เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาก็ทำให้หลินเยว่ต้องหลุดขำขึ้นตอนนี้ตัวเขามีพลังพิเศษตาทิพย์ซึ่งเป็สิ่งที่ทุกคนอิจฉาอย่างแน่นอน แล้วเขายังคิดอยากได้มากขึ้นไปอีกความละโมบของคนไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ ความคิดเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีกแล้ว! เพราะอาจมีสักวันที่พลังพิเศษตาทิพย์ของเขาหายไปและวันที่หายไปในวันนั้นอาจจะเป็วันที่เขารับไม่ได้จนทำให้สมองผิดปกติ และสติหลุดก็เป็ได้
หลินเยว่ไม่อยากเป็เหมือน “เขา” คนนั้นต้องอาศัยอยู่บนถนนเส้นหนึ่งนาน 9 ปี
เขาควรพอใจในสิ่งที่มีน่าจะดีกว่า
หลินเยว่มองหาที่ทานอาหารกลางวันอย่างไม่ใส่ใจนักหลังจากนั้นจึงเดินมองหาหินหยกต่อ เมื่อถึงเวลาเที่ยงพวกเหล่าเ้าของแผงก็เริ่มี้เีร้องเรียกเชิญชวนลูกค้าแล้วพวกเขาให้ลูกค้าชมของตามสบาย อากาศร้อนแบบนี้อยากซื้อก็ซื้อ เชิญตามสบายได้เลย
เ้าของแผงจำนวนมากมักจะนั่งเฝ้าร้านของตัวเองในที่ร่มด้านนอกร้านของตนเองหลังจากนั้นก็จะเฝ้ามองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างสบายใจ มีเ้าของแผงหลายๆร้านพอนั่งเฝ้าก็นั่งไปทั้งวัน ยกเว้นตอนทานข้าวที่อาจจะผลัดเปลี่ยนกับคนในครอบครัวบ้างส่วนเวลาอื่นๆ ก็จะนั่งเฝ้าอยู่ที่นี่
หลินเยว่กำลังเดินเล่นอยู่บนถนนเส้นนี้เขาพลันเห็นปรากฏการณ์ที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่ง มีคนผู้หนึ่งตั้งแผงเล็กๆอยู่ตรงซอกหลืบหนึ่ง การตั้งแผงขายของไม่ใช่เื่แปลกอะไร แต่ที่แปลกก็คือเบื้องหน้าของเขามีหินหยกขนาดค่อนข้างใหญ่วางอยู่
ขายหินหยกเพียงก้อนเดียว?
เมื่อเห็นเช่นนี้ หลินเยว่ย่อมสรุปว่าเป็พ่อค้ามือสมัครเล่นโดยอัตโนมัติเนื่องจากบนถนนสายนี้มีพ่อค้ามือสมัครเล่นหลายคนที่มาขายหินหยกที่เมื่อก่อนตัวเองเคยสะสมไว้แต่เมื่อหลินเยว่เห็นหน้าตาของเ้าของแผงผู้นี้แล้วเขาก็ถึงกับนิ่งงันไปในทันที
คนตรงหน้านี้เป็วัยรุ่นอายุ 16 - 17ปี!
เขาเป็คนผิวคล้ำ สีหน้าไร้ความรู้สึกแต่เขามีดวงตาที่ไม่ค่อยโตคู่หนึ่งสะท้อนประกายแวววาวแฝงไปด้วยความหนักแน่นเด็ดเดี่ยว
เป็วัยรุ่นที่ดูแปลกมาก?หรือว่าผู้ใหญ่ในครอบครัวของเขาเป็คนบอกให้เขาออกมาขายหินหยก?
เนื่องจากเป็มุมกำแพงแสงแดดจึงส่องไม่ถึงตรงนั้น ทำให้ตรงนั้นเกิดเป็เงาขึ้นทั้งแถบท่ามกลางแสงแดดแผดเผา แต่กลับมีสถานที่ที่ให้ร่มเงาเช่นนี้จึงเกิดเป็ความรู้สึกราวกับพบแหล่งโอเอซิสในทะเลทรายเลยทีเดียวบวกกับหินหยกก้อนนั้นมีลักษณะภายนอกที่ไม่เลว ดังนั้นจึงทำให้คนกลุ่มใหญ่เกิดความสนใจและเริ่มพูดคุยถกเถียงเกี่ยวกับหินหยกก้อนนั้น
เมื่อได้เสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้คนรอบๆ แล้วสีหน้าของวัยรุ่นผู้นั้นก็ยังคงไร้อารมณ์ความรู้สึกเหมือนเดิม เขาทำเพียงกวาดตามองคนรอบๆสายตาของเขาแฝงไปด้วยความร้อนใจและก็มีความเ็าแฝงอยู่
และหลินเยว่ก็สังเกตเห็นสายตาแบบนี้พอดีจึงทำให้เขาอึ้งไปชั่วขณะ
และสิ่งที่ตามมาก็คือทั้งความรู้สึกสงสัยและความปรารถนาดีในใจของเขาก็ลุกโชติ่ขึ้นมาทันที
ตอนแรกเขาเห็นว่ามีคนเยอะแยะมากมายกำลังสนใจหินหยกก้อนนั้นเขาจึงไม่คิดจะเข้าไปร่วมวงด้วย แต่สุดท้ายเขาจึงหมุนตัวเข้าไปหาจุดนั้นทันที
เมื่อเห็นหลินเยว่เดินเข้ามา วัยรุ่นคนนั้นก็เหลือบมองหลินเยว่ด้วยสายตาราบเรียบเขาไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ทั้งสิ้น ยังคงมีแต่ความไร้อารมณ์บางทีอาจเป็เพราะเขาเจอนักธุรกิจอย่างหลินเยว่มาเยอะมากจนรู้สึกชินชาไร้ความรู้สึก
เมื่อหลินเยว่เดินถึงที่แห่งนั้นเขาจึงได้ยินเสียงของคนหลายคนกำลังวิพากษ์วิจารณ์หินหยกก้อนนั้นอยู่
“ขนาดไม่เล็กเลย มีดอกสนกระจายเยอะมากกินพื้นที่ครึ่งหนึ่งของหินหยก มันต้องไม่ใช่ดอกสนขี้ผึ้งแน่ๆมันน่าจะเป็ดอกสนบะหมี่เฉียว พวกคุณดูสิหินหยกก้อนนี้ดูเหมือนมีผงสีเขียวสาดกระจายไปทั่ว หากมองผ่านๆเหมือนเป็สีเขียวเหลือง หากเดาไม่ผิดล่ะก็หากดอกสนตรงผิวเปลือกนอกโดนน้ำจะปรากฏออกมาเป็สีเขียวอ่อนหรือบางทีอาจจะมีสีเขียวค่อนข้างแข็งปรากฏขึ้น”ผู้ที่พูดคือนักธุรกิจอายุประมาณห้าสิบกว่าปี
หลินเยว่มองหน้าของนักธุรกิจผู้นั้นจึงอึ้งไปชั่วขณะเขาก็คือโจวเต๋อเซิงนักธุรกิจชาวฮ่องกงคนนั้นนั่นเอง
โจวเต๋อเซิงกำลังจะพูดอะไรบางอย่างเขาเงยหน้าขึ้นมาจึงมองเห็นหลินเยว่พอดี สีหน้าของเขามีความประหลาดใจหลังจากนั้นก็กลายเป็ความดีใจ และสุดท้ายก็กลับมาเป็ปกติเหมือนในตอนแรกเขาส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับหลินเยว่พร้อมพยักหน้าให้ซึ่งก็ถือว่าเป็การทักทายกันเรียบร้อย
หลินเยว่จึงส่งยิ้มตอบกลับเช่นกัน
เมื่อทักทายกันเสร็จโจวเต๋อเซิงจึงเบนสายตาไปหาวัยรุ่นที่มีความหนักแน่นเด็ดเดี่ยวคนนั้น แล้วถามขึ้น“สหายหนุ่ม ขอผมสาดน้ำลงไปหน่อยได้หรือเปล่า”
วัยรุ่นคนนั้นพยักหน้าเขาพูดภาษาจีนกลางที่ติดสำเนียงท้องถิ่นของตนเอง “ตามสบาย”
โจวเต๋อเซิงรับขวดน้ำแร่ขวดหนึ่งมาจากบอดี้การ์ดที่ยืนข้างๆเขา แล้วสาดลงบนดอกสนตรงเปลือกผิวนอกตรงนั้น น้ำก็ไหลตามเปลือกผิวหินหยกทันทีเวลานี้ หินหยกก้อนนี้ก็มีสภาพเหมือนลูกหมาตกน้ำทีเดียว
เมื่อเห็นการสาดน้ำครั้งนี้หลินเยว่จึงแอบพยักหน้าชื่นชม
การสาดแบบนี้เป็การสาดของผู้เชี่ยวชาญจริงๆน้ำที่สาดมีความสม่ำเสมอและน้ำที่สาดส่วนใหญ่ก็สาดลงบนดอกสนตรงเปลือกนอกทั้งหมดนั่นเองและไม่มีส่วนใดขาดตกเลย แน่นอน...หากเป็หญิงสาวที่ดูแลบ้านอยู่ในชนบทก็สามารถทำได้อย่างนี้เช่นกันแต่นี่เป็ฝีมือของนักธุรกิจชาวฮ่องกงที่ร่ำรวยคนหนึ่งผลของมันก็ย่อมให้ความรู้สึกแตกต่างกันอย่างแน่นอน
โจวเต๋อเซิงยื่นขวดน้ำแร่คืนให้กับบอดี้การ์ดของเขาหลังจากนั้นเขาก็ยื่นหน้าเข้าไปดู คนแถวๆ นั้นต่างยื่นหน้าตามเข้าไปเช่นกัน
หลินเยว่ก้าวเท้าเล็กน้อยจึงได้เห็นภาพดอกสน้า
และเวลานี้เองกลุ่มคนเหล่านี้ก็อุทานอย่างตกตะลึง
ดอกสนสีเขียวเหลืองในตอนแรกเมื่อโดนน้ำแล้วกลับกลายเป็สีเขียวอ่อนและสีเขียวนั้นดูสดใสราวกับเป็ประกายสีเขียวทาบทับอยู่ชั้นบน มีเสน่ห์ดึงดูดยิ่งนัก
เป็ไปตามคำพูดของโจวเต๋อเซิงจริงๆ!
หลินเยว่ก็ได้แต่ชื่นชมสายตาของโจวเต๋อเซิงเขามองไม่ออกว่าเปลือกผิวนอกนั้นเป็ดอกสนบะหมี่เฉียวเขายังคิดว่าเป็ดอกสนขี้ผึ้งอยู่เลย สีเขียวปรากฏออกมาถึงผิวนอกแล้ว แต่จนถึงตอนนี้กลับยังไม่มีใครยินดีที่จะซื้อหยกก้อนนี้
“เถ้าแก่โจวสายตาเฉียบคมจริงๆ!” คนอ้วนพุงโตคนหนึ่งพูดจาติดสำเนียงฮ่องกงเอ่ยขึ้น
“เป็ดอกสนบะหมี่เฉียวจริงๆ ด้วย วันนี้ได้เปิดสมองจริงๆ”คนรอบๆ ต่างเริ่มวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา
“ตอนแรกผมก็รู้สึกว่าดอกสนมันแปลกๆคาดไม่ถึงว่าจะเป็ดอกสนบะหมี่เฉียว
……
โจวเต๋อเซิงไม่ได้สนใจเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของคนรอบๆเลย แต่เขาส่งยิ้มน้อยๆ ให้กับนักธุรกิจชาวฮ่องกงที่อ้วนลงพุงคนนั้น“เถ้าแก่เกาก็เป็ผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ประโยคนี้พูดชมจนผมถึงกับอายจริงๆ”
ใบหน้าเถ้าแก่เกามีรอยยิ้มเล็กน้อยสีหน้าดูมีความภาคภูมิใจ เขาไม่ได้พูดอะไร ซึ่งก็ถือว่าเป็การยอมรับโดยปริยายหลังจากนั้นจึงเอ่ยถึงหัวข้อเดิมต่อ “ในเมื่อเถ้าแก่โจวมีข้อสรุปในใจแล้วถ้าเช่นนั้นก็ให้ความรู้พวกเราหน่อยบรรยายว่าดอกสนบะหมี่เฉียวจะมีโอกาสพนันได้เป็อย่างไรบ้าง?”
“ฮ่าๆ... มิกล้าๆ” โจวเต๋อเซิงหัวเราะฮ่าๆแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด เขาชี้ไปยังลายเส้นงูเหลือมเส้นเล็กบางที่อยู่บนดอกสนตรงเปลือกหินหยกเส้นหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น“คุณดูสิลายเส้นงูเหลือมเส้นนี้อยู่ใต้ดอกสนซึ่งเป็ลักษณะเฉพาะที่เห็นได้ชัดว่ามีโอกาสพนันได้สูงมากอีกทั้งคุณลองดูดอกสนพวกนี้เมื่อโดนน้ำแล้วจะกลายเป็สีเขียวอ่อน ถึงแม้สีจะอ่อนมากแต่ในความอ่อนก็มีความเข้ม เป็ความเข้มที่ดูเรียบหรูหินหยกที่มีดอกสนบะหมี่เฉียวจะมีลักษณะเด่น คือสีของดอกสนด้านนอกจะเป็ตัวตัดสินสีของหยกด้านใน หากด้านในมีหยกแล้ว ก็ย่อมเป็หยกที่มีคุณภาพดีมากอย่างน้อยตรงเื่สีก็มีโอกาสพนันได้สูง นี่เป็ความคิดเห็นเล็กน้อยของผมหากมีความบกพร่องก็ถือเสียว่าเป็การฟังอย่างเพลิดเพลินเท่านั้นก็พอ ฮ่าๆ......”
ท่าทีถ่อมตัวของโจวเต๋อเซิงก็ทำให้คนที่ฟังรู้สึกชื่นชมสามารถพูดได้ว่าเถ้าแก่โจวเป็บุคคลที่ดูมีมนุษยสัมพันธ์ดีอย่างเป็ธรรมชาติ
เมื่อเห็นสถานการณ์ในปัจจุบันเป็เช่นนี้สายตาของเถ้าแก่เกาที่มองโจวเต๋อเซิงก็เกิดประกายแห่งความริษยา
เมื่อได้ยินการอธิบายของโจวเต๋อเซิง หลินเยว่ก็พยักหน้าอย่างเงียบๆเพราะรายละเอียดเหล่านี้เหมือนกับที่ท่านเฮ่อฉางเหอเคยพูดถึงดอกสนบะหมี่เฉียวโดยบังเอิญอยู่ครั้งหนึ่งดูแล้วโจวเต๋อเซิงก็เป็เซียนด้านการพนันหินหยกเช่นกัน
เมื่อคิดถึงนามบัตรที่โจวเต๋อเซิงมอบให้กับตนเองใบนั้นหลินเยว่ก็คิดว่ามันคงไม่ได้มีความหมายอะไรเพราะโจวเต๋อเซิงคงไม่ได้เหมือนท่านเฮ่อฉางเหออาจารย์ของเขาที่คิดว่าเขามีแววไม่เลวแต่การกระทำของโจวเต๋อเซิงน่าจะเกิดขึ้นตามมารยาทเท่านั้นเพราะในวงการนี้การมีเพื่อนเพิ่มอีกสักคนก็เหมือนเป็การเปิดโอกาสให้กับตัวเองมากขึ้น
ในเมื่อลักษณะภายนอกของหินหยกก้อนนี้ดีขนาดนี้แล้วทำไมถึงไม่ซื้อหินหยกก้อนนี้ไว้ล่ะ?
หลินเยว่เริ่มรู้สึกข้องใจ
วงการนี้ “ความตาไวมือไว” เป็เื่ที่สำคัญมากหากลงมือช้าไปหนึ่งวินาที ก็อาจจะเสียหินหยกก้อนนั้นไปเลยก็ได้และโอกาสที่จะร่ำรวยในคืนเดียวก็อาจจะหายไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นเมื่อเห็นหินหยกที่มีลักษณะค่อนข้างดีสักก้อน แต่ละคนก็จะไม่สนใจว่ารายละเอียดภายในเป็อย่างไรแต่ต้องทำให้หินหยกก้อนนี้ตกเป็ของตนเองก่อนแล้วค่อยว่ากันส่วนโอกาสการพนันได้จะไม่ได้อยู่ในขอบเขตการพิจารณาในตอนแรก ถึงตนเองไม่พนันก็ไม่เป็ไรแต่ไม่ว่าอย่างไรก็ห้ามให้คนอื่นมีโอกาสไปก่อน
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้