“พี่พั่งจื่อ พอดี่นี้ฉันค่อนข้างยุ่งเพราะต้องเอาข้าวไปให้น้องชายที่โรงเรียนทุกพักเที่ยงน่ะค่ะ เลยไม่มีเวลามาที่นี่” เซี่ยโม่อธิบาย
พอได้ยินคำว่าข้าว แววตาพั่งจื่อพลันเป็ประกายทันที ก่อนจะตัดพ้ออย่างน้อยอกน้อยใจ “น้องสาว เธอห่วงแต่น้องชาย ไม่เห็นห่วงพวกพี่บ้างเลย ตอนเที่ยงพวกพี่ไม่มีอะไรกิน ได้แต่ต้องหานู่นหานี่กินประทังชีวิต…”
เมื่อนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้เธอก็เอ่ยเย้า “พี่พั่งจื่อ ถ้าไม่รู้จะไปกินข้าวที่ไหน ทำไมถึงไม่ไปหาน้องเสี่ยวชุ่ยที่ร้านพี่หม่าล่ะคะ”
พั่งจื่อก้มหน้าคอตก สีหน้าเปลี่ยนเป็เศร้าสร้อย “น้องเขาหมั้นแล้ว…”
“พี่พั่งจื่อ แค่หมั้นเอง กลัวอะไรคะ ขอแค่ยังไม่แต่งงานก็ยังมีความหวัง” เซี่ยโม่สัพยอกต่อ
พั่งจื่อที่เดิมมีสีหน้าหมองเศร้า ได้ฟังดังนั้นแววตากลับมาเป็ประกายคล้ายมีลูกไฟอยู่ข้างในทันที
เขายื่นมือมาจับมือเธอด้วยสีหน้าตื่นเต้น “น้องสาว เธอพูดถูก ขอบใจมากนะ”
ทันใดนั้นบานประตูถูกผลักออก ก่อนที่ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่ง หน้าตาหล่อเหลา ท่าทางเหมือนอันธพาลจะเดินเข้ามา
ชายหนุ่มจ้องมองมือของเซี่ยโม่กับพั่งจื่อที่กำลังจับกันอยู่ด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม
นึกถึงคราวก่อนที่สองคนนี้แอบไปพูดคุยกันในห้องครัวอย่างมีลับลมคมใน ทั่วร่างก็ยิ่งแผ่กลิ่นอายดุดันเ็า
เซี่ยโม่ที่เพิ่งได้สติกลับมา พอเห็นว่าพี่พั่งจื่อกำลังกุมมือของเธออยู่ก็รีบสะบัดมือออก แต่เหมือนจะสายเกินไป ซ่งมู่ไป๋ปรี่เข้ามา ทั่วร่างเต็มไปด้วยกลิ่นอายกรุ่นโกรธเข้มข้น
“พี่ซ่งคะ ฉันตั้งใจมาหาพี่ พี่ก็มาพอดีเลย” ท่าทางของพี่ซ่งดูโกรธเคืองอย่างเห็นได้ชัด เธอจึงรีบอธิบาย
ซ่งมู่ไป๋หันไปมองเด็กสาว “โม่โม่ ฉันคงมาไม่ถูกเวลาสินะ เข้ามารบกวนเธอกับพั่งจื่อ…”
ครั้นพั่งจื่อได้สติกลับมา เขาสังเกตเห็นเช่นกันว่าลูกพี่ของตัวเองกำลังอารมณ์ไม่ดีขั้นรุนแรง เช่นนั้นจึงรีบอธิบายในส่วนของตัวเอง “ลูกพี่ ลูกพี่อย่าเพิ่งเข้าใจผิด น้องสาวแค่กำลังช่วยแนะวิธีหาภรรยาให้ผม ผมดีใจก็เลยลืมตัวไปชั่วขณะ ลูกพี่คงไม่ได้ใจแคบถึงขนาดนั้นมั้ง”
เื่อื่นเขาไม่สนใจก็ได้ แต่เื่ในวันนี้เขายอมไม่ได้!
ถึงแม้จะโกรธแต่เขาไม่มีทางทำอะไรเด็กสาวเด็ดขาด ทว่ากับพั่งจื่อนั้นไม่ใช่ อีกฝ่ายเป็ลูกน้องและเป็คนที่เขาจ่ายค่าจ้าง ย่อมไม่มีเหตุต้องเกรงใจ
เขาใช้สายตาที่เต็มไปด้วยโทสะมองอีกฝ่าย พลางเอ่ยถามเสียงลอดไรฟัน “ดีใจก็เลยลืมตัวงั้นเหรอ ไม่เห็นฉันอยู่ในสายตาแล้วสินะ แกทำแบบนี้ไม่รู้สึกผิดกับฉันบ้างหรือไง”
เอ่ยจบก็ชกหมัดใส่อีกฝ่ายอย่างไม่เกรงใจ พั่งจื่อนึกไม่ถึงว่าลูกพี่จะลงไม้ลงมือ จึงโดนชกเข้าที่หน้าอกเต็มๆ
“อั้ก…”
พั่งจื่อถึงกับกระอักเืก่อนจะทรุดลงไปนั่งกองกับพื้น เซี่ยโม่ที่เห็นเหตุการณ์พลันยกมือปิดปากด้วยความใสุดขีด
ก่อนนี้เธอเคยเห็นแต่ด้านใจดีชอบช่วยเหลือ ด้านที่อ่อนโยนและเอาอกเอาใจคุณตาคุณยายของเธอ แต่ไม่เคยเห็นพี่ซ่งตอนกำลังโมโห อีกทั้งคิดไม่ถึงด้วยว่าอีกฝ่ายจะลงไม้ลงมือกับคนของตัวเองได้ลงคอ
“พี่ซ่ง พี่เข้าใจผิดแล้วค่ะ ฉันกับพี่พั่งจื่อไม่ได้มีอะไรกันจริงๆ” เด็กสาวรีบเข้าไปห้าม
ซ่งมู่ไป๋ถึงกับคิ้วกระตุก ก่อนจะเอ่ยถามอย่างประชดประชัน “พี่พั่งจื่อ? เรียกเสียสนิทสนมเชียวนะ คราวที่แล้วเธอกับมันแอบไปคุยอะไรกันในห้องครัว วันนี้ยังมาจับมือกันอีก ฉันยอมตาบอดดีกว่าต้องมาเห็นการกระทำน่าเกลียดของพวกเธอสองคน!”
พูดจบก็หันหลังเดินออกไป
เซี่ยโม่พยายามหลีกหนีปัญหาด้านความรู้สึกมาตลอด ทว่าเวลานี้เธอรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่าภายในใจของพี่ซ่งกำลังหมองเศร้าและสิ้นหวัง
นาทีนี้เซี่ยโม่ถึงเข้าใจว่า พี่ซ่งไม่ได้โหยหาความอบอุ่นของครอบครัว แต่เขา้าอยู่ข้างๆ เธอ รอวันที่เธอเติบโตต่างหาก
ดวงตาของเธอคลอไปด้วยหยาดน้ำตา เธอมีดีตรงไหนกัน เป็แค่เด็กสาวธรรมดาคนหนึ่ง เนื้อตัวผอมแห้ง หน้าตาก็งั้นๆ แต่พี่ซ่งกลับมีใจให้ ทั้งยังคอยช่วยเหลือ ดูแล และปกป้องเธออีกด้วย
แม้ชาติที่แล้วจะไม่มีประสบการณ์ในเื่ความสัมพันธ์ของชายหญิง แต่เธอก็รับรู้ได้ว่าไม่ควรปล่อยให้พี่ซ่งจากไป
หากปล่อยให้พี่ซ่งไปในครั้งนี้ เื่ระหว่างเธอกับเขาต้องจบลงแน่
เซี่ยโม่รีบวิ่งตามออกไป พอตามทันสองแขนก็คว้ากอดเขาไว้จากทางด้านหลัง แม้จะร้องไห้แต่น้ำเสียงที่เอ่ยรั้งกลับแฝงความแน่วแน่ “ฉันไม่ให้ไป…”
ทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้ เซี่ยโมไม่เคยทำตามใจตัวเองเลยสักครั้ง นี่เป็ครั้งแรกที่เธอทำตามเสียงหัวใจ เธอจะไม่ยอมปล่อยอีกฝ่ายไปเด็ดขาด
ซ่งมู่ไป๋ก้มมองแขนเรียวบางของเด็กสาวที่กอดเอวเขาเอาไว้ นิ้วมือเล็กซีดขาวและเห็นกระดูกได้อย่างชัดเจนเพราะกำลังออกแรงรั้ง
ชายหนุ่มใจอ่อนยวบ ทว่าไม่กี่วินาทีต่อมา ภาพบาดตาที่ได้เห็นเมื่อสักครู่พลันย้อนฉายในสมอง ทั่วร่างเขากลับมาแผ่กลิ่นอายหึงหวงอีกครั้ง
“ปล่อย!”
“ฉันไม่ให้พี่ไป…”
ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กสาว ใจเขาก็เหลวจนกลายเป็น้ำ พยายามสะกดกลั้นโทสะในใจลงไปก่อนจะเอ่ยออกมา “ฉันไม่ไปก็ได้ แต่เธอปล่อยก่อน”
“ไม่ปล่อย!” เด็กสาวยังคงปฏิเสธอย่างดื้อดึง
เวลานี้เองพั่งจื่อที่ตั้งตัวได้พยายามลุกขึ้น เพื่อจะตามออกไปอธิบายเื่ราวทั้งหมดให้ลูกพี่ฟัง แต่กลับถูกโซ่วจื่อที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนพยุงตัวพาไปอีกทางเสียก่อน
เมื่อซ่งมู่ไป๋สงบสติอารมณ์แล้ว ถึงค่อยระลึกได้ว่าเด็กสาวไม่เข้าใจเื่ความสัมพันธ์ของชายหญิง เช่นนั้นจะแอบไปทำอะไรกับพั่งจื่อลับหลังเขาได้อย่างไร น่าจะเป็เขาที่เข้าใจผิดไปเอง
“อธิบายมาสิว่าเธอกับพั่งจื่อนี่มันยังไงกัน” เมื่ออารมณ์คุกรุ่นเจือจาง น้ำเสียงที่เอ่ยถามจึงอ่อนลงจากเดิมไม่น้อย
เซี่ยโม่กลัวชายหนุ่มจะโมโหขึ้นมาอีก จึงรีบเล่าเื่ที่เธอฝากพี่ทั้งสองคนขายของเมื่อคราวที่แล้วให้ฟังทันที
เธอยังไม่คิดเปิดเผยความจริง จึงอ้างไปว่าสินค้าที่ฝากขายเป็ของเพื่อนที่โรงเรียน เพราะเขาไม่อยู่เลยต้องฝากพี่ทั้งสองคนช่วยขายให้
ก่อนหน้านี้ไม่ได้บอกเพราะกลัวว่าเขาจะไม่พอใจ เนื่องจากเธอแบ่งเงินค่าตอบแทนให้พี่ทั้งสองคนด้วย
จากนั้นก็เล่าเื่ที่เธอเสนอความคิดให้พี่พั่งจื่อตามจีบน้องเสี่ยวชุ่ยให้ฟัง อีกฝ่ายดีใจมากไปหน่อยเลยเผลอจับมือเธออย่างที่เขาเห็น
“แค่นี้?”
“แค่นี้ค่ะ ยังจะมีเื่อะไรได้อีก เื่เป็ยังไงฉันก็บอกพี่ไปหมดแล้ว” เธอพูดด้วยสีหน้าน้อยอกน้อยใจ ก่อนที่น้ำตาจะไหลพรากอีกครั้ง จนเสื้อด้านหลังของซ่งมู่ไป๋เปียกชุ่มไปหมด
ความเปียกชื้นที่แผ่นหลังทำใจเขาอ่อนยวบ
ซ่งมู่ไป๋เชื่อที่เด็กสาวเล่ามาจนหมดใจ เป็เขาที่ใจร้อนและโวยวายโดยไม่มีเหตุผลไปเอง
ชายหนุ่มหันหน้ากลับไป บรรจงใช้นิ้วเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาตามใบหน้าให้อย่างเบามือ พลางเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่ต้องร้องแล้ว ฉันเข้าใจผิดไปเอง”
เซี่ยโม่ยังคงร้องไห้อย่างน้อยอกน้อยใจ ตอนนี้เธอยังเด็ก ไหนเลยจะคิดเื่ความสัมพันธ์ของชายหญิง
อีกอย่างท่าทางตอนหึงหวงของพี่ซ่งน่ากลัวเหลือเกิน
เธอต้องแก้นิสัยนี้ของเขาให้ได้ ไม่อย่างนั้นต่อไปในอนาคตหากมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เธอจะไม่แย่เอาหรือ
หากแก้ไม่ได้เธอก็พร้อมปล่อยมือจากความสัมพันธ์นี้เช่นกัน ถึงอย่างไรอายุเธอก็ยังน้อย ไม่มีทางยอมเสียสละเพราะต้นไม้แค่ต้นเดียวหรอก
คิดได้ดังนั้นเซี่ยโม่ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ก่อนจะล้วงมือเข้าไปหยิบเสื้อผ้าในกระเป๋านักเรียนออกมาโยนให้ชายหนุ่ม
“ฮึ คนขี้หึง ฉันไม่ยุ่งด้วยแล้ว!”
ซ่งมู่ไป๋มีสีหน้างุนงง นี่เด็กสาวโกรธเขาหรือ?
แต่ก็อย่างว่า เมื่อครู่เขาทำเกินไปจริงๆ อีกฝ่ายยังเด็ก ไม่แปลกถ้าจะรู้สึกกลัว
เขารีบเก็บสีหน้าขึงขัง ปรับสีหน้าให้อ่อนโยนลงแล้วพูดงอนง้ออย่างเอาใจ “เธอจะไปไหน เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“ไม่เป็ไรค่ะ ฉันมีรถจักรยาน” เด็กสาวตอบพลางจูงจักรยานทำท่าจะกลับ
ซ่งมู่ไป๋เห็นเช่นนั้นจึงยื่นมือไปคว้าจักรยานเอาไว้ “โม่โม่ เดี๋ยวก่อน ฉันมีเื่จะคุยกับเธอ”
“ฉันไม่ฟัง ต่อไปพวกเราอย่าเจอกันอีกเลย พี่จะได้ไม่ต้องรู้สึกเ็ปอีก” เซี่ยโม่ตอบกลับด้วยใบหน้าบึ้งตึง
“โม่โม่ เมื่อกี้ฉันผิดเอง ต่อไปฉันจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว” ชายหนุ่มเหงื่อแตกพลั่ก ยกมือขึ้นทำท่าให้สัญญา