เ่ิูออกจากหอพิจารณ์แล้ว
ข่าวนี้แพร่ไวเหมือนติดปีกอีกรอบ กระจายไปทั่วเขตของศิษย์ปีหนึ่งแห่งสำนักกวางขาว จนวันนี้เข้าไปแล้ว คนมากมายก็ยังไม่อาจลืมเลือนสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสามเดือนก่อนลงได้
วันนั้น เด็กหนุ่มที่อันดับไม่ติดหนึ่งในห้าสิบ คนคนเดียวมาพร้อมสองหอก พิชิตคนอยู่สูงกว่าในสิบรายชื่อ ทำลายหกสังเวียนเรียบ โค่นล้มฉินอู๋ซวง แล้วยังก้าวผ่านจุดสุดยอดของอาณาพิภพในหมัดเดียว...
เื่ราววันนั้น ฟังกี่รอบก็เทพนิยายชัดๆ
คนมากมายพอคิดถึงเื่วันนั้นแล้ว ความตะลึงพรึงเพริดก็กลับมาอีก ความรู้สึกดั่งเืเดือดพล่านไม่เคยหายไปไหน
และวันนี้ บุรุษที่สร้างเทพนิยายวันนั้น ได้หลุดจากการกักตัว พ้นโทษออกมาเป็ที่เรียบร้อย
สามเดือนผ่านไปแล้ว ไม่รู้ว่าเขาคนนี้จะเปลี่ยนเป็แบบไหนกันแล้ว?
กักตัวเก้าสิบวันจะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของคนที่ทั้งขวานผ่าซากและแข็งแกร่งนี้ได้หรือไม่?
ใน่เวลาหนึ่ง ได้มีนักเรียนสำนักกวางขาวหลายคนรวมตัวกันอยู่ข้างๆ ปากทางเข้าหอพิจารณ์ ทั้งสมัครใจและไม่สมัครใจ ล้วนแต่เมียงมองหาบางอย่าง...
ปึง!
ประตูใหญ่สีดำเปี่ยมด้วยกระบวนอักขระเปิดออกแล้ว
สายตานับไม่ถ้วนมองไปที่เดียวกัน
ใต้แสงสุริยันยามเช้า เด็กหนุ่มผู้ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังก้าวออกมา ผมยาวดำขลับยาวจรดโคนขา ปลอกหอกยาวหนึ่งเมตรผูกอยู่กลางหลัง ดูเหี่ยวแห้งลงนิดหน่อย แล้วก็ผอมลงบ้าง ดวงตาใต้คิ้วคมที่มักฉายแววเอาแต่ใจก็ดูเก็บอาการลง
“ออกมาแล้ว!”
“เ่ิูล่ะ!”
“ดูเหมือนจะท้อแท้อย่างไรก็ไม่รู้นะ!”
“ถูกกักมาตั้งสามเดือนเชียวนา สามสิบวันไม่มีอาจารย์คอยแนะนำ แล้วก็ไม่ได้มีการฝึกปรือที่จำเป็ด้วย ให้ข้าเดา พลังของเขาคงก้าวหน้าไม่เท่าไรหรอก!”
“ใช่แล้ว หอพิจารณ์ไม่เหมาะกับฝึกปรือแน่!”
“เฮ้ยๆๆ รีบมาดูทางนี้เร็ว คนของฉินอู๋ซวงมาแล้ว แกนนำโดยเฉวียนย่าหลิน...ข้าเชื่อว่า ศึกตระการตาครั้งที่สองของสองเทพปีหนึ่ง จะเริ่มในไม่นานนี้แน่!”
ลูกศิษย์ลูกหาพูดคุยกันสนุกปาก
โดยที่ไม่ได้รู้สึกตัวกันเลย คนจำนวนมากจำต้องยอมรับว่า เ่ิูได้กลายเป็จุดสนใจที่ทุกคนจับตามองไปแล้ว เหล่านักเรียนที่ชำเลืองเห็นเ่ิูออกมาจากหอพิจารณ์ ล้วนแล้วแต่อดไม่ได้ที่จะจับจ้องไปยังร่างของเขา
ทว่าก็ยังแค่มองอยู่ห่างๆ เท่านั้น
ทำผิดต่อกลุ่มศิษย์สูงศักดิ์ทั้งสำนัก เป็เป้าที่ถูกหมายหัวจากคนนับไม่ถ้วน เ่ิูยามนี้ยิ่งสะดุดตามากเท่าใด ยิ่งไม่มีใครกล้าคบเขาเป็สหายเท่านั้น เหตุการณ์ที่เื่ในวันนั้นเป็ต้นเหตุ ผ่านมาสามเดือนแล้ว จะเบาบางลงไปได้สักเท่าไรกัน?
ไร้ผู้ใดรู้
มีแม้กระทั่งนักเรียนบางหมู่ ที่กระหายเฝ้ารอเวลานี้มานาน ในสามเดือนที่ผันผ่านนั้น พวกเขาได้ฝึกปรือจนพลังแข็งกล้า ขาดเพียงโอกาสพิสูจน์ตัวเอง หากสามารถโค่นล้มเ่ิูได้แล้วไซร้ นอกจากจะผูกมิตรกับพวกชั้นสูงได้แล้ว ยังอาจมีชื่อเสียงเลื่องระบือ นี่ไม่ได้เรียกว่าพุ่งหอกครั้งเดียวได้นกสองตัวหรอกหรือ?
ในบรรดาคนทั้งหมด มีเพียงหนึ่งเท่านั้นที่ไม่เหมือนใคร...
“พี่ชิงหยู!”
เด็กหญิงตัวน้อย่เี่ิะโโลดเต้น นางร้องเรียกพลางโถมตัวเข้ามาหาเ่ิู
นางไม่พะว้าพะวังหรือหวาดกลัวเลยแม้แต่นิด มีแต่ความตื่นเต้นจากใจจริงเท่านั้น เหมือนลูกกวางเจอเพื่อนเก่าแก่ เปล่งประกายด้วยความสุขและร่าเริงเกินจะปกปิดไว้ได้
“พี่ชิงหยู ในที่สุดท่านก็ออกมาแล้ว!” เด็กหญิงจูงมือเ่ิู ะโด้วยความดีใจ นางลิงโลดอย่างที่สุด
เ่ิูลูบหัวนางอย่างรักใคร่และเอ็นดู เขาติดโรคความสุขจากนางเข้าแล้ว ใบหน้าถึงได้ะเิยิ้มออกมา
คนรอบข้างได้มองภาพตรงหน้าแล้ว จิตใจก็สับสนขึ้นมา
ไม่เหมือนกับเ่ิูผู้ ‘อยู่สูง เยือกเย็น’ ตลอดมานี้เลย เด็กหญิง่เี่ิน่ารักไร้เดียงสา น่ารักล้ำค่าเหมือนตุ๊กตาหยก ไม่ว่ากับใครนางก็จะมีอัธยาศัย ชอบช่วยเหลือ ไม่มีคิดแง่ร้าย ถึงได้มีเพื่อนอยู่มากมาย
และนางยังเป็ผู้ถูกเลือกที่หัวหน้าหมวดหวังเยี่ยนดูแล พร์แอบแฝงเยี่ยมยุทธ์ พอเข้าสำนักมาได้สี่เดือนนี้ นางก็ค่อยๆ โดดเด่นขึ้นมา พลังเติบใหญ่รวดเร็ว ดึงดูดคนมากมายให้ความสนใจ วาสนาในปีหนึ่งถือว่าดีมากเลยทีเดียว
แต่คนมากมายก็รู้ดี ว่าเพื่อนของ่เี่ิแม้จะมีมาก แต่เพื่อนที่ดีที่สุดของนางกลับมีเพียงหนึ่งเดียว...
เ่ิู
เ่ิูผู้แทบไม่มีเพื่อน จากปีหนึ่งทั้งหมดสองพันกว่าคน
คนมากมายไม่เข้าใจว่าเ่ิูและ่เี่ิมาเป็เพื่อนกันได้อย่างไร เพราะว่าสองคนนี้ แตกต่างกันสุดขั้ว ไม่ว่าจะชาติตระกูล นิสัย การกระทำ บุคลิก หรือทิศทางการฝึกก็ไปคนละทิศละทางเช่นกัน
มีบางคนอิจฉาเ่ิู เพราะเขาได้มิตรภาพที่แท้จริงจากเด็กหญิงตัวเล็กน่ารัก บริสุทธิ์สดใสอย่าง่เี่ิไป
แล้วก็มีคนริษยา่เี่ิเช่นกัน เพราะนางได้มิตรภาพจากาามารเย่ป่วนภพ ที่ทั้งพลังน่ากลัวและแข็งแกร่งเบ็ดเสร็จอย่างเ่ิูไป
เพื่อเ่ิู ่เี่ิได้ใช้คะแนนอันล้ำค่าแลกกับสิทธิ์ในการเข้าหอพิจารณ์
และเพื่อ่เี่ิ เ่ิูถึงได้โกรธเดือดดาล ถือหอกคู่กายพิชิตกลุ่มศิษย์สูงศักดิ์ เหยียบย่ำทายาทสำนักเ้าเมืองที่อยู่สูงกว่าหลายขุมไว้ใต้เท้า...
มิตรภาพเช่นนี้ เป็สิ่งที่นักเรียนมากมายต่างอิจฉา
น่าเสียดายที่ทำได้แค่อิจฉา แต่ไม่มีทางได้มันมา
ไกลจากกลุ่มคนออกไป ซ่งชิงหลัวเองก็ริษยาภาพที่นางเห็นเช่นกัน
เป็คนเดียวที่รักษาสถานภาพหนึ่งในสิบรายชื่อไว้ได้ ซ่งชิงหลัวเพียบพร้อมด้วยดวงหน้างดงาม พร์วรยุทธ์ไร้ที่ติและฐานันดรร่ำรวย กลายเป็เซียนหญิงในสายตานักเรียนชายนับไม่ถ้วน
นางเป็หญิงที่คนมากมายต่างริษยา
ทว่ายามนี้ ซ่งชิงหลัวกลับอิจฉาลูกพี่ลูกน้องที่ช่างเงอะงะของตัวเองจริงๆ
แววซับซ้อนฉาดฉายบนดวงตาครู่เดียวก็ลาหาย นางคืนมาดขรึม ราวกับตัดสินใจบางอย่างไปแล้ว ริมฝีปากเผยอขานนามของ่เี่ิ...
ไกลออกไป
่เี่ิหัวเราะดุจนกกระจาบฝน ครั้นได้ยินเสียงของซ่งชิงหลัวก็นิ่งทื่อเป็ก้อนหิน สีหน้านางเหงาหงอยขึ้นมา ก่อนปล่อยมือเ่ิูออกเบาๆ...
นางหันหน้ากลับไปมอง เห็นแววตาเข้มงวดของพี่สาวแซ่เดียวกัน
“พี่ชิงหยู ข้ามีเื่นิดหน่อย ข้าไปก่อนนะ...” เด็กหญิงมองเ่ิูอย่างขอโทษ
เ่ิูมองซ่งชิงหลัวที่อยู่ไกลออกไป แล้วมองเด็กน้อยที่ซึมเซาลงมาก เขาพยักหน้าพลางว่า “ไปเถอะ”
เด็กหญิงน้อยโบกมืออำลาอย่างไม่เต็มใจ
มองเห็นนางเดินไปถึงที่ไกลๆ หยุดยืนอยู่ตรงหน้าพี่สาวอย่างเจื่อนๆ ซ่งชิงหลัวเหมือนจะพูดอะไรสองสามอย่าง แล้วจูงมือน้องนางเดินจากไป...
เ่ิูหัวเราะ ไม่ได้เอ่ยกว่ากระไร
เขารู้ว่าทำไมซ่งชิงหลัวถึงดึงเสี่ยวจวินไปอย่างรีบร้อนถึงเพียงนั้น
หากเปรียบเทียบกันกับ่เี่ิที่ทั้งบริสุทธิ์ไร้เดียงสาแล้ว ซ่งชิงหลัวเหมาะกับการเป็หางเสือให้เครือการค้าชิงหลัวมากกว่าเป็ไหนๆ จิตใจรอบคอบ ท่าทีเด็ดขาด ไม่อืดอาดยืดยาด เพียงแต่...อายุยังน้อยแต่คิดมากเหลือเกิน จะมีความสุขจริงๆ หรือเปล่า?
เ่ิูไม่มองสายตาที่จับจ้องมายังตน เขายกขาก้าวไปยังหอพัก
เดินมาได้ไม่ถึงสี่ก้าวดี...
ฟิ้ว!
สายลมแหวกอากาศเป็แนวโจนเข้ามา
เ่ิูยกมือขึ้น
หมายท้ารบสีแดงเข้มเคลือบทองเสียบอยู่ระหว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลาง
เขาเลิกคิ้วข้างหนึ่ง มองไปยังนักเรียนชั้นสูงสองสามคนที่แหวกกลุ่มคนเข้ามา
เฉวียนย่าหลินเดินนำหน้า ใบหน้าจงใจประดับแววพึงใจและเย่อหยิ่ง เขาหัวเราะเย็น “สามวันต่อจากนี้ สังเวียนหมายเลขหนึ่ง ศิษย์พี่ฉินท้าสู้เ้า รอบเดียวตัดสิน”
เ่ิูไม่พูดอะไร
เฉวียนย่าหลินหัวเราะอีกครั้ง “ทำไม? ไม่กล้าหรือ? ดูท่าเ้าควรจะรู้แล้ว ว่าพลังศิษย์พี่อู๋ซวงแข็งกล้าขึ้นมาก แล้วยังพบของแปลกอีก เหมือนเทพัผงาดนภาไปแล้ว คนชั้นเลวต่ำอย่างเ้าไม่มีทางเทียบ...”
พูดยังไม่ขาดคำ
ฟิ้ว!
เ่ิูสะบัดข้อมือ
หมายท้ารบดั่งฟ้าแลบสีแดง ตัดผ่านอากาศว่างเปล่าถูกหน้าผากเฉวียนย่าหลินแล้วลอยออกไป เสียงดังสนั่นเมื่อจมมิดลงไปในภูผาจำลองลึกถึงยี่สิบเมตร...
เฉวียนย่าหลินทั้งร่างแข็งทื่อ เขาอ้าปากค้าง ยิ้มเย็นยังแข็งค้างอยู่บนใบหน้า แววตาเอ่อท้นด้วยความกลัวที่ยากจะควบคุม
เหงื่อเย็นไหลบ่าจากหน้าผาก
ลมโชยพัดแ่เบา
เส้นผมร่วงโรย
ผมบนศีรษะด้านซ้ายของเฉวียนย่าหลิน หลุดลอยลงพื้น เผยหนังหัวขาวให้เห็นจะตา ราวกับถูกมีดโกนคมกริบที่สุดโกนออกอย่างไรอย่างนั้น มันไม่ได้กรีดถึงหนังหัว ทุกอย่างเป็ระเบียบเรียบร้อย...
สายตานับไม่ถ้วนมองหัวเฉวียนย่าหลิน หลังจากนั้นก็ชำเลืองภูผาจำลองไกลออกไป
บนภูผานั้น มีหลุมกลวงโบ๋
หมายท้าสู้นั้นเบาหวิวอ่อนนุ่มยิ่งนัก เหมือนขนห่านยากยิ่งจะมีแรง ทว่าเมื่อเ่ิูสะบัดข้อมือเท่านั้นแหละ เหมือนมีดดาบทรงอานุภาพของเทพนักรบ...
ยามนี้ สุ้มเสียงของคนที่สูดไอเย็นๆ เข้าไปเริ่มอื้ออึงขึ้นมา
มือนี้ของเ่ิู ทำคนมากมายใกลัวจนไตแทบแตก
โดยเฉพาะเหล่าคนที่คิดว่าพลังของตัวเองก้าวข้ามแล้วในสามเดือน หลงคิดว่าเ่ิูอยู่ในหอพิจารณ์ไม่มีทางฝึกฝนสมบูรณ์ได้ อยากหาโอกาสเหยียบเ่ิูเหมือนหินรองเท้าดูสักครั้ง ตอนนี้เองที่ใจคึกคะนองเหมือนไฟถูกน้ำเย็นๆ เทดับสนิท ยังไม่ทันโหมกระพือดีก็มอดไหม้หมดแล้ว!
ไม่เพียงควบคุมให้ตัดผมเฉวียนย่าหลินแทบโกร๋นเท่านั้น ยังมีเรี่ยวแรงน่ากลัวขนาดที่ทำให้กระดาษเสียดเข้าไปในหินแข็ง ล้วนไม่ใช่สิ่งที่นักยุทธ์อาณาน้ำพุิญญาธรรมดาจะมีกันได้
พลังของเ่ิู เติบโตขึ้นเท่าไรกันในสามเดือนนี้?
คนมากมายถูกภาพตรงหน้าหลอกจนบื้อไปเลย
เ่ิูกวาดตามองหมู่ชนโดยรอบ
ไม่มีใครกล้าสบตาเขาเลยแม้แต่คนเดียว
หากในสามเดือนนี้ ฉินอู๋ซวงฝึกฝนจนพลังเพิ่มพูนฉับพลันเหมือนเทพราชันค้นพบแสงสว่าง คนสามัญไม่อาจเยื้องกรายเข้าใกล้แล้วล่ะก็ เ่ิูก็คงเหมือนาามารเย่ พลังทำลายล้างและพลังอำนาจน่าครั่นคร้าม ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อกรได้เช่นเดียวกัน
ลมแรงกรรโชกในบัดดล
ผมดำยาวของเ่ิูพัดพลิ้ว ดั่งเปลวเพลิงสีดำกำลังปะทุ
เขาเดินออกไปจากฝูงชน ทีละก้าวๆ
บรรดานักเรียนมองตามแผ่นหลังของเขาไป สีหน้ายังคงหวาดกลัวเกินจะกักเก็บไว้ได้
“คนแพ้ ก็ควรจะสำเหนียกความพ่ายแพ้ตัวเองไว้ด้วย” สุรเสียงของเขานั้นล่องลอยมาจากต้นทาง “ฉินอู๋ซวงอยากท้าสู้ข้า? ก็ให้เขามาด้วยตัวเองเสียเถอะ ชอบให้หมาฝูงหนึ่งมาเห่า ไม่กลัวข้าตัดขาหมาหรือไง?”
เสียงเงียบลง
กายจางหาย
หมู่ชนเงียบสนิทอย่างปริศนา
เฉวียนย่าหลินและพรรคพวกเหมือนเด็กกำพร้าบิดามารดา
หลายวินาทีต่อมา
มีนักเรียนบางคนดวงตาลุกพรึบด้วยไฟร้อน เขาเอ่ยเสียงเบา “แข็งแกร่งมาก...พลังของเ่ิู หากวัดกับพวกจากสำนักหงส์ฟ้าแล้ว ไม่มีทางแพ้แน่ๆ?”
คำเดียวปลุกคนมากมายให้ตื่นจากภวังค์
“จริงด้วย เ่ิูเพียบพร้อมพอจะสู้กับพวกศิษย์หงส์ฟ้าเผด็จการแถมเย่อหยิ่งนั่นได้แน่!”
“ใช่แล้วๆ เ่ิูเป็าามารสะท้านภพที่ผงาดไม่กลัวเกรงสิ่งใด เขาไม่มีทางเหมือนพวกผู้ดีนั่นหรอก ทำเพื่อชื่อเสียง ห่วงแต่ภาพลักษณ์ กลัวพ่ายแพ้ พูดให้รวบรัดก็ไม่สู้นั่นแหละ!”
“ถ้าเ่ิูกล้าสู้ให้สำนักกวางขาวเราทีหนึ่งจริงๆ หลังจากนั้นข้านี่แหละจะติดตามเขา!”
“วีรบุรุษที่แท้กำเนิดเมื่อหายนะและภัยพิบัติคืบคลาน คราวนี้แหละ ผู้ใดลุกขึ้นสู้ ผู้นั้นคือวีรบุรุษ!”