“นี่หลี่ิเจ๋อ!! ข้าถามเ้าดีๆ นะ ทำไมต้องทำท่าทางมีลับลมคมในด้วย หรือกลัวว่าข้าจะรู้ความลับในการหาเงินของพวกเ้า”
จูเป่าเอ๋อไม่ยอมแพ้ รีบวิ่งตามชายหนุ่มไป หญิงสาวยื้อแย่งกับคู่หมั้นหนุ่มอย่างดื้อดึง แสดงท่าทางว่าหากวันนี้นางไม่ได้คำตอบก็จะไม่ยอมปล่อยให้เขาจากไป
“บอกมานะหลี่ิเจ๋อ!! เ้าขึ้นเขาไปทำอะไร!! หากเ้ายังปิดปากอยู่เช่นนี้ ข้าจะให้ท่านพ่อของข้ายกเลิกการหมั้นของเรา”
ั้แ่เล็กหลี่ิเจ๋อถูกสอนให้รักพี่น้องรักครอบครัว แต่จูเป่าเอ๋อบัดนี้ยังไม่แต่งเข้ามาก็ทำท่าทางเหมือนจะแย่งชิงทุกอย่างไปจากครอบครัวของเขา นางเป็คนเห็นแก่ตัวเช่นนี้ั้แ่เมื่อใด
ตัวเขาลำบากมาั้แ่ยังเล็ก มีความฝันคือ้าให้ครอบครัวอยู่อย่างสุขสบาย ต่อให้ชีวิตลำบากเพียงใดก็ไม่เคยปริปากบ่น เพื่อรักษาความลับของครอบครัว หากวันนี้ต้องแตกหักกับนางเขาก็จะทำ
ชายหนุ่มคิดสะบัดจูเป่าเอ๋อให้ออกไป ทว่ามือเรียวเล็กของเซี่ยชิงหลีจับหัวไหลของเขาเอาไว้
“ปล่อยให้เป็หน้าที่ของข้าเอง”
หญิงสาวใช้ห้านิ้วขยุ้มผมของจูเป่าเอ๋อ จากนั้นกระชากนางออกห่างจากหลี่ิเจ๋อ
“ท่านล่วงหน้าไปก่อน...เดี๋ยวข้าตามไป”
ร่างบางพยักพเยิดให้เขาออกเดิน คนตระกูลหลี่ที่เฝ้ามองอยู่ไกลๆ ต่างถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทุกคนในที่นี้ไม่มีใครสามารถออกหน้าจัดการจูเป่าเอ๋อได้เหมือนเซี่ยชิงหลี เพราะไม่อย่างนั้นจะถูกกล่าวหาว่ารังแกคน
“กรี๊ด!! เซี่ยชิงหลี!! นางสารเลวปล่อยผมของข้า”
เสียงกรีดร้องแหลมสูงของจูเป่าเอ๋อดังลั่นไปทั่วแนวป่า ทว่าผู้ที่ทำให้นางเป็เช่นนั้นกลับไม่แสดงสีหน้าสะทกสะท้านแม้แต่น้อย หญิงสาวในชุดผ้าฝ้ายสีหม่นขยุ้มผมของอีกฝ่ายแน่น
แม้ดวงตาดูเรียบนิ่งแต่แฝงด้วยแรงโทสะ นางลากร่างของสตรีสอดรู้สอดเห็นผู้นั้นกลับเข้าหมู่บ้านโดยไม่กล่าวคำใด ไม่ข่มขู่ ไม่ด่าทอ ไม่มีเสียงโวยวาย...มีเพียงความเงียบที่น่ากลัวกว่าเสียงใดๆ ทั้งสิ้น
เสียงฝีเท้าของทั้งสองกระแทกพื้นดินดังกึกกักเป็จังหวะ ฝุ่นปลิวตามแรงกระชาก ราวกับพื้นแผ่นดินยังะเืตามความหงุดหงิดในใจ
เมื่อเดินผ่านลานกลางหมู่บ้าน ชาวบ้านที่ได้ยินเสียงกรีดร้องต่างพากันโผล่ออกมาเพื่อดูเื่สนุก บางคนเปิดประตูออกมาดู บางคนถึงกับยืนอ้าปากค้างด้วยความใ
ภาพที่ทุกคนเห็นคือหญิงสาวผู้ร่าเริงและมีน้ำใจ กำลังกระชากลากถูสตรีอีกคนที่กำลังดิ้นรนร้องไห้ปนสบถด่าทออย่างไม่เป็ภาษา เข้ามากลางหมู่บ้านอย่างไม่ไว้หน้า
“พ่อแม่ของนางอยู่ที่ใดไปตามพวกเขามา ให้สองคนดูสิว่าบุตรสาวของพวกเขาไร้ยางอายเพียงใด”
เสียงของนางดังก้องกังวานขึ้นเป็ครั้งแรก ท่าทางเอาเื่ของเซี่ยชิงหลีทำให้ไม่มีใครกล้าเอ่ยเตือน
“นี่!! ปล่อยเดี๋ยวนี้นะ เ้ากำลังทำอะไรลูกสาวของข้า”
หญิงวัยกลางคนรีบวิ่งตรงมายังพวกนาง
“ท่านคือแม่ของนางหรือ”
ร่างบางถามสตรีผู้นั้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ท่านป้า...ท่านอาจจะยุ่งอยู่กับไร่นาไม่มีเวลาสั่งสอนบุตรสาว เช่นนั้นให้ข้าสอนนางแทนท่านดีหรือไม่”
“เ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ท่านไม่รู้หรือ บุตรสาวของท่านวิ่งไล่ตามพี่ชายข้า ฉุดกระชากลากถูกเขาอย่างหน้าไม่อาย แม้สองคนจะเป็คู่หมั้นทว่าท้องฟ้าสว่างโร่เพียงนี้ นางไม่อายบ้างหรือ หากให้หญิงสาวในหมู่บ้านมาเห็นแล้วทำตาม หญิงจากตระกูลจูของท่าน แล้วท่านจะให้คำอธิบายแก่ทุกคนอย่างไร”
คำพูดของเซี่ยชิงหลีมีเหตุผลและสามารถปิดปากทุกคนได้ในคราวเดียว เรือนหลังไหนในหมู่บ้านไม่มีบุตรสาวบ้าง หากประพฤติตนเช่นเดียวกับจูเป่าเอ๋อ เห็นทีคงไม่มีบุรุษดีดีที่ใดกล้าแต่งงานด้วย
ความเงียบเข้าปกคลุมเพียงชั่วลมหายใจ ก่อนเสียงซุบซิบจะเริ่มดังขึ้นรอบทิศทาง ราวกับไฟกำลังลามจากประกายเดียว
“ท่านแม่!...อย่าไปเชื่อคำพูดของนาง นางโกหกข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น”
จูเป่าเอ๋อกรีดร้องราวกับคนบ้า ทว่าเสียงของหลี่ิเจ๋อกลับดังขึ้นทางด้านหลัง
“เ้าไม่ได้ทำเช่นนั้นจริงๆ หรือ”
ชายหนุ่มก้าวเข้ามาเผชิญหน้ากับคู่หมั้นของตน หลายคนมองสภาพของหลี่ิเจ๋อด้วยสายตาสนใจ
“ท่านลุง ท่านอา ท่านน้าทั้งหลาย ข้าหลี่ิเจ๋อเติบโตมาในหมู่บ้านแห่งนี้ข้าเชื่อว่าทุกคนคงจะรู้จักนิสัยของข้าเป็อย่างดี”
ชาวบ้านต่างพยักหน้าเห็นด้วย เมื่อพูดถึงลูกชายบ้านรองตระกูลหลี่อย่างชายหนุ่ม เขาเป็คนซื่อสัตย์ทว่าพูดน้อยเงียบขรึมต่างจากหลี่เยว่หยางลูกชายคนเล็กของบ้านใหญ่ที่เป็คนร่าเริงชอบพูดคุยเล่นหัวได้กับทุกคน เช่นนั้นคำพูดของเขาจึงน่าเชื่อถือกว่าคำพูดของจูเป่าเอ๋อสตรีปากมากผู้นั้น
“นี่คือแขนเสื้อที่ถูกนางฉีกจนขาดของข้า ก่อนหน้านี้จูเป่าเอ๋อ้าให้ข้าบอกความลับในการหาเงินแก่นาง เพราะตัวข้าเป็บุตรชายของบิดามารดา เป็หลานชายของท่านปู่และท่านย่า ข้าจะทรยศต่อพวกเขาได้อย่างไร”
คำพูดของหลี่ิเจ๋อทำให้หลายคนพยักหน้าเห็นด้วย ทว่าก็มีบางคนที่นิสัยไม่ต่างจากจูเป่าเอ๋อ คือเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและโลภมากในสิ่งของของผู้อื่น คนเหล่านี้ความจริงก็อยากรู้เกี่ยวกับวิธีหาเงินของบ้านหลี่เช่นกัน ทว่าไม่กล้าเอ่ยปาก
“นางเป็คู่หมั้นของเ้า อีกไม่นานก็แต่งงานเข้าตระกูลหลี่ เหตุใดถึงได้ขี้เหนียวไม่ยอมบอกนาง เ้าว่าจูเป่าเอ๋อเป็คนเห็นแก่ตัว แล้วเ้าเล่า ต่างกันตรงไหน”
หวังฟู่กุ้ย คือเขยที่แต่งเข้าสกุลฟาง ภรรยาของเขาคือฟางลี่จิ่น สตรีขี้หึงอันดับหนึ่งในหมู่บ้าน นางเป็บุตรสาวคนเดียวของตระกูลฟางสาขารอง จึงหาสามีแต่งเข้าบ้านเพื่อสืบทอดสายเื
ฟางลี่จิ่นเป็สตรีร่างท้วมทว่ารักสามียิ่งชีพ หากมีแม่หม้ายหรือสาวใดกล้าชายตามองสามีของนาง นางก็จะตามหาเื่ไม่หยุดหย่อน
“ถ้าเ้าบอกว่าข้าเห็นแก่ตัว เช่นนั้นข้าขอถาม ทุกคนที่นี่หากมีหนทางทำเงินมีใครในนี้จะยอมเปิดปากบอกผู้อื่นให้มาแบ่งเงินจากพวกท่านหรือไม่”
คำถามของชายหนุ่มสามารถปิดปากของหวังฟู่กุ้ยได้ในทันที
“หลี่ิเจ๋อ!! เ้ากล้าดีอย่างไรมาฉีกหน้าข้า เ้าคนสารเลวข้าเกลียดเ้า!! ฮื่อ!! เ้ายอมเข้าข้างคนอื่นแต่ไม่เข้าข้างข้า”
จูเป่าเอ๋อทรุดกายนั่งลงก้มหน้าร้องไห้ ทว่าคำพูดของหลี่ิเจ๋อทำให้นางถึงกับชะงักไป
“นางไม่ใช่คนอื่น...นางคือน้องสาวของข้า”
ชายหนุ่มเอ่ยเพียงเท่านั้นก็พยักหน้าให้ลูกพี่ลูกน้องเดินตามตนเองออกมา ละทิ้งเื่ราวทุกอย่างเอาไว้เื้ั และบัดนี้ในใจของเขาได้ตัดสินใจแล้วว่าจะยุติความสัมพันธ์กับจูเป่าเอ๋อ
“พี่ิเจ๋อ...ท่านเสียใจหรือไม่”
ระหว่างทางเซี่ยชิงหลีลอบสำรวจความรู้สึกของลูกพี่ลูกน้องหนุ่ม
“ไม่เลย ข้ากลับรู้สึกคล้ายตนเองได้รับอิสระ”
“ท่านอายุยังน้อย ยังมีเวลาหาสตรีที่ถูกในใจอนาคต วันหน้าครอบครัวของเราต้องมีชีวิตที่ดีขึ้นกว่านี้ ข้าคิดว่าเมื่อร่ำรวยขึ้นบางทีท่านอาจไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเื่เหล่านี้”
คำปลอบใจของลูกพี่ลูกน้องหญิงทำให้ชายหนุ่มยิ้มออกมาได้
“ภรรยา!! อาเหิงรออยู่ที่นี่!!”
เสียงของชายหนุ่มดังสะท้อนมาจากไหล่เขา ร่างสูงตระหง่านโดดเด่นของเขามองเห็นแต่ไกล หลี่ิเจ๋อมองภาพนั้นพลางหันมาส่งยิ้มให้ลูกพี่ลูกน้องสาว
“เหมือนที่เ้าเลือกเขาหรือ”
ชายหนุ่มเอ่ยเย้าเสียงเบา ใบหน้างามแปรเปลี่ยนเป็สีแดงสุกปลั่งยามเมื่อเอ่ยถึงสามีผู้ไม่เหมือนใครของตน
“ท่านคิดมากเกินไปแล้ว”
ทั้งสองรีบสาวเท้าเดินขึ้นเขาเพื่อตามให้ทันครอบครัวที่เฝ้ารออยู่ไม่ไกล สายตาเป็กังวลที่มองมาทำให้เซี่ยชิงหลีรู้สึกตื้นตัน วันนี้นางได้รู้แล้วว่าโชคดีทั้งหมดของนางคือการได้มีครอบครัวที่ห่วงใยและเป็หนึ่งเดียว
ภายหลังจากจูเป่าเอ๋อก่อเื่ในวันนั้น ชื่อเสียงของนางก็ยิ่งแย่ลงกว่าเดิม แม้ตระกูลหลี่อยากจะถอนหมั้นเพียงใดทว่าก็ไร้เหตุผลอันสมควร เื่นี้จึงกลายเป็เื่ที่ยังคาราคาซังไม่สามารถจัดการได้