"แม่อยากตัดไหมไวๆ จะได้ไปช่วยที่ตลาด" วันนี้อนงค์ก็ยังคงให้ลูกสาวเล่าเหตุการณ์ในตลาดให้ฟังอย่างละเอียด อนงค์กานต์ก็ยังคงเล่าอย่างสนุกสนานบวกคุยโวนิด ๆ เหมือนเดิม โดยมีกานต์นั่งหัวเราะอย่างขบขันอยู่ด้านข้างเมื่อเห็นท่ายกหางของลูก
"บางคนจะจับมือให้นิดเซ็นสัญญาเลยนะแม่ว่าพรุ่งนี้ต้องเตรียมไว้ให้เขา 5 ชิ้น" เธอยังคงคุยโอ่ต่อไป
"เอาล่ะ ลูกสาวคนเก่งของพ่อ หยุดคุยโวได้แล้ว อ่ะ...ดื่มน้ำก่อน น้ำลายแห้งหมดแล้ว"
"โห พ่ออ่ะ..เื่จริงทั้งน้านน…." พลางรับแก้วน้ำจากบิดามาดื่มอย่างกระหาย คอแห้งจริง ๆ ด้วย อืม.... พูดมากเกินไปก็ไม่ดี
"นง พี่ว่าไก่ทอดน่าจะไปได้ดีมากทีเดียวนะ นงไม่สนใจเปลี่ยนมาขายไก่ทอดแทนก๋วยเตี๋ยวเหรอ พี่เสียดายถ้าจะหยุดขายหลังเปิดเทอมแล้ว" กานต์หันมาปรึกษาอย่างจริงจังกับภรรยา
"นงก็คิดอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าจะเปลี่ยนจริง นงคงทำคนเดียวไม่ไหวนะพี่ ไก่ทอดต่างจากก๋วยเตี๋ยว ก๋วยเตี๋ยวคนทยอยมากิน นงทำคนเดียวได้ แต่ไก่ทอดคนจะรุมซื้อทีเดียว คงต้องมีคนช่วยไม่งั้นไม่ทัน"
"งั้นรอดูอีกสักอาทิตย์ดีไหม ถ้าไก่ทอดยังมียอดขายคงเส้นคงวา พี่ว่าเปลี่ยนมาขายไก่เถอะ แล้วหาคนช่วยสัก 2 คน ไม่เฉพาะคนช่วยหน้าร้าน คนช่วยเตรียมหมักไก่ก็ต้องหาด้วย ไม่งั้นนงจะหนักคนเดียวหลังจากกลับจากตลาด"
"ไม่เยอะไปเหรอพี่ ยิ่งมากคนค่าจ้างก็มากขึ้น ต้นทุนไก่เราก็จะเพิ่มขึ้นนะ" อนงค์ทักท้วงอย่างไม่เห็นด้วย
"ไม่เยอะหรอก กำไรไก่ต่อตัวนี่สูงมากอยู่แล้ว ถ้าเริ่มจ้าง 2 คนเมื่อไหร่ เราก็เพิ่มจำนวนไก่ต่อวันให้มากขึ้น ตอนนี้พี่ว่าไก่เราหมดเร็วไปหน่อย เพิ่มอีกนิดให้หมดประมาณ 9 โมง ตลาดเรามีกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้ามาซื้อของ่ 8-9 โมงเช้าทุกวันอยู่แล้ว พี่ว่าไก่ทอดน่าจะขายดีมาก ๆ เชียวล่ะ" กานต์มองไกลไปถึงลูกค้าที่เป็กลุ่มนักท่องเที่ยวซึ่งสอดคล้องกับความ้าของอนงค์กานต์พอดี
"แล้วพี่คิดจะจ่ายค่าจ้างยังไงจ๊ะ"
เื่นี้กานต์ก็คิดไว้แล้วเช่นกัน "จ่ายรายวัน เอาให้สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำหน่อย เพราะนอกจากจะให้ช่วยทอดในตลาดแล้ว จะให้มาช่วยเตรียมหมักไก่่บ่ายด้วย" ค่าแรงขั้นต่ำตอนนี้อยู่ที่แปดสิบบาทต่อวัน "เอาเป็คนละ 100 บาทต่อวันแล้วกัน เพิ่มไก่อีก 4 ตัวก็ได้ค่าจ้างแล้ว"
อนงค์นิ่งคิดและเริ่มเห็นด้วยกับสามี "ไม่เลวนะพี่ แต่คงต้องหาคนแถวหมู่บ้านเราแหละแบบนี้ ตอนบ่ายจะได้เข้ามาช่วยที่บ้านได้ง่าย"
"พี่จะเริ่มมองหาดูก่อนว่ามีใครเข้าท่าเข้าทางบ้าง ต้องเป็ที่คนขยัน ไว้ใจได้และต้องเป็คนปากหนักหน่อย" สองคนนี้ต้องอยู่กับอนงค์ทุกวัน ต้องหาคนที่ซื่อสัตย์ ไว้ใจได้ และพวกเขาต้องเข้ามาช่วยเตรียมไก่ด้วย ฉะนั้น ส่วนผสมต่าง ๆ ของไก่ทอดพวกเขาก็ต้องรับรู้ด้วยอย่างแน่นอน ถ้ารับคนปากเบาเข้ามา เกรงว่าสูตรไก่ทอดคงได้กระจายไปทั่วแน่นอน
"ถ้าเป็ทองกับนวลล่ะจ๊ะ พี่คิดว่าไง"
เมื่อได้ยินแม่เอ่ยชื่อของทั้งสองคนนี้ อนงค์กานต์เริ่มนึกตามทันที หลังจากทบทวนความทรงจำอยู่ครู่ใหญ่เธอก็นึกออก ทองและนวลเป็พี่น้องกัน ทองเป็พี่ชายอายุมากกว่านวลผู้เป็น้องสาวอยู่ 2 ปี ตอนนี้ทองน่าจะอายุ 17 ปีได้แล้วมั้ง
ทั้งสองคนมีชีวิตที่ค่อนข้างอาภัพ นายเที่ยงพ่อของพวกเขาเป็คนในหมู่บ้านและได้พบรักกับปราณีตอนไปทำงานรับจ้างอยู่ต่างจังหวัด และพากันหนีมาใช้ชีวิตที่หมู่บ้านแห่งนี้ด้วยกัน พ่อของปราณีโกรธมากประกาศตัดพ่อตัดลูก ปราณีจึงมีนายเที่ยงเป็ที่พึ่งเดียว
หลังจากคลอดนวล ร่างกายของปราณีก็อ่อนแอลง สามวันดีสี่วันไข้จนเที่ยงเกิดความเบื่อหน่าย ประกอบกับพบรักผู้หญิงคนใหม่ คนในหมู่บ้านห้วยกกนี่แหละ เป็แม่ม่ายหย่าสามีมาหมาด ๆ ฐานะที่บ้านผู้หญิงค่อนข้างดี มีที่นา ที่ทำกินมากในหมู่บ้าน พ่อและแม่ของเที่ยงชอบใจมาก ประกอบกับรังเกียจปราณีที่หนีตามลูกชายมาแต่แรก จึงยุให้นายเที่ยงเลิกรากับปราณี
ปราณีซึ่งไม่มีทะเบียนสมรสมาั้แ่แรก กลายเป็ภรรยานอกทะเบียนทันทีเมื่อแม่ม่ายคนนั้นยื่นทะเบียนสมรสที่จดมาหมาด ๆ กับนายเที่ยงให้ดู และขับไล่ปราณีออกจากบ้าน
ทองและนวลที่ตอนนั้นอายุได้ 12 ปี และ 10 ปี โกรธพ่อและครอบครัวมาก จึงออกจากบ้านมากับแม่ด้วย นายเที่ยงไม่พอใจอย่างมากถึงกับไม่นับพ่อนับลูกกันั้แ่วันนั้น
แต่เพราะไม่มีที่ไปและไม่เหลือญาติให้พึ่งพาแล้ว บุญปัน ผู้ใหญ่บ้านห้วยกกรู้สึกเห็นใจทั้งสามแม่ลูก จึงให้อาศัยอยู่ที่ท้ายไร่ของตนเอง ชาวบ้านก็มาช่วยกันสร้างกระต๊อบหลังเล็ก ๆ ให้ทั้งสามคนได้อยู่อาศัยหลบแดดหลบฝน ไฟฟ้าก็ต่อสายไฟมาจากบ้านผู้ใหญ่ที่ให้ใช้ฟรีไม่คิดเงิน ซึ่งครอบครัวนายเที่ยงไม่พอใจมากกับการให้ความช่วยเหลือทั้งสามแม่ลูกของผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในครั้งนี้ แต่ทำอะไรไม่ได้ เพราะผู้ใหญ่บุญปันมีอิทธิพลเป็อย่างมากในตำบล
ด้วยร่างกายอ่อนแอ ปราณีจึงทำงานตากแดดตากลมไม่ได้ อาศัยรับเย็บซ่อมเสื้อผ้าหารายได้อยู่ที่บ้าน บางวันก็ไม่มีรายได้เข้ามาเลย สามแม่ลูกจึงอาศัยเก็บผัก หาปลามาเลี้ยงชีพกันไป
เพราะครอบครัวไม่มีเงิน เมื่อจบ ป.6 ทั้งทองและนวลก็ออกจากโรงเรียนมาทำงานรับจ้างหาเงิน ทั้งสองเป็คนขยัน หนักเอาเบาสู้ บรรดาชาวบ้านจึงรักเหมือนลูกหลาน แบ่งข้าวปลามาให้กินตลอด เมื่อมีงานรับจ้างที่ไหนก็ชวนทั้งสองคนไปช่วยงานเสมอ
กานต์เองก็รักลูกศิษย์ทั้งสองคนนี้มาก เพราะสอนมาั้แ่ ป.1 ประกอบกับชอบนิสัยใจคอ ใน่เปิดเทอมมักจะหางานในโรงเรียนให้ทั้งสองคนทำเสมอ อนงค์เองก็เอ็นดูทั้งสองคนมากเช่นกัน เมื่อกลับมาจากขายของที่ตลาด ก็จะนำก๋วยเตี๋ยวหรือขนมจีนไปให้ทั้งสามแม่ลูกกินเป็ประจำ
"เหมาะมากเลยนง" กานต์เห็นด้วยทันที "อาทิตย์หน้าถ้าพวกเราตกลงใจกันแน่นอนแล้ว พี่จะลองไปคุยกับพี่ปราณีและทั้งสองคนดู"
