"ถ้าเป็คนอื่นล่ะก็คงไม่มีเวลาหรือไม่ว่าง แต่ถ้าเป็หนานกงเสี่ยวเอ่ยปาก ไม่มีทางจะยุ่งอยู่แล้วเขาตอบกลับ"
ทุกครั้งที่เขาได้ยินเสียงนี้ในใจของเขาจะรู้สึกมีความสุขเสมอ ฉินโจ้วก็ไม่ได้คิดแบบนั้น แต่มันหลุดปากออกไปเองทันทีที่คำพูดหลุดออกไปเขาก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยมันดูไม่ต่างจากการเกี้ยวพาราสีเลยก็ว่าได้
เหมือนจะได้ยินเสียงหายใจหอบถี่ลอดผ่านจากไมโครโฟนของฝั่งตรงข้ามหลังจากนั้นชั่วครู่ เสียงของหนานกงเสี่ยวก็ดังขึ้น "ดีเลยฉันกำลังจะไปทำภารกิจเปลี่ยนอาชีพครั้งที่สอง ฉัน้าจัดการกับมอนสเตอร์หินแต่เนื่องจากมันไม่มีสมองทำให้การสะกดจิตด้วยเสียงเพลงของฉันไม่ได้ผลฉันเลยสังหารมันไม่ได้ พี่ชายของฉันและคนอื่นๆ กำลังไปทำภารกิจนอกจากนั้นฉันเองก็มีเพื่อนแค่คนเดียว ฉันไม่รู้ว่าคุณพอจะช่วยฉันได้ไหม?
''มีคุณเป็เพื่อนเพียงคนเดียว'' แค่ประโยคนี้ประโยคเดียวทันทีที่ฉินโจ้วได้ยิน เืในกายถึงกับเดือดพล่าน ก่อนจะรีบตอบกลับไปทันใด"บอกที่อยู่มา ผมจะรีบไปหาในทันที"
"ขอบคุณนะฉินโจ้วที่อยู่คือ ***" น้ำเสียงของหนานกงเสี่ยวเต็มไปด้วยความยินดีอย่างมาก
ห่างออกไปเป็ระยะทาง15 ลี้ จากเมืองั มีเหมืองร้างแห่งหนึ่งชื่อว่า ''หุบเขาหินปูน'' โดยตั้งชื่อตามชื่อแร่ที่อยู่ในหุบเขา
หุบเขาหินปูนประกอบด้วยหินเกือบทั้งหมดโดยปกติแล้วถ้าไม่มีดินก็จะไม่มีพืช เช่น หญ้าและต้นไม้บางครั้งมีเมล็ดพันธุ์ที่ลอยมาตามลมก่อนจะตกลงที่นี่ ต่อมาพบว่าเมื่อถึงฤดูฝนมันก็มีโอกาสที่จะแตกรากออกและชอนไชแต่ถ้าหวังที่จะเจริญเติบโตล่ะก็แทบจะไม่มีทางเลยโดยมากเมื่อถึงฤดูหนาวพวกมันก็จะตายโดยที่ลำต้นมีความสูงแค่ราวครึ่งนิ้วเมื่อขาดน้ำและดินจึงเป็สาเหตุหลักที่ทำให้ที่นี่ขาดแคลนสีเขียวเป็อย่างมาก
เมื่อมองไปรอบๆก็มีแต่เม็ดทรายและหินที่สึกกร่อน บรรยากาศดูอ้างว้างโดดเดี่ยว
ที่นี่จึงไม่เหมาะสำหรับมนุษย์ที่จะอาศัยอยู่เพราะมีมอนสเตอร์เป็จำนวนมากและหลายชนิด เช่น มด ลิ่น และมอนสเตอร์หินโดยเฉพาะมอนสเตอร์หินนั้นมีหินเป็ส่วนประกอบทั้งร่างทำให้ร่างกายนั้นแข็งดังเหล็ก และพละกำลังที่ไม่มีสิ้นสุด ทำให้ยากแก่การรับมือ
ฉินโจ้วนั้นอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนักจากหุบเขาหินปูนด้วยความเร็วในการวิ่งเต็มสปีด ในที่สุดเขาก็มาถึงที่หมายจนได้
หนานกงเสี่ยวยืนคอยอยู่ที่ปากทางเข้าหุบเขาหินปูนเธอยังคงแต่งกายด้วยชุดเ้าหญิงสีขาว ดูประณีตงดงามไม่มีใครเปรียบสวยงามราวกับตุ๊กตาเครื่องปั้น ผู้คนที่ได้พบเห็นก็มีแต่ความเอ็นดูดวงตาส่องประกายบริสุทธิ์ เพียงแค่ชายตามองไม่ว่าใครก็ทนไม่ได้จะต้องออกมาปกป้องไม่ให้เธอเ็ป
"ฉินโจ้ว"หนานกงเสี่ยวมองเห็นฉินโจ้วได้อย่างทันที
ทันทีที่ได้เห็นเธอฉินโจ้วก็ยังคงจับจองอยู่ที่เธอครู่หนึ่ง เธอนั้นดูทั้งไร้เดียงสาและน่ารักมากเมื่อเขามองเห็นประกายแห่งความยินดีที่อยู่ในแววตาของเธอ ทำให้เขายิ่งอารมณ์ดีขึ้นก่อนจะพูดจาฮึกเหิมว่า "เรามาคุยกันเื่ภารกิจของคุณก่อนดีกว่า"
"ดีเลยเอาตามนั้น หลังจากจัดการกับมอนสเตอร์หินแล้ว มันจะดรอปหินดวงตาหงส์ออกมาแบบสุ่มแค่รวบรวมให้ได้ 30 ชิ้นก็พอ" หนานกงเสี่ยวตอบ
"ตอนนี้คุณรวบรวมได้กี่ชิ้นแล้ว?"
"แค่สองชิ้นเอง"หนานกงเสี่ยวตอบอย่างอายๆ
"ก็ดีเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า" ฉินโจ้วนั้นรู้สึกผ่อนคลายเป็อย่างมากก็แค่มอนสเตอร์หิน เื่จิ๊บๆ
หลังจากที่พวกเขาได้เข้าไปก็ได้เห็นมอนสเตอร์หินสองตัววิ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาเมื่อมองดูแล้วก็คล้ายกับคนอยู่บ้าง แค่เพียงมีขนาดตัวที่ใหญ่กว่าความสูงโดยเฉลี่ยมากกว่าสองเมตร พวกมันมีทั้งตา หู จมูก ปากและยังมีห้านิ้วเหมือนกันอีกด้วย แต่ทั้งหมดเชื่อมต่อกันเป็ชิ้นเดียวทั้งหนาและแข็งแกร่ง มีเสียงแปลกๆ เป็ภาษาโบราณดังออกมาจากปากและดูท่าทางน่ากลัวมาก
มอนสเตอร์หิน: ระดับ 32 พลังชีวิต 4,000 หน่วย มีร่างกายที่แข็งแกร่ง พละกำลังสูง
เมื่อฉินโจ้วมองดูที่คุณสมบัติแล้วเขาเห็นว่าไม่มีทักษะ เขาเองก็หมดความกังวล ก่อนจะร่ายเวทหน่วงโจมตีใส่มอนสเตอร์ทั้งสองตัวนั้นซึ่งแต่ละทักษะที่ยิงออกไปประกอบด้วยเวทหน่วงสิบสายด้วยกันทักษะหน่วงที่ถูกเพิ่มระดับแล้วนั้นส่งผลอย่างเห็นได้ชัดต่อมอนสเตอร์ระดับต่ำเมื่อร่างกายของมอนสเตอร์เกิดการสั่นไหว ความเร็วก็เริ่มลดลงและช้าลงอย่างต่อเนื่อง ในตอนนี้แม้แต่คุณยายที่แก่ชราก็ยังสามารถเดินแซงได้เลยหรือแม้กระทั่งปากก็ยังเปิดอ้าค้างไว้ ความก้าวร้าวดุร้ายก็พลันหายไปกลับกลายเป็ความตลกแทน
"เวทดีบัฟนี่คืออะไรกัน"หนานกงเสี่ยวจ้องมองไปที่ฉินโจ้วด้วยความประหลาดใจซึ่งฉินโจ้วก็ทำเพียงยิ้มรับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป
เมื่อเห็นว่ามอนสเตอร์หินนั้นไม่สามารถคุกคามเธอได้อีกต่อไปหนานกงเสี่ยวจึงค่อยวางใจ เธอนั่งลงขัดสมาธิ และเริ่มเล่นพิณแต่ละตัวโน้ตพุ่งตรงเข้าใส่มอนสเตอร์หินการโจมตีในแต่ละครั้งสร้างความเสียหายได้มากกว่า 400 หน่วยเมื่อมอนสเตอร์ทั้งสองเข้ามาใกล้เรื่อยๆพลังชีวิตหยดสุดท้ายก็ถูกลบหายไปด้วยตัวโน้ตก่อนร่างของมันจะะเิและกลายเป็กองเศษหินไป
มีเพียงเหรียญทองแดงจำนวนหนึ่งหล่นอยู่เท่านั้นไม่มีหินดวงตาหงส์อยู่ในนั้นเลย ดูท่าอัตราการดรอปนี่ก็คงจะน้อยนิดน่าดู
เนื่องจากความแข็งแกร่งของมอนสเตอร์หินนั้นไม่มากแต่มันกลับไม่ได้รับผลกระทบของทักษะจากหนานกงเสี่ยวซึ่งเธอนั้นเหมือนถูกมัดมือไว้และทำให้โจมตีออกมาได้ไม่เต็มกำลังถ้าเธอต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์หินมากกว่าสามตัวในเวลาเดียวกันเธอคงทำได้แค่วิ่งวนไปมาและหลบหนีเท่านั้นแต่อย่างไรก็ตามการปรากฏตัวของฉินโจ้วนั้นทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
ทั้งสองเดินก้าวออกไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียงส่วนฉินโจ้วนั้นปล่อยผึ้งเพชฌฆาตออกมาเพื่อแชร์ค่าประสบการณ์ ตอนนี้เขาเลเวล 36แล้ว จะไม่ได้ค่าประสบการณ์เลย ถ้าจัดการมอนสเตอร์หินเลเวล 32ดังนั้นน่าจะเป็การดีกว่าถ้าเขาปล่อยให้เสี่ยวจินเป็คนจัดการ
กลุ่มของทักษะ''หน่วง'' พุ่งออกไปราวกับสายน้ำไหล ก่อนจะโจมตีใส่มอนสเตอร์หินอย่างแม่นยำไม่ว่าจะเข้ามาพร้อมกันทีละสามตัว ห้าตัว แปดตัว หรือเก้าตัวไม่มีตัวไหนสามารถเข้ามาใกล้ได้อย่างแน่นอน ภายใต้ทักษะอันทรงพลังอย่าง ''หน่วง'' นั้น ทำให้ความเร็วของมอนสเตอร์ลดลงเรื่อยๆจนถึงจุดต่ำสุด คล้ายกับเต่าคลานก็ไม่ผิด
มอนสเตอร์หินผู้โชคร้ายตัวหนึ่งมันโดนทักษะหน่วงโจมตีใส่ไม่ต่ำกว่า 20 สาย ผลก็คือ มันแทบจะหยุดนิ่งอยู่กับที่มันทำได้แค่เพียงร้องะโ ส่วนแขนหนาอวบสองข้างก็หมุนเป็กงล้อไฟราวกับเต้นรำมันเคลื่อนที่ออกมาได้ราวครึ่งเมตรจากจุดที่เกิดจนถูกกระทั่งถูกจัดการ
ฉินโจ้วในตอนนี้มีเวลาว่างราวกับมาเดินเล่นเขาทั้งฉลาดและสุขุม ด้วยความแข็งแกร่งของเขาเขาสามารถรับมือกับมอนสเตอร์หินได้โดยไม่ต้องออกแรงมากนักมอนสเตอร์หินนั้นไม่สามารถหยุดเขาได้อีกแล้ว
เขาไม่ค่อยปล่อยทักษะการโจมตีออกไปสักเท่าไรส่วนใหญ่ก็มีแต่ทักษะเสริม เนื่องจากไม่้าแย่งค่าประสบการณ์จากหนานกงเสี่ยวค่าประสบการณ์นี้สำหรับเขานั้นแทบไม่มีค่าอะไร แต่สำหรับเธอนั้นมีค่ามหาศาล
มีแต่การสังหารและก็สังหารดูๆ ไปก็รู้สึกคุ้นตากับสถานการณ์แบบนี้ ผู้เล่นคนหนึ่งคอยช่วย อีกคนคอยจัดการกับมอนสเตอร์ซึ่งก็เหมือนกับในเวลานี้เขากำลังนึกถึงตอนที่กำลังไล่จัดการงูอยู่ในหุบเขางูก่อนหน้า แต่คราวนี้แตกต่างกันคราวนั้นหนานกงเสี่ยวเป็เพียงผู้ช่วย ส่วนฉินโจ้วนั้นมีหน้าที่สังหารแต่ถึงอย่างไรก็ถูกสังหารย่อยยับไม่ต่างกันอยู่ดี
ดูเหมือนใจของคนทั้งสองเริ่มเชื่อมโยงถึงกันเวลาที่ทั้งคู่จ้องมองซึ่งกันและกัน ก็รู้สึกถึงความอบอุ่นมีความรู้สึกอบอุ่นไหลผ่านภายในใจ
ดูจากการตายของมอนสเตอร์หินแล้วเหมือนว่าอัตราการดรอปของนั้นค่อนข้างต่ำเสียจริง โดยเฉลี่ยมอนสเตอร์หินประมาณ 12ตัว ถึงจะให้หินตาหงส์มาหนึ่งชิ้น และแถมยังค่อนข้างงกเสียอีกมีแค่เหรียญทองแดงตกลงมา ไม่เคยได้เห็นเหรียญเงินเลยสักเหรียญแทบไม่ต้องพูดถึงเลยว่าจะมีอุปกรณ์ดรอปมาให้สิ่งที่ปลอบใจได้อย่างเดียวที่ดรอปออกมาก็คือ แร่ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า ''เหล็กิญญา'' โดยที่แร่เหล็กิญญานั้นมีความเข้มข้นที่สูงมากไม่จำเป็ต้องเอาไปถลุง สามารถนำไปหลอมทำอาวุธได้โดยตรง มูลค่าก็พอใช้ได้ราคาชิ้นหนึ่งอยู่ราว 50 เหรียญเงิน
ผ่านไปหลายชั่วโมงก็เพิ่งจะรวบรวมหินตาหงส์ได้เพียงครึ่งเดียวพวกเขานั้นสังหารมอนสเตอร์หินไปนับร้อยตัว เมื่อเข้าไปในหุบเขาหินปูนที่ลึกขึ้นก็จะมีมอนสเตอร์ออกมาเยอะขึ้นด้วยเช่นกันแต่ยังโชคดีที่ความแข็งแกร่งนั้นไม่เพิ่มขึ้นเลย เพื่อป้องกันเหตุที่ไม่คาดฝันท่าทางของฉินโจ้วดูเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย เขาคำนวณตำแหน่ง ความเร็วและเส้นทางของมอนสเตอร์หินแต่ละตัวไว้ในใจ ก่อนจะเริ่มการโจมตีซึ่งทำให้เขาดูไม่เหมือนเมจเลยสักนิดมีหลายครั้งที่มอนสเตอร์หินนั้นเดินมาที่หน้าประตูได้เองก็จะถูกจัดการด้วยทักษะฝ่ามือ ทำให้หนานกงเสี่ยวถึงกับอุทานด้วยความประหลาดใจ
เมื่อครั้งที่ฉินโจ้วเปลี่ยนอาชีพนั้นเขาค่อนข้างโชคดีที่สามารถทำภารกิจสำเร็จได้โดยง่าย เมื่อได้มาพบกับหนานกงเสี่ยวเขาพบว่าภารกิจนั้นไม่ง่ายเลย เพราะต้องใช้เวลาราว 3 ชั่วโมงในการรวบรวมหินตาหงส์ได้เพียงครึ่งเดียว ถัดจากนั้นอีกสามชั่วโมงก็เก็บได้ 29 ชิ้นส่วนชิ้นสุดท้ายนั้นต้องใช้เวลาเกือบสองชั่วโมง นี่ไม่ได้หมายถึงว่าพลังโจมตีของหนานกงเสี่ยวนั้นลดลงแต่รู้สึกเบื่อหน่ายมากที่อัตราการดรอปนั้นต่ำเตี้ยเรี่ยดินมากเหลือเกิน
นี่ยังดีที่มีคนอื่นมาช่วยด้วยไม่อยากคิดเลยว่าถ้าเกิดมาทำภารกิจคนเดียวคาดว่าคงน่าจะไม่ต่ำกว่าหนึ่งหรือสองวันกระมัง ถึงจะได้เปลี่ยนอาชีพ
เมื่อรวบรวมหินตาหงส์ได้ครบ30 ชิ้น ระดับของหนานกงเสี่ยวก็เพิ่มมาอยู่ที่เลเวล 31ส่วนฉินโจ้วนั้นเก็บแร่เหล็กิญญาได้ 23 ชิ้น และเสี่ยวจินได้เยอะที่สุดระดับเพิ่มเป็เลเวล 30
ทั้งคู่ถึงกับโล่งอกฉินโจ้วนั้นดีหน่อย เนื่องจากเขาเป็เมจที่มีพลังกายที่แข็งแรงส่วนหนานกงเสี่ยวนั้นถึงกับเหงื่อท่วม เหนื่อยหอบแต่ถึงอย่างนั้นท่าทางที่แสดงออกก็เต็มไปด้วยความสุขเป็อย่างมาก
"ฉินโจ้วเื่ในวันนี้ต้องขอบคุณมากเลยนะ วันนี้วันจันทร์เอาอย่างนี้ฉันจะเลี้ยงมื้อเย็นตอบแทน่สุดสัปดาห์ พอดีฉันมีเวลาแค่่สุดสัปดาห์น่ะ"หนานกงเสี่ยวพูดด้วยความซาบซึ้งใจ
"ได้เลยผมจะรอ" ฉินโจ้วยิ้มก่อนจะกล่าวยืนยัน
"ถ้าอย่างนั้นก็ตกลงตามนี้ไม่ใช่ว่าพอถึงเวลาแล้วจะบอกว่าไม่มีเวลาเชียว" หนานกงเสี่ยวเน้นย้ำ
"คำไหนคำนั้น"ฉินโจ้วยืนยันหนักแน่น
ทั้งคู่ก็เดินทางกลับไปเมืองัด้วยกันในระหว่างทางมีสาวสวยเดินทางไปด้วย ทำให้ฉินโจ้วรู้สึกมีความสุขเป็อย่างมากแต่เขากลับรู้สึกว่าถนนสายนี้ทำไมมันสั้นเหลือเกินยังไม่ทันได้พูดอะไรสักคำก็มาถึงเสียแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ยอม ถึงอย่างไรทุกคนก็ย่อมมีทางเดินของตนเองหนานกงเสี่ยวเองก็ต้องไปจัดการเื่ภารกิจ การเปลี่ยนอาชีพเป็สิ่งที่สำคัญกว่า
หลังจากหนานกงเสี่ยวจากไปฉินโจ้วก็พลันรู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้เขายืนอยู่กลางถนนชั่วครู่ ทั้งๆที่ล้อมรอบไปด้วยผู้คนมากมายส่งเสียงหัวเราะและพูดคุยกันพึมพำแต่ดูเหมือนว่าไม่มีใครแม้สักคนที่อยากจะพูดคุยกับเขาเลย
ระยะเวลาที่ยาวนานแท้จริงกลับดูสั้นนักเขาได้แต่ก้มหน้ามองพื้นและทอดถอนใจ จากนั้นก็ออฟไลน์ออกจากเกมไป
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้