ต้วนเหลยถิงพึงพอใจบ่อน้ำพุร้อนภายในมิติวิเศษเป็อย่างยิ่ง หลังอาบน้ำเสร็จไม่เพียงฟื้นฟูพละกำลัง แต่ยังมีความสามารถในการทำความสะอาดตนเอง น้ำภายในบ่อน้ำพุร้อนยังคงรักษาความสะอาดกระจ่างใสเอาไว้ตลอดกาล
เขาสูดดมกลิ่นเหงื่อบนกายก่อนจะขมวดคิ้วพลางเผยสีหน้ารังเกียจ จัดการไปแช่น้ำในบ่อน้ำพุร้อนเพื่ออาบน้ำเป็อันดับแรก หลังจากขจัดความสกปรกบนกายจนหมดจด ความอ่อนเพลียก็ค่อยๆ คืบคลานเข้ามา
เขาจึงผลัดไปสวมเสื้อผ้าชุดสะอาดแล้วเดินเตร่เข้าไปในหอเล็กฝานหวา
เมื่อคิดว่ายามนี้ดึกมากนัก โยวหรานของเขาน่าจะเข้าสู่แดนนิทราไปแล้ว
ต้วนเหลยถิงจึงอดมิได้ที่จะผ่อนฝีเท้าให้แ่เบาลง ผลักประตูให้เปิดออกอย่างเบามือแล้วเดินเข้าไปข้างในด้วยความเชื่องช้า ทว่าภาพที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้ากลับทำให้ชายหนุ่มถึงกับกลืนน้ำลายโดยไม่รู้ตัว
พบเพียงเคอโยวหรานหันหน้าไปทางเตียงนอนพร้อมทั้งค่อยๆ เปลื้องเสื้อคลุมตัวนอกของตนเองออก ไหล่มนกึ่งเปล่าเปลือยช่างเย้ายวนใจผู้คนยิ่งนัก
ต้วนเหลยถิงพลันสาวเท้าเข้าไปโดยไม่รู้ตัวและโอบกอดนางเอาไว้จากด้านหลัง ตามด้วยซุกไซ้ใบหน้าลงบนซอกคอของนาง จากนั้นออกแรงสูดหายใจเข้าลึกหลายเฮือก
เคอโยวหรานถูกโอบกอดจากด้านหลังอย่างกะทันหันจึงคิดจะขัดขืนโดยสัญชาตญาณ พลันได้ยินน้ำเสียงเปี่ยมแรงดึงดูดดุจแม่เหล็กและค่อนข้างแหบพร่าของต้วนเหลยถิงดังขึ้นข้างใบหู
“โยวหราน เ้านอนไม่หลับใช่หรือไม่ กำลังรอสามีหรือ? มิสู้พวกเรามาทำเื่ที่มีคุณค่ากันสักหน่อยดีหรือไม่?”
“ซานหลาง?” เคอโยวหรานพลันผ่อนคลายร่างกาย ปล่อยน้ำหนักทั้งหมดลงบนกายของต้วนเหลยถิง
ครั้นภายในอ้อมแขนกำลังโอบกอดผู้ที่อ่อนนุ่มเช่นนี้เอาไว้ ต้วนเหลยถิงจะยังฝืนคุมตนเองได้อย่างไร
ชายหนุ่มค้อมเอวอุ้มเคอโยวหรานขึ้นในท่าองค์หญิงและวางอีกฝ่ายลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล ตามด้วยผนึกริมฝีปากแดงระเรื่อของนางภายในเสี้ยววินาที...
“อื้อ...” หนึ่งจูบจู่โจมกะทันหันนี้ทำให้ภายในหัวของเคอโยวหรานพร่าเลือน ทั่วทั้งร่างอ่อนระทวยดั่งปุยฝ้ายโดยพลัน...
......
อินจิ่วมาถึงลานเรือนเล็กสกุลต้วน กระทั่งตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าตนมาทำอันใดที่นี่ในยามดึกดื่นเยี่ยงนี้?
ตอนนั้นเกิดความคิดขึ้นกะทันหันก็เดินทางมาทันที กระทั่งถึงยามนี้เพิ่งตระหนักได้ว่าศิษย์น้องหญิงเป็สตรี บุรุษกับสตรีมิอาจใกล้ชิดกัน
ทว่าอินจิ่วยังคงมิอาจหักห้ามใจตนเองดังเดิม ทั้งที่รู้ว่าการเข้าไปในห้องสตรีที่ออกเรือนแล้วเป็เื่ไม่ดี
สติพร่ำบอกเขาว่าให้รีบกลับไปโดยเร็ว อย่าได้ก้าวเข้าไปข้างใน
แต่ร่างกายกลับไม่ฟังคำสั่ง ไล่ตามหากลิ่นหอมอันเป็เอกลักษณ์ของเคอโยวหรานจนหาห้องของนางพบอย่างง่ายดาย
อีกทั้งอินจิ่วยังทะยานกายขึ้นไปบนหลังคาเรือนของเคอโยวหรานและเลิกฟางข้าวมุงหลังคาออก จากนั้นแทรกเข้าไปในห้องจากบนหลังคา
ทว่าผู้ใดจะรู้ เพราะภายในห้องมืดมิดเกินไป อินจิ่วจึงสะดุดเชือกเส้นบางสายหนึ่งโดยไม่ทันสังเกต
เสียงเปิดกลไกเพิ่งจะดังเข้าโสตประสาทของอินจิ่ว ลูกธนูหนาทึบพลันพุ่งตรงมาทางเขาอย่างดุเดือด
เนื่องด้วยอาศัยแสงจันทร์อ่อนที่ส่องสะท้อนอยู่ภายในห้อง อินจิ่วยังพอมองเห็นประกายสะท้อนสีเขียวบนหัวธนูได้บ้าง
“ปู่เ้าเถิด นึกไม่ถึงว่ากระทั่งบนหัวธนูยังเต็มไปด้วยพิษ” อินจิ่วถึงขั้นอดสบถคำหยาบออกมามิได้
เขาสำรวมท่าทีไม่เอาจริง พยายามหลบซ้ายหลีกขวาเพิ่มความระแวดระวัง ทะยานกายขึ้นลงเพื่อหลบหลีกฝนธนูที่พุ่งเข้ามา
เพียงแต่ภายในชั่วไม่กี่อึดใจ ขณะที่ฝนธนูพุ่งออกมาอย่างดุเดือด ภายในห้องยังมีเสียงกรุ๊งกริ๊งของกระดิ่งดังขึ้นด้วยเช่นกัน
จากนั้นก็เกิดเสียงกระดิ่งดังลั่นไปทั่วทั้งลานเรือนสกุลต้วน องครักษ์เงาพลันบุกเข้ามาในห้องของเคอโยวหรานและพุ่งตัวโจมตีไปทางบุรุษสวมชุดสีม่วง
อินจิ่วลอบเอ่ยว่าดวงซวยนัก ส่งพลังชี่จมจุดตันเถียนก่อนจะออกแรงทะยานกายขึ้นไปทางช่องหลังคาเพื่อหลบหนี
แต่เขากลับไม่นึกว่าในระหว่างที่สี่ทิศปล่อยฝนธนู ช่องว่างบนคานเสากลับมีตาข่ายขนาดใหญ่กางเอาไว้ อินจิ่วเพิ่งจะะโขึ้นไปก็ถูกตาข่ายกั้นเอาไว้จนต้องถอยกลับมา
อินจิ่วถึงขั้นเอ่ยกับตนเองด้วยความโมโหอย่างมิอาจอดกลั้น “ให้ตายเถิด ศิษย์น้องหญิงเ้าช่างประเสริฐนัก เตรียมค่ายกลไว้รอศิษย์พี่ตั้งมากมายถึงเพียงนี้ ช่างไม่กลัวว่าจะทิ่มแทงศิษย์พี่จนกลายเป็เม่น หากภายหน้าไม่มีศิษย์พี่คอยดูแล ผู้ใดจะเอาเงินทองให้เ้าใช้กัน?”
กล่าวจบ อินจิ่วกับองครักษ์เงาก็เข้าโรมรันพันตูกัน กายปราดเปรียวเบี่ยงซ้ายหลบขวา คิดอยากจะสลัดวงล้อมขององครักษ์เงาเหล่านี้แล้วหนีไปทางประตู
ภายในมิติวิเศษ ต้วนเหลยถิงที่อยู่ห่างออกไปเพียงก้าวเท้าข้ามประตู ทันใดนั้นพลันััได้ถึงความผิดปกตินอกมิติ สายตาทอดมองลงบนกายของเคอโยวหรานที่จวนจะถูกกลืนลงท้อง จากนั้นถอนหายใจหนักหนึ่งเฮือกแล้วพลิกกายลุกขึ้น
“หึ...” เคอโยวหรานเม้มปากยกยิ้ม เอื้อมมือไปดึงเสื้อผ้าของตนกลับมาสวมใส่อย่างรวดเร็ว
ความเคลื่อนไหวนอกมิติวิเศษรุนแรงจนเกินไป ต้วนเหลยถิงอดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว พลันใช้จิตนึกคิดในเวลาเดียวกับเคอโยวหรานแล้วแทรกกายออกจากมิติวิเศษ
แต่ต้วนเหลยถิงอยากถามเหลือเกิน นี่มันเื่อันใดกัน? เหตุใดสถานที่ที่ตนปรากฏตัวถึงมิใช่เรือนสกุลต้วน แต่เป็กระโจมที่พวกเขากำลังตั้งค่าย
ทั้งที่เขาััได้ว่าเกิดเื่ที่เรือนสกุลต้วนแท้ๆ หรือว่ามิติวิเศษมีข้อจำกัด เข้าจากที่ใดต้องออกมาที่นั่นหรือ?
เช่นนั้นโยวหรานจะทำอย่างไร? ท่านแม่กับพวกพี่ๆ จะทำอย่างไร? องครักษ์ลับที่ทิ้งเอาไว้ในเรือนจะต่อกรกับผู้บุกรุกในคืนนี้ได้หรือไม่?
เมื่อคิดเช่นนี้ ต้วนเหลยถิงก็ถึงกับหวาดหวั่นเสียแล้ว พลันเพ่งความคิดเข้าไปยังมิติวิเศษ
ทางด้านเคอโยวหรานปรากฏตัวอยู่บนเตียงนอน นางจัดการแหวกม่านออกเพื่อมองดูสถานการณ์ข้างนอก
ครั้นเห็นศิษย์พี่ที่กำลังพยายามรับมืออย่างอ่อนล้าและท่าทางจนตรอกของนาง เคอโยวหรานพลันวางใจลงทันใด มิหนำซ้ำยังหยักยิ้มแฝงเจตนาชั่วร้าย จากนั้นออกคำสั่งว่า “องครักษ์เงาทุกนายออกไปจากห้องให้หมด”
“ขอรับ” องครักษ์เงาทั้งหมดทำตามโดยไม่นึกลังเล ต่างพากันถอยออกไปจากห้องอย่างรวดเร็ว กระทั่งอินจิ่วก็ยังไม่ทันได้สติรู้ตัวด้วยซ้ำ
ขณะเดียวกัน เคอโยวหรานก็เอื้อมมือไปดึงเชือกเส้นหนึ่งที่อยู่ฝั่งด้านในเตียง
“ฟิ้วๆๆ...ฟิ้ว...”
เข็มปักแน่นขนัดพลันพุ่งไปทางอินจิ่วทั้งหมด อีกทั้งบนปลายเข็มยังมีแสงสะท้อนสีดำวาว
“ให้ตายเถิด ศิษย์น้องหญิง เ้าช่างไร้เมตตานัก ทำเช่นนี้เท่ากับคิดทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก ้าสังหารศิษย์พี่ของตนเอง” อินจิ่วเบี่ยงกายหลบเข็มปักพลางพูดเป็ต่อยหอยไม่ยอมหยุด
“ศิษย์น้องหญิง พวกเรามิอาจทำเช่นนี้ต่อกันได้ วันนี้ศิษย์พี่เช่นข้านอนไม่หลับ อยากจะพาเ้าออกไปดูดาวสักหน่อย เ้ากลับปฏิบัติต่อศิษย์พี่เยี่ยงนี้เสียแล้ว”
เคอโยวหรานเอามือทั้งสองข้างกอดอกอย่างไม่สะทกสะท้าน นางเอนกายพิงหมอนพลางเอ่ยอย่างสบายอารมณ์ยิ่งนัก
“บุรุษผู้หนึ่งบุกเข้ามาในห้องของสตรียามดึกดื่น ข้าปฏิบัติต่อศิษย์พี่เช่นนี้ก็นับว่ามีน้ำใจมากแล้วเ้าค่ะ
จิ๊ๆๆ ดูไม่ออกจริงๆ ว่าวรยุทธ์ของศิษย์พี่จะล้ำเลิศถึงเพียงนี้ กระทั่งกลไกที่แยบยลยังฝ่ามาได้ ลองทดลองอันอื่นๆ ดูดีหรือไม่?
ข้ายังมีของดีอีกตั้งมากมายที่ศิษย์พี่ยังมิได้ลิ้มลองเ้าค่ะ!”
ขณะเอ่ยเคอโยวหรานก็หมายจะลงมือ อินจิ่วรีบร้องห้ามว่า “ศิษย์น้องหญิงคนดี ศิษย์พี่ผิดไปแล้ว ครั้งนี้โปรดละเว้นศิษย์พี่เถิด ข้ายอมรับผิดแล้วยังไม่พอใจอีกหรือ?”
หากเหลิ่งเถิงกับขู่เถิงอยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องตาถลนจนหล่นลงพื้นเป็แน่
นายท่านที่งามล้ำเสียจนไร้ผู้ใดเทียบเทียมของพวกเขาเคยยอมรับผิดอย่างนอบน้อมต่อหน้าผู้อื่นเมื่อใดกัน?
หากมิใช่ว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก เช่นนั้นก็ต้องฝนตกเป็สีแดง จึงจะเกิดเื่น่าเหลือเชื่อเยี่ยงนี้ได้
ทว่าเคอโยวหรานกลับไม่รับรู้แม้แต่น้อยว่าคำขอโทษของอินจิ่วล้ำค่ามากเพียงใด นางไม่นึกใส่ใจสักนิด ทั้งยังยกยิ้มบางออกมา
“ศิษย์พี่ช่างขอโทษได้ไร้ความจริงใจยิ่งนัก ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องทิ้งของกำนัลเอาไว้สักเล็กน้อยกระมัง!”
อินจิ่วกัดฟันหลบเลี่ยงเข็มหนึ่งเล่มที่จวนจะปะทะใบหน้าไปได้อย่างหวุดหวิด แต่กลับไม่นึกขุ่นเคืองเคอโยวหรานเลยสักนิด
เขาทะยานขึ้นลง เบี่ยงกายหลบเลี่ยงอาวุธลับนานาชนิด ก่อนจะยกยิ้มเสเพลพลางถามว่า “หึ...ศิษย์น้องหญิงอยากให้ศิษย์พี่มอบของกำนัลอันใดให้เ้า? ข้ายกตนเองให้เ้าเป็อย่างไร?”