ก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาทำงานเป็ลูกจ้างให้กับครอบครัวอื่น มีเพียงข้าวหยาบๆ ให้กินก็ดีถมไป ไม่คาดหวังว่าจะได้เห็นน้ำมันในอาหาร แต่ตอนนี้มาทำงานให้กับบ้านของอวิ๋นโส่วจง ไม่เพียงแต่อาหารจะมีน้ำมันเท่านั้น ยังมีเนื้อชิ้นใหญ่ให้กินเป็ประจำ
ฉะนั้นนายจ้างที่ดีเช่นนี้ พวกเขาจะยอมปล่อยให้เขาเสียประโยชน์โดยไม่ห้ามปรามได้อย่างไร “นายท่าน นี่มันต้นกล้าข้าวและต้นกล้าข้าวสาลีนับสิบหมู่เชียวนะ พวกเราไม่ควรทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าแบบนี้นะขอรับ”
“ใช่แล้วขอรับ หากต้นกล้าไม่เท่ากัน ต้นข้าวก็จะเติบโตไม่ดี ส่งผลต่อผลผลิตขอรับ!”
นายจ้างของพวกเขาน่ะ ดีทุกอย่าง แต่เื่สำคัญเช่นนี้เหตุใดจึงไม่รอบคอบเช่นนี้เล่า คำพูดของเด็กสาววัยหกขวบจะไปเชื่อได้อย่างไร? เฮ้อ... น่าหนักใจจริงๆ
เมื่อลูกจ้างทั้งสองคนเอ่ยทักท้วง อวิ๋นโส่วกวงก็เริ่มลังเล “น้องรอง เื่นี้ต้องรอบคอบ” กล่าวจบเขาก็มองไปที่อวิ๋นเจียว “เช่นนั้น... พวกเราแบ่งต้นกล้าไว้ให้เจียวเอ๋อร์เล่นสองหมู่ ที่เหลือ...”
อวิ๋นโส่วจงยิ้มๆ ขัดจังหวะคำพูดของอวิ๋นโส่วกวง “เจียวเอ๋อร์พูดถูก ที่เมืองหลวง แม้แต่เมล็ดพันธุ์ที่ใช้ในไร่นาหลวงยังจัดหาโดยร้านชางหลง ด้วยชื่อเสียงของร้านชางหลงแล้ว ไม่มีทางขายเมล็ดพันธุ์ที่ปลูกแล้วไม่ได้ผลผลิต ที่ต้นกล้าเป็แบบนี้อาจเป็เพราะมีพันธุ์อื่นปะปนมา แต่ก็ไม่เป็ไรหรอก ปลูกหลายๆ พันธุ์ก็มีข้อดี พอถึงฤดูเก็บเกี่ยว พวกเราก็จะได้รู้ว่าพันธุ์ไหนให้ผลผลิตสูง พันธุ์ไหนอร่อย”
“แต่นายท่าน...”
อวิ๋นโส่วจงโบกมือ ตัดสินใจเด็ดขาด “ตกลงตามนี้ แบ่งต้นกล้าข้าวออกไปปลูก ส่วนต้นกล้าข้าวสาลีก็ปล่อยไปแบบนี้แหละ” ต้นกล้าข้าวต้องย้ายปลูกอยู่แล้ว แต่ต้นกล้าข้าวสาลีไม่สามารถย้ายปลูกได้
ลูกจ้างทั้งสองคนสบตากันอย่างเศร้าใจ นายจ้างดื้อรั้นจริงๆ ยืนกรานที่จะฟังคำพูดของเด็กสาวตัวเล็กๆ เฮ้อ... สมัยนี้เป็ลูกจ้างแล้วยังต้องมากังวลเื่ของนายจ้างอีก ลำบากจริงๆ
ทุกคนเพิ่งจะคุยเื่ไร่นาเสร็จ ถังสุ่ยก็วิ่งหน้าตั้งมาหา บนหลังของเขาแบกสัตว์ป่าที่ล่ามาได้เป็พวงใหญ่พลางวิ่งะโ “ท่านลุงโส่วจง!”
“เ้าเด็กนี่ อย่าวิ่งเร็วสิ ระวังจะล้มเอา” เมื่อเห็นดังนั้นอวิ๋นโส่วจงก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับ ส่วนอวิ๋นเจียวก็จับมือบิดาเดินตามไปด้วย
“พี่ถังสุ่ย” เสียงหวานใสพร้อมกับร่างเล็กๆ ในชุดสีแดงเพลิงปรากฏเข้าสู่สายตาและโสตประสาทของถังสุ่ย
ใบหน้าของเขาแดงก่ำ รีบหยุดฝีเท้าแล้วเอ่ยทักทาย “น้องเจียวเอ๋อร์”
อวิ๋นเจียวเอ่ยถาม “ท่านมิได้ไปขายสัตว์ป่าที่อำเภอหรือเ้าจะ? เหตุใดจึงกลับมาอีก?”
เช้าตรู่วันนี้ถังสุ่ยนำกระต่ายป่ามาให้สองตัว แม้ตอนนั้นอวิ๋นเจียวยังไม่ลุกออกจากเตียงนอน แต่นางก็ได้ยินฟางซื่อพูดคุยกับเขา จึงรู้ว่าเขาจะเข้าไปขายสัตว์ป่าในอำเภอ
ถังสุ่ยตอบ “เดิมทีข้าจะไป แต่ต่อมา...” เขามองเห็นว่าด้านหลังอวิ๋นโส่วจงมีคนอยู่ จึงลังเลที่จะพูดต่อ
เมื่อเห็นดังนั้นอวิ๋นโส่วจงจึงชี้ไปที่ต้นไหวต้นใหญ่ “พวกเราไปคุยกันตรงนั้นดีกว่า” กล่าวจบก็อุ้มอวิ๋นเจียวเดินไปที่ต้นไหวส่วนถังสุ่ยก็เดินตามไป
เมื่อเห็นว่าอวิ๋นโส่วจงไม่ได้ให้อวิ๋นเจียวหลบไป บวกกับที่ถังสุ่ยไม่เคยดูถูกอวิ๋นเจียว ดังนั้นพอมาถึงใต้ต้นไหวถังสุ่ยจึงรีบเอ่ยขึ้น “ลุงโส่วจง อวิ๋นโส่วจู่คิดร้ายต่อพวกท่าน!”
อวิ๋นโส่วจงและอวิ๋นเจียวได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วพร้อมกัน “อะไรนะ?”
“ถังสุ่ย เ้าเล่ามาให้ละเอียดสิ” สองพ่อลูกเชื่อว่าถังสุ่ยคงไม่พูดจาเหลวไหลไร้สาระ เพียงแต่ไม่รู้ว่าคราวนี้อวิ๋นโส่วจู่จะก่อเื่อะไรอีก
ถังสุ่ยใช้แขนเสื้อเช็ดเหงื่อที่หน้าผากก่อนเอ่ย “ตอนนั้นข้ากำลังจะออกจากบ้านท่านไปทางนอกหมู่บ้าน เดินผ่านทุ่งนาของตระกูลอวิ๋นเก่าก็เห็นผู้ดูแลของร้านยาจี้เหรินถังอยู่ไกลๆ ว่าเขากำลังไปหาอวิ๋นโส่วจู่ที่ในนา”
“ข้าไม่วางใจ จึงแอบตามพวกเขาไป เห็นพวกเขาเดินเข้าไปในป่าไผ่ด้านหลังบ้านตระกูลอวิ๋นเก่า ข้าก็แอบตามเข้าไป ปรากฏว่าข้าได้ยินพวกเขากำลังวางแผนทำร้ายท่านอยู่ เนื่องจากกลัวว่าจะถูกจับได้ ข้าจึงหลบอยู่ไกลๆ แต่ก็ได้ยินพวกเขาพูดคุยกันอย่างชัดเจน”
“ผู้ดูแลร้านยาจี้เหรินถังสัญญาว่าจะให้อวิ๋นโส่วจู่หนึ่งร้อยตำลึงเงิน เพื่อให้เขาเอาของบางอย่างไปซ่อนไว้ที่บ้านท่าน จากนั้นเขาจะพาเ้าหน้าที่ทางการมาค้นบ้านท่าน พอค้นเจอของสิ่งนั้น อย่างเบาท่านลุงโส่วจงก็จะถูกจับเข้าคุก อย่างหนักก็คือครอบครัวของท่านจะถูกเนรเทศ!”
ผู้ดูแลร้านยาจี้เหรินถังก็คือคนที่เคยข่มขู่เขาในวันนั้น ถังสุ่ยรู้สึกผิดอย่างมาก หากไม่ใช่เพราะน้องเจียวเอ๋อร์ช่วยเหลือเขาไว้ ผู้ดูแลคนนั้นจะคิดทำร้ายครอบครัวของพวกเขาได้อย่างไร?
“ลุงโส่วจง เป็ความผิดของข้าเองที่ทำให้พวกท่านเดือดร้อน ท่านว่า... ข้าไปลากตัวอวิ๋นโส่วจู่ออกมา บังคับให้เขามอบของสิ่งนั้นออกมา เพื่อไม่ให้ครอบครัวของท่านถูกใส่ร้ายดีหรือไม่!”
ตอนนี้ ถังสุ่ยอยากจะฆ่าอวิ๋นโส่วจู่กับผู้ดูแลให้ตายตกไปตามกัน ใบหน้าของอวิ๋นเจียวและอวิ๋นโส่วจงบึ้งตึง อวิ๋นโส่วจู่นี่มันไม่รู้จักเข็ดหลาบจริงๆ เสียรู้ไปหลายครั้งก็ยังไม่สำนึก ยังคิดจะหาเื่พวกเขาอีก
“สุ่ยหยาจื่อ เื่นี้ไม่ใช่ความผิดของเ้า พวกมันต่างหากที่จิตใจโเี้ เ้าไม่ต้องยุ่งเื่นี้ และไม่ต้องบอกใคร ข้าจะรอให้อวิ๋นโส่วจู่เอาของสิ่งนั้นมาซ่อนที่บ้านเอง ข้าอยากรู้จริงๆ ว่ามันคืออะไร ถึงกับสามารถทำให้ครอบครัวของพวกเราถูกเนรเทศได้!”
ถังสุ่ยร้อนใจ “แต่ลุงโส่วจง แบบนี้มันอันตรายเกินไปหรือไม่ขอรับ?” หากเขาเพิ่งเอาของมาซ่อน แล้วเ้าหน้าที่ทางการก็มาถึงพอดี เช่นนั้นไม่แย่หรือ?
อวิ๋นโส่วจงตบไหล่ถังสุ่ยเบาๆ “สุ่ยหยาจื่อ เ้าสบายใจเถิด หากไม่รู้เื่นี้ ครอบครัวของพวกเราคงแย่แน่ๆ แต่ตอนนี้พวกเรารู้เื่นี้แล้ว จะไม่มีทางปล่อยให้มันทำสำเร็จ และแน่นอนว่าไม่มีทางปล่อยมันไปง่ายๆ แน่!”
อวิ๋นเจียวก็พูดเสริม “ใช่แล้ว พี่ถังสุ่ย ท่านพ่อจัดการเองท่านยังไม่วางใจอีกหรือ? แต่คราวนี้ต้องขอบคุณท่านจริงๆ มิเช่นนั้นครอบครัวของพวกเราคงต้องพบเจอกับเคราะห์ร้ายอย่างไม่คาดฝัน”
ครั้งนี้หากไม่ใช่เพราะถังสุ่ยบังเอิญเห็นเข้าพอดี จุดจบของบ้านพวกเขา... แค่คิดอวิ๋นเจียวก็รู้สึกหนาวสะท้านในใจ ครั้งนี้จะไม่มีทางปล่อยอวิ๋นโส่วจู่ไปเด็ดขาด!
เมื่อเห็นว่าสองพ่อลูกดูมั่นใจเช่นนั้น ถังสุ่ยก็วางใจ ไม่ว่าอย่างไร ภัยอันตรายที่ตระกูลอวิ๋นเผชิญในครั้งนี้ล้วนเกี่ยวข้องกับเขา หากตระกูลอวิ๋นต้องประสบเคราะห์ เขาไม่รู้จริงๆ ว่าจะไถ่โทษอย่างไร
“จริงสิพี่ถังสุ่ย ตอนนี้ท่านปู่ของท่านเป็อย่างไรบ้างเ้าคะ?” เดิมทีอวิ๋นเจียวอยากจะไปเยี่ยมท่านปู่ของถังสุ่ย แต่ที่บ้านยุ่งมาก ไม่มีใครว่างพานางไป ญาติผู้ใหญ่ก็ไม่สบายใจที่จะให้นางออกไปข้างนอกคนเดียว เื่นี้จึงถูกพักไว้ก่อน
พอพูดถึงปู่ของตน ใบหน้าของถังสุ่ยก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ท่านปู่ดีขึ้นมากแล้ว ตอนนี้ท่านแข็งแรงขึ้นมาก สามารถลงไปปลูกผักในไร่ได้แล้ว ท่านปู่บอกว่าอีกไม่นาน พอท่านหายดีแล้ว ท่านจะมาขอบคุณด้วยตัวเอง”
การที่ปู่ของเขาหายดีได้ ล้วนเป็เพราะยาเม็ดของเจียวเอ๋อร์ ถังสุ่ยรู้สึกซาบซึ้งใจในเื่นี้เป็อย่างมาก
อวิ๋นโส่วจงเอ่ยขึ้น “ไม่ต้องพูดถึงเื่ขอบคุณหรอก ข้าเห็นเ้าเป็เหมือนหลานชายคนหนึ่ง ต่อไปนี้พวกเราก็เป็เหมือนญาติกัน อีกไม่นาน รอให้เื่ราวในบ้านของพวกเราเรียบร้อยแล้ว จะเชิญท่านปู่ของเ้ามากินข้าวที่บ้านสักมื้อ ทำความรู้จักกับคนในบ้าน ต่อไปจะได้ไปมาหาสู่กันได้สะดวก”
เมื่อได้ยินดังนั้น ถังสุ่ยก็พูดด้วยความดีใจ “ขอรับ ข้าจะกลับไปบอกท่านปู่ ท่านปู่ต้องดีใจเป็แน่ เช่นนั้นลุงโส่วจง ข้าไปที่อำเภอก่อนนะขอรับ”
อวิ๋นโส่วจงเอ่ยขึ้น “แดดแรงแล้ว ให้อากุ้ยขับรถม้าไปส่งเ้าที่อำเภอเถิด”
ตอนนั้นที่ถังสุ่ยเอากระต่ายป่ามาให้ ฟางซื่อก็บอกให้อากุ้ยขับรถม้าไปส่งเขา แต่เขาก็วิ่งหนีไปเสียก่อน
ในตอนที่ถังสุ่ยกำลังจะปฏิเสธ อวิ๋นโส่วจงก็พูดขึ้น “เ้าไม่ต้องปฏิเสธหรอก บังเอิญฉี่เยว่จะไปที่ร้านหนังสือในอำเภอพอดี พวกเ้าก็ไปด้วยกันเลย...”