หลินฟู่อินคิดว่าอย่างน้อยหวงฝู่จินต้องชะงักบ้าง ทว่าร่างสูงโปร่งนั่นกลับก้าวต่อไปไม่หยุด
นางเค้นเสียงหัวเราะพร้อมกัดฟันกรอดอยู่ข้างหลัง
หวงฝู่จินไม่คิดสนใจ
หลินฟู่อินรู้ดีว่ากำลังทำตัวไร้เหตุผล และยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่เมื่อนางรู้สึกเหมือนเป็เด็กขี้อิจฉาอย่างไรอย่างนั้น
ตอนนั้นเองที่หวงฝู่จินมุ่งหน้าเข้าไปในห้องหลินฟู่อิน เขาทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างโดยไม่คิดจะถอดชุดที่เต็มไปด้วยคราบเืออกแต่อย่างใด
หลินฟู่อินที่ตามมาภายหลังถึงกับลมแทบจับทันที
ถ้ามองไม่ออกว่าหวงฝู่จินจงใจยั่วโมโห นางคงเป็เด็กสาวที่โง่เขลาอย่างแท้จริง!
“หวงฝู่จิน ข้าเชื่อแล้วว่าท่านไม่เป็อะไร แต่ลุกขึ้นก่อนได้หรือไม่” เด็กสาวพยายามบังคับให้เสียงของตนสงบนิ่งให้มากที่สุด
ชายหนุ่มพลิกตัวกลับมามองหน้าเด็กสาว “ไม่ ข้าไม่สบาย ข้าเจ็บหนักมากแต่ข้ายังไม่ตาย”
“เข้าใจแล้ว ข้าจะรักษาท่านเอง เพราะฉะนั้นท่านลุกก่อนเถิด” ผ้าปูเตียงใหม่ของข้า… ผ้าห่มใหม่ของข้า…
เวลามีคนไข้าเ็ ส่วนใหญ่พวกเขาจะเป็ฝ่ายร้องขอให้หมอช่วยเหลือด้วยตัวเอง แล้วเหตุใดคนไข้รายนี้จึงทำให้หมอกระวนกระวาย ซ้ำยังต้องมานั่งอ้อนวอนขอรักษาเองเช่นนี้?
หวงฝู่จินทำเป็หูทวนลมก่อนกลิ้งตัวไปมา จงใจประทับรอยเืเพิ่มบนเตียงสวย
ผ้าคลุมเตียงถูกทำลายโดยสมบูรณ์ คราบเืนั้นฝังแน่นเกินกว่าจะล้างออกได้หมด แม้รอยเืเหล่านี้เพิ่งจะเปื้อนและแห้งสนิท แต่ย่อมทิ้งคราบจางๆ ไว้แน่นอน
หลินฟู่อินเกือบปล่อยโฮออกมาอย่างเหลืออด “หวงฝู่จิน ท่านจงใจทำใช่หรือไม่? นี่มันผ้าห่มใหม่ของข้า แล้วคืนนี้ข้าจะนอนได้อย่างไร?”
หวงฝู่จินลุกขึ้นนั่งก่อนจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเด็กสาว “ไม่มีที่นอนหรือ? มานอนบนเตียงข้าสิ”
หลินฟู่อินเม้มปากแน่น “นายท่านหวงฝู่จิน ท่านล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?”
ชายหนุ่มกวักมือเรียก “มานี่มา ทายาให้ข้าหน่อย” หวงฝู่จินถอนหายใจก่อนเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน “เ้ายินดีรับมุกตลกของข้าหรือไม่?”
ไร้สาระ!
กล้าดีอย่างไรมาล้อเล่นเช่นนี้! หลินฟู่อินก่นด่าหวงฝู่จินในใจ นางจะไม่คุยกับบุรุษปลิ้นปล้อนเช่นนี้อีก
ไม่สิ ใครว่านางไม่สามารถแก้แค้นเขาได้งั้นหรือ?
หลินฟู่อินเหยียดริมฝีปาก มือบางค่อยๆ ดึงเชือกเสื้อคลุมของชายหนุ่มออก ข้างในมีเสื้อสีหยกเปื้อนคราบเืเข้มเป็วงกว้าง
เมื่อถอดเสื้ออีกชั้น ภายในนั้นเป็เสื้อสีขาวหิมะเงาวาว หลินฟู่อินคิดในใจว่าบุรุษผู้นี้นิยมสวมเสื้อผ้าสีพื้นต่างจากชาวเป่ยหรงทั่วไป
มิใช่ว่าชาวเป่ยหรงชอบเสื่อผ้าสีสันฉูดฉาดอย่างนั้นหรือ?
“เอามือออกไปได้แล้ว เ้ามัวแต่คิดอะไรอยู่?” หวงฝู่อินที่นั่งอยู่ริมเตียงชายตามองเด็กสาวอีกฝั่ง
“ขออภัย” หลินฟู่อินรู้ตัวว่าเผลอแตะรอยแผลบนหน้าอกของชายหนุ่มจึงกล่าวขอโทษทันที จากนั้นจึงหยิบน้ำเกลือจากกล่องยาเพื่อทำความสะอาดแผลเบื้องต้น
จากแขนไปยังหน้าอก จากหน้าอกไปยังหน้าท้อง ก่อนลากยาวไปยังแผ่นหลัง นับรวมแล้วมีาแน้อยใหญ่รวมเจ็ดถึงแปดที่ด้วยกัน โชคดีที่ไม่ใช่แผลลึกและไม่ใช่แผลติดเชื้อ อาจใช้เวลาฟื้นฟูให้หายดีราวแปดวัน
ไม่แปลกที่หวงฝู่จินจะไม่เป็อะไร คนเราชอบพูดว่าตายไม่ได้นั้นเป็เื่จริง ด้วยาแเช่นนี้แม้ไม่ทำให้ถึงตาย แต่ก็ทำให้นางเป็ห่วง
“ท่าน… ส่วนล่าง… าเ็หรือไม่?” หลินฟู่อินถามถึงร่างกายส่วนล่าง ท่าทางกระอักกระอ่วนใจ
หวงฝู่จินเห็นใบหน้าของเด็กสาวเปลี่ยนเป็สีแดงระเรื่อ พลันเกิดรู้สึกอยากแกล้งขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลาส่ายไปมาอย่างจริงจัง “ข้าไม่รู้ว่าส่วนล่างของข้าเจ็บหรือไม่ หากเ้าคือหมอเ้าต้องเป็ผู้ตรวจร่างกายของข้า ข้าจะไม่ขัดขืนแต่อย่างใด”
ได้ยินอีกฝ่ายพูดล้อเล่นอีกแล้ว หลินฟู่อินก็กัดฟันแน่นอีกครั้งเพื่ออดกลั้นอารมณ์โกรธของตนไว้
ต้องมาต่อปากต่อคำกับบุรุษไร้ยางอายเช่นนี้ ต่อให้นางแพ้ นางก็ไม่รู้สึกขายขี้หน้าตัวเอง
เมื่อเห็นเด็กสาวไม่ตอบโต้ หวงฝู่จินก็หรี่ตาลง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววผิดหวังเล็กน้อย
แน่นอนว่าเขาแข็งแรงดี ไม่ได้รับาเ็แต่อย่างใด
เห็นหลินฟู่อินนิ่งเงียบไป ชายหนุ่มก็เริ่มกังวลเล็กน้อย เขาคงหยอกนางเล่นมากพอแล้ว
“หยุดทำหน้ามุ่ยเสีย ส่วนล่างของข้าสบายดี ไม่ได้รับาเ็อะไร” หวงฝู่จินพูดออกมาในที่สุด
หลินฟู่อินกลอกตาโดยไม่ตอบกลับอะไร หลังทายารักษาาแเสร็จ นางก็พาชายหนุ่มไปพักในห้องของตัวเอง น่าแปลกที่ชายผู้เคยดื้อรั้นกลับเชื่อฟังเป็อย่างดี
นั่นเป็เพราะเขาสังเกตเห็นสีหน้าของหลินฟู่อินว่าความอดทนของนางใกล้ถึงขีดสุด และเขาไม่อยากทำให้นางโกรธจนควันออกหูเช่นนั้น
“ฟู่อิน ข้าขอน้ำร้อนมาแช่เท้าได้หรือไม่” หวงฝู่จินหยุดชะงักตรงประตูก่อนหันมาหาหลินฟู่อิน “ครั้งก่อนน้ำขิงที่เ้าอุ่นมาให้แช่นั้นดีมากเลย”
เด็กสาวสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ พยายามข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ ห้ามต่อปากต่อคำกับคนไข้ ห้ามทะเลาะเบาะแว้งกับคนไข้ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม นั่นคือจรรยาบรรณในวิชาชีพของนาง…
ภายในใจก็แอบสงสัย หากหวงฝู่จินเจ็บหนักขึ้นมาจริงๆ อยู่ชิงเหลียนจะมีอะไรดีขึ้นอย่างนั้นหรือ? ทุกอย่างยุ่งเหยิงไปหมดแล้วตอนนี้
เมื่อหันไปเห็นว่าชายหนุ่มไม่สวมเสื้อผ้า หลินฟู่อินจึงหันหน้าหนีแล้วเอ่ยเสียงแ่ “ข้าจะไปหาชุดสะอาดมาเตรียมให้ในห้องพักของท่าน” กล่าวจบเด็กสาวก็รีบเดินหนีไป
หวงฝู่จินสังเกตเห็นสีหน้าเขินอายของเด็กสาวเมื่อครู่ ในใจของเขาก็รู้สึกจั๊กจี้ราวกับถูกแมวข่วน เขามองไล่แผ่นหลังบางไปด้วยรอยยิ้มกว้าง
เขินอายอย่างนั้นหรือ?
บุรุษเป่ยหรงมักเผยหน้าอกและแผ่นหลังกำยำ เสื้อผ้าของชาวเป่ยหรงเองก็มิได้ซับซ้อนเท่าฝั่งต้าเว่ย
หวงฝู่จินคิดจริงๆ ว่าคงดีกว่าหากปล่อยให้เด็กสาวคนนี้ชินกับมันไปเอง
“รีบพักผ่อนเถิด นายท่าน!” หลินฟู่อินที่ไม่อยากพูดกับชายหนุ่มแล้วโพล่งออกมา หลังเห็นว่าหวงฝู่จินยืนนิ่งเมื่อเห็นว่านางเงียบไปพักใหญ่ “ข้าจะไปต้มขิงแก่ร้อน เสร็จแล้วจะกลับมาส่งให้ที่ห้องของท่านตามคำสั่ง”
ใบหน้าหล่อพยักหน้ายินดีหลังได้ยินดังนั้น “เด็กดี”
เด็กดี?
หลินฟู่อินไม่อยากอาเจียนต่อหน้าใคร นางปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามที่้า
แม้มั่นใจแล้วว่าหวงฝู่จินไม่เป็อะไรมาก แต่สิ่งที่ยังคงติดอยู่ในหัวของนางไม่หายคือสตรีนามหลีอู่
นางไม่รู้ว่าเหล่าลิ่วพาสาวงามผู้นั้นไปซ่อนตัวที่ใด แต่เมื่อเห็นว่าหวงฝู่จินไร้ซึ่งความกังวล ทั้งเหล่าลิ่ว ทั้งหลีอู่ผู้นั้นคงปลอดภัยดี
หลินฟู่อินคิดทบทวนถึงเื่ที่เกิดขึ้นในวันนี้แล้วก็รู้สึกว่าชีวิตของหวงฝู่จินนั้นไม่ใช่เื่เล่นๆ ที่สาวชาวบ้านตัวเล็กๆ อย่างนางควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว และหากนางมีส่วนเกี่ยวข้องกันจริง ใครจะรู้เล่าว่าอนาคตของนางจะเป็เช่นไร?
หลินฟู่อินหยุดความคิดไว้เพียงเท่านี้ นางมีเป้าหมายชีวิตอยู่ในใจ
อย่างไรเสีย การหาเงินให้ได้มากๆ คงเป็ทางเลือกที่ดีกว่า
นึกถึงเื่เงิน แววตาสวยกลับอ่อนลงทันที หลินฟู่อินเอื้อมมือไปแตะกระเป๋าคาดเอวแล้วหยิบซองสีแดงที่ได้จากเถ้าแก่หลิววันนี้
นางหยิบเงินจากซองมานับ รวมๆ แล้วได้กว่าหนึ่งร้อยสองตำลึงเงินกับอีกห้าอีแปะ ส่วนมืออีกข้างนางถือไว้ราวห้าร้อยตำลึงเงินด้วยกัน ชั่วขณะนั้นเองความทุกข์ใจพลันหายไปในพริบตา นางเก็บเงินทั้งหมดไว้ในซองเช่นเดิม ก่อนหันไปหยิบกล่องไม้ออกมาจากใต้เตียง ปลดกุญแจอย่างคล่องแคล่วพร้อมเก็บซองเงินลงไป แล้วลงกลอนกุญแจคืนตามเดิมด้วยความระมัดระวัง จากนั้นเด็กสาวจึงผลักกล่องไม้เก็บที่เดิม
กล่องไม้ลายสวยนี้นางได้รับมาจากคุณลุงช่างไม้ที่นางสอนวิธีเก็บเกี่ยวพืชให้ กล่องหนึ่งสามารถเก็บของได้สี่ส่วน ซึ่งหลินฟู่อินเอาไว้ใช้เก็บของมีค่า
หลินฟู่อินติดนิสัยชอบนับเงินเป็ประจำ แม้นางจะนับไว้ดีแล้วก็ตาม แต่ทุกครั้งที่มีเงินใหม่มาให้เก็บเพิ่ม ถึงจะบวกเงินใหม่เข้ากับจำนวนเงินที่เก็บทั้งหมดได้เลย แต่นางก็พอใจกับการนั่งนับเงินทั้งหมดอีกครั้ง
เมื่อนับเงินเสร็จเรียบร้อย น้ำร้อนที่ต้มไว้ก็ได้ที่พอดี นางคว้าถังไม้มาตักน้ำพร้อมแบกไปยังห้องของหวงฝู่จิน หลินฟู่อินเคาะประตูแล้วยืนรออยู่ข้างนอก
หวงฝู่จินกำลังนอนพักสายตาอยู่บนเตียงเอ่ยรับ “เข้ามาสิ” หลังได้ยินเสียงเคาะประตูของหลินฟู่อิน ใบหน้าหล่อก็กระตุกริมฝีปากเป็รอยยิ้ม
เด็กสาวก้าวเข้ามาในห้องพร้อมกับถังไม้ลายสวย
ตอนที่นางเดินเข้ามา นางไม่คิดเปิดปากคุยกับหวงฝู่จินสักคำ หลินฟู่อินยกน้ำร้อนไปเทในอ่างล้างเท้าแล้วพูดว่า “เอาละ มาแช่เท้ากันเถิด”
เสร็จภารกิจนางก็เก็บข้าวของออกจากห้องไป
“เ้าไม่อยากรู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ของข้ากับหลีอู่แล้วอย่างนั้นหรือ?” เห็นอีกฝ่ายคิดจะจากไปดื้อๆ เช่นนั้น สองคิ้วหนาเข้มของหวงฝู่จินก็ยกขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ
หลินฟู่อินหันหลังกลับมาจ้องหน้าชายหนุ่ม “คุณชายเ้าคะ ข้าพูดชัดเจนแล้ว ข้ามิบังอาจเข้าไปยุ่งวุ่นวายเื่ของคุณชายได้หรอกเ้าค่ะ”
แววตาของหวงฝู่จินดิ่งลึก
เสียงใสพูดต่อทันทีว่า “คุณชายอย่าถือสา ข้ายังเด็กและเขลานัก บางครั้งข้าพูดไปไม่ทันคิด หวังว่าคุณชายจะให้อภัย”
หวงฝู่จินเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายเรียบเฉย ไม่รู้ว่าพูดจริงหรือล้อเล่นในตอนนี้ ใบหน้าหล่อเผยแววสลดลงเล็กน้อย
ถึงอย่างนั้นหวงฝู่จินก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ มองตามหลินฟู่อินปิดประตูเงียบๆ
หลังจากบานประตูปิดลง หลินฟู่อินทิ้งร่างพิงด้วยแผ่นหลัง มือสวยตบหน้าอกเบาๆ ให้ใจเย็นลง นางเกือบสิ้นลมเพราะสายตาคมเข้มของอีกฝ่ายแล้วเชียว
นางกำลังสับสน หวงฝู่จิน้าอะไรกันแน่?
อารมณ์เสียหรือ?
นางไม่มีเวลามาคิดเล็กคิดน้อย นางมุ่งหน้าไปที่ห้องครัวเพื่อล้างหน้าล้างตา จากนั้นจึงเปลี่ยนผ้าปูเตียงให้สะอาดเรียบร้อย นางหอบเอาผ้าปูเปื้อนคราบเืไปทิ้งไว้ข้างนอก เด็กสาวเตรียมเข้านอนเพื่อพักผ่อน
ทันทีที่หลินฟู่อินผล็อยหลับไป เหล่าลิ่วก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องของหวงฝู่จิน
เห็นผู้เป็นายพักผ่อนอยู่บนเตียงด้วยสภาพร่างกายที่ดูดี ร่องรอยาแถูกพันรักษาไว้อย่างเรียบร้อย หัวใจของเหล่าลิ่วจึงกลับมาเต้นเป็จังหวะปกติได้ในที่สุด
เมื่อหวงฝู่จินรู้สึกได้ว่าเหล่าลิ่วเข้ามา พลันก็เอ่ยปากถามโดยไม่ลืมตาขึ้นแม้แต่ข้างเดียว “เจ็บหนักกันหรือไม่คราวนี้?”
เหล่าลิ่วคุกเข่ารายงานด้วยความเศร้าโศก “นายท่าน ครั้งนี้เราเตรียมตัวไม่ดีพอ เราสูญเสียพี่น้องไปสองคน พี่น้องห้าคนาเ็หนัก ส่วนอีกแปดคนาเ็เล็กน้อย”
หวงฝู่จินหยักหน้าเบาๆ ทั้งใบหน้าทั้งแววตาที่ซ่อนอยู่ของเขาเย็นเยียบ
“ฝังศพพี่น้องที่สูญเสียไปให้สมเกียรติ อย่าลืมดูแลครอบครัวของพวกเขาให้ดีด้วย คนไหนเจ็บหนักให้พาไปหาหมอที่ฝีมือดีที่สุดในเมือง และแม้จะเจ็บเพียงเล็กน้อยก็อย่าได้ละเลย ดูแลพวกเขาให้ครบทุกคน” น้ำเสียงหล่ออาจฟังดูเรียบเฉย แต่มีเพียงเหล่าลิ่วที่ดูออกว่าแอบแฝงอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่เล็กน้อย
การสูญเสียและอาการาเ็ของเหล่าพี่น้องร่วมรบย่อมเป็เื่เศร้า หากแต่อดีตไม่อาจย้อนคืนได้ ผู้ที่ยังมีลมหายใจอยู่ทำได้เพียงใช้ชีวิตต่อไป
“บอกตวนมู่เฉิง เขารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร” หวงฝู่จินกำชับ
เหล่าลิ่วรับสั่งขณะพูดอย่างจริงใจ “ขอบคุณนายท่าน ข้าจะแจ้งกับหัวหน้าตวนมู่ให้ครบถ้วน”
“จริงสิ” หวงฝู่จินเอ่ยถามเสียงเบา “หลีอู่เป็อย่างไรบ้าง? เ้าจัดการเรียบร้อยหรือไม่? นางสร้างปัญหาอะไรอีกหรือไม่?”
เหล่าลิ่วเผยสีหน้าสิ้นหวัง หากแต่ก้มศีรษะรายงานความเป็ไปอีกครั้ง “ไม่มีอะไรน่ากังวล เพียงแต่โวยวายเรียกหานายท่านตลอดเวลา หัวหน้าคอยดูแลนางอย่างดี”
หวงฝู่จินเข้าใจอารมณ์ของหญิงสาวนางนี้เป็อย่างดี เขายกมือโบกไล่เหล่าลิ่ว “ที่นี่ไม่มีอะไรแล้ว เ้ากลับไปเถิด บอกตวนมู่เฉิงด้วยว่าอย่าให้หลีอู่รู้ว่าข้าอยู่ที่นี่กลับหลินฟู่อิน”
“รับทราบขอรับ!” เหล่าลิ่วว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยถามอย่างกังวล “นายท่านไม่เป็อะไรจริงๆ ใช่หรือไม่ขอรับ?”
หวงฝู่จินลืมตามองลูกน้องผู้ซื่อสัตย์ ก่อนตอบเสียงอ่อน “ไม่เป็อะไร อยู่กับฟู่อินเช่นนี้ ข้าไม่ตายง่ายๆ หรอก”
เหล่าลิ่วโล่งใจ อาจจะจริงอย่างที่นายท่านว่า เขากังวลมากเกินไป
ชายหนุ่มเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยอีกครั้ง “นายท่าน ท่านหนีออกมาได้อย่างไรในตอนท้าย?”
เหล่าลิ่วจำได้ว่าตอนที่เขาตีให้คุณหนูหลี่สลบไป สถานการณ์ของผู้เป็นายไม่สู้ดีเท่าไรนัก
นักฆ่าเ่าั้มีฝีมือระดับสูง ล้วนแต่ใช้กระบวนท่าลอบสังหารแสนอันตราย ตอนนั้นเขาหวาดกลัวไปถึงก้นบึ้งหัวใจว่านายท่านของเขาจะไม่สามารถรับมือได้ด้วยตัวคนเดียว
“ฟู่อินเรียกเ้าเมืองชิงหยางมาช่วยพร้อมกับพลทหารรักษาการณ์และทหารม้า นางบอกว่าทางการต้าเว่ยจะทำให้นักฆ่าพวกนั้นกลัวจนหัวหดไปกันหมด” หวงฝู่จินอธิบาย
คิดดูดีๆ แล้วหากหลินฟู่อินไม่พาคนเ่าั้มาช่วย เขาคงไม่อาจมีชีวิตรอดออกมาอย่างปลอดภัย
เท่ากับว่าเขาติดหนี้ชีวิตเด็กสาวอีกครั้งแล้ว
แต่คราวนี้เขาติดหนี้นางด้วยวิธีการที่แตกต่างกันออกไป เพราะหลินฟู่อินช่วยชีวิตเขาเอาไว้ด้วยสติปัญญา
คิดได้ดังนั้นมุมปากของชายหนุ่มก็ยกสูงจนเหล่าลิ่วประหลาดใจ
ตราบใดที่นายท่านของเขาไม่เป็อะไรเขาก็หายห่วง เหล่าลิ่วรู้ดีว่าหลินฟู่อินเฉลียวฉลาดเพียงใด หากนางเห็นนายท่านตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย นางไม่มีทางนิ่งเฉยแน่
เหล่าลิ่วมั่นใจในเื่นี้
หลังจากผู้ใต้บังคับบัญชาจากไป หวงฝู่จินจึงเอนตัวลงนอนอีกครั้ง ชายหนุ่มคิดถึงตอนที่หลินฟู่อินนำน้ำขิงแก่มาให้ ก่อนจากไปด้วยคำพูดที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย
คิดทบทวนอีกครั้ง ยิ่งรู้ว่าเด็กสาวผู้นี้เล่ห์เหลี่ยมเข้าขั้นอัจฉริยะ เขาไม่อาจเดาความคิดของนางได้ตลอดเวลา หวงฝู่จินยิ่งหลับไม่ลง…
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น หลินฟู่อินตื่นมาเพื่อทำมื้อเช้าให้หวงฝู่จินและตัวเอง นางจัดการรับประทานอาหารส่วนของตนให้เรียบร้อย ก่อนนำโจ๊กข้าวฟ่าง ซาลาเปา และเครื่องเคียงอีกสองจานมาจัดเรียงไว้บนถาด จากนั้นจึงนำไปส่งให้หวงฝู่จินถึงห้องพัก
ชายหนุ่มยังคงหลับสนิทไม่รู้เื่รู้ราว หลินฟู่อินไม่อยากรบกวนอีกฝ่าย หลังจากวางสำรับอาหารนางก็หันหลังเตรียมเดินจากไป
“วันนี้เ้าจะไปไหนหรือไม่?” หวงฟู่จินรู้สึกตัวั้แ่ตอนเด็กสาวเปิดประตูเข้ามาครั้งแรกแล้ว ก่อนเห็นนางจากไปหลังวางมื้อเช้าไว้ให้ เขาอดไม่ได้ที่จะไม่ลุกขึ้นแล้วต่อปากต่อคำกับนางสักเล็กน้อย
หลินฟู่อินชะงักก่อนจะหันหลังกลับมาตอบอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “คุณชายตื่นเร็วเกินไปแล้ว วันนี้ข้าจะแวะไปดูที่ร้านค้าสักหน่อย ่บ่ายข้าจึงจะเดินทางกลับหมู่บ้านหูลู่”
แม้ใบหน้าของเด็กสาวจะแสดงออกถึงความสดใส แต่ในใจนางนั้นกำลังด่าชายหนุ่มไม่หยุด หวงฝู่จินจะรุกล้ำมากเกินไปแล้ว เหตุใดจึงต้องให้เขาล่วงรู้แผนชีวิตของนางทั้งหมดด้วย
หวงฝู่จินได้ยินว่าหลินฟู่อินจะเดินทางกลับหมู่บ้านหูลู่เลยพูดว่า “ข้าจำเป็ต้องรักษาตัวอยู่ที่นี่กับเ้าจนหายดี จากนั้นข้าจึงจะไปจากที่นี่ได้ใช่หรือไม่?”
หลินฟู่อินพยักหน้ารับแต่โดยดี “ถูกต้อง เห็นควรเป็เช่นนั้น”
กลับกันภายในใจของนางค้านขึ้นมาว่า ‘อาการดีขึ้นแล้วก็กลับไปใช้ชีวิตเสียสิ! ั้แ่เมื่อใดกันที่เขาคิดถามความเห็นของข้า? นี่มันผิดปรกติ เขาต้องถูกผีสิงเป็แน่!’
นางได้ยินเสียงกระซิบแ่เบาจากชายตรงหน้า “ตวนมู่เฉิงกับเหล่าลิ่วมีธุระต้องจัดการอีกมาก ข้าจะอยู่กับเ้าเพราะไม่มีใครว่างมาดูแลข้าแล้ว”
หลินฟู่อินกัดฟันกรอด ใบหน้าสวยฝืนยิ้มก่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแสร้งทำเป็ใจดี “ข้างกายท่านไม่มีผู้ติดตามท่านอื่นคอยดูแลหรือ? เป็ไปไม่ได้ที่ลูกน้องของท่านจะมีภารกิจทุกคน โปรดเรียกใครสักคนมาอยู่ข้างกายท่านจนกว่าท่านจะหายดีเถิด”
เป็ไปไม่ได้ที่เหล่าลูกน้องจะเมินเฉยไม่คิดดูแลผู้เป็นายตอนาเ็ เหตุใดเขาจึงดื้อดึงให้นางคอยดูแลเขานัก?
หวงฝู่จินได้ยินคำพูดเ็าของอีกฝ่าย ใบหน้าหล่อพลันหมองลง “เ้าพูดถูกแล้ว ทุกคนมีภารกิจต้องทำ ไม่มีใครว่างมาดูแลข้า”
ดี! ดีจริง! หน้าหนาหน้าทนเหลือเกิน!
หวงฝู่จินหรี่ตาลงเล็กน้อย ก่อนจ้องไปยังหลินฟู่อินไม่พัก “ไม่ต้องมองมาที่ข้า ข้าไม่มีเวลาดูแลท่านทั้งวันทั้งคืน ข้าต้องกลับไปหาพี่น้องของข้าคืนนี้ ่กลางวันข้าต้องหาเงินทำกิน ข้าจะเอาเวลาที่ไหน?”
“เ้ารู้หรือไม่ ชาดหิมะหลอมขายได้กำไรเท่าไรวันนี้?” หวงฝู่จินโพล่งคำถามสวนคำพูดของหลินฟู่อิน
ความสนใจของเด็กสาวถูกดึงไปทันที “ท่านขายได้เท่าไรวันนี้? ไม่สิ ท่านเพียงบอกว่าชาดหิมะหลอมของท่านทำกำไรสุทธิต่อวันได้เท่าไรก็พอ”
หวงฝู่จินพ่นลมฟึดฟัด “เ้าสนใจเื่นี้มากกว่าอย่างนั้นหรือ!”
“กำไรกว่าแปดหมื่นถึงเก้าหมื่นอีแปะต่อวัน ครึ่งหนึ่งแบ่งให้เ้า” หวงฝู่จินตอบเด็กสาวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ “แค่ส่วนแบ่งของกิจการนี้เ้าก็เลี้ยงตัวเองได้ทั้งชีวิตแล้ว”
หากข้าไม่แบ่งเงินให้เ้ามากขนาดนี้ เ้าก็ไม่คิดจะอยู่ดูแลข้าอีกสักสามวันเช่นนั้นหรือ?
ถึงหลินฟู่อินจะรู้สึกว่าหัวใจนางแทบจะหลุดออกมาจากหน้าอกด้วยความตื่นเต้น แต่นางก็ยังพยายามเก็บอาการแล้วพูดว่า “ใครจะไปรู้ว่าชาดจะทำเงินได้มากเช่นนี้! ข้าขอบคุณที่ท่านให้ส่วนแบ่งข้ามากมาย ตอนนี้ข้าเข้าใจแล้วว่ากิจการขายชาดหิมะหลอมนี่ก็ทำเงินได้ดี ข้าควรเปลี่ยนตลับชาดใหม่ที่ไม่แตกง่าย และข้าก็จะไม่หากินกับชาดหิมะหลอมเพียงอย่างเดียวจนวันตาย”
หวงฝู่จินไม่กล่าวขัดอะไร เขารู้สึกว่าสิ่งที่นางพูดนั้นมีเหตุมีผลดี ทั้งยังรู้สึกชื่นชมอยู่เล็กๆ ว่าเด็กสาวตัวแค่นี้มีไหวพริบและรู้จักมองการณ์ไกล
เขาหยุดความคิดที่จะหยอกล้อนางเล่นในวันนี้ แล้วไถ่ถามถึงความคืบหน้าเื่การค้าขายของนาง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้