กระทั่งเงาคนประชิดตรงหน้า โม่จ้านจึงได้สติกลับมาและคว้าหมัดที่ต่อยเข้ามาของเจียนั่วเอาไว้
“ไม่ใช้พลังเวทก็ช่างเถิด แต่เ้าไม่มีกระทั่งอาวุธ จะสู้อย่างไร?” โม่จ้านเอ่ยถามโดยมิรู้ตัว
แววตาของเจียนั่วเอาจริงเอาจังอย่างยิ่ง “หอกยาวของข้าต้องใช้คู่กับพลังเวทเท่านั้น มิเช่นนั้นจะเผยช่องโหว่ในการต่อสู้ระยะประชิด”
โม่จ้านนิ่งงันไปครู่หนึ่งก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาพร้อมทั้งโยนกริชไปด้านข้าง “ได้ เช่นนั้นข้าเองก็จะไม่ใช้เช่นกัน”
คนทั้งสองเ้าต่อยหนึ่งหมัดข้าเตะหนึ่งที การต่อสู้ในห้องเก็บของกว้างขวางได้เริ่มต้นขึ้น
กำปั้นชกออกไปจนเกิดเสียงแทรกผ่านอากาศนำพาหยาดเหงื่อกระเด็นเป็สายยากแยกแยะด้วยตาเปล่า ร่างสีขาวและสีเทาอ่อนเคลื่อนย้ายตำแหน่งไปมา ประเดี๋ยวเกาะเกี่ยวกัน ประเดี๋ยวปะทะหลังผละออก ระหว่างที่ทั้งสองฝ่ายพยายามควบคุมลมหายใจ ทุกครั้งที่เนื้อหนังัักันล้วนแต่สื่อถึงการรวบรวมพละกำลังขั้นสูงสุด
โม่จ้านเพลิดเพลินกับกระบวนการนี้อย่างมาก ในชาติก่อนก็เช่นกัน
ในโลกที่อาวุธร้อนมิได้พบเห็นได้ยาก การจะปลิดชีพคนแค่เพียงลั่นไกปืน ทั้งได้ประสิทธิภาพสูงและรวดเร็ว าที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง ทำให้ทั่วทั้งโลกดูคล้ายกับจัดงานเลี้ยงตรวจสอบกำลังพลตลอดเวลา
จะปืนหรือะเิก็ดี จะเวทมนตร์ก็ช่าง หรือจะอาวุธนานาประเภทก็ช่างเถิด ล้วนแต่มิอาจหยุดยั้งความปรารถนาอันแรงกล้าที่ไม่มีทางมอดดับในตัวบุรุษ --- คือการต่อสู้แบบตัวต่อตัวที่ดั้งเดิมและสามารถััได้ถึงความสุนทรีย์มากที่สุด
ความยกย่องและแสวงหาบ่อเกิดของความแข็งแกร่งถูกสะท้อนให้เห็นในทุกตารางนิ้วอย่างถึงอกถึงใจ ยามหมัดกระทบเนื้อ นั่นก็คือความโรแมนติกของลูกผู้ชาย
เวลาผ่านไปยามแล้วยามเล่า คนทั้งสองหอบหายใจเล็กน้อย ทว่าโม่จ้านกลับถลำลึก ยิ่งสู้ยิ่งคล่องแคล่วว่องไว แต่ละกระบวนท่าทั้งแม่นยำและรุนแรง เล็งจุดอ่อนของเจียนั่วก่อนเริ่มโจมตีเต็มกำลังเป็ชุด เจียนั่วเริ่มต้านมิไหว หอบหายใจพลางฝืนตั้งท่าป้องกันเอาไว้
เจียนั่วผู้เป็บุตรรักของ์ถูกอัดมิยั้งและเพิ่งได้ััว่าไม่ว่าจะพละกำลัง ความอดทนหรือว่าทักษะล้วนแต่ถูกกดข่มเอาไว้เป็ครั้งแรก หลังรับมือกับกระบวนท่าชวนตาลายชุดแล้วชุดเล่า กล้ามเนื้อของเจียนั่วเริ่มแข็งทื่อและเคลื่อนไหวมิทันคำสั่งสมองเสียแล้ว
โม่จ้านที่จิตใจจดจ่อใบหน้าไร้ซึ่งอารมณ์ใด มิรู้ว่าั์ตาสีแดงแปรเปลี่ยนเป็สีแดงฉานน่าประหลาดั้แ่เมื่อใด แสดงให้เห็นถึงความฮึกเหิมถึงขีดสุดของเ้าของร่างในยามนี้
ข้อมือซ้ายต้านทานการโจมตีของศอก สายตาของเจียนั่วมองผ่านช่องว่างระหว่างหมัด เห็นั์ตาสีแดงเข้มของอีกฝ่ายฉายแววจะเอาชนะให้ได้ ในใจพลันตกตะลึงพลางรีบยกมือขวาขึ้นป้องกันใบหน้า
ทว่ากลับช้าไปเสียแล้ว ขณะยกแขนอ่อนแรงด้วยความร้อนรนกลับถูกหมัดแม่นยำกระแทกจนตกลง เจียนั่วได้แต่มองกำปั้นเปี่ยมพลังพุ่งมายังตรงหน้าภายในเสี้ยววินาที กระนั้นตนกลับมิอาจตอบสนองใดๆ ได้แม้แต่น้อย
กำปั้นหยุดลงอย่างกะทันหัน แรงลมถึงขั้นกระทบเส้นผมด้านหน้าที่ชุ่มเหงื่อของเจียนั่ว หากโม่จ้านมิยั้งมือ จุดจบของตนคงจะน่าเวทนาอย่างมิต้องสงสัย
“...ข้าแพ้แล้ว”
สามคำเบาหวิว เมื่อเอ่ยออกมาจากปากของเจียนั่วกลับฟังดูหนักอึ้งผิดปกติ
ั้แ่เกิดมาตนราบรื่นตลอดทางยากพบเจอคู่ต่อสู้ เคยพบเจอคนเพียงสองคนที่ทำให้ตนยอมต่อสู้สุดชีวิต หนึ่งในนั้นคือโม่เจ๋อเอ่อร์ที่อยู่ตรงหน้า ตนได้ใช้กำลังแรงกายทั้งหมดจนสิ้น ผลคือยังคงถูกโม่เจ๋อเอ่อร์ข่มเอาไว้โดยสิ้นเชิง นอกจากนั้นอีกฝ่ายยังอยู่ในสภาพสบายอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
เมื่อเห็นเจียนั่วค่อนข้างหดหู่ โม่จ้านถึงกับหัวเราะมิได้ร้องไห้มิออก
“มีสิ่งใดให้ต้องหดหู่? เดิมทีก็เป็การต่อสู้ที่ไม่ยุติธรรม หากเ้าใช้พลังเวท คาดว่าข้าคงลงไปนอนกับพื้นเสียแล้ว”
นี่กำลังปลอบใจข้า? เจียนั่วเงยหน้าขึ้น มองไปทางโม่จ้านด้วยสายตางุนงง สายตาของบุรุษตรงหน้าฉายแววจริงใจ ไร้ซึ่งเจตนาเย้ยหยันแม้แต่น้อย
โม่จ้านทำตามความเคยชิน ตนยื่นมือขวาไปทางเจียนั่วที่นั่งอยู่บนพื้น มือขวาที่กำลังค้ำยันพื้นของเจียนั่วชะงักไปชั่วเสี้ยววินาทีก่อนจะส่งมือซ้ายไปวางกลางฝ่ามือของโม่จ้านแ่เบา โม่จ้านกุมมือของเจียนั่วก่อนออกแรงดึง เจียนั่วพลันลุกขึ้นยืนได้อย่างง่ายดาย
การกระทำที่ปกติอย่างมากกลับทำให้เจียนั่วค่อนข้างฟุ้งซ่าน อัศวินหนุ่มยืนเหม่ออยู่ที่เดิมพลางมองมือของตน หวนนึกถึงััทางิัที่ได้รับ--- ฝ่ามือของโม่เจ๋อเอ่อร์อุ่นมาก เหมือนกับริมฝีปากของเขาไม่มีผิด
....ประเดี๋ยวก่อน เหตุใดจึงนึกถึงริมฝีปาก?
เจียนั่วมิต่างกับถูกสายฟ้าฟาดฉับพลัน ใบหน้าขาวซีดแต่เดิมกลับกลายเป็แดงก่ำ วินาทีถัดมากลับกลายเป็ดำทะมึน โม่จ้านยืนทำหน้าประหลาดใจอยู่ด้านข้าง มองสีหน้าที่เปลี่ยนไปมาของเจียนั่วแล้วพลันรู้สึกคล้ายกำลังมองดูเหมาเสี่ยวั่ง[1]หนึ่งหม้อในร่างมนุษย์
“นี่ เ้าเป็อันใด? ตัวร้อนหรือ?” โม่จ้านทำท่าจะจับใบหน้าของเจียนั่วอย่างหยอกเย้า กลับคาดมิถึงว่าอีกฝ่ายจะจับมือของตนไปวางไว้บนหน้าผากเสียเอง
“ไม่ มิใช่ มิเชื่อเ้าลองวัดอุณหภูมิดู”
โม่จ้านถูกปฏิกิริยาตอบสนองของเจียนั่วทำให้รู้สึกสับสนก่อนจะชักมือกลับมาอย่างประหม่า
“คือว่า สู้ก็สู้กันเสร็จแล้ว พวกเราควรจะกลับกันได้แล้วหรือไม่?”
เจียนั่วพยักหน้า ทว่ามิยอมขยับเขยื้อน โม่จ้านมองอัศวินที่ทำหน้าไม่รับรู้สิ่งใดอย่างหมดคำจะพูดก่อนจะใช้ปลอกกริชจิ้มหน้าอกอีกฝ่าย ตนเริ่มสงสัยแล้วว่าตนมือหนักเกินไปหรือไม่ ถึงขั้นลงมือจนคนปกติกลายเป็คนปัญญาอ่อนเสียแล้ว
เจียนั่วมองบุรุษที่อยู่ตรงหน้าอย่างระแวดระวัง ก่อนกระแอมไอคล้ายกับตัดสินใจได้แล้ว
“...ข้าเข้าร่วมกลุ่มเล็กของเ้าได้หรือไม่?”
“...ห๋า?” จู่ๆ เจียนั่วกลับเอ่ยหนึ่งประโยคนี้อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทำเอาโม่จ้านที่ถูกถามเบิกตาโต “เลิกล้อข้าเล่นได้แล้ว พวกเราหนึ่งไม่มีเครื่องเซ่น สองไม่มีซินแส หากท่านเทพองค์ใหญ่เช่นเ้าเข้ามาคงบูชามิไหว”
ข้าวหลวงดีๆ มิยอมกิน ดึงดันจะออกไปริเริ่มกิจการ? จะเสริมว่า ‘นี่มิใช่ชีวิตที่ข้า้า’ อีกสักประโยคด้วยหรือไม่?
ภายใต้การจดจ้องของโม่จ้าน เจียนั่วอ้าปาก สายตาเบนมองไปอีกทาง “ข้าเพียง...อยากสู้กับเ้าอีก”
เพื่อหาคู่ฝึกที่พอจะเก่งกาจสักหน่อยกลับทิ้งอนาคตของตนเองเสียแล้วหรือ?
ขณะมองสีหน้าคล้ายจะยิ้มแต่ไม่ยิ้มของโม่จ้าน เจียนั่วยังเอ่ยเสริมอีกหนึ่งประโยค “แบบไม่ใช้พลังเวท”
โม่จ้านหลุดหัวเราะไร้เสียง อัศวินที่อยู่ตรงหน้ากระตุ้นความสนใจใคร่รู้ของโม่จ้านอย่างถึงที่สุดเสียแล้ว --- ตลอดทั้งสองชีวิต เป็ครั้งแรกที่ตนนึกอยากผ่าสมองมนุษย์ท่านนี้ออกมาดูโครงสร้างภายในอย่างละเอียด
“หากเ้าสามารถช่วยชี้นำข้า ข้าก็ตกลง” โม่จ้านที่สวมชุดเกราะเรียบร้อยโบกมือ สิ่งที่ทิ้งไว้ให้เจียนั่วมีเพียงแผ่นหลัง
“...สิ่งใดคือการชี้นำ? ชี้นำอันใด?” เจียนั่วไม่เข้าใจคำพูดของโม่จ้านในทันที จำต้องใช้ความคิดอยู่ครึ่งค่อนวันกว่าจะเข้าใจ
การชี้นำพลังเวท จำเป็ต้องมีจอมเวทระดับสูงเป็ผู้ทำจึงจะสามารถรับรองผลสำเร็จ ความสามารถในการควบคุมของจอมเวทระดับกลางยังมิดีพอ มีความเสี่ยงต่อการล้มเหลว ทันทีที่ล้มเหลว เป็ไปได้สูงว่าจะส่งผลให้ผู้ถูกชี้นำสูญเสียพลังในการรับรู้พลังธาตุ ถึงขั้นเป็อันตรายแก่ชีวิต
เจียนั่วไม่มัวจัดระเบียบอาภรณ์ที่ยับยู่ยี่พลางรีบสาวเท้าไล่ตามโม่จ้าน “ถึงแม้ข้าจะมิอาจรับรอง ทว่าข้าจะพยายามลองดูสักครา”
โม่จ้านชะงักฝีเท้าหันหน้ากลับมา แววตาฉายแววงุนงงระคนในั่นสื่อความหมายของคำว่า ‘เห็นผี’ ได้สมจริงยิ่งนัก
เจียนั่วมองโม่จ้านอย่างเอาจริงเอาจัง “เมื่อยามเด็กข้าเคยถูกท่านผู้หนึ่งชี้นำจนรับรู้ถึงพลังธาตุ วิธีที่เขาใช้ค่อนข้างพิเศษ แตกต่างจากในโรงเรียน”
โม่จ้านขมวดคิ้ว จะเชื่อหรือไม่เชื่อ นี่ก็คือปัญหาใหญ่ คล้ายกับตนจะมิรู้รายละเอียดอันใดเกี่ยวกับเจียนั่วสักนิด หากมีทางเลือกที่ดีกว่านี้ โม่จ้านไม่มีทางเลือกที่จะฝากโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตไว้กับเขาอย่างแน่นอน
ทว่าความเป็จริงกลับโหดร้ายเหลือเกิน ท่ามกลางบรรดาผู้คนที่ตนเชื่อใจ ลาถีเท่อไม่มีคุณสมบัติ ปีศาจแฝงฝันสองพี่น้องไร้ความรู้ เมื่อเทียบกับกระต่ายตื่นตูมอย่างเก๋อจือที่ระดับธรรมดา ตนยินดีจะเชื่อเจียนั่วที่ทำสิ่งใดอยู่ภายในกรอบมากกว่า
โม่จ้านอยากรู้เหลือเกินว่าตัวประหลาดที่ิญญาเป็มนุษย์ร่างกายเป็ปีศาจเช่นตนจะสามารถควบคุมพลังเวทได้หรือไม่
เชิงอรรถ
[1] เหมาเสี่ยวั่ง 毛血旺 คือเืเป็ดหรือเืหมูต้มเผ็ด
