ลู่เป๋าเหยียนยืนมองูเี่อันจากหน้าต่างในห้องหนังสือ
เขาเพิ่งเสร็จจากการประชุมคอนเฟอเรนซ์แต่ยังไม่ทันได้ปิดคอมพิวเตอร์ ลุงสวีก็มาเคาะห้องบอกเขาว่าูเี่อันกำลังเดินเล่นอยู่ในสวนดอกไม้คนเดียว
มาอยู่ที่นี่ได้สามเดือนกว่าเวลาสองในสามของูเี่อันหมดไปกับการดูหนังและนอนพักผ่อนในห้องของตนอีกหนึ่งส่วนที่เหลือไม่อยู่ที่ห้องครัวก็ที่ห้องอาหาร แล้วจู่ๆ ทำไมถึงสนใจสวนดอกไม้ขึ้นมา?
เมื่อเดินไปดูที่ริมหน้าต่างก็เห็นเธอกำลังะโโลดเต้นอยู่ตามทางเดินหินกรวดอย่างกับกระต่ายน้อย ที่วิ่งไล่ตามเงาตัวเองอย่างสนุกสนาน
เขายกมือนวดขมับเล็กน้อยก่อนจะหันหลังเดินลงไปชั้นล่าง
“เธอไม่ง่วงเหรอ”
ขณะทีู่เี่อันกำลังใช้ความคิดว่ามีวิธีไหนที่จะสามารถเหยียบเงาตัวเองได้บ้างเสียงของลู่เป๋าเหยียนก็ดังขึ้นจากด้านหลัง
เธอสะดุ้งโหยงจนเผลอยกมือทาบอกและหันไปต่อว่าเขา
“นายเดินให้เสียงดังกว่านี้หน่อยได้ไหมเนี่ย่บ่ายฉันนอนไปเยอะแล้ว ตอนนี้เลยยังไม่ง่วง”
“มานี่สิ”
ลู่เป๋าเหยียนออกคำสั่งอย่างเคยชินถึงอย่างนั้นในยามค่ำคืนแบบนี้ก็มีความอ่อนโยนเจือปนอยู่บ้าง
ูเี่อันมองเขาอย่างสงสัยเธอยังยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
“นายจะทำอะไร”
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตาลงูเี่อันเริ่มเสียวสันหลังวาบ เธอเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ อย่างระแวง
ท่ามกลางแสงจันทร์ในยามค่ำคืนเธอค่อยๆ เดินเข้ามาหาเขาอย่างช้าๆ ใบหน้างามดูจะไม่ค่อยพอใจสักเท่าไรแต่เพราะไม่กล้าขัดขืนเลยต้องทำตาม ท่าทางของเธอในตอนนี้ทำให้คนมองรู้สึกอยากจะแกล้งเธออีกสักหน่อย
ลู่เป๋าเหยียนกำฝ่ามือของตัวเองอย่างอดกลั้นความรู้สึกที่อยากจะแกล้งให้เธอใเอาไว้และยื่นมือออกไปอย่างสุภาพบุรุษและโค้งขอเธอเต้นรำ
ูเี่อันนึกไม่ถึงว่าลู่เป๋าเหยียนจะขอเธอเต้นรำเห็นเขายื่นมือออกมา เธอนึกว่าเขาจะแกล้งอะไรเธออีก จึงก้าวถอยหลังออกไปอย่างใแต่เมื่อได้ชัดเจนแล้ว...
เธอได้แต่กะพริบตาปริบๆอย่างตกตะลึง...
หายากที่คนอย่างลู่เป๋าเหยียนจะขอใครเต้นรำแตู่เี่อันกลับ...ถอยหนี?
เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจและรั้งูเี่อันเข้าสู่อ้อมกอดในทันที ูเี่อันมองเขาอย่างระแวง
“นะ...นายจะทำอะไร”
เขายื่นแขนออกมาโอบเอวบางของเธอพลางแย้มยิ้มบางอย่างยากที่จะคาดเดาความหมาย บรรยากาศอันใกล้ชิดก่อตัวไปทั่วบริเวณ
ูเี่อันกลืนน้ำลายลมหายใจเริ่มสะดุด เธอทั้งตื่นเต้น และคาดหวัง
ลู่เป๋าเหยียนก้มตัวลงมาเล็กน้อยลมหายใจอุ่นรดอยู่ข้างหูเธอ
“ฉันบอกเธอแล้วไงว่าจะสอนเธอเต้นรำซึ่งก็คือตอนนี้”
“...”
อาจเพราะสีหน้าเธอยังดูช็อกไม่หายลู่เป๋าเหยียนจึงยิ้มและถามต่อ
“เธอคิดว่าฉันจะทำอะไร? หืม?”
“ฉัน...”ูเี่อันอ้ำอึ้งอยู่นานก่อนจะตอบ “ฉันนึกว่านายจะต่อยฉัน...”
“ยื่นมือขวาออกมา!”ลู่เป๋าเหยียนแทบจะกัดฟันพูด
ูเี่อันยื่นมือออกไปอย่างว่าง่ายเขาใช้มือซ้ายกุมมือเธอจากนั้นจึงใช้แขนอีกข้างโอบตัวเธอเข้ามา
“พวกเราจะเต้นวอลซ์กันงั้นเหรอ”
“อืม รู้จังหวะหรือเปล่า”
“ฉันเคยเรียนแต่ไม่ได้เต้นมาหลายปีแล้ว ไม่รู้ว่าจะตามนายทันหรือเปล่า”เธอตื่นเต้นจนตัวเกร็งไปหมด
“ลองดูก่อน”
ูเี่อันยังพอจำพื้นฐานได้อยู่บ้าง่แรกจึงผ่านไปได้ด้วยดี เธอถอนหายใจอย่างโล่งอก
ทว่า การเต้นที่สง่างามของลู่เป๋าเหยียนรวมถึงกลิ่นกายเขาที่เจือความหอมของดอกไม้โดยรอบที่ลอยเข้ามาแตะจมูกเธอเริ่มทำให้คนที่เดิมทีก็ตื่นเต้นมากอยู่แล้ว หลังๆ มือเท้าก็ยิ่งเกร็งเข้าไปใหญ่จนลืมไปว่าจังหวะต่อไปต้องก้าวอย่างไรเลยเผลอเหยียบเท้าลู่เป๋าเหยียนเข้าให้อย่างจัง...
เธอรีบยกเท้าออก“ขอโทษที”
“เจี่ยนอันเธอกำลังตื่นเต้นอะไร?”สายตาเข้มของเขามองมาทางเธอพลางถอนหายใจ
“ตื่นเต้น?”ูเี่อันนิ่งไปก่อนจะส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฉันไม่ได้ตื่นเต้นนะ!ฉันแค่...แค่ลืมว่าต้องก้าวยังไง...”
ลู่เป๋าเหยียนหรี่ตามองเธออยู่สักพักแต่ก็ไม่ได้ซักไซ้ต่อ
“มานี่ฉันจะสอนเธอั้แ่ต้นแล้วกัน”
เธอนิ่งไปชั่วครู่ก่อนที่จะเดินเข้าไปหาเธอวางมือซ้ายลงบนไหล่ของลู่เป๋าเหยียน และประสานมือขวากับมือของเขา
อาจเพราะยามค่ำคืนที่เงียบสงบทำให้เธอไม่เพียงแต่ได้ยินเสียงลมหายใจของลู่เป๋าเหยียนได้อย่างชัดเจนแต่เธอยังััได้ถึงไออุ่นจากร่างกายเขาที่ลอดผ่านเสื้อเชิ้ตสีขาวมากระทบใบหน้าของเธอจนพวงแก้มเริ่มร้อนไปหมด
ทำแบบนี้...เหมือนพวกเราจะใกล้ชิดกันมากขึ้นอีกนิดใช่หรือเปล่า?
ไม่ได้นะูเี่อันเธอต้องนิ่งเข้าไว้!
เธอร้องเตือนตัวเองว่าต้องนิ่งไว้ก่อนไม่อย่างนั้นคงถูกลู่เป๋าเหยียนมองออกหมดแน่!
เธอคิดพลางส่งรอยยิ้มหวานน่าหลงใหลให้กับลู่เป๋าเหยียน
“อาจารย์ลู่คะเราเริ่มกันเถอะค่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปากก่อนจะค่อยๆสอนเธอั้แ่การก้าวไปข้างหน้า ก้าวถอยหลัง จนถึงการหมุนตัวทั้งทางซ้ายและทางขวา
วอลซ์คือการเต้นรำที่เน้นความอ่อนหวานและสง่างาม ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุนี้หรือเพราะูเี่อันคิดไปเองระหว่างที่เธอเต้นรำ ไม่ว่าจะเป็แสงจันทร์หรือดอกไม้งามที่รายล้อมพวกเธอดูจะสวยงามจับตายิ่งกว่าเดิม
คนที่อยู่ตรงหน้าเธออย่างลู่เป๋าเหยียนก็ดูหล่อเหลายิ่งกว่าทุกที
หัวใจเธอเริ่มเต้นไม่เป็จังหวะพวงแก้มทั้งสองข้างเริ่มร้อนขึ้นเรื่อยๆ
“เจี่ยนอันไม่ต้องตื่นเต้น ทำตัวสบายๆ”
เสียงทุ้มต่ำติดแหบเล็กน้อยของชายหนุ่มดังเข้ามายังโสตประสาทของูเี่อันไม่เพียงแต่จะทำใจให้สบายๆ ไม่ได้ เธอกลับยิ่งตื่นเต้นเข้าไปใหญ่
เธอกลัวเรียนได้ไม่ดีเธอกลัวว่าเขาจะหาว่าเธอโง่
แต่ยิ่งอยากทำให้ดีมากเท่าไรกล้ามเนื้อทุกส่วนก็ยิ่งเกร็งขึ้น ราวกับลู่เป๋าเหยียนกำลังทดสอบความตั้งใจเธออย่างไรอย่างนั้น
แต่คงปฏิเสธไม่ได้ว่าลู่เป๋าเหยียนเป็อาจารย์ที่ยอดเยี่ยมเขาค่อยๆ สอนเธออย่างอดทนทุกรายละเอียด ไม่ว่าจะเป็การจัดระเบียบร่างกายหรือการจัดท่าให้ดูสวยงาม
“จำที่ฉันบอกได้หมดแล้วหรือเปล่า”เขาถามก่อนจะจบการสอน
ในใจูเี่อันตอนนี้ปั่นป่วนไปหมดเธอเงยหน้าสบตาเขา
อาจเพราะท้องฟ้าที่มืดสนิทอาจเพราะเธอมองผิดไป ั์ตาเข้มติดเ็าของเขาในยามนี้ เหมือนจะไม่มีแววตาของความอดทนอดกลั้นอีกแล้วแต่มันกลับเต็มไปด้วยความอบอุ่นอ่อนโยน
แค่สบตาเธอก็เหมือนจะตกลงไปในหลุมพรางแห่งนั้น
แค่เพียงชั่วพริบตาแววตาของลู่เป๋าเหยียนก็กลับมาเป็ปกติดังเดิมราวกับว่าสิ่งที่เธอเห็นเมื่อครู่เป็แค่การแสดงหาใช่เื่จริง
เธอลองคิดย้อนสเต็ปการเต้นั้แ่ต้นจนจบรวมถึงเทคนิคต่างๆ ที่เขาสอน แล้วจึงพยักหน้า
“จำได้แล้วล่ะ”
ลู่เป๋าเหยียนไม่เชื่อ“ไหนลองทำให้ดูสิ”
ูเี่อันยืดอกเชิดหน้าอย่างมั่นใจ
“ใครกลัวนายกัน!”
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มมุมปากและพาเธอเข้าไปในเรือนกระจก
เขาเปิดโคมไฟติดผนังสองดวงแสงสว่างที่ได้ทำให้เธอเห็นสีหน้าของเขาไม่ชัดเจนท่าไร ูเี่อันกำลังคิดจะบ่นแต่เขากลับเดินไปจุดเทียนตรงชั้นวางดอกไม้ ที่พื้น และบนโต๊ะจนครบ
แสงเทียนนับสิบอันที่สั่นไหวอยู่ท่ามกลางหมู่มวลดอกไม้และพื้นหญ้าสีเขียวทำให้เธอมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของลู่เป๋าเหยียนได้อย่างชัดเจนกลิ่นหอมของเทียนที่ลอยโชยเข้ามา ทำใหู้เี่อันเอียงคอถามเขาออกไป
“อาจารย์ลู่คิดจะทำอะไรคะ”
ลู่เป๋าเหยียนหันตัวกลับมาพร้อมเสียงเพลงวอลซ์ที่ค่อยๆดังขึ้น ูเี่อันนิ่งอึ้ง เธอมองไปรอบๆ เรือนกระจกที่เต็มไปด้วยแสงเทียนและแย้มยิ้มออกมา
อาจารย์ลู่...ที่จริงนายก็เป็คนโรแมนติกนะเนี่ย
รอยยิ้มงามของเธองดงามดุจดอกไม้ที่บานสะพรั่งแสงเทียนที่สะท้อนอยู่ในแววตาใส ขับให้รอยยิ้มของเธอยิ่งดูสดใสเปล่งประกาย
ลู่เป๋าเหยียนโค้งขอเธอเต้นรำอย่างสุภาพบุรุษเป็ครั้งที่สองของวันครั้งนี้เธอไม่ใอีกแล้ว เธอยื่นมือออกไปตอบรับคำเชิญของเขา
เสียงดนตรีอันไพเราะที่บรรเลงให้จังหวะูเี่อันก้าวเท้าเดินหน้า ถอยหลังและหมุนตัวเต้นรำไปพร้อมกับลู่เป๋าเหยียนตามอารมณ์เพลงส่วนลู่เป๋าเหยียนก็เป็ผู้นำที่ดี ทำให้เธอเคลื่อนไหวไปพร้อมกับเขาได้อย่างลงตัว
ท่ามพลางเสียงดนตรีและแสงเทียนพวกเขาเต้นรำจนถึงท่วงทำนองสุดท้ายโดยทีู่เี่อันไม่พลาดเหยียบเท้าลู่เป๋าเหยียนเลยสักครั้ง
ลู่เป๋าเหยียนยิ้มพลางกล่าว“นักเรียนซู เก่งขึ้นแล้วนะ”
ูเี่อันยิ้มถ่อมตัว“เป็เพราะอาจารย์ลู่สอนมาดี ขอบคุณนะคะ”
เสียงเพลงเริ่มบรรเลงขึ้นอีกครั้งูเี่อันที่กำลังอารมณ์ดียื่นมือไปจับมือลู่เป๋าเหยียน
“พวกเราเต้นด้วยกันอีกครั้งดีไหมอย่าเพิ่งเลิกเรียนเลยนะ!”
เห็นแก่ความขยันใฝ่รู้ของนักเรียนซูอาจารย์ลู่จึงกุมมือเธอและเริ่มเต้นรำั้แ่ท่าเบสิคไปจนถึงท่ารีเวิร์สต่างๆเธอเต้นเข้าคู่กับเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบทุกครั้งที่หมุนตัวเธอมักจะส่งรอยยิ้มหวานแสนสดใสชวนมอง
ูเี่อันเต้นรำอย่างเพลิดเพลินหรืออาจพูดได้ว่าเธอชอบความรู้สึกที่ได้อยู่กับลู่เป๋าเหยียนแบบนี้ ค่ำคืนนี้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันในเรือนกระจก ราวกับโลกทั้งใบมีเพียงพวกเธอแค่สองคน
เธอร้องขอให้ลู่เป๋าเหยียนเต้นรำกับเธออีกครั้งอีกครั้ง และอีกครั้งอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย
ลู่เป๋าเหยียนเองก็ทำตัวเป็ผู้ปกครองที่แสนจะตามใจเขาทำตามที่เธอขออย่างไม่อิดออด
แสงเทียนที่สะท้อนร่างของคนทั้งสองสะท้อนเงาของทั้งคู่ที่คล้ายกำลังกอดกันอย่างชิดใกล้
ไม่รู้ว่าเต้นจบไปแล้วกี่รอบในที่สุดูเี่อันก็เริ่มเหนื่อย เธอหอบหายใจและหยุดเต้น ทว่าลู่เป๋าเหยียนกลับไปยอมปล่อยมือเธอ
เธอมองหน้าเขาอย่างสงสัย
“อาจารย์ลู่ค่ะได้เวลาเลิกเรียนแล้วค่ะ ปล่อยคาบช้าเด็กนักเรียนไม่ชอบรู้ไหม”
“ฉันอุตส่าห์สอนเธอแถมเต้นกับเธอไปตั้งหลายรอบ ไม่คิดจะตอบแทนฉันหน่อยเหรอ” อาจารย์ลู่กล่าว
ูเี่อันรู้ดีว่าแค่ขอบคุณคำเดียวสำหรับชายคนนี้คงจะไม่พอ
ความคิดบ้าบิ่นเริ่มผุดขึ้นมาในสมองของูเี่อันแต่ยังไม่ทันได้ทำตามความคิดนั้น หน้าเธอก็แดงขึ้นมาเสียก่อน
เธอพยายามเรียกความกล้าและให้กำลังใจตัวเองก่อนจะเขย่งปลายเท้าประทับจุมพิตลงบนริมฝีปากเขาอย่างอ่อนหวานท่ามกลางแสงเทียนที่สั่นไหว
“ขอบคุณค่ะอาจารย์”
พูดจบเธอก็รีบวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็ว
เธอวิ่งหายลับไปอย่างว่องไวยิ่งกว่ากระต่ายเหลือไว้เพียงรอยััที่ยังคงอยู่บนริมฝีปากของเขา
ลู่เป๋าเหยียนยกมือแตะบริเวณที่เธอััเมื่อครู่พลางส่งยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
ชีวิตนี้น้อยครั้งที่เขาจะมีเื่ราวฝังใจเว้นแต่เื่ของเธอ เขาคงไม่มีวันลืมความรู้สึกนี้ไปตลอดชีวิต
ััของเธอจะตราตรึงอยู่ในใจของเขาไปตลอดกาล
ผ่านไปสักพักใหญ่ๆลู่เป๋าเหยียนจึงออกจากเรือนกระจก เมื่อเดินผ่านห้องนอนของูเี่อันเขาก็หันกลับไปมอง
แสงไฟในห้องดับลงแล้วเธอคงนอนแล้วสินะ
แต่ในความเป็จริงนั้น...
ูเี่อันข่มตาหลับลงเสียที่ไหนเธอกำลังนอนกัดผ้าห่มอย่างเขินอายพลางย้อนคิดถึงเื่ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...
