บทที่ 19
...
ธันวาที่อยู่ดูแลกอหญ้าตลอดสามเดือนที่ผ่าน เฝ้าดูพัฒนาการของหลานในท้องอย่างไม่ห่าง เมื่อสองเดือนก่อนปอร์เช่เองก็บินกลับไปเพราะทางบริษัทแจ้งมาว่าโปรเจ็คน้ำหอมตัวใหม่มีปัญหา และคาดว่าคงไม่ได้กลับมาเร็ว ๆ นี้ ทางด้านเขาและเว่ยเอินก็พอจะคุยกันลงรอยขึ้นมาบ้างนิดหน่อย แต่ที่น่าเป็ห่วงคือครรภ์ของกอหญ้านั้นให้กว่าตัวของเธอมากทำให้เธอนั้นจะเดินเหินอะไรก็ไม่สะดวก
“เว่ยเอิน”
“ค่ะพี่หญ้า อยากได้อะไรคะ”
“พี่เช็คของดูเหมือนจะขาดผ้าห่มเด็กอ่อนไป เว่ยเอินพาคุณธันไปซื้อให้พี่หน่อยได้ไหม”
“เว่ยเอินไปคนเดียวก็ได้ ทำไมต้องเอาเขาไปด้วย”
“เอาไปคุมเธอไง เดี๋ยวเธอก็เดินซื้อของเยอะเกินจำเป็อีก จำได้ไหมพี่ให้ไปซื้อชุดเด็กอ่อนอีกสามสี่ชุด เธอดูนั่น กองเป็ยี่สิบสามสิบ จะใส่ทันได้ยังไง”
“ก็ตัวไหนก็สวย ตัวไหนก็น่ารักอะ”
“ไปเถอะ พี่เพลีย ๆ ว่าจะนอนสักหน่อย ไหน ๆ ก็ไปห้างแล้วซื้อผักกับเนื้อสัตว์มาทิ้งไว้ด้วยก็ดีนะ ให้คุณธันช่วยถือ”
“งั้นเดี๋ยวรีบไปรับมานะคะ”
เธอมองดูน้องสาวกับคุณธันวาออกนอกบ้านไป ก็เดินมาพับเสื้อผ้าข้าวของเตรียมคลอดใส่ตะกร้าเป็ที่เรียบร้อย ก่อนจะเอนตัวลงนอน เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่เธอเองก็ไม่รู้ เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อย ๆ เปิดออกเพราะความปวดหนึบที่ได้ เธอรู้สึกได้ว่าที่ก้นมีอะไรเปียก ๆ เธอทั้งใและทำตัวไม่ถูก มือไม้สั่นลนลาน มองซ้ายขวาเพื่อดูว่าทั้งสองคนกลับมาหรือยังก็ไม่มีแม้แต่วี่แวว
อาการปวดถี่ ๆ มาเยือนเธอเป็ระยะ ก่อนที่มือของเธอจะเลื่อนไปหยิบมือถือขึ้นมาเพื่อต่อสายหาเว่ยเอิน แต่ความลนลานและสายตาที่เริ่มพร่ามัวของเธอนั้นทำให้มองหน้าจอไม่ชัด เธอกดโทรออกทันที
“เว่ยเอิน ช่วยด้วยจะคลอดแล้ว”
“กอหญ้า! กอหญ้าคุณได้ยินผมไหม”
“คุณ .. ราชันย์”
“คุณอดทนหน่อยนะ ธันวาไปไหน ผมจะโทรตามธันวาเดี๋ยวนี้”
สิ้นสุดคำพูดของปลายสาย สัญญาณก็ตัดไป ใช้เวลาเพียงไม่นานมากนัก เธอที่นอนปวดท้องถี่ ๆ อยู่บนโซฟาได้แต่บิดเกร็งไปมาอย่างทรมาน เสียงเปิดประตูและฝีเท้าของบุคคลที่เร่งรีบกำลังวิ่งเข้ามาใกล้ เธอแหงนมองก็เห็นเป็ธันวาและเว่ยเอินที่หอบหิ้วถุงสินค้าอย่างพะรุงพะรัง
“นายพาพี่หญ้าไปขึ้นรถก่อน ฉันจะไปหยิบตะกร้ากับเอกสาร”
ธันวาพยักหน้าตอบรับก่อนจะประคองให้กอหญ้าลุกขึ้นมา ใบหน้าที่ซีดเซียวของเธอทำให้ธันวาเองก็ทำอะไรไม่ถูก เมื่อเห็นท่าไม่ดีเขาจึงอุ้มเธอขึ้นมา เขาเห็นเว่ยอินยืนกดมือถือเล็กน้อยก่อนจะรับวิ่งตามออกมา
เมื่อเดินทางมาถึง รพ. ก็มีพยาบาลมาจัดการพาเธอเข้าไปที่ห้องคลอดทันที ทิ้งให้ธันวาและเว่ยอินยืนอยู่หน้าห้องคลอดด้วยอาการกังวล เพราะล่าสุดคืออาการของกอหญ้าดูไม่สู้ดีนัก
“นายจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม”
“ไม่เป็ไร”
“แต่สภาพนายตอนนี้ไม่เหมาะจะมายืนหล่ออยู่ตรงนี้นะ .. งั้นนายรออยู่ตรงนี้ ฝากดูของให้ด้วย”
“เธอจะไปไหน”
“ไปหาเสื้อให้นายเปลี่ยนไง”
“หาที่ไหน อย่าบอกว่าชุดคนไข้นะ ไม่เอา”
“หาอะไรมาให้ก็ใส่ ๆ ไปเถอะ อย่าเื่เยอะได้ปะ”
เธอไม่รอให้ธันวาได้ตอบอะไร รีบจัดการก้าวเท้าของเธอออกไปทันที ทิ้งให้ธันวายืนเฝ้าตะกร้าผ้าของกอหญ้า เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานนักก็พบว่ามีกลุ่มคุณหมอและพยาบาลที่วิ่งหน้าตื่นผ่านหน้าเขาเข้าไปในห้องคลอด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าด้านในเกิดอะไรขึ้น
ติ๊ง!
‘เป็ยังไงบ้างไอ้ธัน’
‘อยู่ รพ. แล้วตอนนี้เธออยู่ในห้องคลอด’
‘ฝากดูให้กูที’
‘อยู่ไหนแล้ว’
‘อีกไม่เกิน2ชั่วโมงน่าจะถึง’
‘ได้ไฟต์ง่ายขนาดนี้เชียว’
‘เครื่องบินส่วนตัว’
‘รีบมา’
ธันวาปิดหน้าจอมือถือยัดลงกระเป๋าแล้วเดินวนอยู่หน้าห้องคลอดไปมา เพียงไม่นานนัก ก็ถุงผ้าถุงหนึ่งยื่นมาให้เมื่อหันไปมองก็เห็นว่าคือเว่ยเอิน ธันวายื่นมือไปรับมาก่อนจะเปิดดูเพียงเล็กน้อย
“ไม่มีแบรนด์ ไม่แพงมาก แก้ขัดพอได้ ใส่ไปก่อนแล้วกัน”
“ขอบใจนะ”
“ไปเปลี่ยนเถอะ เดี๋ยวที่เหลือฉันดูเอง”
“ฝากด้วยนะ”
เว่ยเอินพยักหน้ารับเบา ๆ ธันวาก็รีบจ้ำอ้าวเดินไปห้องน้ำทันที เว่ยเอินเดินวนไปมาหน้าห้องคลอดเพื่อรอข่าวดี แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีใครออกมาเลยสักคน เธอหยิบมือถือมาดูข้อความก็เห็นว่าปอร์เช่เองกำลังบินมาด้วยเครื่องบินส่วนตัว เธอจึงปิดจอมือถือแล้วเก็บลงกระเป๋าทันที
“เป็ยังไงบ้าง ยังไม่ออกมาหรอ”
“ยังเลย”
“ทำไมเธอดูตื่นเต้นขนาดนี้”
“ทำอย่างกับนายไม่ตื่นเต้น”
“ก็ไม่ตื่นเต้นเท่าไหร่นะ”
เพียงไม่นานประตูห้องคลอดก็ถูกเปิดออกโดยมีกลุ่มคุณหมอเดินออกมาสามสี่คน ทั้งคู่รีบวิ่งเข้าไปหาคุณหมอทันที
“คุณหมอคะ คนไข้ที่เพิ่งเข้าไปเป็ยังไงบ้างคะ คลอดหรือยังคะ”
“คุณแม่ท้องแฝดยังไม่คลอดนะคะ ปากมดลูกยังไม่เปิด”
“เธอเป็ยังไงบ้างคะ”
“ตอนนี้ไม่มีอะไรน่าเป็ห่วงแล้วค่ะ แต่เบื้องต้นอายุครรภ์ยังไม่ถึงกำหนด คลอดออกมาเด็ก ๆ อาจจะต้องเข้าตู้อบก่อนนะคะ”
“ขอบคุณมากค่ะ”
เวลาผ่านไปเกือบ2ชั่วโมงก็ไม่มีท่าทีว่าเธอจะคลอด ทั้งคู่เองก็สลับกับกลับไปนอน และนั่งเฝ้าอยู่ที่หน้าห้องคลอดยิ่งทำให้เว่ยอินและธันวารู้สึกกังวลเพิ่มขึ้น
“ไอ้ธัน”
“มาสักที”
“กอหญ้าเป็ไงบ้าง นานแล้วนะยังไม่คลอดอีกหรอ”
“ยังเลย”
“คุณเป็ใครคะ”
“อ่อ คนนี้เว่ยเอินที่เคยเล่าให้ฟัง … ส่วนนี่ ราชันย์”
“สวัสดีครับ”
ยังไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้ทำความรู้จักกัน ก็มีกลุ่มคุณหมอสามสี่คนรีบวิ่งมาที่หน้าห้องคลอด ทำให้ราชันย์เองก็ใไปด้วย เขาคว้าข้อมือของหมอผู้ชายคนหนึ่งเอาไว้
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“คุณแม่ท่านหนึ่งมีภาวะครรภ์เป็พิษแทรกซ้อน ขอตัวครับ”
“ผมเป็สามีของเธอขอเข้าไปได้ไหมครับ”
“ได้ครับแต่ขอคุณพ่อเข้าไปสวมชุดฆ่าเชื้อก่อนนะครับ .. พยาบาลจัดการด้วย”
พยาบาลพาราชันย์เข้ามาสวมชุดฆ่าเชื้อและทำความสะอาดตามนโยบายของ รพ. ก่อนจะพาเขาเดินเข้ามาในห้องคลอด ราชันย์เห็นเตียงที่กอหญ้านอนทำใบหน้าเหยเกยอยู่ด้วยความเ็ปก็รีบวิ่งที่ข้างเตียงทันที เธอมองเห็นราชันย์ก็ร้องไห้ออกมาโดยที่เธอเองไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เช่นกัน ราชันย์กุมมือของเธอไว้
“พ่อมาแล้ว อย่าทรมานแม่เลย ออกมาเถอะ”
ราชันย์พูดไปลูบท้องของเธอที่ถูกแปะด้วยเครื่องมือแพทย์มากมาย เพียงไม่นานนักพยาบาลก็แจ้งว่า เธอกำลังจะคลอดแล้วหัวเด็กออกมาแล้ว ทำให้คุณหมอมากมายวิ่งกรูกันเข้ามาที่ข้างเตียงเธอทันที
เวลาผ่านไปเพียงชั่วอึดใจเท่านั้นเสียงเด็กเล็กร้องอ้อแอ้ก็ดังไปทั่วห้องคลอด คุณหมอบอกว่าเขาได้ลูกผู้ชาย ก่อนที่ราชันย์จะทันได้ยิ้มไม่หุบเขาก็ต้องตาโตเข้าไปอีกเมื่อคุณหมออุ้มอีกคนมาให้ดูซึ่งเป็ผู้หญิง ราชันย์กุมมือกอหญ้าแน่นยิ้มให้เธอทั้งน้ำตา เธอยิ้มบาง ๆ
พยาบาลแจ้งว่าเด็กคลอดก่อนกำหนดหนึ่งเดือนต้องอยู่ในตู้อบ ราชันย์ออกมาจากห้องคลอด ก็พบว่าหน้าห้องคลอดมีคนเพิ่มมา ปอร์เช่ที่ยืนนิ่ง ๆ จ้องหน้าเขาอยู่นั้นไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาแม้แต่คำเดียว แต่สายตาก็ไม่ได้เป็มิตรสักเท่าไหร่เช่นกัน
“นายมาได้ยังไง”
“เมียฉันคลอดลูก ฉันก็ต้องมาสิ”
“ฉันเคยบอกแล้ว ว่านี่คือลูกฉัน”
“แต่ฉันมั่นใจว่าคือลูกฉัน”
“ที่นี่ รพ. อย่าเพิ่งเถียงกันเลยค่ะ พี่กอหญ้าเป็ไงบ้างคะ”
“คลอดแล้ว ได้ผู้หญิงและผู้ชาย ผิวขาวจั๊วะ แก้มยุ้ย ผมดำขลับ แขนขานี่เป็ป้อง ๆ”
“พี่กอหญ้าอดทนมาตั้งเกือบยี่สิบชั่วโมง แต่มาคลอดตอนคุณเข้าไปในห้องคลอดเนี่ยนะ”
“ทำไงได้ ลูกของฉัน ก็เชื่อฟังฉันเป็เื่ปกติ”
“แล้วเธอจะออกมาเมื่อไหร่ราชันย์”
“คุณหมอให้ออกซิเจนสักพักน่าจะออกมาได้ ไอ้ธันไปจัดการเื่ห้องพักให้ด้วย เอาที่ดีที่สุดของที่นี่”
“อืม ... เธอจะไปกับฉันไหมยัยเปี๊ยก”
“ฉันไปแล้วสองคนนี้จะตีกันตายไหม”
“ไว้ใจเขาเถอะ เขาโต ๆ จนหมาเลียดากไม่ถึงละ”
“งั้นก็ดีเลยฉันไปด้วย”
