แค่เพียงไม่นาน กลิ่นคาวเืก็กำจายออกไปช้าๆ ท่ามกลางท้องฟ้ายามราตรี
ตอนที่เยี่ยนเจาเจารู้เื่นี้ หนานิเหอกำลังเดินออกจากเรือนหิมะมรกตไปยังห้องหนังสือของเรือนนภาคราม
วันนี้เขาตื่นเช้ากว่าปกติ พยายามหนักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เด็กหนุ่มคงจะเข้าสู่่วัยรุ่นแล้ว ผนวกกับอากาศที่อบอุ่นขึ้น เขาจึงเริ่มตัวสูงกว่าเดิมอย่างรวดเร็ว
อาเหวินกับอาอู่ยังอยู่รับใช้ข้างกายเยี่ยนเจาเจาตามเดิม ส่วนอีกเกือบครึ่งขององครักษ์ลับยี่สิบนายที่เจาเจาได้รับมาจากท่านป้าถูกส่งไปอยู่กับเหรินเหยา เพื่อให้พวกเขาแอบคุ้มครองเหรินเหยาอย่างลับๆ
ทว่าตอนที่องครักษ์ลับนามเฉียวอวี่รีบร้อนเข้ามาในเรือนหิมะมรกตของเยี่ยนเจาเจา ก็ประจันหน้ากับหนานิเหอพอดี
หนานิเหอรู้ว่าเฉียวอวี่เป็หัวหน้าในกององครักษ์ลับของเจาเจา เขาจึงเดินผ่านองครักษ์ลับคนนั้นไปโดยไม่ได้เอ่ยคำใด
แต่เฉียวอวี่กลับหันศีรษะมาชำเลืองมองเขาด้วยสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
หนานิเหอถอนหายใจ ก่อนจะเดินออกไปข้างนอก
หลานเล่อที่เดินตามอยู่ข้างกายเขา รอจนห่างออกมาจากเรือนหิมะมรกตประมาณหนึ่งแล้วจึงเอ่ยถาม “คุณชายถอนหายใจทำไมหรือขอรับ?”
ั์ตาหนานิเหอเต็มไปด้วยร่องรอยถากถาง แต่เขาก็ไม่ได้ตอบอันใดออกไป
จะให้เขาตอบว่าอย่างไร?
บอกว่าหัวหน้าองครักษ์ลับนั่นกำลังจะถึงจุดจบในวันดีๆ เช่นนี้ หรือให้บอกว่าวันนี้หัวของเขาจะหลุดออกจากบ่าหรือ?
คิดแล้วหนานิเหอก็พลันขมวดคิ้วอีกครั้ง คนอื่นเป็อย่างไรล้วนไม่เกี่ยวข้องกับเขา แต่เกิดเื่เยี่ยงนี้ขึ้น เขากังวลเพียงว่าเยี่ยนเจาเจาคงจะอารมณ์ไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่
“พูดอีกครั้งสิ”
เยี่ยนเจาเจาได้ยินคำรายงานของเฉียวอวี่แล้วนิ่งเงียบเนิ่นนาน
ดวงตาของนางจับจ้องร่างของเฉียวอวี่ผ่านๆ จากการสังเกตตอนแรกเริ่มค่อยแปรเปลี่ยนเป็เยาะเย้ยในท้ายที่สุด ราวกับกำลังพิศมองสิ่งของรอขาย และพบว่าสินค้าชนิดนี้ขายไม่ได้กำไรเท่าที่ควร
ชั่วขณะที่เฉียวอวี่เก็บอารมณ์ไม่อยู่ เยี่ยนเจาเจาพลันหัวเราะออกมา
น้ำเสียงของนางอ่อนหวานมาก คำพูดก็นุ่มนวล เอ่ยเพียง “พูดอีกครั้งสิ” ง่ายๆ ประโยคเดียว
ร่องรอยความกระวนกระวายสุดท้ายในใจเฉียวอวี่จึงสงบลง
เป็แค่เด็กอายุแปดขวบ ไม่รู้เหตุใดฝ่าาถึงส่งตนมาอยู่ข้างกายนาง...ทั้งยังทำเื่เล่นๆ เลียนแบบผู้ใหญ่จนพี่น้องตนได้รับาเ็สองคน
“รายงานแม่นาง แม่นางเหรินเหยาได้รับาเ็หนัก เกรงว่าจะช่วยไม่ได้ขอรับ”
เฉียวอวี่เอ่ยเช่นนี้
เยี่ยนเจาเจาวางถ้วยชาในมือลง กระเบื้องเคลือบกระทบกันเกิดเสียงดังกังวานไปทั่วห้อง ก่อนจะเหลือบตาขึ้นเล็กน้อยด้วยแววตาที่มีความโเี้จางๆ พรั่งพรูออกมา
“ได้รับาเ็หนักเพราะเหตุใด?”
แม้ดวงตาของเยี่ยนเจาเจาจะดูไร้เดียงสา แต่หากตั้งใจมองก็จะเห็นว่ามุมปากนางกำลังเม้มอยู่ ซึ่งส่อสัญญาณอันตราย
ทว่าเฉียวอวี่ไม่สนใจใยดี อีกทั้งในใจยังแฝงความอาฆาตเล็กน้อย “มีคนซุ่มโจมตีอยู่ในบ้านของเหรินเหยา พวกพี่น้องจึงเข้าไปต่อสู้ขอรับ”
“อ้อ แล้วนอกจากเหรินเหยา มีใครได้รับาเ็อีกบ้าง?”
เยี่ยนเจาเจาลุกขึ้นแล้วเดินมาหยุดตรงหน้าเฉียวอวี่ ก่อนจะเงยหน้ามองเขา
บนร่างเฉียวอวี่ยังมีกลิ่นคาวเืเจือจาง กอปรกับแผลถลอกตื้นๆ สองรอยบนแก้มที่แสดงให้เห็นว่าเมื่อคืนเกิดการปะทะขึ้นจริง
“มีพี่น้องอีกสองคนขอรับ” เฉียวอวี่อดรู้สึกรำคาญเล็กน้อยไม่ได้ คุณหนูผู้นี้ไม่เข้าใจอะไรเลย ถามสิ่งเหล่านี้กับเขาเพื่อจะออกค่าทำขวัญปลอบโยนให้พวกเขาหรือไร?
หากไม่ใช่ว่าพวกเขาถูกมอบให้คุณหนูเปราะบางล้ำค่าอย่างน่าแปลกประหลาด และหากไม่ใช่ว่าคุณหนูคนนี้ให้พวกเขาไปปกป้องแม่ครัวอย่างยากจะเข้าใจ พวกเขาก็คงไม่ต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้
เขาคือเฉียวอวี่ผู้ไร้เทียมทานในหมู่องครักษ์ลับมาตลอด ใจยินดีรับใช้เพียงฝ่าา ทว่าต้องมาปล่อยคืนวันผ่านไปอย่างไร้ค่าเช่นวันนี้ มันน่าชิงชังที่สุด
เฉียวอวี่คิดว่าตนเองเก็บซ่อนอารมณ์ได้ดี หารู้ไม่ว่าเยี่ยนเจาเจาเห็นชัดเต็มสองตาทั้งหมดแล้ว
“พวกเ้าไปกันกี่คน?”
“ห้าคนขอรับ”
“ห้าคนหรือ...เ้าเป็คนจัดการเื่คุ้มครองเหรินเหยาด้วยตนเองใช่หรือไม่?”
“เป็ข้าจัดการเอง ไม่มียืมมือคนอื่นขอรับ”
เยี่ยนเจาเจาหัวเราะออกมาเล็กน้อย ก่อนแค่นเสียงต่ำเอ่ยถาม “้ารางวัลหรือไม่?”
เฉียวอวี่ยังไม่ทันตอบ เสียงของเยี่ยนเจาเจาก็ดังก้องขึ้นด้วยความโเี้และไร้ปรานีโดยไม่เยิ่นเย้อไร้สาระสักนิด “แม้เ้าไม่้า ข้าก็จะให้
อาเหวิน เอาตัวพี่น้องสองคนที่าเ็ของเขามา แล้วตัดเอ็นข้อมือทั้งสองข้างของเฉียวอวี่ต่อหน้าพวกเขา”
เหล่าองครักษ์ลับที่ท่านป้าประทานให้ไม่เลวเลย วิทยายุทธ์ล้วนยอดเยี่ยมทั้งหมด น่าเสียดายที่สมองไม่ดีนัก โดยเฉพาะผู้เป็หัวหน้าที่เย่อหยิ่งไม่ยอมคนจนลืมเลือนหน้าที่ข้ารับใช้ของตนเอง
เหรินเหยายังไม่ตาย ดังนั้นเยี่ยนเจาเจาจึงไว้ชีวิตเขา หากเหรินเหยาตายเพราะเื่นี้ เกรงว่านางคงบันดาลโทสะยิ่งกว่าเดิม
ความไร้ปรานีเช่นนี้เป็เพียงส่วนหนึ่งในจิตใจของนางเท่านั้น ชาติก่อนนางเคยทำมากกว่านี้เพื่อสนับสนุนเหลียงอินขึ้นครองบัลลังก์ด้วยซ้ำ
หลังจากเกิดใหม่ นางเคยคิดว่าความดำมืดของตนคงไม่หลงเหลืออยู่แล้ว แต่ดูจากเหตุการณ์วันนี้ นางก็พบว่ามันคงหยั่งรากลึกทีเดียว
สัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ส่วนลึกในจิตใจกำลังร้องคำรามอย่างไร้เสียง จนเยี่ยนเจาเจาจำต้องดื่มน้ำอึกหนึ่งเพื่อกดข่มมันลงไป
เมื่อเห็นสีหน้าตกตะลึงมึนงงของเฉียวอวี่ เยี่ยนเจาเจาก็อดตวัดลิ้นเลียกระพุ้งแก้มไม่ได้
เขาควรภาวนาให้ช่วยเหรินเหยากลับมาได้จะดีที่สุด มิฉะนั้นเยี่ยนเจาเจาเต็มใจที่จะแสดงให้เขาเห็นว่าอะไรถึงเรียกว่าโหดร้าย
กระทั่งอาเหวินกับอาอู่ตอนได้ยินคำสั่งนี้ยังตกตะลึง อาเหวินค่อนข้างอึ้ง แต่อาอู่กลับเข้าใจขึ้นมาบ้าง...ปะทะกับคนฐานะสูงส่งกว่าตน ไม่เชื่อฟังแผนการ ทำเป้าหมายที่ต้องคุ้มกันาเ็เกือบตาย ทั้งยังไม่รับผิดและไม่คิดปรับปรุง
แค่นี้ก็ถือว่าฝ่าฝืนข้อห้ามใหญ่หลวงแล้ว หากอยู่ภายใต้เงื้อมพระหัตถ์ฝ่าา เกรงว่าชีวิตยังไม่เหลือเลยกระมัง
การเปลี่ยนแปลง่นี้ของเ้านายน้อยเป็ที่ประจักษ์ชัด นับวันนางยิ่งคล้ายองค์หญิงฉงหยางผู้ใจแข็งประดุจเหล็กกล้า แม้อายุยังน้อย แต่กลับมีจิตใจเด็ดเดี่ยวและมีความอัจฉริยะอย่างที่คนสกุลเหลียงเท่านั้นถึงจะมี
สิ่งสุดท้ายที่เฉียวอวี่ควรกระทำ คือการดูถูกว่าเ้านายน้อยยังเป็แค่เด็ก
สมัยที่ฮ่องเต้และฮองเฮาพระองค์ก่อนต้องสิ้นพระชนม์อย่างไม่คาดคิด จนเหลือพี่น้องหญิงเยาว์วัยเช่นฝ่าาและองค์หญิงเพียงสองคน แต่พวกนางก็ใช้ไหล่อ่อนวัยของตนแบกแผ่นฟ้าครึ่งหนึ่งของต้าซีไว้
ดังนั้นห้ามดูเบาเด็กที่มีสายเืสกุลเหลียงไหลเวียนอยู่เด็ดขาด โดยเฉพาะเด็กผู้หญิง นี่คือเื่ที่แคว้นรอบข้างทั้งหมดล้วนทราบดี
อาเหวินเดินออกไปแล้ว สวนมวลบุปผาหอมกว้างใหญ่และมีเรือนว่างภายนอกอีกมากมาย องครักษ์ลับของเยี่ยนเจาเจาก็อาศัยอยู่ในนั้น ซึ่งเป็เรือนมีลานบ้านที่เยี่ยนเจาเจาเปิดคลังสมบัติเล็กๆ มาซื้อให้พวกเขา
สติของเฉียวอวี่เพิ่งคืนกลับมา เขาเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อหูตนเอง “แม่นาง ท่านหมายความว่าอะไร?!”
เยี่ยนเจาเจาเดินกลับไปนั่งบนเก้าอี้ประธาน แล้วก้มหน้ามองดอกลิ้นัหัวกลมที่ปักอยู่บนกระโปรงจับจีบผ้าจวงฮวาของตน พลางขยับมุมปากด้วยท่าทีใสซื่อไร้เดียงสา “ตรงตามความหมาย”
เฉียวอวี่กำลังจะะโอีก แต่อาอู่กลับเดินเข้าไปเตะข้อพับเข่าของเขาอย่างแรงจนทรุดลงกับพื้น ก่อนตรึงหัวไหล่ของเขาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ขยับตัวอีก
“ดึงกวานของเขาออก แล้วถอดชุดมัจฉาบินบนตัวเขาด้วย”
เยี่ยนเจาเจาเบือนหน้าหนี อาอู่เริ่มลงมือแล้ว
ความสามารถของอาเหวินและอาอู่สูงกว่าเฉียวอวี่ขุมหนึ่ง เขาจึงสามารถดึงชุดมัจฉาบินและกวานแทนตำแหน่งบนร่างเฉียวอวี่ออกมาโยนไปด้านข้างได้อย่างง่ายดาย
“แม่นาง ท่าน!”
ขณะที่เฉียวอวี่ร้องขึ้นด้วยความโกรธปนใ เยี่ยนเจาเจาก็เงื้อมือขว้างถ้วยชาไปข้างกายเฉียวอวี่อย่างแรง
ถ้วยชาแตกกระจายเต็มพื้นจนเฉียวอวี่นิ่งอึ้งกับการกระทำของเยี่ยนเจาเจา เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นรูม่านตาดำลึกล้ำของเยี่ยนเจาเจาเต็มไปด้วยความเดือดดาลอึมครึม
“อย่างแรก ข้าบอกเ้าแล้วว่าข้าคือเ้านายของเ้า ไม่ใช่แม่นาง เ้าเป็ข้ารับใช้ ยังกล้าเรียกว่า ‘ข้า’ อย่างนั้น ‘ข้า’ อย่างนี้ต่อหน้าเ้านายได้หรือ?!”
แน่นอนว่าการเรียกขานเป็ปัญหาขี้ปะติ๋ว แต่ความนัยที่ซ่อนอยู่คือเฉียวอวี่ไม่ยอมรับนาง
นับั้แ่เข้ารับตำแหน่ง ท่าทีของเฉียวอวี่ก็แสดงออกชัดเจนมากจนเยี่ยนเจาเจาเห็นเต็มสองตา ตอนรับ่ต่อคราวนั้นนางจึงตักเตือนเขาไปแล้ว เดิมคิดว่าเขาจะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร แม้ในใจอคติ แต่อย่างน้อยก็ควรอ่านสถานการณ์ออก คาดไม่ถึงว่าจะไร้หัวคิดขนาดนี้
เื่ดูถูกนางน่ะช่างเถอะ แต่เื่คุ้มกันคนง่ายๆ ก็ยังทำผิดพลาดจนกลายเป็เช่นนี้ด้วย!
“อย่างที่สอง ข้ากังวลั้แ่แรกแล้วว่าเ้าจะทำงานคุ้มกันเหรินเหยาไม่ได้ เลยบอกแผนการกับเ้าทั้งหมดั้แ่ต้นจนจบ
ข้าบอกให้เ้าพาคนไปสิบคน ยังกำชับอีกว่าเ้าควรถึงบ้านของเหรินเหยาเร็วหน่อยเพื่อกันคนเข้ามาแทรกแซง และเป็การกำจัดความเสี่ยงรอบตัวล่วงหน้า แต่ตอนนี้เ้ากลับบอกข้าว่ามีคนซุ่มโจมตีอยู่ในบ้านของเหรินเหยา และลอบทำร้ายพวกเ้า
ข้าขอถามเ้าคำถามเดียว เ้าสมควรเป็หัวหน้าหรือไม่? เื่ง่ายดายเช่นนี้ยังทำได้ไม่ดี แล้วริอ่านมาเพ้อฝันอยากรับใช้ท่านป้าของข้า
ชุดมัจฉาบินกับกวานผ้าสีดำนี้ เ้าคู่ควรหรือ?
ไม่คู่ควร ก็เปิดทางให้ผู้มีปัญญาเสีย!”
เสียงพูดว่า “ไม่คู่ควร” ที่เต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด ดังก้องกังวานราวกับฝ่ามือตบเข้าบนหน้าของเฉียวอวี่จนบวมเป่ง
อาเหวินพาองครักษ์ลับสองนายที่าเ็มาแล้ว ทั้งคู่ดูซื่อสัตย์ภักดีกันหมด คนหนึ่งาเ็ที่ขาจึงเดินกะโผลกกะเผลก ส่วนอีกคนโดนฟันมือขาด สีหน้าย่ำแย่ แขนจากข้อพับข้างขวาลงมาว่างเปล่า
เมื่อพวกเขาเห็นเยี่ยนเจาเจา ก็ก้มหัวลงด้วยสีหน้าละอายใจ
“เ้าดูให้ชัดๆ นี่คือพี่น้องที่เสี่ยงเป็เสี่ยงตายกับเ้า เพียงเพราะความคิดไร้ประโยชน์ของเ้า เลยทำร้ายพวกเขาจนกลายเป็เยี่ยงนี้”
เยี่ยนเจาเจาไม่เหลือเกียรติให้เฉียวอวี่สักนิด
นางโกรธจัดมากจริงๆ ดังที่นางกล่าวไปทั้งหมด ตอนรับ่ต่อองครักษ์กองนี้มา เยี่ยนเจาเจาเคยสั่งให้พวกเขาปฏิบัติตามหน้าที่ของตนเองแล้ว นางจึงไม่คาดคิดว่าสุดท้ายเื่ง่ายๆ อย่างเช่นการปกป้องเหรินเหยาจะลงเอยด้วยสภาพนี้
โดยเฉพาะเมื่อเห็นเฉียวอวี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าไม่มีแม้แต่ความละอายที่ภารกิจล้มเหลว ถึงขั้นแฝงความหงุดหงิดราวกับนางเป็ฝ่ายจัดการทุกอย่างพลาดเอง
“ลงมือ”
เยี่ยนเจาเจาตัดสินใจเชือดไก่ให้ลิงดู นางคาดเดาไว้แล้วว่าคงมีคนไม่เคารพแบบเฉียวอวี่โผล่มา แต่ไม่คิดว่าจะโง่เขลาเพียงนี้
ในบรรดาองครักษ์ลับทั้งยี่สิบคนคงไม่ได้มีเฉียวอวี่คนเดียวที่ไม่เคารพนาง และตราบใดที่ยังมีคนอคติเหมือนวันนี้อยู่ ความสามัคคีย่อมแตกแยก ทำอะไรไม่สำเร็จสักอย่าง
องครักษ์คนอื่นๆ ทยอยมาเมื่อได้ยินข่าว ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ ต่างก็รู้ว่าเฉียวอวี่ต้องโดนตัดเอ็นข้อมือเพราะทำงานพลาด จึงมารวมตัวกันที่ห้องโถงหลักของเรือนหิมะมรกต
ลงมือ เยี่ยนเจาเจาไม่เคยล้อเล่น
อาเหวินอาอู่รำพันขึ้นมาอีกครั้งว่าตนเองโชคดีที่มีแต่ความจริงใจให้เยี่ยนเจาเจา ั้แ่ติดตามนางมาก็ไม่เคยมีความคิดที่อยากจะทรยศหรือต่อต้านเลยสักครั้ง
หากจะให้พูดอะไร คงบอกได้แค่ว่าเฉียวอวี่สมควรโดนแล้ว
อาอู่กดร่างเฉียวอวี่ ส่วนอาเหวินชักมีดโค้งปลายแหลมออกมาท่ามกลางสายตาดื้อแพ่งของเฉียวอวี่
เยี่ยนเจาเจาที่หันหลังให้ประตู กำลังจับจ้องอาเหวินกับอาอู่เขม็ง คาดไม่ถึงว่าจะมีมือเย็นเฉียบแต่อบอุ่นคู่หนึ่งเอื้อมมาปิดตาของนางเบาๆ