เล่มที่ 2 บทที่ 59
โอกาสมักจะหายวับไปโดยง่ายดายเสมอ และเป็ไปไม่ได้ที่มันจะอยู่ที่นั่นตลอดเพื่อรอให้เ้าไปตรวจสอบ
เนื่องด้วยมู่หรงฉิงอยากที่จะทราบข้อมูลการสมรู้ร่วมคิดของแม่รองเฉิน มากไปกว่านั้น นาง้าทราบว่า แม่รองเฉินและอนุหนิงร่วมมือกันทำเื่ใด? ขอแค่รู้วิธีการของอีกฝ่ายเท่านั้นย่อมสามารถเตรียมตัวได้ั้แ่เนิ่นๆ
นอกจากนั้นการที่ยาเทพขี้เมาไม่มีผลต่อนาง ยิ่งทำให้นางมั่นใจเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าอย่างไรร่างกายของนางสามารถต้านพิษ สิ่งมีพิษ ตลอดจนคาถาชั่วร้ายได้?
การเสี่ยงมาที่นี่ในวันนี้ก็เป็การเตรียมตัวแล้วเช่นกัน ถ้าร่างกายของนางสามารถต้านพิษ สิ่งมีพิษ ตลอดจนคาถาชั่วร้ายได้จริงๆ ก็คงจะเป็การมาเยือนที่คุ้มค่า แต่ถ้าร่างกายของนางต้านทานยาพิษไม่ไหว นางจะถอดชุดที่ใส่และทำท่าทีตื่นตระหนกแทน
ท้ายที่สุด ทุกคนในจวนย่อมรู้ดีว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทุกคนต่างรู้ว่านางโกรธจนเป็ลมหมดสติ แม่รองเฉินย่อมต้องคาดเดาว่านางมีความแค้นต่อฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน การที่นางมาที่นี่ใน่ค่ำคืน ถ้าไม่ได้มาเพื่อเข้าเป็ฝักฝ่ายเดียวกัน แล้วนางมาที่นี่เพื่ออะไร?
ด้วยวิธีการรับมือทั้งสองประการ นางจะคิดถอยหลังไปได้อย่างไร?
“เ้าต้องจำไว้ว่า ถ้าข้าชนะ เ้าจะต้องรับใช้ข้า” เมื่อได้ทำการตัดสินใจแล้ว นางย่อมไม่เปลี่ยนใจอย่างแน่นอน ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา
สถานการณ์ตรงหน้าคือ ถ้านางเห็นโลงศพแล้ว นางไม่อาจหันหลังกลับไปเช่นเดียวกัน
สาเหตุที่จ้าวจื่อซินตักเตือนนาง ด้วย้าให้นางยกเลิกความคิดที่จะเข้าไปเสี่ยง แต่เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่า ผู้หญิงคนนี้จะดื้อรั้นจริงๆ มิหนำซ้ำนางยังยอมตายเสียด้วย
บอกว่าจะต้องชนะเขาให้ได้สักหนึ่ง
“ถ้าตายแล้ว เ้าก็อย่ามาหาข้าเชียว ข้าไม่กลัวคน แล้วนับประสาอะไรกับผี”
พูดประโยคอันเยือกเย็นแต่ไม่ได้รับการตอบสนองจากมู่หรงฉิง เขาเห็นเพียงแสงวับตรงหน้า มู่หรงฉิงได้ะโข้ามกำแพงไปแล้ว
เฮอะ! มู่หรงฉิงคนนี้ ช่างทำให้คนหัวโต... ได้จริงๆ ดูเหมือนว่านางเป็คนที่มีความคิดมากมาย แต่เหตุใดนางถึงได้ประมาทนัก?
ระหว่างที่จ้าวจื่อซินยังคงก่นด่ามู่หรงฉิงในใจ ปี้เอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ก็ะโข้ามกำแพงตามไปด้วย ปล่อยให้เขาอยู่ด้านนอกกำแพงคนเดียวและจ้องมองผนังด้วยสายตาเ็า
เฮอะ! คืนนี้จะต้องใช้พลังที่มีทั้งหมดไปกับสาวน้อยสองคนนี้แล้วจริงๆ มู่หรงฉิงไม่กลัวความตาย และปี้เอ๋อร์ก็ไม่้าชีวิตแล้วด้วย ผู้หญิงตัวเล็กๆ สองคนสามารถกระโจนเข้าไปโดยไม่คิดชีวิต แต่เขาที่เป็ชายร่างใหญ่กลับเฝ้าอยู่ด้านนอกเรือน ถ้ามีคนรู้เข้า เขาจะไม่โดนหัวเราะเยาะจนฟันหลุดหรือ?
หลังจากที่มู่หรงฉิงะโเข้าไปในลานเรือน นางเป็ต้องอ้าปากค้าง
ภายใต้แสงจันทร์อันเยือกเย็น ลานเรือนเต็มไปด้วยสิ่งน่าขนลุก แสงจันทร์เลือนรางทำให้มองเห็นเพียงโครงร่างเท่านั้น แต่ด้วยโครงร่างของสิ่งเ่าั้ส่งผลให้มู่หรงฉิงถึงกับขนหัวลุก
งูพิษ แมงป่องมีพิษ สิ่งเ่าั้มักจะเป็หนึ่งหรือสองสิ่งที่ทำให้ผู้คนใ แต่ในตอนนี้พวกมันกำลังคลานอยู่ในลานเรือน คล้ายกับนางกำลังตกในนรกอย่างไรอย่างนั้น
กล่าวได้ว่า มู่หรงฉิงยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตรงกลางลานเรือน ทันทีที่นางะโลงมา นางไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร แต่นางกลับรู้สึกเย็นที่ด้านหลังลำคอ นางยกมือขึ้นและััโดยสัญชาตญาณ จากนั้นนางก็เกือบจะกรีดร้องออกมาดังๆ
งู!
ของเย็นที่ด้านหลังลำคอของนางจะต้องเป็งูอย่างแน่นอน
‘ฟ่อ’
ด้วยความใ หลังจากงูพิษที่ด้านหลังลำคอของนางส่งเสียงฟ่อๆ สองหน มู่หรงฉิงก็รู้สึกคล้ายกับเห็นสัตว์ป่ายุคดึกดำบรรพ์ตกลงจากร่างกายด้วยความเร็วจากนั้นหายตัววับไป
งูพิษเลื้อยออกไป มู่หรงฉิงจึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก ถึงกระนั้น นางย่อมไม่กล้าที่จะประมาท นางเงยหน้าขึ้นพลางมองรอบลานเรือนอย่างระมัดระวังเพื่อกำหนดตำแหน่งและจะได้ไม่เดินผิดพลาด
แม้ว่าจ้าวจื่อซินได้วางแผนล่อชายที่มีทักษะการต่อสู้ขั้นสูงไปทางด้านนอกของลานเรือน แต่หลังจากที่ปี้เอ๋อร์กลับมา นางบอกว่าทักษะการต่อสู้ของหลิงเอ๋อร์นั้นสูงมากซึ่งไม่ด้อยไปกว่านาง
มู่หรงฉิงไม่รู้ว่าทักษะการต่อสู้ของปี้เอ๋อร์อยู่ในระดับไหน ด้วยท่าทางเคร่งขรึมของปี้เอ๋อร์ มู่หรงฉิงรู้ว่า การเดินทางในคราวนี้จะต้องเต็มไปด้วยอันตรายทั่วสี่ทิศ หากไม่ระวังอาจจะสิ้นลมที่นี่ได้
มู่หรงฉิงยังคงพิจารณาถึงเส้นทาง แต่กลับมีคนคนหนึ่งะโเข้ามายืนเคียงข้างนาง ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็ง จากนั้นใช้สายตาเอ่ยถามว่า “ปี้เอ๋อร์? ให้เ้าเฝ้าอยู่ด้านนอกไม่ใช่หรือ? เ้าเข้ามาทำอะไรหรือ?”
ปี้เอ๋อร์ส่ายศีรษะโดยบอกว่าจะไม่ปล่อยให้มู่หรงฉิงเข้าไปเสี่ยงคนเดียว
ถอนหายใจพลางคิดว่า อีกฝ่ายช่างภักดีจริงๆ รู้ทั้งรู้ว่าที่นี่มีสิ่งมีพิษจำนวนมาก ถึงกระนั้นนางกลับยังะโเข้ามาโดยไม่สนใจสิ่งเ่าั้ นางกำลังเดิมพันว่าตอนนี้ร่างกายของนางสามารถต้านทานสิ่งมีพิษและสิ่งที่เป็อันตรายได้หรือไม่ แต่ปี้เอ๋อร์ล่ะ จะพึ่งพิงอะไร?
มู่หรงฉิงจ้องมองปี้เอ๋อร์ และไม่้าให้ปี้เอ๋อร์เข้ามาเสี่ยงในครั้งนี้ การต่อสู้เพียงลำพังอาจดูเหมือนการละเล่นของเด็กเกินไปแต่ย่อมดีกว่าการลงทุนทั้งหมด แล้วถูกทำลายจนสิ้น
"เอ๋?"
มู่หรงฉิงยังคงจ้องมองปี้เอ๋อร์อยู่ที่เดิม แต่จ้าวจื่อซินที่เพิ่งะโเข้ามา ได้กวาดมองไปที่พื้นและต้องเปล่งเสียงด้วยความแปลกใจ
“มู่หรงฉิง เ้าไม่ใช่คนน่ารังเกียจธรรมดาทั่วไปจริงๆ เ้าเห็นหรือไม่ สัตว์มีพิษเหล่านี้ต่างก็หลบหลีกหนีจากเ้าไปไกลๆ”
คำพูดของจ้าวจื่อซินกลายเป็เส้นด้ายบางๆ พุ่งเข้าไปในใบหู มู่หรงฉิงอยากจะต่อยจ้าวจื่อซินด้วยกำปั้นอย่างเหลือทน เหตุใดผู้ชายคนนี้มักจะชอบพูดให้คนรำคาญเสมอ?
รำคาญในใจ แต่เสียเวลาก้มหน้ามองเช่นกัน หลังจากมองปราดหนึ่งนางก็รู้สึกมีความสุข
เป็ดั่งที่จ้าวจื่อซินพูดไว้จริงๆ ทั้งงูพิษ ทั้งแมงป่องมีพิษต่างก็หลีกนางไปอยู่ในระยะไกล แต่กลับไปล้อมรอบปี้เอ๋อร์และจ้าวจื่อซินเป็วงกลม ทว่ากลับไม่กล้าเข้าไปใกล้
เป็ไปได้หรือไม่ที่พวกมันจะกลัวนาง?
หลังจากครุ่นคิดในใจ มู่หรงฉิงจึงก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ภายใต้สายตาวิตกกังวลของปี้เอ๋อร์
ครั้นก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว นางได้เห็นงูและแมงป่องมีพิษถอยห่างออกไปราวกับกระแสน้ำไหลโดยถอยห่างออกไปไกลมาก
“เ้าดูสิ เ้านี่มันน่ารังเกียจจริงๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดที่น่าตบอีกหน มู่หรงฉิงก็กลอกตามองโดยตรงพลางคิดในใจว่า ข้าจะจัดการเ้า หลังจากกลับไป
สำหรับวิธีการจัดการเป็เช่นไร? มู่หรงฉิงก็ยังคงนึกไม่ออกเช่นเดียวกัน
นางเก็บความคิดพร้อมกับใช้สายตาของนางกวาดมองดูงูพิษและแมงป่องที่รวมตัวกันในลานเรือน โดยหลีกเลี่ยงพวกมันในระยะที่ห่างไกล มู่หรงฉิงจึงเชื่อในคำพูดของหมอเทวดาแล้ว
ตอนนี้ร่างกายของนางสามารถต้านทานพิษและคาถาชั่วร้ายได้จริงๆ ดูเหมือนว่า ์ดีต่อนางไม่น้อย หลังจากรู้ว่าร่างกายของนางอ่อนแอและไม่มีคนคอยช่วย จึงมอบร่างกายที่สมบูรณ์ให้กับนาง
รู้สึกเบิกบานในหัวใจ ถึงกระนั้นนางก็มองหาจุดสว่างและเดินจากไป โดยไม่รอช้า
“เ้ายวี้เอ๋อร์คนนั้นก็โง่จริงแท้ อุตส่าห์ปล่อยคนให้เข้ามาแล้ว แต่นางกลับทำให้เสียงานเสียการจริงๆ”
เสียงน้ำอันแ่เบาดังมาพร้อมกับเสียงของหลิงเอ๋อร์ซึ่งดังแว่วมาจากห้องที่มีแสงสว่างเพียงพอ
ได้ยินเช่นนั้น มู่หรงฉิงพลอยรีบกลั้นหายใจทันควัน ก่อนก้าวเท้าเบาๆ ไปซ่อนตัวอยู่ในความมืด
“มีเ้านายเช่นไรย่อมมีบ่าวเป็คนเช่นนั้น โง่ก็โง่ไปด้วยกัน” เสียงของแม่รองเฉินดังแว่วออกมาอย่างเกียจคร้าน จากเสียงน้ำเห็นได้ชัดว่าแม่รองเฉินกำลังอาบน้ำอยู่
ดึกมากแล้ว แต่แม่รองเฉินเพิ่งจะอาบน้ำ ดูเหมือนว่าแม่รองเฉินดูละครของวันนี้อย่างมีความสุขเช่นกัน
“เ้านายคิดว่าปี้เอ๋อร์คนนั้นใช้ประโยชน์ได้หรือ? บ่าวมักจะรู้สึกว่าเ้าปี้เอ๋อร์ผู้นั้นเหมือนมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่”
“คนที่มีความจงรักภักดีมากแต่กลับไม่ได้ใช้การให้เป็ประโยชน์มาโดยตลอด ก็เหมือนคนที่มีความทะเยอทะยาน แต่ไม่มีที่ให้แสดงความสามารถ ปี้เอ๋อร์ภักดีต่อมู่หรงฉิงอย่างแท้จริง แต่น่าเสียดายที่มู่หรงฉิงตาบอดและมองไม่ออก ทว่านางกลับยอมรับยวี้เอ๋อร์ บ่าวที่ทรยศนางั้แ่ก่อนหน้าโดยไม่ยอมปล่อยวาง” น้ำเสียงของแม่รองเฉินเต็มไปด้วยการเย้ยหยัน บ่งชี้ชัดเจนว่านางดูถูกมู่หรงฉิงเป็อย่างมาก “ตอนนี้นางมีปี้เอ๋อร์อยู่เคียงข้างเพียงคนเดียว ส่วนแม่นมทั้งสองคนก็ตกลงไปในกับดักของยวี้เอ๋อร์แล้ว ตอนนี้พวกนางเชื่อฟังยวี้เอ๋อร์โดยไม่กล้าต่อต้านแม้แต่น้อย พวกนางจะสนใจมู่หรงฉิงได้อย่างไร? เป็เช่นนั้นไปแล้ว แต่มู่หรงฉิงกลับยังคงลำเอียงไปทางยวี้เอ๋อร์ เ้าคิดว่าเ้านายเช่นนั้นจะไม่ทำให้บ่าวผู้ภักดีรู้สึกผิดหวังหรือ?”
มู่หรงฉิงกำมือทั้งสองข้างอย่างแน่นหลังจากได้ฟัง ทั้งยังนึกโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ
แม่นมทั้งสองคนตกลงไปในกับดักของยวี้เอ๋อร์แล้วหรือ? มันเกิดขึ้นั้แ่เมื่อไร? ทำไมนางถึงไม่เคยสังเกตเห็น?
วันนี้พบความแปลกของแม่นมจิ่น นางก็แค่สงสัยเล็กน้อยเท่านั้น แต่ในเวลานี้นางได้รับการยืนยันจากแม่รองเฉิน มู่หรงฉิงจึงรู้สึกถึงเพลิงลุกโชนในทรวงอก นางแทบรอไม่ไหวที่จะกลับไปยังเรือนพักและตัดแขนตัดขาของยวี้เอ๋อร์เป็หลายพันชิ้น
“ตอนนี้มู่หรงฉิงมีปี้เอ๋อร์อยู่เคียงข้างเพียงคนเดียว ถ้าเ้านายดึงปี้เอ๋อร์เข้ามาอยู่ข้างเดียวกันกับพวกเรา มู่หรงฉิงก็จะโดดเดี่ยวและปราศจากคนคอยช่วยเหลือ ฉะนั้นนางจึงต้องมาขอความช่วยเหลือจากเ้านาย”
“ความคิดของปี้เอ๋อร์ไม่ได้เล็กน้อย กอปรกับความขุ่นเคืองของนางที่มีต่อมู่หรงฉิง ไม่ช้าก็เร็วนางจะต้องทรยศมู่หรงฉิง ข้าแค่เห็นจุดนี้โดยบังเอิญก็เท่านั้น ส่วนยวี้เอ๋อร์ ข้าเห็นว่านางไม่ได้ยอมจำนนต่อหนิงเชียนหรง ข้าคิดว่า ยวี้เอ๋อร์ไม่ใช่คนของหนิงเชียนหรง”
แม่รองเฉินบิดกลีบดอกไม้ในอ่างอาบน้ำด้วยฝ่ามือ สีหน้าของนางดูสบายและผ่อนคลายเป็อย่างมาก ราวกับว่านางเพิ่งเสร็จจากการดูการแข่งหมากรุก และหมากที่ชนะก็อยู่ในมือของนางอย่างไรอย่างนั้น
“ในกรณีนั้น เราไม่อาจปล่อยยวี้เอ๋อร์ต่อไปได้หรือ?”
“แน่นอนว่าจะต้องปล่อยให้อยู่ต่อ หนิงเชียนหรงทำทุกวิถีทางเพื่อให้มู่หรงฉิงแต่งงานเข้ามาอยู่ในจวนเฉิน นั่นก็เพียงเพื่อจะใช้เฉินเทียนหยูเอาทรัพย์สินของจวนเฉินให้กับนาง เฮอะ! นางเอาหลายสิ่งหลายอย่างจากครอบครัวหนิงไปแล้ว แต่นางยังมีความคิดที่จะแย่งของของข้า นางไม่คิดเลยหรือว่า ข้าจะต้องใช้ความพยายามในการวางกับดักเฉินเทียนหยูในตอนนั้นมากแค่ไหน นางก็แค่ส่งหนิงไฉ่เยว่มาคนเดียวก็เท่านั้น แต่ไม่คาดคิดเลยว่านางอยากจะให้แบ่งขนมโดยไม่มีเหตุผล"
เมื่อพูดถึงเื่นี้ แม่รองเฉินได้ขยี้กลีบดอกไม้ในมือก่อนจะโยนลงไปที่พื้น “นางช่างทะเยอทะยานมากจริงๆ และข้าก็คร้านที่จะไปสนใจนาง หาโอกาสให้ยวี้เอ๋อร์กลับไปกัดนาง พวกเราแค่นั่งดูพวกสุนัขกัดกันเองก็พอ”
“มีข่าวคราวจากคุณชายใหญ่ โดยบอกว่า เมื่อใดที่ปลิดชีวิตของมู่หรงซิวได้ การสนับสนุนอนุหนิงก็จะค่อยๆ ถอนออกมา คุณชายใหญ่หวังว่าเ้านายน้อยจะสามารถดำเนินการได้โดยเร็วที่สุด และอย่าปล่อยให้มู่หรงยวี่แย่งโอกาสไปได้ก่อน"
“มู่หรงยวี่? คนเช่นนาง ยังคิดอยากจะเป็ชายาขององค์ชายรัชทายาทหรือ? คนปัญญาอ่อนเพ้อฝันแล้วจริงๆ” หลังจากเย้ยหยัน แม่รองเฉินก็หัวเราะอย่างเ็า “เ้าจงไปตอบจดหมายคุณชายใหญ่ โดยบอกว่า มู่หรงซิวจะต้องตายเท่านั้น และข้าก็จะพยายามให้มู่หรงฉิงได้พบกับอาจารย์ขององค์ชายรัชทายาทให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็ไปได้"
ครั้นเอ่ยจบ แม่รองเฉินกลับดูเหมือนไม่เต็มใจที่จะพูดต่อไปแล้ว นางปิดตาลงพร้อมเอนกายพิงอ่างเพื่องีบหลับ
ไม่มีเสียงดังออกมาจากห้อง พิสูจน์ให้เห็นว่า แม่รองเฉินดูละครเป็เวลานานแล้ว นางดูสบายและผ่อนคลาย ตอนนี้นางกำลังแช่ตัวในน้ำอุ่นและเพลิดเพลินกับเวลาที่แสนจะเงียบสงบและสบายๆ ของกลางดึก
ทว่าทางด้านมู่หรงฉิงได้กำหมัดแน่นจนตัวสั่น หลังจากได้ยินคำพูดเ่าั้ ดวงตาของนางกลับแผ่ซ่านความเกลียดชังอันเข้มข้นออกมายังด้านนอกผ้าคลุมหน้า
ท่าทีของมู่หรงฉิงทำให้ปี้เอ๋อร์ถึงกับใ นางรีบดึงมู่หรงฉิงโดยพยายามพานายหญิงออกจากเรือนโดยเร็วที่สุดก่อนที่มู่หรงฉิงจะะเิตูมออกมา
แต่สิ่งที่นางไม่คาดคิดมาก่อนคือในหัวใจของมู่หรงฉิงโกรธจนเป็ฟืนเป็ไฟเหลือทนแล้ว ถึงกระนั้นขณะปี้เอ๋อร์ดึงมือของนาง มู่หรงฉิงกลับไม่ได้คิดที่จะสะบัดมือออกไปแต่อย่างใด ทว่ามันยังเหมือนมีกระแสน้ำเชี่ยวกรากไหลผ่านอากาศ
เสียงนั้นเบามาก ถ้ามีทักษะการป้องกันตัวย่อมคิดว่ามันคือเสียงสายลมกระโชกแรงเท่านั้น
อย่างไรก็ดี เสียงนั้นทำให้แม่รองเฉินที่กำลังแช่น้ำร้อนอยู่ในห้องถึงกับลืมตาขึ้นทันที เวลาเดียวกัน หลิงเอ๋อร์ที่กำลังตักน้ำ เป็ต้องวางกระบวยตักน้ำในมือและพุ่งไปที่ประตูคล้ายภูตผี
กลั้นลมหายใจเข้าออกพลางทะยานออกไปอย่างดุเดือด เงาร่างพุ่งผ่านประตูด้วยความว่องไว มือทั้งสองข้างกำเป็หมัดเหวี่ยงฟาดต้นตอของเสียงอย่างแรง แต่แล้วกลับชกเข้ากับอากาศ ไม่เห็นเงาร่างผู้บุกรุกแม้แต่เศษเสี้ยว ภายใต้แสงจันทร์เย็นะเื ในลานเรือนมีงูและแมงป่องมีพิษเปล่งเสียงฟ่อๆ พร้อมคลานมาหา
ทันทีที่สัตว์มีพิษในลานเรือนเห็นหลิงเอ๋อร์ พวกมันก็รีบเข้าหาทันทีราวกับว่าบุตรเห็นมารดาของตน พลางทำเสียงแปลกๆ
เมื่อเห็นสัตว์มีพิษเ่าั้ ความเ็าบนใบหน้าของหลิงเอ๋อร์ก็กระจายหายไป และกลายเป็ใบหน้าซึ่งแสดงความเอ็นดูทะนุถนอม "ซุกซนอีกแล้ว เวลานี้ยังกินไม่ได้ อีกสักพักข้าถึงจะให้พวกเ้ากิน"