ฟ้าสว่างแล้ว โลกยังคงหมุนดั่งเดิม กังวลหรือไม่กังวล ชีวิตของทุกคนล้วนต้องดำเนินไปตามปกติ
‘หลานเฟิ่งหวง’ ปิดทำการกะทันหันโดยไม่แจ้งล่วงหน้ากว่าครึ่งวัน มีลูกค้าบางคนที่มาเสียเที่ยว หม่าเวยทำความสะอาดห้องเก็บสินค้า เดาไม่ถูกแม้แต่น้อยว่าเมื่อวานเกิดอะไรขึ้น แต่เธอเองก็ไม่อยากคาดเดาไปเอง งานนี้ยากมากกว่าที่จะได้มา หลังจากกลายเป็พนักงานประจำจะมีสวัสดิการที่ดีกว่าเดิม ทำงานให้กิจการส่วนบุคคล มิได้เป็ชามข้าวเหล็กเหมือนหน่วยงานรัฐ ปากมากไปจนโดนไล่ออกจะทำอย่างไร?
วันนี้หลี่เฟิ่งเหมยมาถึงร้านตอนเวลา 11 โมง เนื่องจาก่เช้าเธอต้องไปฝากและถอนเงินที่ธนาคาร
“เสี่ยวหลานเล่า ไปห้องสมุดอีกแล้วหรือ?”
หลิวเฟินพยักหน้า
หลี่เฟิ่งเหมยไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี หลานสาวต้องใจแกร่งขนาดไหนกันนะ? เมื่อวานข่มขวัญคนตระกูลเหลียงเสียจนปัสสาวะราด ฉวยเงินคนอื่นเขาหนึ่งหมื่นหยวน นี่ยังมีใจเอ้อระเหยไปอ่านหนังสือที่ห้องสมุดอีก หลิวเฟินทั้งยินดีและกังวล ยินดีที่ไม่ว่าจะประสบปัญหาอะไร ก็ไม่กระทบต่อกำหนดการเรียนของเซี่ยเสี่ยวหลาน ลูกสาวตั้งใจแบบนี้ สอบติดมหาวิทยาลัยในปีนี้ไม่ใช่สิ่งที่สมควรได้รับหรอกหรือ! และกังวลเพราะเื่ฝานเจิ้นชวนบังคับแต่งงานไม่ได้คลี่คลายภายในวันเดียว เป็ก้อนหินหนักอึ้งที่ห้อยอยู่บนศีรษะของพวกเธอ
เซี่ยเสี่ยวหลานขอให้หลิวเฟินอย่ากังวล หลิวเฟินจะไม่กังวลจริงๆ ได้อย่างไร?
แค่ฟังคำบอกเล่าของพวกหลิวฟาง หลิวเฟินก็รู้ว่าฝานเจิ้นชวนมีสิทธิมีเสียงเด็ดขาดในเขตเหอตง ในเขตเหอตงไม่มีใครกล้าคัดค้านวาจาของฝานเจิ้นชวน
หลิวเฟินกระวนกระวายจนนอนไม่หลับ ตอนเช้าก่อนเปิดร้านเซี่ยเสี่ยวหลานบอกให้หลิวเฟินเปิดทำการร้านตามปกติ หลิวเฟินอึกอัก ถามว่าคนบ้านเหลียงจะมาหาเื่อีกหรือไม่ หลิวเฟินรู้จักนิสัยน้องสาวดีที่สุด เมื่อคืนวานเจ็บช้ำน้ำใจขนาดนั้น พอตั้งสติได้ในวันนี้ หลิวฟางอาจจะหาคนมาสร้างความวุ่นวายที่ร้านก็ได้
“ปล่อยให้เขามาวุ่นวายเถอะ ฉันยังกลัวว่าเขาจะไม่มาเสียอีก”
‘หลานเฟิ่งหวง’ มีเกียรติภูมิกว่าเซี่ยเสี่ยวหลานมาก คนซางตูไม่รู้จักว่าเซี่ยเสี่ยวหลานคือใคร แต่รู้ว่าวันที่ ‘หลานเฟิ่งหวง’ เปิดกิจการนั้นมีข้าราชการผู้ใหญ่มาร่วมงานตัดริบบิ้น แม้ผู้คนไม่ค่อยรู้จักเลขาโหวนัก ทว่าความเด่นดังของหัวหน้าหยางสูงมากทีเดียว อย่างน้อยในซางตูก็มียศศักดิ์ของหัวหน้าหยางรับประกัน สถานีตำรวจประจำพื้นที่จะต้องดูแลสอดส่อง ‘หลานเฟิ่งหวง’ เพิ่มขึ้นบ้าง... เซี่ยเสี่ยวหลานไม่กลัวเกิดปัญหา เพราะเธอเองก็ไม่มีอะไรต้องละอายใจ ทำธุรกิจอย่างซื่อสัตย์สุจริตด้วยราคาชัดเจน
เพื่อความปลอดภัยอย่างสมบูรณ์แบบ ก่อนเซี่ยเสี่ยวหลานไปซางต้า ก็ได้เดินทางไปหาจั๋วเว่ยผิงที่สถานีตำรวจ
“พี่จั๋ว เหมือนฉันจะเจอปัญหาอีกแล้วล่ะค่ะ”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่ได้้าให้ตำรวจธรรมดาๆ เช่นจั๋วเว่ยผิงไปต่อกรกับฝานเจิ้นชวน เธอแค่คิดว่าจั๋วเว่ยผิงสามารถไหว้วานคนอื่นคอยเฝ้าระวังสถานการณ์ของ ‘หลานเฟิ่งหวง’ ให้สักหน่อย เธอไม่กลัวว่าจะมีนักเลงหัวไม้มาพังร้าน แต่เธอ้ารับประกันความปลอดภัยทางกายของทั้งสามคนในร้านมากกว่า
จั๋วเว่ยผิงฟังแล้วตะลึงพรึงเพริด
“ทุกวันนี้การแต่งงานเป็การแต่งงานอย่างเสรี ไม่ว่าใครก็จัดงานสมรสโดยไร้ความยินยอมไม่ได้ แม้แต่พ่อแม่เธอยังไม่สามารถบังคับเธอแต่งงานได้เลย นับประสาอะไรกับญาติ! พวกเขาไม่บรรลุเป้าหมายเช่นนี้ ถ้ายังกล้ามาก่อเื่ในร้านอีก ฉันจะตีทุกคนและพากลับสถานีตำรวจแน่นอน! ”
“คนที่พวกเขาจะให้ฉันแต่งงานด้วยคือฝานเจิ้นชวนจากเขตเหอตงน่ะค่ะ”
พอได้ยินชื่อของฝานเจิ้นชวน สีหน้าของจั๋วเว่ยผิงก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นเล็กน้อย จั๋วเว่ยผิงไม่ใช่ประชาชนคนธรรมดา เธอทำงานในสถานีตำรวจเขตอันชิ่งถึงสองปี อันชิ่งกับเหอตงเป็เขตที่อยู่ติดกัน บางครั้งเธอเองก็ได้ยินข่าวลือเข้าหูมาบ้าง ชื่อเสียงของฝานเจิ้นชวนฉาวโฉ่เหลือเกิน จั๋วเว่ยผิงไม่ชอบคนประเภทนี้ พฤติกรรมของเขาคืออันธพาลประจำถิ่นอย่างไม่ต้องสงสัย!
ชื่อเสียแพร่มาถึงเขตอันชิ่งเลยทีเดียว จั๋วเว่ยผิงจึงไม่กล้าประเมินต่ำไป
“เธออย่ากลับไปอยู่บ้านเลยดีกว่า เก็บของนิดหน่อย เบียดอยู่ในหอพักจั๋วน่าเสีย ไม่ว่าฝานเจิ้นชวนจะเก่งกาจขนาดไหน ก็ไม่กล้าเข้าไปหาเื่ที่มหาวิทยาลัยซางตูหรอก”
จะบังคับหญิงสาวเป็ภรรยา ฝานเจิ้นชวนย่อมไม่ยำเกรงสิ่งใดในเขตเหอตงแน่นอน
ทว่าในเมืองซางตู ฝานเจิ้นชวนไม่กล้ากระทำการอุกอาจ
หากเซี่ยเสี่ยวหลานอาศัยในหอพักของซางต้า จะยิ่งไม่มีใครกล้าลักพาตัวเธอไปจากซางต้า นักศึกษามหาวิทยาลัยเป็บุตรแห่งสรวง์ สถานศึกษาอย่างซางต้านี้คือหอคอยงาช้างที่แท้จริง ถ้าก่อปัญหาในซางต้า ทรราชจากเขตเล็กๆ ก็รับผลกระทบอันเลวร้ายไม่ไหวเช่นกัน
เซี่ยเสี่ยวหลานแค่้าให้จั๋วเว่ยผิงช่วยดูแลด้าน ‘หลานเฟิ่งหวง’ เท่านั้น คิดไม่ถึงว่าจั๋วเว่ยผิงกลับให้คำแนะนำที่น่าจะปฏิบัติได้จริง อาศัยที่ซางต้าหรือ? ความหลักแหลมของเซี่ยเสี่ยวหลานไม่น้อยไปกว่าจั๋วเว่ยผิง ถ้าเธอหลบในซางต้าตลอดเวลาไม่ออกมา ฝานเจิ้นชวนก็จัดการเธอไม่ได้
และหากเซี่ยเสี่ยวหลานสอบติดมหาวิทยาลัย ฝานเจิ้นชวนก็ไม่มีทางบังคับฝืนใจนักศึกษาหญิงคนหนึ่งแต่งงานได้
คุกคามนักศึกษาในมหาวิทยาลัยคือวิธีการที่ไม่ชาญฉลาดนัก
นักศึกษาที่เรียบจบแล้วแค่มีจุดเริ่มต้นในการทำงานดีกว่าผู้อื่น แต่สำหรับนักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบ พอเื่ราววุ่นวายใหญ่โตย่อมปกปิดไม่อยู่น่ะสิ
เซี่ยเสี่ยวหลานส่ายหน้า “ถ้าฉันหลบซ่อนไม่โผล่ตัว พวกเขาอาจหาเื่ครอบครัวฉันแทน พี่จั๋ว ขอบคุณที่พี่ห่วงใยฉันแบบนี้”
จั๋วเว่ยผิงเป็เพียงเ้าหน้าที่ตำรวจธรรมดา เธอเกิดมาเพื่อรักและยืนหยัดในความยุติธรรม การทำงานในหน่วยงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะนั้นเรียกได้ว่าเป็เื่ราวดีๆ ของเหล่ามวลชนเลยทีเดียว ทว่าจั๋วเว่ยผิงยังเด็กเกินไป จึงใช้แค่จิตใจรักในความยุติธรรมอย่างเดียว ซึ่งไม่สามารถต่อกรกับศัตรูตัวฉกาจอย่างฝานเจิ้นชวนได้
คำพูดมากมายจุกอยู่ในคอของจั๋วเว่ยผิง
ในสถานีตำรวจคราวก่อนก็เหมือนกัน เป็เพราะขี้หนูก้อนเดียวทำลายกิตติศัพท์ของทั้งระบบ ดังนั้นจั๋วเว่ยผิงจะไม่ยอมแพ้
“สหายเซี่ยเสี่ยวหลาน โลกใบนี้มีความยุติธรรม ฉันจะร่วมต่อสู้กับเธอเอง ฉันจะคอยดูเองว่าใครกล้ามาฝืนใจพาตัวเธอไป!”
เซี่ยเสี่ยวหลานไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ซาบซึ้งใจก็ส่วนซาบซึ้งใจ แต่คุณจั๋วช่วยพูดในสิ่งที่น่าเชื่อถือกว่านี้หน่อยได้หรือไม่ เธอเป็แค่คนระดับไหน จะให้เ้าหน้าที่ตำรวจคุ้มกันข้างกายได้หรือ? ตัวจั๋วเว่ยผิงเองย่อมยินดีแน่นอน แต่ทางสถานีตำรวจจะเห็นชอบด้วยหรือ?
จั๋วเว่ยผิงเป็เพียงตะปูควงตัวเล็กตัวหนึ่งในองค์กร ภาระงานก็ต้องรับคำสั่งจากหน่วยงาน ไม่มีทางที่เธอจะสามารถทำอะไรตามใจตนเองได้
เซี่ยเสี่ยวหลานซาบซึ้งใจอยู่พักใหญ่ ในที่สุดก็พูดความจริงกับเ้าหน้าที่จั๋ว
“พี่จั๋ว คังเหว่ยไม่ใช่คนรักของฉัน เป็โจวเฉิงต่างหาก”
“...”
จั๋วเว่ยผิงพูดไม่ออก
จริงอยู่ที่ครั้งก่อนเธอไม่ได้เดาผิด เพียงแต่คาดเดาคนรักผิดตัวเท่านั้น ถึงกระนั้นจั๋วเว่ยผิงก็สบายใจไปเปราะหนึ่ง คังเหว่ยคงพอมีเส้นสาย ดังนั้นโจวเฉิงย่อมไม่ใช่คนธรรมดาสามัญด้วยเช่นกัน หากฝานเจิ้นชวนอยากบังคับเซี่ยเสี่ยวหลานแต่งงาน ถึงอย่างไรก็ต้องถามความเห็นคนรักของเซี่ยเสี่ยวหลานสิ?!
จั๋วเว่ยผิงรู้ว่าคังเหว่ยและโจวเฉิงไม่ได้เหมือนกับภายนอกที่เห็น แบบนี้ก็ประจวบเหมาะ ไม่ทราบว่าโจวเฉิงบุคคลสองหน้านั้นจะจัดการกับอันธพาลใหญ่อย่างฝานเจิ้นชวนคนนี้ได้หรือไม่
----------------------------------------
เมื่อหลี่ต้งเหลียงได้รับโทรเลขของเซี่ยเสี่ยวหลาน ก็ไปหาศิษย์น้องเก่อเจี้ยนทันที
“คุณเซี่ยให้พวกเราไปซางตูล่วงหน้า นายว่าอย่างไรล่ะ?”
ถ้าเก่อเจี้ยนเลื่อนเวลาไม่ได้ หลี่ต้งเหลียงจำเป็ต้องไปหาคนอื่น เดิมทีบอกว่าเดือนพฤษภาคม แต่นี่เลื่อนเร็วขึ้นสิบกว่าวัน
พอเก่อเจี้ยนนึกถึงความใจกว้างของเซี่ยเสี่ยวหลานก็ยินดีเลื่อนวันเดินทางไปซางตู อย่างไรเสียนั่นก็คือการหาเงิน หาเงินที่ไหนจะมีปัญหาอะไร ทั้งสองคนไม่ใช่หญิงสาววัยรุ่นแสนสวยเสียหน่อย ยังกังวลว่าจะโดนหลอกลวงในต่างถิ่นอีกหรือ! หลี่ต้งเหลียงบอกว่าค่ากินอยู่จะเบิกคืนได้หมด เงินที่เก่อเจี้ยนได้คือรายได้สุทธิ
ศิษย์พี่ว่านเสียงานนี้ไป เก่อเจี้ยนถึงเข้ามาแทนที่ได้ เขาหวงแหนโอกาสในการทำงานนี้เป็อย่างมาก
“ฉันตกลง พี่ว่าพวกเราออกเดินทางเมื่อไรดี ฉันแล้วแต่พี่เลย”
จะเดินทางไกลบ้าน จำเป็ต้องมีจดหมายแนะนำ มิเช่นนั้นจะหาที่พักในซางตูลำบาก หลี่ต้งเหลียงกับเก่อเจี้ยนจึงไปขอจดหมายแนะนำคนละฉบับ จากนั้นก็ขึ้นรถเที่ยวเร็วที่สุด หลี่ต้งเหลียงคิดว่า เมื่อคุณผู้หญิงเซี่ย้าคนคุ้มกันเดี๋ยวนี้ พวกเขาสองคนต้องรีบไปอยู่ข้างกายเธอทันที จึงจะถือว่าเป็คนคุ้มกันคุณสมบัติยอดเยี่ยม
ช่างพอดิบพอดี ความคิดของโจวเฉิงก็เหมือนๆ กัน
นี่ไม่ใช่เื่เล็กน้อย มีคนจะแย่งภรรยาของเขา ดังนั้นเขาจะไม่รีบไปซางตูโดยเร็วที่สุดได้หรือ?
ทางหน่วยงานจะไม่อนุมัติวันหยุดก็ไม่มีเหตุผลที่เพียงพอ ผู้บังคับบัญชาของโจวเฉิงโมโหไม่แพ้กัน อาชีพของพวกเขาเหล่านี้ไม่ง่ายเลย สตรีที่ยินดีสมรสกับพวกเขาย่อมมีความคิดเป็เหตุเป็ผลสูงมาก ดังนั้นจะเลือกรังแกสุภาพสตรีมีตรรกะเหล่านี้โดยเฉพาะไม่ได้—โจวเฉิงแค่อายุยังไม่ถึงเกณฑ์ที่จะสมรสกับเซี่ยเสี่ยวหลาน เมื่อพบเื่แบบนี้ ผู้ที่อาจหาญ้าบ่อนทำลายการสมรสของพวกเขาก็ไม่ต่างจากการสร้างหายนะให้ตนเอง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้