“ไม่เป็ไรนะเสี่ยวเอิน ข้าจะอยู่เป็เพื่อนเ้าตรงนี้” คำพูดอบอุ่นของฮองเฮาทำให้เสี่ยวเอินยิ้มรับ ขณะที่พิษยาแล่นเข้าสู่ร่างกายอย่างรวดเร็ว
“หม่อมฉันจะไม่มีวันลืม ว่าเคยได้รับความเมตตาจากพระองค์มากเพียงใด ชาตินี้เสี่ยวเอินวาสนาน้อยนักที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลฮองเฮาและรัชทายาท แต่หากชาติหน้ามีจริงเสี่ยวเอินจะกลับมาทำหน้าที่ใหม่อีกครั้ง” หญิงสาวพูดพลางค่อย ๆ หมดแรงไปทีละนิด ก่อนกระอักเืออกมาแล้วพยายามฝืนยิ้มให้ฮองเฮาเป็ครั้งสุดท้าย
“หม่อมฉันไม่ไหวแล้วเพคะ” สิ้นเสียงอันแ่เบา ฮองเฮาพยักหน้าช้า ๆ
“ข้าจะอยู่ตรงนี้ ข้าง ๆ เ้านะเสี่ยวเอิน” หญิงสาวค่อย ๆ หมดลมหายใจภายใต้อ้อมกอดของฮองเฮาที่ร้องไห้ออกมาด้วยความเ็ป ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายและเสียงสาปแช่งของฝูงชนที่มุงดูการปะา
หลังจากการสูญเสียพระสนมเสี่ยวเอินในครั้งนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างฮ่องเต้กับฮองเฮาก็หมางเมินกัน ด้วยเพราะฮองเฮาทรงคิดเสมอว่าฮ่องเต้ด่วนตัดสินโทษของพระสนมเสี่ยวเอินเร็วเกินไป
“นางไม่กินข้าวอีกแล้วเหรอ”
“ทูลฝ่าา ฮองเฮาเสวยได้น้อยลง พวกนางกำนัลพยายามหาอาหารที่ฮองเฮาโปรดปรานมาให้ ก็มิทรงเสวยพ่ะย่ะค่ะ” ฮ่องเต้พยักหน้าแล้วถอนหายใจออกมาด้วยความหนักใจ
“รัชทายาทล่ะ”
“องค์รัชทายาทนั่งวาดภาพที่สวนดอกเหมยพ่ะย่ะค่ะ”
ชายหนุ่มในชุดสีขาวสะอาดแต่งองค์ด้วยเครื่องประดับสูงค่า รวมถึงป้ายหยกที่ประกาศฐานะของเขาว่าสูงส่งเพียงใด ท่ามกลางสายลมเย็นสบายพัดผ่านเป็ระลอก เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในการเขียนภาพวาด โดยไม่สนใจผู้คนรอบข้าง ก่อนเสียงฝีเท้า จะทำให้รัชทายาทเจี้ยนหัว วางพู่กันในมือลงไว้ด้านข้างแล้วหันมาด้วยท่าทางสง่างาม
“เสด็จพ่อ” เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“วาดภาพอีกแล้วเหรอ” ฮ่องเต้ทอดสายตาไปยังภาพวาดที่เป็ภาพเด็กผู้หญิงสะพายตะกร้าคนหนึ่งบนกระดาษ เจี้ยนหัวมักวาดภาพเด็กผู้หญิงคนนี้ในอิริยาบถต่าง ๆ ั้แ่เขาเล็ก ๆ
“มาหาข้าถึงสวนดอกเหมย เสด็จพ่อมีอะไรจะคุยกับข้างั้นเหรอ” ชายหนุ่มเอ่ยถาม ก่อนฮ่องเต้ถอนหายใจแล้วพูดขึ้น
“ที่ข้ายอมให้เสนาบดี สั่งปะาพระสนมเสี่ยวเอินไปนั้น ข้าทำผิดมากหรือไม่” รัชทายาทนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง
“หากเป็ไปตามหลักฐาน ก็ถือว่าไม่ผิด”
“แต่แม่ของเ้าไม่คิดเช่นนั้น จนป่านนี้ก็ผ่านมาหลายเดือนแล้ว นางยังไม่ยอมคุยกับข้า อาหารก็ไม่ยอมกิน ไม่ยอมพบหน้าข้าด้วยซ้ำ” ชายหนุ่มค่อย ๆ หันกลับไปหยิบพู่กัน แล้วบรรจงวาดภาพเด็กหญิงผู้นั้นต่อ
“เสด็จแม่เอ็นดูนางกำนัลผู้นี้มาก ถึงขนาดยัดเยียดนางให้เป็สนมของข้า ย่อมรักและเมตตานางเป็ธรรมดา จะให้เสด็จแม่ทำใจได้เลย ย่อมเป็ไปได้ยาก” เจี้ยนหัวพูดอย่างไม่ยินดียินร้ายนัก
“ข้าหนักใจกับแม่ของเ้าจริง ๆ คิดจะหลบหน้าข้าเช่นนี้ ไปอีกนานเท่าใด” ก่อนรัชทายาทจะยิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ยขึ้นลอย ๆ
“เช่นนั้นเสด็จพ่อ ลองประกาศหานางกำนัลคนใหม่ ให้เสด็จแม่ดูสิ หากนางเจอคนที่ถูกใจอาจทำให้คลายความคิดถึงเสี่ยวเอินได้บ้าง” ฮ่องเต้ได้ยินดังนั้นจึงค่อย ๆ เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง
“ข้าลืมข้อนี้ไปได้ยังไง” ยังไม่ทันที่ฮ่องเต้พูดจบ ร่างของหลี่ถังเยี่ยน ก็เดินมาพร้อมกับถาดผลไม้ในมือ ด้วยกิริยางดงามนิ่มนวลของหญิงสาว ทำให้ฮ่องเต้เอ่ยขึ้นด้วยท่าทางสุขุม
“เ้านั่นเอง คิดว่าผู้ใด”
“ถวายพระพรฝ่าา ขออภัยที่หม่อมฉันเข้ามาขัดจังหวะ”
“ไม่ได้ขัดจังหวะอะไรหรอก เ้ามีสิ่งใดงั้นรึ” หลี่ถังเยี่ยนน้อมกายลง บรรจงวางถาดผลไม้ให้กับองค์รัชทายาท แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“หลายเดือนมานี้ ฮองเฮาทรงซูบผอมไปมากเพคะ หม่อมฉันพยายามทำอาหารที่หลากหลายแล้ว แต่ก็ยังไม่ถูกปาก” นางพูดพลางเลื่อนสายตามองไปยังรัชทายาท ด้วยสายตาเป็ประกาย ทว่าพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกไว้ แล้วกล่าวต่อ
“แต่ขอฮ่องเต้ และรัชทายาทอย่าได้เป็กังวล หม่อมฉันจะคอยดูแลฮองเฮาอย่างดีที่สุด” คำพูดชาญฉลาดของถังเยี่ยน ทำให้ฮ่องเต้ทรงซาบซึ้งใจ
“หากไม่ได้เ้าคอยดูแลฮองเฮา ข้าก็คงไม่รู้ว่าจะไว้ใจผู้ใดได้อีก อันที่จริงข้าไม่ได้อยากลงโทษพระสนมเสี่ยวเอินถึงแก่ชีวิต แต่จะทำเช่นไร ในเมื่อหลักฐานที่บิดาของเ้ามีแ่าเพียงนั้น หากข้าเว้นโทษนาง แล้วกฎระเบียบของวังหลวงจะศักดิ์สิทธิ์ได้เช่นไร” ถังเยี่ยนน้อมกายลงเล็กน้อย แล้วเอ่ยวาจาอ่อนหวาน
“หม่อมฉันเข้าใจดีเพคะ ถึงแม้พระสนมเสี่ยวเอินจะเป็สหายรักของหม่อมฉัน แต่ในเมื่อทำผิดจะเว้นโทษมิได้”
“หากฮองเฮาเข้าใจเหมือนที่เ้าเข้าใจ ข้าคงไม่ทุกข์ใจหนักหนาเช่นนี้” พูดจบฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ก็เบี่ยงตัวเดินจากไป เหลือไว้เพียงแค่หลี่ถังเยี่ยน ที่ยืนอยู่ตามลำพังกับรัชทายาทพร้อมสายลมอ่อนพัดโชยมาเป็ระยะ
เขายังคงวาดภาพของเด็กหญิงสะพายตะกร้าไว้ด้านหลัง โดยไม่กล่าวสิ่งใดออกมา ท่ามกลางสายตาสั่นไหวของถังเยี่ยนจับจ้องมองอีกฝ่ายไม่วางตา
“จะมีสักครั้งหรือไม่ ที่ท่านมองเห็นข้าในสายตา” หลี่ถังเยี่ยนนึกน้อยใจเงียบ ๆ ก่อนนางจะย่อตัว แล้วน้อมกายลาด้วยกิริยานอบน้อมเช่นเดิม
“หม่อมฉันทูลลาเพคะ”
“เดี๋ยวก่อน” เสียงของรัชทายาททำให้หญิงสาวเผลอยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะขานรับ
“เพคะรัชทายาท” เขาวางพู่กันลง แล้วเอ่ยขึ้น
“อีกหน่อย เ้าก็ไม่ต้องเหนื่อยดูแลเสด็จแม่เช่นนี้แล้วล่ะ” หญิงสาวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย จึงเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเช่นเดิม
“รัชทายาทหมายความว่าอย่างไรเพคะ”
“ข้าจะให้คนประกาศหานางกำนัลคนใหม่ เข้ามาทำหน้าที่แทนเสี่ยวเอิน” ถังเยี่ยนได้ยินดังนั้นจึงชะงักนิ่ง ก่อนจะฝืนยิ้มออกมาแล้วพูดขึ้น