หมดแล้ว?
หนานจือตะลึงงันครู่หนึ่ง นอกเหนือจากโต้เถียงคุณหนูแล้ว ตนยังละเมิดความผิดฐานใดอีก?
นางเงยหน้ามองเฉินจิ้งเจีย ความสงสัยฉายชัดเต็มแววตา “บ่าวมิทราบ คุณหนูโปรดชี้แนะด้วยเ้าค่ะ”
เฉินจิ้งเจียถอนหายใจ ยัยหนูนี่ไม่เคยลองนึกถึงใจผู้อื่นบ้างหรือไร
“ข้าขอถามเ้าว่า เมื่อครู่ที่เฉินจิ้งโหรวพูด เหตุใดเ้าถึงกระด้างกระเดื่องต่อนาง?”
กระด้างกระเดื่องกับเฉินจิ้งโหรว?
หนานจือขมวดคิ้วมุ่น “นั่นเป็เพราะคุณหนูรองเจตนาร้ายต่อท่าน คิดยุแยงให้ท่านแตกแยกกับท่านโหวอย่างไรละเ้าคะ”
“แม้นเป็เช่นนั้น เ้าก็มิอาจกระด้างกระเดื่องกับนางได้อยู่ดี” ท่าทางเฉินจิ้งเจียจริงจังเข้มงวด “ในจวนป๋อชางโหว มีข้าคอยปกป้องเ้า ทว่าหากวันหน้าไปอยู่จวนอื่นเล่า? สาวใช้ตัวน้อยคนหนึ่งอย่างเ้า ต่อต้านคุณหนูสกุลอื่นขึ้นมา จะยังส่งผลดีต่อเ้าอยู่หรือไม่?”
คำถามนี้ทำเอาหนานจือคิดตามอย่างตั้งใจ จากนั้นจึงเงยหน้าตอบคำถาม “หากคนผู้นั้นคิดสร้างความเดือดร้อนแก่คุณหนู หนานจือย่อมยืนหยัดออกตัวอยู่แล้วเ้าค่ะ!”
เฉินจิ้งเจียมองหนานจือที่กำลังคุกเข่า เริ่มรู้สึกว่าตนกำลังปวดหัวเวียนเกล้า
“เช่นนั้นข้าถามเ้าอีกที เหตุใดท่านพี่ถึงมาที่นี่?” เฉินจิ้งเจียมองเฉินอี้เหอที่นั่งด้านข้างอย่างสงบเงียบ
“เจียเอ๋อร์ คือข้า...” เฉินอี้เหอมาดหมายช่วยปิดบังแทนหนานจือ หากแต่พูดยังไม่จบ ก็ถูกเฉินจิ้งเจียตัดบทอย่างไร้อารมณ์
“หนานจือบอกให้ท่านพี่มาใช่หรือไม่?”
หนานจือพยักหน้า “เ้าค่ะ บ่าวกลัวว่าคุณหนูรองจะรังแกท่าน ถึงได้เชิญคุณชายใหญ่มาเ้าค่ะ”
“เ้าตัดสินว่าข้าจะโดนเฉินจิ้งโหรวรังแกหรือ?” เสียงพูดนางค่อยๆ ดังขึ้นทีละนิด ราวกับไม่ค่อยพอใจแล้ว
แล้วนางจะตอบอย่างไรดีเล่า?
หนานจือขมวดคิ้ว ท้ายสุดนางก็มิอาจพูดอันใดได้ คุณหนูเอาแต่มองคนอื่นเป็พี่เป็น้อง แต่คนอื่นกลับคิดฉกฉวยโอกาสกับท่าน ท่านไม่รู้ตัวไม่พอ ยังเอาแต่ชื่นมื่นสมองเบานี่นา?
ท่าทางขมวดคิ้วยุ่งเหยิงของนางทำเอาเฉินจิ้งเจียปวดหัวกว่าเดิม ราวกับว่าการที่นางถูกเฉินจิ้งโหรวกลั่นแกล้งนั้นกลายเป็เื่ปกติไปแล้ว
“คุณหนู ท่านอาจไม่ถูกคุณหนูรองกลั่นแกล้ง แต่ท่านอาจถูกคุณหนูรองหลอกก็เป็ได้นะเ้าคะ” หนานจือเอ่ยเสียงจริงจัง
“นางจะหลอกอะไรข้า?” เฉินจิ้งเจียเห็นหนานจือทำท่าคอยปกป้อง ก็กลั้นยิ้มแทบไม่อยู่
แม้นยามนี้จะยังคุกเข่าสำนึกผิด แต่หนานจือหาได้หวาดกลัวเฉินจิ้งเจีย นางถามอันใดก็ตอบตามนั้น
“นางบอกว่าคุณชายเผยเป็คนที่คู่ควรแก่การฝากฝังชีวิตเ้าค่ะ”
หนานจือตอบอย่างตั้งอกตั้งใจ ทว่าเฉินจิ้งเจียกลับใจนแทบถือถ้วยชาให้นิ่งไม่ไหว
นางปราดมองหนานจืออย่างประเมินการ เ้าเด็กนี่... เขาเป็ถึงโอรสของฮ่องเต้ เป็อันกั๋วโหวในอนาคต คาดไม่ถึงว่าในสายตาหนานจือจะดูเป็คนที่มิอาจฝากฝังชีวิตได้อย่างนั้นหรือ
เมื่อเห็นเฉินจิ้งเจียมือสั่นระริก เฉินอี้เหอจึงนึกว่านางโกรธที่หนานจือกล่าวร้ายเผยฉางชิง
“เจียเอ๋อร์ เ้าอย่ากล่าวโทษหนานจือเช่นนี้เลย เผยฉางชิงนั่น ข้าเห็นเป็เพียงบัณฑิตยากไร้คนหนึ่งเท่านั้น หาได้คู่ควรกับแม่นางแห่งจวนป๋อชางโหวของเราสักนิด!”
ตอนช่วยเหลือเผยฉางชิงนั้น เฉินอี้เหอยังชื่นชมเขาว่าเป็ผู้รักในศักดิ์ศรี หากแต่ยามนี้เล่า?
ถุย!
เมื่อเห็นเฉินอี้เหอยืนขึ้นข้างกายตนเหมือนกันแล้ว หนานจือก็เอ่ยเสียงต่ำ “คุณหนู ท่านเชื่อฟังคุณชายใหญ่เถิดเ้าค่ะ เขาไม่มีวันทำร้ายท่านแน่นอน!”
เฉินจิ้งเจียไม่ปริปาก หนานจือจึงพูดต่อ “อย่าฟังเสียงเกลี้ยกล่อมจากคุณหนูรอง ที่ว่าต้องแต่งงานกับคุณชายเผยอะไรนั่นเลยเ้าค่ะ!”
เอาอีกแล้ว?
“บอกแล้วว่าอย่าพูดถึงเฉินจิ้งโหรวมิใช่หรือ ไฉนเ้ายังไม่ฟังเล่า?” เฉินจิ้งเจียปัดมืออย่างปวดหัว ให้หนานจือลุกขึ้น
“ที่นี่มิได้มีแค่ท่านกับคุณชายใหญ่หรือไรเ้าคะ ท่านวางใจเถิด บ่าวจะจดจำคำท่านไว้ จากนี้จะไม่พูดจาซี้ซั้วข้างนอกอย่างแน่นอนเ้าค่ะ!”
เป็เฉินอี้เหอเสียเองที่เพิ่งนึกได้ถึงคำพูดที่เฉินจิ้งเจียเคยเอ่ยไว้ หัวคิ้วขมวดปมขึ้นทันใด “เจียเอ๋อร์ หากจะแต่งงานกับคุณชายเผยละก็ ไฉนเ้าถึงพูดจาซี้ซั้วกับคนอื่นได้? หากเื่แพร่งพรายออกไป เ้าก็รู้ว่าชื่อเสียงเ้าต้องป่นปี้แน่นอน”
ชื่อเสียง? เฉินจิ้งเจียนึกถึงเื่ราวชาติก่อน
นางพยายามเป็กุลสตรีที่ดี เป็ไท่จื่อเฟยที่ดี มีเกียรติมีคุณธรรม สุขุมเอื้ออารี
หากแต่ท้ายสุดก็เป็เพราะคำพูดจากคนใกล้ตัวประโยคเดียวมิใช่หรือ ที่ทำลายชื่อเสียงนางย่อยยับ?
มือเฉินจิ้งเจียที่ซ่อนในแขนเสื้อเผลอลูบหน้าท้องอย่างลืมตัว แค่รู้สึกสงสารลูกของนางที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลก ก็ถูกคนใจโฉดบีบบังคับให้ตัดไฟั้แ่ต้นลม...
“เจียเอ๋อร์? เจียเอ๋อร์?”
เมื่อเห็นท่าทีเฉินจิ้งเจียดูดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ เฉินอี้เหอจึงอดที่จะส่งเสียงเรียกนางเสียมิได้
สติหวนคืนทันใด เฉินจิ้งเจียเงยหน้ามองเฉินอี้เหอฉับพลัน “ท่านพี่...”
ใช่สิ นางเกิดใหม่แล้ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในชาติที่แล้ว ในชาตินี้จะไม่มีทางเกิดขึ้นอีกต่อไป!
หลังจากปรับสายตามองไปทางเฉินอี้เหออีกครั้ง ท่าทีเฉินจิ้งเจียดูสงบนิ่งจนทำเอาเฉินอี้เหอมิอาจเชื่อสายตา นางมีแผนการในใจั้แ่แรกแล้วสินะ
“ท่านพี่ ข้ารู้ว่าท่านกับท่านพ่อทำเพื่อข้า วาดหวังให้ข้าได้แต่งงานเป็อย่างดี หากแต่การแต่งงานจะดีหรือไม่นั้น ใช้อะไรเป็ตัวตัดสินกันล่ะ?”
ชาติก่อนนางอภิเษกกับไท่จื่อ กลายเป็ไท่จื่อเฟย หากไม่เกิดเื่เหนือความคาดหมาย นางคงขึ้นเป็ฮองเฮา มารดาแห่งแผ่นดินไปแล้ว
ทว่าท้ายสุดเล่า?
“แต่งงานเข้าตระกูลใหญ่ถือว่าดีแล้วหรือ?” เฉินจิ้งเจียส่งเสียงพึมพำลอยเข้าหูเฉินอี้เหอ
เขามองน้องสาวตนประหนึ่งมองมารดาของตนอย่างไรอย่างนั้น ซูเหยา สตรีเปี่ยมพร์ผู้เคยเลื่องชื่อในเมืองหลวงนั่นเอง
บางทีหลายปีมานี้ ท่านแม่คงมิได้ใช้ชีวิตอย่างที่ปรารถนาขนาดนั้นสินะ
เขายกมือลูบหัวเฉินจิ้งเจีย “เจียเอ๋อร์ มีพี่กับท่านพ่ออยู่ทั้งคน ไม่มีทางปล่อยให้เ้าถูกรังแกแน่นอน”
เฉินจิ้งเจียดึงมือพี่ชายลง เงยหน้ามองอีกฝ่าย “ท่านพี่ แต่งงานไปข้าก็มิอาจอยู่ข้างกายท่านกับท่านพ่อได้แล้ว หากข้าถูกรังแก พวกท่านจะรู้ได้อย่างไรกัน?”
ทันใดนั้นนางพลันเปลี่ยนประโยคกะทันหัน “คุณชายเผยผู้นั้นอย่างไรเล่า แค่มองก็รู้แล้วว่าไม่ธรรมดา จากนี้ต้องมีฝีมือยิ่งกว่านี้แน่นอน!”
“คุณหนู ตอนข้ามองตามคุณชายเผย ก็เห็นรอยปะบนแขนเสื้อเขาแล้ว ไหนเลยท่านถึงมองออกว่าเขาไม่ธรรมดากันเ้าคะ?”
หนานจือผู้เมินเฉยคุณหนูบ้านตัวเองกลับมาอีกแล้ว
เฉินจิ้งเจียถลึงตาใส่ ก่อนมองเฉินอี้เหอ “ท่านพี่ ยามนี้เพิ่งเกิดเื่กับท่านแม่ ข้าจำต้องไว้ทุกข์สามปีจึงจะแต่งงานได้”
“พี่รู้ ยามนี้อายุเ้าย่างสิบห้า เลื่อนไปอีกสามปีก็สิบแปด แต่แล้วอย่างไรกันเล่า? เป็ถึงบุตรสาวแห่งจวนป๋อชางโหว ยังต้องกลุ้มใจเื่แต่งงานอีกหรือ”
เฉินอี้เหอไม่รู้ความคิดของนาง คิดเพียงว่านางกังวลหากถึงเวลานั้นอายุตนมากแล้วจะแต่งงานไม่ได้
เฉินจิ้งเจียส่ายหน้า “ท่านพี่ ยามนี้จวนป๋อชางโหวรุ่งเรืองขีดสุด ยิ่งไปกว่านั้นยังมีท่านที่เป็ถึงแม่ทัพใหญ่ชายแดนอยู่ด้วย ท่านพี่ว่าข้าจะถูกใครหมายปองไปแล้วบ้างหรือไม่”
เมื่อได้ยินดังว่า เฉินอี้เหอจึงคร่ำเคร่งขึ้นในที่สุด “เจียเอ๋อร์ เ้าหมายความว่าอย่างไร”
“หากสกุลอื่นอยากเกี่ยวดองด้วย พวกเรายังพอปฏิเสธได้ แต่หากเป็เบื้องบนผู้นั้น...” เฉินจิ้งเจียหุบปากทันเวลาพอดี ประโยคหลังนั้นต่อให้นางไม่เอ่ย ก็เชื่อว่าเฉินอี้เหอต้องนึกได้แน่นอน
หากเบื้องบนผู้นั้น้าเฉินจิ้งเจียจริง เฉินอี้เหอรู้ดีว่าพวกเขาไม่มีทางขัดขวางได้
เฉินจิ้งเจียเห็นความไหวหวั่นของเขา จึงรีบเอ่ยต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นคุณชายเผยผู้นี้ยังเป็บัณฑิตที่เข้าสอบในเมืองหลวง หากวันหน้าเขาโบยบินก้าวหน้าได้ ยามจวนป๋อชางโหว้าที่พึ่งพิงละก็...”
นางยังไม่ทันพูดประโยคที่เหลือจบ ด้านนอกพลันมีคนเคาะประตูขึ้น
“คุณชายใหญ่ ไท่จื่อเสด็จมาเยือนวัดอันเหรินเพื่อถวายธูปบูชา ท่านโหวบอกให้ท่านไปหาขอรับ”
สีหน้าเฉินอี้เหอแปรเปลี่ยนไปในเสี้ยวพริบตา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้