ส่วนตัวเฉิงจวิ้นนั้น คนในหมู่บ้านเองก็ต่างมีความคิดเห็นต่อเขาแตกต่างกัน มีบ้างที่รู้สึกว่าเขาปัญญาอ่อน สมองมีปัญหา แต่ก็มีบ้างที่รู้สึกว่าเฉิงจวิ้นนั้นเป็เพียงคนซื่อซึ่งไป๋ซวงก็คือคนที่คิดแบบหลัง
เฉิงจวิ้นรูปร่างสูงใหญ่และกล้ามเนื้อเต็มตัว ใบหน้าเหมือนคนที่ดูแล้วซื่อๆ ที่ไป๋ซวงชอบเฉิงจวิ้นนั้นมีอยู่สองเหตุผล หนึ่งคือโสดและสถานะทางบ้านก็ไม่เลว ส่วนอีกเื่ก็คือเื่ของการสืบสกุล
เพราะถึงอย่างไรที่นี่ก็คือชนบท เหมือนเวลาแม่ยายเห็นสะใภ้ที่คลอดลูกง่ายก็มักจะชื่นชอบ ไป๋ซวงเองก็เห็นถึงความสามารถของเฉิงจวิ้น เธอถึงได้ชอบใจที่จะอยู่กับเขา
เื่นี้พูดออกมาคงไม่ดี หร่านซวี่จือจึงได้เพียงแค่คิดในใจ
“พี่นายเรียกนาย” ท่าทีของเฉิงจวิ้นนั้นดูซื่อบื้อจริงๆ ท่วงท่าของเขาก็เอื่อยเฉื่อยแล้วชี้ไปด้านนอก
หร่านซวี่จือพยักหน้าแล้วเดินตามเฉิงจวิ้นออกไปด้านนอก
ยังไม่เคยมีการทำตรงสวนหลังบ้าน ก็เลยมีแต่ดินโคลนเต็มไปหมด เนื่องจากฝนเพิ่งตกไปเมื่อครู่จึงยังเปียกชุ่ม บนแผ่นหินล้วนมีแต่ตะไคร่จับ หร่านซวี่จือไม่ทันระวังทำให้เท้าลื่นจนล้มกระแทกกับพื้น
เฉิงจวิ้นใกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับหร่านซวี่จือ ไม่เพียงแค่เฉิงจวิ้น แต่ไป๋หลิงฮัว ไป๋ซวงและหวังเฉิงต่างก็เห็นกันหมด หวังเฉิงจึงทิ้งเพื่อนของตนเองไว้ด้านหลังแล้วรีบวิ่งมา
หร่านซวี่จือนั้นไม่รู้ว่าชีวิตของตนนั้นไปก่อกรรมทำเข็ญอะไรไว้หรือเปล่าเพราะหลายวันนี้มานี้ก้นกระแทกพื้นอยู่บ่อยครั้ง เขาเจ็บจนตัวสั่น หวังเฉิงอุ้มเขาขึ้นมาต่อหน้าผู้คนแล้วช่วยเขานวดจุดที่กระแทกอย่างอ่อนโยน “ทำไมไม่ดูทางเลย? ”
ขนตาของหร่านซวี่จือเปียกชุ่มด้วยน้ำตา ชายหนุ่มคว้าเสื้อตรงหน้าอกของหวังเฉิงโดยไม่ส่งเสียง
หวังเฉิงพาหร่านซวี่จือเข้าไปในห้อง ไป๋ซวงดึงกางเกงของหร่านซวี่จือลงมาเล็กน้อยแล้วตรวจดูอยู่สักพัก “เขียวช้ำเล็กน้อย ก่อนหน้านี้ก็กระแทกตรงนี้ ต้องรีบกลับไปทายา อีกอย่างเสี่ยวหลิงก็ต้องเปลี่ยนกางเกง ไม่อย่างนั้นจะเป็หวัดเอาได้”
“ผมแบกเขาไปเอง” หวังเฉิงเอ่ย
หวังเฉิงนั่งย่อลงแล้วแบกหร่านซวี่จือขึ้นหลัง ชายหนุ่มขยับตัวเล็กน้อยแล้วเกี่ยวขาของหร่านซวี่จือเพื่อทำให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่สบายตัวที่สุด ปรากฏว่าพอถึงตรงหน้าประตู ไป๋หลิงฮัวที่นิ่งเงียบตลอดจู่ๆ ก็เอ่ยปาก
ไป๋หลิงฮัวนั้นยืนอยู่ตรงประตูมาตลอด เธอสูบบุหรี่ไปพลางพร้อมกับมองภาพด้านในที่เกิดขึ้น ตอนที่หวังเฉิงเดินมา เรียวขานั้นก้าวเดินมาถึงตรงประตูเพื่อขวางทางหวังเฉิง “พี่หวังไปไม่ได้หรอก”
หวังเฉิงมองขึ้นมาสบตากับไป๋หลิงฮัว
ไป๋หลิงฮัวอ้าปากที่แดงระเรื่อ “อีกเดี๋ยวคุณยายจ้าวจะมาหาพี่ พี่ไปไม่ได้”
คำพูดนี้ไม่ผิดแต่อย่างใด จ้าวผิงคือคนที่สนิทกับหวังเฉิง และก็มีหลายเื่ที่ต้องให้หวังเฉิงส่งต่อให้คุณยายจ้าว ถ้าไปตอนนี้ ถ้าเกิดหาคนไม่เจอ ก็คงลำบาก
ไป๋ซวงเอ่ย “โอ๊ย ถ้าอย่างนั้นเฉิงจวิ้นไปส่งเสี่ยวหลิงก็แล้วกัน เพราะถึงอย่างไรเฉิงจวิ้นก็ไม่ได้มีเื่อะไรต้องทำ แต่ฉันลากเขามาเอง”
หวังเฉิงมองเฉิงจวิ้น สีหน้านั้นไม่ค่อยดีนักและท่าทีก็ดูไม่ยินยอม
หร่านซวี่จือกระซิบข้างหูหวังเฉิง “พี่หวัง ผมไปพร้อมกับพี่เฉิงก็ได้”
หวังเฉิงหน่ายใจจึงได้แต่วางหร่านซวี่จือลง
เฉิงจวิ้นพยุงหร่านซวี่จือแล้วเดินขาเป๋ออกไปด้านข้าง หวังเฉิงล้วงบุหรี่ออกมาจากกล่องในกระเป๋า แล้วจุดไฟพลางชำเลืองมองไปทางไป๋หลิงฮัว
ไป๋หลิงฮัวปัดผมลอนของตนเองไปไว้อีกด้าน เผยให้เห็นคอระหงขาวเนียน เธอหันศีรษะมองมาทางหวังเฉิง สายตานั้นเรียบเฉย ไม่มีคลื่นอันใด
ถนนด้านนอกนั้นแย่ยิ่งกว่า เฉิงจวิ้นแบกหร่านซวี่จือขึ้นหลังแล้วค่อยๆ ก้าวช้าๆ ออกไปทางด้านนอก
บ้านของจ้าวผิงอยู่ไม่ห่างจากบ้านของหร่านซวี่จือนัก ใช้เวลาไม่นานก็ถึง เฉิงจวิ้นวางหร่านซวี่จือลงแล้วไปหายาที่หร่านซวี่จือเคยใช้ก่อนหน้านี้
หร่านซวี่จือค้นหากางเกงบนเตียงของตนที่เพิ่งซักมาแล้วจัดการถอดกางเกงที่เปียกปอนของตนเองลง
ดินโคลนที่เปื้อนกางเกงนั้นแห้งหมดแล้ว ตอนนี้ก็จับตัวกันเป็แผ่น หร่านซวี่จือใช้เล็บขูดดินโคลนออกมาแล้วโยนลงไปที่ตะกร้าไม้ไผ่สาน เมื่อถึงเวลาจะได้เอาไปซักรวมกับเสื้อผ้าอื่น
เฉิงจวิ้นเปิดประตูเดินเข้ามา เขาอุ้มขวดแก้วที่บรรจุยาสมุนไพรไว้ด้านใน หาพื้นที่ว่างแล้ววางมันลงและเปิดฝา้าออกแล้วใช้ผ้าทำให้ชุ่ม
“พี่เฉิง ผมทำเองก็ได้” หร่านซวี่จือเอ่ย
เฉิงจวิ้นยื่นผ้าที่ชุบยาให้หร่านซวี่จือแล้วนั่งรออยู่ที่ข้างเตียง
หร่านซวี่จือใช้ผ้าเช็ด พอเงยศีรษะขึ้นก็เห็นเฉิงจวิ้นจ้องขาของตนเองอย่างเหม่อลอยคล้อยกับสายตาของเขา ก็พบว่าเฉิงจวิ้นกำลังมองด้านในต้นขาของตนเองอยู่
หวังเฉิงนั้นตอนที่ทำมักจะมีรสนิยมแปลกๆ เขาชื่นชอบที่จะทั้งกัดและเลียตัวของหร่านซวี่จือ ทำให้รอยที่ทำจากครั้งก่อนบนตัวจึงยังไม่หาย
บนตัวของหร่านซวี่จือนั้นมีรอยได้ง่าย และในตอนนี้ ต้นขาด้านในก็มีรอยแดงคล้ำๆ อยู่ ซึ่งขัดกับผิวขาวดุจหิมะของเขาจึงยิ่งสะดุดตา
หร่านซวี่จือนิ่งเงียบไม่พูดจาแล้วเช็ดตรงแผลของตนเองต่อ เฉิงจวิ้นก็ลังเล เหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยปาก
หลังจากที่หกล้มคราวก่อน หลังของหร่านซวี่จือโดนก้อนหินบาด เฉิงจวิ้นก็นั่งอยู่นี่ไม่ไปไหน หร่านซวี่จือเห็นว่าเป็ผู้ชาย ก็เลยคิดว่าไม่จำเป็ต้องหลบจึงถอดเสื้อลงมาทั้งอย่างนั้น
จุดที่ก้อนหินเล็กๆ บาดโดน เืนั้นแห้งกรังบนเสื้อผ้า ตอนที่ถอดลงมาจึงสะกิดโดนแผล หร่านซวี่จือจึงขมวดคิ้ว
เฉิงจวิ้นยังคงท่าทีซื่อๆ มองดูหร่านซวี่จือถอดเสื้อและก็ไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร เพียงแต่ขณะที่หร่านซวี่จือหันหลังจะเช็ดนั้น เขาก็ต้องเลิกคิ้ว
หร่านซวี่จือมองไม่เห็นว่าหลังของเขานั้นแย่กว่าที่คิด มีแผลั้แ่ลำคอจนถึงสันหลัง หร่านซวี่จือเอี้ยวตัวอยู่นานก็ทาไม่โดน
“ฉันช่วยนายเอง” เฉิงจวิ้นหยิบสำลีแผ่นใหม่จากถุงและชุบยาแล้วหยิบออกมา
หร่านซวี่จือยื่นมือไปทายาที่ด้านหลังไม่ถึงจริงๆ จึงต้องรอเฉิงจวิ้นให้ช่วยตนเองทา
ผิวพรรณของหร่านซวี่จือนั้นขาวมาก ขณะที่มือสีแทนของเฉิงจวิ้นทาบอยู่บนนั้นก็เห็นสีช่างตัดกันอย่างเห็นได้ชัด
ในบรรดาสี่คนของบ้านแซ่ไป๋ คนที่สวยที่สุดคือไป๋หลิงกับไป๋หลิงฮัว พวกเขาต่างก็เหมือนแม่ ไป๋เหมยที่เป็พี่คนโตนั้นเหมือนพ่อที่สุด ส่วนไป๋ซวงนั้นก็สวยดีแต่เพราะทำงานหนักในตอนกลางวันทำให้ผิวพรรณดูหยาบกระด้างกว่า
ไป๋หลิงคือคนมีการศึกษา เดิมทีมักจะอยู่ในบ้าน พอเรียนก็ไม่ค่อยได้ออกข้างนอกดังนั้นผิวพรรณจึงขาวใส เวลาอยู่ใต้แสงแดด ข้อมือของเขาแทบจะสามารถมองเห็นเส้นเืได้
นิ้วมือของเฉิงจวิ้นนั้น เมื่อััโดนผิวบนหลังของไป๋หลิงอย่างไม่ตั้งใจ สามารถรับรู้ได้ถึงความเนียนลื่นดุจหยกตรงปลายนิ้วที่ัั ท่าทางของเขาถึงกับชะงักเล็กน้อย
พอเลื่อนมองขึ้นไปตามหลังที่นวลเนียน ก็เป็ลำคอระหงที่โค้งสวยงามอย่างหาใดเทียบไม่ได้ ผมสีดำขลับนั้นเข้ากันกับท้ายทอยขาวผุดผ่อง แม้จะรู้ว่าเป็น้องชายของไป๋ซวง แต่ไป๋หลิงนั้นสวยมากและเฉิงจวิ้นเองก็ไม่คิดว่าจะมีคนที่เหมือนกับเทพธิดาเช่นนี้
ขณะนี้อากาศค่อนข้างเย็น หร่านซวี่จือตัวสั่นเล็กน้อยอย่างทนไม่ไหว
เมื่อรู้สึกว่าสายตาของคนด้านหลังนั้นหยุดนิ่งนานเกินไป หร่านซวี่จือจึงขมวดคิ้ว “พี่เฉิง ยังไม่เสร็จอีกหรือ? ”