช้า อีกทั้งยังไปรอที่นอกห้องประชาสัมพันธ์ครู่หนึ่ง และถามทุกคนว่ามีใครเห็นซูอินไหม
เพียงเวลาสั้นๆ ตอน่เช้า เื่ที่ซูอินไปเที่ยวไม่ยอมกลับบ้านก็แพร่ออกไปทั้งโรงเรียน
เมื่อครู่ก่อนที่เธอจะเข้าประตูมา สนามสอบที่หนึ่งกำลังพูดถึงเื่นี้ ท่าทีองอาจของซูอินทำให้หลายคนชะงัก ก่อนที่พวกเขาจะสงบปากสงบคำ
แน่นอนว่ายังมีนักเรียนที่้านินทา
“ซูอิน เมื่อคืนเธอไปเที่ยวไม่ยอมกลับบ้านหรือ”
ซูอินกำลังเตรียมอุปกรณ์การเรียนและกระดาษ ก่อนที่นักเรียนหญิงฟันเหยินคนหนึ่งที่นั่งอยู่ข้างๆ จะเข้าไปใกล้ แม้ว่าเธอจะพยายามเบาเสียง แต่ในความเป็จริงทุกคนได้ยินกันหมดแล้ว
“ไม่นี่ ฉันไปนอนบ้านสวีเหวินเหวิน”
เธอตอบด้วยความมุ่งมั่น แล้วถามกลับ “พวกเธอรู้ได้ยังไง”
หญิงสาวฟันเหยินไม่ได้มีเจตนาร้าย เธอแค่อยากรู้อยากเห็น จากนั้นก็อธิบายท่าทีของสองสามีภรรยาตระกูลหลิงให้ซูอินฟัง และไม่ลืมแสดงความเห็นของตัวเอง
“พวกเขาเป็ห่วงเธอมากนะ”
ซูอินฟังแล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ไม่ได้ใช้ใจจริงๆ สินะ
“กุเื่ทำให้เพื่อนๆ คิดว่าฉันไปเที่ยวไม่ยอมกลับบ้าน เธอคิดว่านั่นคือความเป็ห่วงหรือ”
เธอเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดโดยไม่คิดปิดบัง “จะบอกความจริงให้ พวกเขาไล่ฉันออกจากบ้าน เหตุผลง่ายมาก เมื่อวันศุกร์ที่แล้วฉันถูกซุนเจี้ยนใส่ร้าย พอฉันเอาหลักฐานออกมาว่าหลิงเมิ่งเป็คนทำกระโปรงขาดเอง เพราะเื่นี้พวกเขาจึงคิดว่าฉันจงใจทำลายชื่อเสียงลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขา”
“นี่…”
ไม่ใช่แค่สาวน้อยฟันเหยินคนนั้น แต่นักเรียนทั้งหมดในสนามสอบที่หนึ่งต่างพากันตกตะลึง
แบบนี้ก็ได้หรือ
เมื่อตนเองทำผิดไม่สามารถวิจารณ์ได้ แต่กลับโทษคนอื่นที่ออกมาพูดความจริง ไม่เคยพบเคยเห็น!
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังขึ้น พร้อมกับเสียงกริ่งดังเพื่อเป็สัญญาณเตือนสอบ ผู้คุมสอบเข้ามาพร้อมกับซองกระดาษข้อสอบที่ถูกปิดผนึก
สนามสอบกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ซูอินเงยหน้า นักเรียนที่จบการศึกษาในปีนี้ทั้งหกห้องปรากฏตัวขึ้น
บทสนทนาเมื่อครู่ พวกเขาคงได้ยินกันหมดแล้ว
ต่อให้มีนักเรียนบางส่วนที่ไม่ใส่ใจเื่ภายนอก แต่เมื่อสอบเสร็จกลับไปที่ห้องเรียนของตนเอง ถึงอย่างไรเื่นี้ก็ต้องแพร่กระจายออกไปอย่างแน่นอน ซึ่งก็คงจะพอช่วยเธอชี้แจงเื่นี้เอง
และช่วยสร้างความเสื่อมเสียให้ตระกูลหลิงด้วย
กระดาษข้อสอบถูกส่งมาจากด้านหน้า มือที่ถือปากกาเจลสีดำเริ่มเขียนหมายเลขประจำตัวผู้สอบ ซูอินก้มหน้าก่อนจะยิ้ม
ไม่ผิด เธอตั้งใจให้มันเป็แบบนี้
เธอทิ้งเื่นี้ไว้เื้ั ก่อนจะหยิบกระดาษทดแล้วเริ่มจดโจทย์ที่เธอเห็นภาพซ้อนลงไปบนนั้นอย่างรวดเร็วด้วยสัญลักษณ์ที่มีเธอคนเดียวเท่านั้นที่รู้
ฝนตกกระหน่ำติดต่อกันตลอดทั้งวัน จนเมื่อการสอบสิ้นสุด ฝนก็ยังคงตกหนัก
ซูอินถือร่มเดินเคียงคู่สวีเหวินเหวินไปที่หน้าประตูโรงเรียน ก่อนจะได้ยินนักเรียนสองสามคนที่เดินอยู่ด้านหลังกระซิบกันอย่างกระตือรือร้น
“นั่นเธอใช่ไหมที่ไปเที่ยวและไม่ยอมกลับบ้านจนผู้ปกครองมาตาม เธอว่า…เธอคนนั้นจะไปสถานที่แบบนั้นหรือเปล่า”
“อย่าเดามั่ว เธอไปบ้านสวีเหวินเหวินต่างหาก ตอนบ่ายฉันได้ยินคนจากสนามสอบที่หนึ่งพูดกันว่า เธอถูกแม่ไล่ออกมา สาเหตุเพราะ…”
สายฝนกลบเสียงที่ดังอยู่ด้านหลัง ซูอินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ แน่นอนว่าคำพูดเ่าั้เริ่มเห็นผลแล้ว
เมื่อก่อนเธอช่างโง่เขลา มักจะทำมากและพูดน้อยเสมอ หรือบางครั้งก็แทบไม่พูดเลย แต่คนอื่นๆ ไม่ใช่พยาธิในท้องเธอเสียหน่อย หากเธอไม่เอ่ยปาก ใครจะไปรู้
เธอจะไม่โง่เขลาเช่นนั้นอีกต่อไป
ขณะยืนรอสัญญาณไฟจราจรที่สี่แยก เธอได้ยินเสียงไซเรนรถพยาบาลดังมาจากด้านหลัง ไม่นานรถพยาบาลที่เปิดไฟกระพริบสีน้ำเงินแดงก็ขับผ่านไป
ซูอินรู้สึกว่ามีบางอย่างแวบขึ้นมาในหัว และคิดว่าจะต้องเกิดเื่สำคัญอย่างแน่นอน