ถึงแม้จะเข้าฤดูใบไม้ผลิแล้ว แต่อากาศก็ยังดีอยู่
พระอาทิตย์แขวนอยู่กลางท้องฟ้า ให้ความสว่างและความร้อน ไม่ถึงกับร้อนเกินไป แต่กลับให้ความรู้สึกอบอุ่นพอดิบพอดี
จิ่งเซียงเงยหน้ามองฟ้า ถูกแสงอาทิตย์ส่องจนต้องหยี่ตา อดบิดี้เียาวๆ ไม่ได้ นางทอดถอนใจว่า “อากาศดีจังเลย พระอาทิตย์สาดมาอุ่นสบายมาก อยากนอน”
อ๋าวหรานลูบหัวนาง “เด็กี้เี”
จิ่งเซียงค่อยๆ แอบยื่นหน้ามาคุยกับอ๋าวหราน “ศิษย์พี่เ้าพูดน้อยเหลือเกิน”
เหยียนเฟิงยังคงใช้ผ้ารัดผมสีดำ ปิ่นสีเข้มที่ไร้ลวดลายแกะสลักใดใด สวมชุดที่เมื่อวานยืมมาจากจิ่งฝาน ดูหลวมนิดหน่อย ชุดของจิ่งฝานถึงแม้จะเป็ผ้าชั้นดี แต่รูปแบบธรรมดามาก สีก็เป็สีเข้ม เรียบง่าย ทำให้ดูนิ่งและเ็า ใหู้เาน้ำแข็งเช่นเหยียนเฟิงเกอเป็คนใส่ก็ยิ่งทำให้ดูเ็ามากขึ้นไปอีก
เขาดูขบคิดเล็กน้อย เดินอยู่ด้านหลังอ๋าวหราน หากตั้งใจดูให้ละเอียด สีหน้าก็ไม่ได้เ็าจนถึงจุดเยือกแข็งขนาดนั้น ยังดูอบอุ่นอยู่บ้างเล็กน้อย นั่นก็เพราะเพิ่งตกลงความสัมพันธ์เป็พี่เป็น้องอย่างชื่นมื่นกับอ๋าวหรานมา และยังรู้แล้วว่าศัตรูคือผู้ใด ถึงแม้ยังมีาแอยู่จากการที่ตระกูลอ๋าวล่มสลาย แต่เมื่อมีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้วก็ดีขึ้นมาก แต่ว่าเขาแสดงสีหน้าน้อยมาก ตอนที่ทุกคนพูดคุยกัน เขาก็ไม่เคยพูดขัดขึ้นมาก่อนเลย มีแค่ตอนที่อ๋าวหรานถามเขาเขาถึงจะตอบสองสามประโยค ดูไม่ค่อยมีตัวตน
อ๋าวหรานคิดแล้วคิดอีก หลบเลี่ยงคุณธรรมในใจพูดว่า “เขาขี้อายน่ะ พอสนิทกันก็จะดีขึ้นเอง” อย่างไรเสีย ตอนเขากับจิ่งฝานสนิทกันแล้วก็ยังไม่ค่อยจะพูดอยู่ดี ติดตามจิ่งฝานมาตั้งหลายปี แต่พูดน้อยเสียจนนับครั้งได้ แน่นอน ตอนนี้ไม่เหมือนก่อนแล้ว ทุกอย่างกำลังพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้น ไม่รู้ว่าจะเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่า
จิ่งจื่อที่อยู่อีกด้านทำหน้าไม่เชื่อ
พวกเขากินข้าวเช้าเสร็จก็มาที่สนามประลองยุทธ์ของตระกูลจิ่ง วันนี้พวกจิ่งฝานมีคาบเรียนคาบสอน อ๋าวหรานนั้นตามมาเพื่อหาความสนุก และก็กลัวเหยียนเฟิงเกอจะแปลกแยก จึงพาเขามาด้วย
ตอนที่กินข้าวกัน อ๋าวหรานบอกเหยียนเฟิงเกอว่าเขากำลังเรียนวิชาแพทย์ และพูดอีกว่า หากเขาอยากเรียน ก็สามารถมาลองดูได้
เหยียนเฟิงเกอไม่สนใจจะเรียนวิชาแพทย์แม้แต่น้อย เขาแค่คิดอยากจะตั้งใจฝึกยุทธ์ ง่ายต่อการสังหารไปทั่วสี่ทิศในอนาคต เพื่อล้างแค้น สำหรับความฝันนี้ของเขาอ๋าวหราน เขาทำได้เพียงสนับสนุน จึงแนะนำกับจิ่งฝานอย่างขันแข็งว่าศิษย์พี่ของเขาคนนี้วรยุทธ์ดีแค่ไหน ความสามรถมากมายเพียงใด เหมาะอย่างยิ่งที่จะมาเป็คู่ฝึกยุทธ์ให้พวกลูกหลานตระกูลจิ่ง
จิ่งฝานไม่ตอบรับและไม่ปฏิเสธคำพูดเขา พยักหน้าไปส่งๆ ให้เขาทำตามใจ
เหยียนเฟิงเกอถือเป็ผู้ฝึกยุทธ์มากความสามารถ เพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวที่ดูแล้วธรรมดาสามัญ แต่พออยู่ในมือเขากลับยอดเยี่ยมเป็ที่สุด ทั้งๆ ที่ฝึกเพลงกระบี่เดียวกันกับคนอื่น แต่คนอื่นนั้นทำได้เพียงฆ่าไก่ แต่พอเป็เขากับกลายเป็วรยุทธ์อัศจรรย์ที่ทะลุฟ้าทะลวงดินได้
สำหรับเื่ที่อ๋าวหรานพยายามอย่างยิ่งที่จะอธิบายว่าเหยียนเฟิงเกอแข็งแกร่งขนาดไหนนั้น จิ่งจื่อก็เอาแต่ส่งเสียง เหอะ ใส่ แน่นอนในใจลึกๆ แล้วก็อยากจะลองประลองดูสักรอบ ตลอดทางมาแทบจะอดใจไม่ไหวพุ่งขึ้นสนามประลองให้รู้แล้วรู้รอด
คนที่มาที่สนามประลองเช้าขนาดนี้มีไม่มาก ตอนนี้คาดว่าคงกำลังนั่งเรียนหนังสือกันอยู่ในห้องเรียน เมื่อไปถึงสนามประลองจิ่งจื่อก็ยักคิ้วให้เหยียนเฟิงเกอ ใบหน้านั้นแสดงออกอย่างชัดเจน จนคนโง่ก็คงเข้าใจในความหมายของเขา เหยียนเฟิงเกอที่เป็ผู้หลงใหลในวรยุทธ์นั้น สำหรับเื่การประลองแน่นอนว่าไม่มีทางปฏิเสธ ตระกูลจิ่งนั้นเขาพอรู้จักอยู่บ้าง มีคนจากตระกูลใหญ่เช่นนี้มีเป็คู่ต่อสู้ให้เขารู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง
คนทั้งสองบินขึ้นไปบนเวทีประลอง ไม่พูดอ้อมค้อม สบตาเพียงครั้งเดียวก็เข้าไปพัวพันกันเป็เงาเดียว คนทั้งสองก็ไม่ใช่คนแอบซ่อนอะไร แค่ยกกระบี่ขึ้นก็แสดงกระบวนท่าดุดันออกมาทันที ใช้แรงเต็มร้อยส่วน เพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวค่อนไปทางนิ่มนวล อ๋าวหรานรู้สึกว่ามันมีความคล้ายมวยไทเก๊กในปัจจุบันอยู่บ้าง แต่คนกลางเวทีประลองนั้นรวดเร็วปานสายฟ้า กระบวนท่าเพลงกระบี่คมกริบ ทำให้อ๋าวหรานอึ้งไป เพลงกระบี่เดียวกันแท้ๆ เหยียนเฟิงกลับแสดงออกมาเป็เพลงกระบี่ที่คมกริบรวดเร็วและโหดร้าย
ออกกระบวนท่าออกไปแต่ละทีก็รวดเร็วราวประกายไปยามตีเหล็ก จิ่งเซียงที่อยู่อีกด้านอึ้งไปแล้วพูดว่า “ศิษย์พี่เ้าร้ายกาจมาก จิ่งจื่อแพ้แน่แล้ว”
สีหน้าของอ๋าวหรานไม่เปลี่ยนสักนิด เป็ไปตามความคาดหมาย เหยียนเฟิงเกอในหนังสือคือคนที่เป็รองเพียงจิ่งฝาน ถึงแม้จะบอกว่าเมื่อเทียบกับจิ่งฝานแล้วต่างกันราวฟ้ากับดิน แต่เมื่อมาเทียบกับจิ่งจื่อก็เป็ความต่างราวฟ้ากับดินเช่นกัน แต่แค่สลับกัน
โลกที่ถูกสร้างและกำหนดไว้แล้วนี้ จริงๆ แล้วโหดร้ายมาก ระดับชั้นแบ่งกันอย่างชัดเจน คนผ่านไปมา ตัวรับะุแทน ตัวประกอบเล็กๆ ตัวประกอบใหญ่ๆ ตัวประกอบหลัก ตัวร้าย ตัวเอก ชะตาชีวิตของทุกคนล้วนถูกกำหนดเอาไว้แล้ว แบ่งเส้นชัดเจนแล้ว เ้าข้ามผ่านเส้นแบ่งนั้นไปไม่ได้ เ้าก้าวข้ามคนที่ระดับสูงกว่าเ้าไปไม่ได้ อ๋าวหรานคนเดิมเป็ตัวรับะุแทน ดีกว่าคนเดินผ่านไปมาแค่นิดหน่อย ตัวรับะุแทนแบบเขานั้นแม้แต่ตัวประกอบเล็กๆ อย่างจิ่งจื่อก็ยังจัดการไม่ได้
แต่ตอนนี้ได้รับความสนับสนุนจากระบบ ทำให้เขาผู้เป็คนนอกนี้เปลี่ยนจากตัวรับะุแทนกลายเป็ตัวประกอบเล็กๆ ดังนั้นตอนนี้ระดับของเขากับจิ่งจื่อเท่ากัน จึงมีความสามารถพอๆ กับเขา สู้เสมอได้ จนถึงอาจจะชนะได้ แต่แน่นอนว่าก็ต้องดูว่าเขาจะวางแผนอย่างไร
พูดตามตรงตัวรับะุแทนที่เดิมทีต้องตายแล้วแต่กลับมีชีวิตต่อมาได้นั้น ระดับนี่ควรจะจัดการอย่างไร สามารถเบื่อนระดับขึ้นไปอีกได้ไหม?
ไม่ต้องพูดถึงอ๋าวหราน เมื่อเทียบจิ่งจื่อกับเหยียนเฟิงเกอ ถ้าเป็ในเวลาปกติจิ่งจื่อก็ถือเป็อัจฉริยะหนุ่มน้อย ที่ทุกคนเคารพ แต่เมื่อมาเทียบกับเหยียนเฟิงเกอที่ระดับต่างกับเขาขึ้นไปสองระดับ นั่นก็เรียกได้ว่าต่างกันมากทีเดียว เหยียนเฟิงเกอในฐานะตัวประกอบหลัก ราศีที่โชคชะตามอบให้เขานั้นเป็รองแค่ตัวร้ายและตัวเอก จะจัดการจิ่งจื่อนั้น ถือเป็เื่ที่ทำได้ง่ายๆ
ดังนั้นการประลองรอบนี้ไม่มีอะไรต้องลุ้น จบลงภายในไม่กี่นาที จิ่งจื่อแพ้ไปอย่างงุนงง ยืนอึ้งอยู่บนเวทีประลองตั้งนานก็ดึงสติกลับมาไม่ได้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยสู้กับอ๋าวหรานมาก่อน และก็ไม่ใช่ไม่เคยเห็นเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าว ถึงขั้นที่เขาก็กลับไปขบคิดเื่เพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวมาแล้วด้วย ถึงแม้จะไม่ค่อยได้อะไร แต่อย่างน้อยก็พอรู้อะไรอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ทว่าตอนนี้ เขาถึงเพิ่งค้นพบว่า ความเข้าใจที่เขามีต่อเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวนั้นผิดไปอย่างมาก หรือก็คือ เขาเข้าใจผิดเื่เหยียนเฟิงเกอคนนี้ไปมาก เขาคิดว่าเหยียนเฟิงเกอเป็ศิษย์พี่ของอ๋าวหราน ต่อให้จะเก่งกว่าอ๋าวหราน ก็คงจะไม่เก่งไปได้สักเท่าไร แต่ความจริงพิสูจน์แล้วว่าคนคนนี้แข็งแกร่งไม่ใช่เพียงแค่นิดหน่อยแล้ว
หรืออีกอย่างก็คือ เขาไม่ได้เข้าใจเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวผิดเพี้ยนไป ก็แค่คนใช้กระบี่คนนี้แข็งแกร่งเกินไป เขาทำให้กระบี่ธรรมดา เพลงกระบี่ธรรมดา แสดงแสนยานุภาพออกมาได้สองร้อยส่วน เขาอาศัยใช้กระบี่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เขาสามารถไม่สนใจความไร้พลังของเพลงกระบี่ก็ยังได้ ขอแค่เขาแข็งแกร่งแค่นี้เป็พอ
จิ่งเซียงพูดอย่างอึ้งตะลึงว่า “ไม่ใช่ว่าข้าตาลายไปแล้วนะ ถึงแม้ข้าจะคิดว่าจิ่งจื่อต้องแพ้แน่ แต่ไม่น่าจะแพ้เร็วขนาดนี้”
อ๋าวหรานหัวเราะ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”
จิ่งจื่อที่อยู่บนเวทีเดินลงมาอย่างตะลึงงัน เดินมาได้ครึ่งทางก็นิ่งไปนาน จนทำให้อ๋าวหรานกับจิ่งเซียงใคิดว่าจิตใจของเด็กคนนี้คงโดนกระทบกระเทือนมากเกินไป ทำให้คิดไม่ตก กำลังคิดจะเข้าไปปลอมใจ จู่ๆ จิ่งจื่อก็หันศีรษะ จ้องเหยียนเฟิงเกอบนเวทีประลอง “ฝากไว้ก่อน ข้าไม่เชื่อหรอกว่าข้าจะสู้เ้าไม่ได้!”
อ๋าวหราน “......” มีความเพียร
จิ่งเซียง “......” มีความรั้น
อ๋าวหรานคิดแล้วคิดอีกอยู่ด้านล่าง ก่อนจะเดินตรงไปทางเวที
เหยียนเฟิงเกอเห็นเขาขึ้นมา อึ้งไปเล็กน้อย “ศิษย์น้อง...”
อ๋าวหรานยิ้มให้ “มาประลองกันหน่อย ท่านไม่ต้องอ่อนข้อให้ข้า”
เหยียนเฟิงเกอเหมือนจะคิดอยู่สองวินาที สุดท้ายก็พยักหน้า
ความจริงพิสูจน์แล้วว่าคนหาเื่ใส่ตัวก็คืออ๋าวหรานคนนี้เอง เทียบกับจิ่งจื่อที่สามารถยืนหยัดได้สองสามนาที แต่อ๋าวหรานกลับแพ้โดยนับเวลาเป็วินาทีได้เลย สู้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย กระบวนท่าใดๆ ที่อยู่แค่ระดับเด็กน้อยของอ๋าวหราน ในสายตาของเหยียนเฟิงเกอนั้นช้าราวกับหอยทาก น่าขำจริงๆ ตอนนี้อ๋าวหรานรู้แล้วว่าอัจฉริยะเช่นเหยียนเฟิงเกอ จิ่งฝานพวกนี้นั้นเป็เหมือนสัตว์ประหลาดที่อยู่จุดสูงสุดของห่วงโซ่อาหาร และเป็คนที่ยืนอยู่จุดสูงสุดบนโลกใบนี้ ตัวรับะุแทนเช่นพวกเขานี้ต่อให้พลิกฟ้าก็เอาชนะไม่ได้
ในเวลาสั้นๆ ไม่ถึงหนึ่งนาที อ๋าวหรานแสดงเพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวทุกกระบวนท่าออกมาอย่างเอาชีวิตเข้าแลก ไม่มีอันไหนไม่ถูกสกัดไว้ ไม่มีอันไหนไม่ถูกสลายไประหว่างทาง
เมื่ออ๋าวหรานประลองเสร็จ ก็ยังรู้สึกหงุดหงิดงุนงงอยู่บ้าง ไหนว่าจะเป็สุดยอดจอมยุทธ์ ความฝันแห่งยุทภพแหลกสลายไปรวดเร็ว สูญสลายไปง่ายดาย ไม่ได้เตรียมใจรับไว้ก่อนเลยสักนิด หากรู้ก่อนว่าจะเป็เช่นนี้ จะขึ้นมารนหาที่ทำไม
แต่หน้าตาของเหยียนเฟิงเกอกลับดูยินดี “เ้าเก่งขึ้นกว่าเมื่อก่อนเยอะเลย ่นี้คงจะพยายามฝึกฝนไปมากแล้วล่ะสิ”
อ๋าวหราน “......”
อ๋าวหรานในนิยายต้นฉบับก็เคยประลองกับเหยียนเฟิงเกอ แต่ก็ไม่ได้แพ้อย่างน่าอนาถขนาดนี้ ทำไมเขาที่คิดเอาว่าตัวเองเก่งกว่าเ้าของร่างเดิมถึงยังสู้เ้าของร่างเดิมไม่ได้ล่ะ?
อ๋าวหรานพูดอย่างสงสัย “เมื่อก่อนท่านออมมือมาตลอด?”
เหยียนเฟิงเกอไม่คิดจะสนใจหน้าตาของเขาเลยแม้แต่น้อย พยักหน้าอย่างไม่ลังเล “อืม”
จบแล้วก็ใส่มาอีกดอก “เมื่อก่อนเ้าค่อนข้างรักหน้าตาของตัวเอง”
อ๋าวหรานจิตใจแหลกสลายแล้ว ถึงจะบอกว่าเขาไม่ใช่เ้าของร่างเดิม ความโง่เมื่อก่อนนั้นก็ไม่ใช่เขาเป็คนทำ แต่ตอนนี้เขาใช้ร่างของเ้าของร่างเดิมดำเนินชีวิตอยู่นะ ดูสิ เขาห่างออกมาตั้งหลายเมตรยังได้ยินเสียง “ฮึฮึ” ของจิ่งจื่ออยู่เลย
“เ้าเข้าใจได้ลึกซึ้งกว่าเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้รู้สึกเหมือนติดอยู่ที่คอขวดรึยัง?”
ยอดฝีมือก็คือยอดฝีมือ ชัดเจนตรงประเด็น อ๋าวหรานพยักหน้า
เหยียนเฟิงเกอก็ดูจะดีใจ ความเ็าในสายตาสลายไปมาก “นี่เป็เื่ดี สามารถมาถึงจุดที่รู้สึกชะงักติดอยู่ได้แสดงว่าเ้าพัฒนาขึ้นแล้ว เมื่อข้ามจุดนี้ไปได้ เ้าก็จะพัฒนาไปได้อีกเยอะ”
อ๋าวหราน “? ? ?” จริงหรือ?
ราวกับมองเห็นความสงสัยของเขา เหยียนเฟิงเกอจึงพยักหน้า แสดงอาการรับรอง
เมื่อได้รับการรับรองอ๋าวหรานก็ค่อนข้างดีใจ จะมีชายหนุ่มคนไหนไม่มีความฝันอยากเป็ยอดฝีมือ?
ผ่านการประลองย่ำแย่รอบนี่ไป อ่าวหรานก็รับรู้ได้ว่าที่เขาเสนอให้เหยียนเฟิงเกอมาเป็คู่ฝึกให้ลูกหลายตระกูลจิ่งนั้น ท่าทางไม่ตอบรับไม่ปฏิเสธของจิ่งฝานนั้น เป็การมองการไกลแค่ไหน อย่างไรเสีย ให้เหยียนเฟิงเกอมาสู้กับเด็กๆ พวกนี้ ก็คงจะเหมือนเอาะเิมาะเิมดแน่ๆ เป็การเสียเวลา เสียดินปืนอย่างแท้จริง
หลังจากอ๋าวหรานลงมาจากเวที จิ่งจื่อก็ยักคิ้วมองเขา สีหน้าดูมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่นอยู่ไม่น้อย อ๋าวหรานเข็ดฟัน “มีความสุขมากใช่หรือไม่?”
จิ่งจื่อเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย “นิดหน่อย”
อ๋าวหรานยิ้มยิงฟัน “เราทั้งคู่ก็ไม่ต่างกันมากหรอก เ้าดีใจอะไร” เป็ตัวประกอบเล็กๆ ทั้งคู่ ต่างกันไม่มากยังมาหัวเราะเยาะคนอื่นอีก
จิ่งจื่อ “......”
แท้จริงแล้วไม่ต้องบอกจิ่งจื่อก็รู้ เหยียนเฟิงเกอไม่ค่อยคุ้นเคยกับวรยุทธ์ของตระกุลจิ่ง ความไม่รู้เช่นนี้ก็ต้องมีเวลาให้ตอบสนอง แต่เพลงกระบี่ตระกูลอ๋าวของอ๋าวหรานสำหรับเหยียนเฟิงเกอแล้วนั้น ก็เหมือนใช้ดาบต่อหน้ากวนอู แกะไม้ต่อหน้าลู่ปัน [1] เขาคุ้นเคยเป็อย่างดีอยูแล้ว ดังนั้นอ๋าวหรานแพ้เหยียนเฟิงเกออย่างรวดเร็วก็เป็เื่ที่ถูกต้องแล้ว เขากับอ๋าวหรานนั้นมันคนละสถานการณ์กัน
เชิงอรรถ
[1] ใช้ดาบต่อหน้ากวนอู แกะไม้ต่อหน้าลู่ปัน กวนอุเป็ยอดนักรบ ส่วนลู่ปันก็เป็สุดยอดช่างไม้ เปรียบเทียบถึงการอวดอ้างศักยภาพของตนเองต่อหน้าตชคนที่เก่งกว่าตัวเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้