ดูแค่แผนที่โบราณที่ค่อนข้างสมบูรณ์แผ่นนี้ ิอวี่ก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันไม่ธรรมดา ส่วนสำนักอัคคีที่ระบุอยู่บนแผ่นที่ก็น่าจะไม่ใช่สถานที่อันตราย
“แผนที่แผ่นนี้เป็ที่นิยมอย่างมาก ราชวงศ์สูงส่งกว่าสามสิบเจ็ดแห่งในรอบรัศมีหนึ่งแสนลี้ต่างมีแผนที่แผ่นนี้กันทั้งนั้น” ิเฉินเหยียนพูดเสริม
ิอวี่สะดุ้ง “อย่างนั้นก็หมายความว่ามันไม่ใช่แค่แผนที่ แต่สำนักเทพอัคคีตั้งใจปล่อยมันออกมาให้กับเราใช่ไหม?”
หากิเฉินเหยียนบอกว่ามันเป็แค่แผนที่แผ่นหนึ่งก็ไม่เท่าไร แต่เขากลับบอกว่ามีสามสิบเจ็ดราชวงศ์ใช้วิธีการต่างๆ เพื่อให้ได้แผนที่แผ่นนี้มา ถ้าอย่างนั้นไม่ว่าราชวงศ์ต่างๆ จะได้มันมาด้วยวิธีการใดก็ตาม “สำนักเทพอัคคี” ที่เป็สำนักเหนือระดับก็ไม่ใช่ความลับอะไร
“ก็เป็ไปได้ ไม่แน่ว่าสำนักเทพอัคคีอาจจะอยากได้สายเืใหม่ ดังนั้นก็เลยตั้งใจทิ้งร่องรอยเอาไว้ ขอแค่เป็ผู้กล้าที่มีความสามารถก็อาจจะไปยังสำนักเทพอัคคีได้”
“สำนักเทพอัคคีมันแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยหรือ?” ิอวี่คิดแล้วถามออกมา พูดตามตรง เขาแทบไม่ได้รู้เื่ของสำนักเหนือระดับอะไรนี่เลย
แต่ิเฉินเหยียนเหมือนจะรู้เยอะกว่าิอวี่ เขาเลยอธิบายว่า “สำนักเทพอัคคีแข็งแกร่งกว่าที่เ้าจะนึกภาพได้ ทั้งสามสิบเจ็ดราชวงศ์มีผู้คนอาศัยอยู่เฉลี่ยกว่าพันล้านคน ในราชวงศ์มีตระกูลใหญ่เชื้อพระวงศ์หรือไม่ก็สำนักมากมาย แต่พวกเขาก็ถูกจำกัดในกรอบของราชวงศ์ แต่สำนักเหนือระดับนั้นแตกต่างไป มันอยู่นอกขอบเขตอำนาจของราชวงศ์ มันเหมือนเป็แคว้นๆ หนึ่งแยกออกมา”
“ไม่ว่าราชวงศ์หรือว่าสำนักเหนือระดับ ในความเป็จริงแล้วมันก็เป็กลุ่มอำนาจที่แตกต่างกัน เพียงแต่อำนาจของสำนักเหนือระดับนั้นแข็งแกร่งเกินไป ได้ยินมาว่ามีแค่อำนาจจากสำนักเทพอัคคีเท่านั้นที่แข็งแกร่งกว่าพลังของผู้กล้าทั้งหมดของราชวงศ์ทั้งหมดรวมกันอีกนะ!”
ิอวี่ตะลึงมาก หากเป็ไปอย่างที่ิเฉินเหยียนพูด ถ้าอย่างนั้นสำนักเหนือระดับจะมีความแข็งแกร่งไปถึงระดับไหนกันนะ!
“ก่อนหน้านี้ท่านบอกข้าว่า ในสำนักเหนือระดับ ขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งเป็แค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น ท่านยังบอกอีกว่าหลังจากที่ไปถึงระดับขอบเขตอมฤตขั้นที่หกแล้ว จะสามารถไปตามหาของอย่างหนึ่งซึ่งทำให้ความสามารถเกิดการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าดินได้เลย ถ้าอย่างนั้นในสำนักเทพอัคคีจะมีคนแบบไหนอยู่กันแน่นะ?” ิอวี่ถาม
เขารู้ดีว่าเื่ความแข็งแกร่งที่ก้าวะโระหว่างอาณาจักรก็เหมือนกับต้วนอู๋ซวงกับต้วนอู๋เสวีย คนหนึ่งมีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่ง กับคนที่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งใกล้เคียงระดับสูงสุด ก็มีความแตกต่างกันสูงมาก
อย่างนั้นถ้าพัฒนาไปอีกก้าวล่ะ? ขอบเขตอมฤตในแต่ละขั้น ความสามารถก็จะก้าวะโไปไกล หากขอบเขตอมฤตขั้นที่หก ดวงจิตเทวะหัวใจ ตับ ม้าม ปอด ไต เมื่อรวมเป็หนึ่ง ก็จะกลายเป็เทวะที่แท้จริง ระดับแบบนั้นมันต้องน่ากลัวขนาดไหนกันเชียว!
และอีกเื่ที่ลืมไม่ได้เลย หลังจากที่มีขอบเขตอมฤตขั้นที่หกแล้วยังต้องไปหาของอย่างหนึ่งอย่างที่ิเฉินเหยียนบอก ...
ของสิ่งนั้นคืออะไร ิเฉินเหยียนก็ไม่รู้ ิอวี่ยิ่งไม่รู้เข้าไปใหญ่ แต่ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าของสิ่งนั้นจะต้องเป็ของหายากมากแน่นอน!
“ถูกต้อง”
ิเฉินเหยียนพูดเสียงแข็ง “ผู้กล้าพวกนั้นอยู่ในระดับที่เราคาดเดาไม่ได้เลย สำหรับพวกเขาแล้ว สิ่งมีชีวิตในรัศมีแสนลี้ก็แค่มดที่อยากจะฆ่าให้ตายเมื่อไหร่ก็ได้ และเพราะสาเหตุนี้ สำนักเทพอัคคีจึงแข็งแกร่งหลายเท่าตัวและไม่เข้ามากล้ำกรายในดินแดนของเราเลย”
“ก็ไม่ต่างกับบัณฑิตผู้รอบรู้ เขาไม่มีทางลงมาดื่มเหล้ากับชาวนาแล้วพูดเื่ปรัชญาชีวิตกับพวกเขาแน่ เพราะชาวนาไม่รู้เข้าใจเื่พวกนั้น เหมือนพวกพ่อค้าที่ไม่มีวันไปประจบประแจงคนบ้านนอกหรือขอทาน แม้แต่ความคิดที่อยากจะยุ่งกับขอทานยังไม่มีเลย”
“สรุปก็คือ มันเป็สองระดับที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ความแตกต่างมันมีมากเกินไป คนที่อยู่สูงแทบไม่ได้มีใจอยากจะลงมาัักับคนชั้นล่างเลย พูดให้ตรงอีกหน่อยก็คือ พวกเขาแทบไม่อยากจะทำแบบนั้นเลย”
“ดังนั้น สำนักเทพอัคคีก็ไม่ได้รู้สึกว่าอยากจะควบคุมทั้งสามสิบเจ็ดราชวงศ์ที่อยู่รอบรัศมีแสนลี้เลย และพวกเขาก็ไม่ได้คิดอยากจะสร้างกองทัพของตัวเองด้วย เพราะที่นั่นทุกคนล้วนแต่แข็งแกร่งและมีพร์ หนึ่งคนสามารถสู้กับคนแสนคนหรือกองทัพนับล้านได้ พวกเขา้าแค่คนที่มีพร์และความสามารถเท่านั้น เพื่อเป็อสูรแห่งศาสตร์การต่อสู้ที่สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสำนักเทพอัคคี!”
เมื่อได้ยินคำพูดของิเฉินเหยียนแล้ว ในใจของิอวี่ก็เริ่มตื่นเต้นจนไม่อาจสงบได้
เดิมเขาคิดว่าคนอย่างต้วนอู๋ซวง กว่างหานอ๋อง น่าจะเป็บุคคลที่แข็งแกร่งอย่างมากแล้ว ถือว่าอยู่ในจุดที่สูงที่สุดของโลก แต่ใครจะไปรู้ว่ายังมีโลกอีกใบที่พวกเขาก็ไม่ต่างกับคนชั้นล่าง
แต่ต้วนอู๋ซวงสามารถสังหาริอวี่ได้ง่ายดายเลยนะ เล่นงานเขาจนหมดสภาพเลย!
“ดูท่า ความสามารถของข้านับว่าต่ำที่สุดของสำนักเทพอัคคียังไม่ได้เลย” ิอวี่ส่ายหน้าแล้วเหมือนจะเศร้าไป
“ใช่ ความสามารถของเ้าในเวลานี้มันยังไม่พอ แต่ว่า อวี่เอ๋อร์ ปีนี้เ้าอายุยังไม่ถึงสิบเจ็ด แต่มีขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าระดับสูงสุดแล้ว แล้วขีดจำกัดพลังสูงสุดของเ้านั้นก็เทียบเท่าราชสีห์สองหมื่นตัวที่หาได้ยากมากด้วย ด้วยพร์ของเ้า เ้าสามารถไปลองดูได้นะ”
ิเฉินเหยียนใช้มือซ้ายตบไปที่บ่าของิอวี่ เขาพูดด้วยสีหน้าท่าทางที่เต็มไปด้วยความหวังว่า “ในสำนักเทพอัคคีมันมีวิชาหนึ่งที่เหมาะกับการฝึกร่างนักรบเพลิง แล้วเ้าก็มีร่างแบบนั้น พูดได้เลยว่าสำนักเทพอัคคีนั้นเหมาะกับเ้าอย่างมาก”
“ขอแค่เ้ามีกำลังแฝง ในสำนักเทพอัคคีเ้าก็จะสามารถได้รับทรัพยากรชั้นสูงในการฝึกที่ในราชวงศ์ต้าิให้เ้าไม่ได้ เมื่อเป็แบบนั้น ไม่แน่ว่าในเวลาหนึ่งปีเ้าอาจจะมีโอกาสทะลวงระดับไปถึงขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งระดับสูงสุดก็ได้ ต่อให้เ้าเอาชนะกว่างหานอ๋องไม่ได้ แต่ข้าเชื่อว่าเ้าจะต้องสามารถคุมสถานการณ์ของราชวงศ์ต้าิเราเอาไว้ได้อย่างแน่นอน”
“หลังจากนั้นอีกสักสิบปี ยี่สิบปี ราชวงศ์ต้าิกับราชวงศ์ปิงเฟิงอาจจะยังตกอยู่ในสถานการณ์ตึงเครียดต่อไป แต่ว่าเมื่อผ่านจุดนั้นไปได้แล้วเ้าก็จะยิ่งใหญ่ อันตรายของราชวงศ์ต้าิเราก็จะถูกขจัดออกไป!”
“ ... อือ”
ิอวี่ขมวดคิ้วหนักมาก เขารู้ดีว่าเขาไม่ได้แค่ไปไล่ล่าศาสตร์การต่อสู้ของตัวเองเท่านั้น แต่บนตัวเขายังแบกภาระเกียรติยศของต้าิเอาไว้ด้วย!
ในเวลานี้เอง ิอวี่รู้สึกว่าบนบ่าของเขานั้นมีภาระที่หนักอึ้งมาก
“หากข้าไปสำนักเทพอัคคี แล้วท่านล่ะ?”
ิอวี่ถามขึ้นมาอีก เขามองไปยังแขนขวาที่ขาดไปของิเฉินเหยียนแล้วรู้สึกปวดใจอย่างมาก
ก่อนหน้านี้ิเฉินเหยียนาเ็หนักเป็ทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมาขาดแขนขวาไปข้างหนึ่งด้วย พูดได้เลยว่าตอนนี้ิเฉินเหยียนสาหัสมาก ตอนนี้เขาปล่อยความสามารถในระดับสูงสุดออกมาได้ไม่เกินสี่ส่วนด้วยซ้ำ
หากิอวี่เดินทางไปยังสำนักเทพอัคคี แล้วิเฉินเหยียนจะคุ้มครองตัวเองได้หรือ?
“เื่นี้เ้าไม่ต้องเป็ห่วง” ิเฉินเหยียนส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้กว่างหานอ๋องประกาศเอาไว้แล้วว่าจะให้เวลาราชวงศ์ต้าิทบทวนหนึ่งปี หลังจากนี้อีกหนึ่งปีหากต้าิไม่ยอมแพ้ กว่างหานอ๋องถึงจะยกทัพมา ดังนั้น ข้ายังมีเวลาหนึ่งปี รับรองไม่มีอันตรายถึงชีวิตแน่”
“แต่ว่าท่านจะให้ใครเห็นท่านไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นหากเื่นี้แผ่ไปถึงราชวงศ์ปิงเฟิง เกรงว่า ... ”
“ข้ารู้”
ิอวี่ยังพูดไม่จบิเฉินเหยียนก็พูดแทรก เขาพูดท่ามกลางสายตาที่เอ็นดูมาก “อวี่เอ๋อร์ ข้ารู้ดี พ่อเ้าไม่โง่นะ”
เห็นสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความใจดีและสภาพที่ดูอิดโรยของิเฉินเหยียน ไม่รู้ว่าทำไมิอวี่ถึงรู้สึกสะอื้นในใจ จากนั้นก็พูดว่า “ ... ได้”
ิเฉินเหยียนเริ่มเข้าสู่อารมณ์อาลัยอาวรณ์ เขาพยายามยิ้มแล้วพูดว่า “ตอนนี้ข้าจะเล่าอธิบายถึงเส้นทางการเดินทางไปสำนักเทพอัคคี”
ิเฉินเหยียนชี้ไปที่แผนที่และเริ่มอธิบายให้ิอวี่ฟัง “หลังออกเดินทางจากต้าิ เ้าก็ออกเดินทางไปยังทิศตะวันออก ด่านแรกที่จะต้องเจอก็คือราชวงศ์อวินซี ถึงเวลานั้นเ้าอย่าได้บินเด็ดขาด เพราะราชวงศ์อวินซีห่างจากเราไม่มาก ข้ากลัวว่าราชวงศ์ปิงเฟิงอาจจะส่งสายเข้ามา พอเ้าไปถึงที่นั่นให้ใช้การเดินเท้าเท่านั้น”
“เมื่อเ้าออกจากราชวงศ์อวินซีก็ค่อยซื้อพาหนะที่บินได้แล้วเดินทางไปทางทิศตะวันออก ระหว่างทางก็จะผ่านราชวงศ์ปี้ลั่ว ราชวงศ์หลงเชียง ราชวงศ์ไป่เลี่ยน และสุดท้ายก็จะข้ามน่านฟ้าราชวงศ์เทียนชาง ไปจนถึงพื้นที่รกร้างที่กว้างใหญ่”
“พื้นที่สีเหลืองในแผนที่ก็คือพื้นที่รกร้างที่กว้างใหญ่นั่นตามที่ระบุอยู่ในในแผนที่ หาเครื่องมือขนส่งให้เจอ เมื่อเข้าไปในนั้นมันจะส่งเ้าไปยังบริเวณที่ใกล้กับสำนักเทพอัคคีที่สุด”
เมื่อได้ยินที่ิเฉินเหยียนกำชับิอวี่ก็อดไม่ได้ที่จะอึ้งไป คิดไม่ถึงเลยว่าการเดินทางไปยังสำนักเทพอัคคีนั้นจะซับซ้อนยุ่งยากขนาดนี้
ถึงแม้ระยะทางจะยาวไกล แต่ว่าิอวี่จะหยุดพักระหว่างทางไม่ได้เลย เขาต้องไปถึงสำนักเทพอัคคีให้เร็วที่สุด ไปถึงเร็วเท่าไรความหวังก็จะมากขึ้นตามไปด้วย
ถึงแม้ิอวี่ยังไม่รู้ว่าจะต้องไปเจอบททดสอบอะไรที่สำนักเทพอัคคี แต่อย่างไรเขาก็ต้องลอง เพราะตอนนี้เขาจนมุมแล้ว
การเข้าสำนักเทพอัคคีเป็เพียงความหวังเดียวในเวลานี้
“อวี่เอ๋อร์ ในนี้มีของใช้จำเป็ที่เ้าต้องใช้ เ้าเก็บเอาไว้ให้ดีนะ” ิเฉินเหยียนยื่นถุงเก็บของสีดำให้กับิอวี่
ิอวี่รับถุงเก็บของมาไว้ในมือ เขาใช้พลังจิตกวาดสายตาไปด้านในก็พบว่าในถุงเก็บของนั้นมีของหายาก ยาวิเศษ และยาจูหยวนตันอีกแปดพันเม็ด!
ยาจูหยวนตันแปดพันเม็ดก็เท่ากับแปดสิบล้านเหรียญหยกดำ ถ้ารวมกับของมีค่าและยาวิเศษอื่นๆ ด้วย มูลค่าในถุงเก็บของใบนี้ก็จะมีมากกว่าสามร้อยล้านเหรียญหยกดำ เขาแทบจะไม่ต้องกังวลถึงทรัพยากรในการฝึกใน่ระยะเวลาสั้นๆ เลย
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ในถุงเก็บของยังมีม้วนกระดาษสีเหลืองอยู่ม้วนหนึ่ง ซึ่งมันเป็เคล็ดลับการทะลวงจากขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าระดับสูงสุดไปยังขอบเขตอมฤตขั้นที่หนึ่งด้วย
สำหรับผู้กล้าขอบเขตหลุดพ้นปุถุชนขั้นที่เก้าระดับสูงสุดแล้ว เคล็ดลับนั้นอาจจะไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไร แต่สำหรับิอวี่แล้วมันเป็ของที่มีค่าที่ประเมินค่าไม่ได้เลย!
“นี่มัน ... ”
ิอวี่อึ้งไป ิเฉินเหยียนมอบทุกอย่างที่เขาได้มาภายในหลายปีที่ผ่านมาให้กับิอวี่จนหมด เพื่อิอวี่แล้วเขายอมสละได้ทุกอย่าง
“นี่เป็ของที่พ่อสมควรให้กับเ้า เ้าเก็บเอาไว้เถอะ”
ระหว่างที่พูด ิเฉินเหยียนก็หันหน้ากลับมาแล้วมองไปที่ถนนนอกหน้าต่างของโรงเตี๊ยม ิอวี่ไม่เห็นสีหน้าท่าทางของเขา แต่ว่าน้ำเสียงของิเฉินเหยียนทำไมิอวี่จะฟังไม่ออก ิเฉินเหยียนรู้สึกผิดต่อเขา ตลอดระยะสิบปีกว่าปีที่ผ่านมาเขาแทบไม่เคยสนใจใยดีิอวี่เลย ของขวัญมูลค่าสามร้อยล้านเหรียญหยกดำนั้นเต็มไปด้วยความคาดหวัง และเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจ
“ท่านพ่อ ข้า ... ”
“อะไรที่ควรพูดข้าก็พูดไปหมดแล้ว ... เ้าไปเถอะ เก็บแผนที่แล้วไปตอนนี้เลย” ิเฉินเหยียนยังคงไม่มองมาที่ิอวี่ แต่ิอวี่ฟังออกว่าเสียงของเขามันกำลังสั่นเครือ
“ท่านพ่อ ... อีกหนึ่งปีข้าจะกลับมาแน่นอน รอข้านะ”
ิอวี่เก็บแผนที่ เขารู้สึกว่าเหมือนมีอะไรไม่รู้จุกอยู่ที่คอ ตอนนั้นอารมณ์ความรู้สึกของการจากลามันแผ่กระจายไปทั่วทั้งห้อง มันเป็ความรู้สึกแห่งความเศร้า
“อือ ... ไป”
ิเฉินเหยียนมองออกไปนอกห้องแล้วโบกมือไล่ิอวี่ ท่าทางของเขาเหมือนจำใจ น้ำเสียงของเขาหนักแน่นมาก
ิอวี่โค้งคำนับให้กับิเฉินเหยียน เขาไม่ได้พูดอะไรอีก รู้สึกว่าขาของตนนั้นหนักอึ้ง แต่หลังจากนั้นเขาก็ตัดสินใจหันหลังแล้วก็ออกจากห้องไป เพราะหากเขาลังเลใจอีกแค่นิดเดียว เขาคงทนต่อการจากลานี้ไม่ไหวและไม่อยากจากไปอีก
เมื่อิอวี่ปิดประตูห้อง ิเฉินเหยียนถึงหันหน้ากลับมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ พูดให้ตรงกว่านั้นก็คือ ดวงตาของเขาเปียกซึมั้แ่ิอวี่อยู่ในห้องแล้ว เขาฝืนไม่อยากให้ลูกเห็นเขาในสภาพนี้
ิเฉินเหยียนมองออกไปที่นอกหน้าต่างอีกครั้ง มองิอวี่ที่ไกลออกไปทีละนิดจนหายลับไปจากสายตา แล้วน้ำตาของเขาก็ไหลออกมา
“อวี่เอ๋อร์ ... ดูแลตัวเองให้ดีนะ”
