หันกลับไปมองซูเฟยซื่อเพียงเห็นนางสวมชุดกระโปรงสีขาวบริสุทธิ์ลากพื้นทั้งชุดบริเวณหน้าอกประดับด้วยอัญมณีร้อยเรียงเป็สร้อย
ผิวผ่องเป็ยองใยขาวกว่าหิมะคิ้วตาดั่งวาดไว้ มุมปากหยักเบาๆเป็รอยยิ้มเต็มไปด้วยมิตรภาพแต่ไม่สูญเสียเอกลักษณ์ความเป็ตระกูลใหญ่คนทั้งคนดูไปแล้วสง่างามหมดจด สงบเรียบร้อยเหมือนดอกอวี้หลานสีขาวบริสุทธิ์
เขาแทบอยากรีบทำลายนางทันที
“น้อมคารวะท่านลุงเขยท่านป้าและ... น้องสามขอรับ” หลี่ฉีหันไปคำนับอย่างให้เกียรติและเคารพต่อซูเต๋อเหยียนกับนางแซ่หลี่
แต่ทันทีที่เขาปรากฏตัวขึ้นก็เกิดหัวข้อสนทนาแก่ทุกคน
ตะแคงหูฟังไปคราต่างยังด่าเขาเป็สัตว์เดรัจฉานในคราบผู้ดี ทำความอัปยศอดสูแก่ผู้มีมารยาท
ใบหน้าของหลี่ฉีค่อยๆกลายเป็สีดำ รีบลากนางแซ่โหยวไปหาที่นั่งซึ่งเป็ส่วนตัวนั่งลง แต่ซูเฟยซื่อดันไม่ยอมปล่อยเขาผ่านไปง่ายๆแบบนั้น
มุมปากของซูเฟยซื่อหยักเป็รูปโค้งที่สมบูรณ์แบบปราดหนึ่ง“ขอแสดงความยินดีกับญาติผู้พี่ ถูกท่านอ๋องเก้าพันปีเตะไปสองคราทั้งยังโบยยี่สิบไม้กระดานใหญ่ คาดไม่ถึงว่าจะหายเป็ปกติเร็วมากขนาดนี้แล้ว”
ร่างของหลี่ฉีแข็งทื่อทันทีตอนนี้สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดก็คือมีคนพูดถึงเื่นี้ขึ้นมา ซูเฟยซื่อกลับจงใจ ประเด็นไหนไม่ควรยกขึ้นพูดก็พูดอันนั้นเห็นได้ชัดว่าคิดแฉให้เขาขายหน้าต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้
กำลังคิดจะอาละวาดนางแซ่โหยวรีบแอบหยิกเขาไปทันที แล้วเอ่ยปากแทนเขาว่า “ขอบคุณเฟยซื่อที่ห่วงใยญาติผู้พี่ของเ้าที่ไม่เป็โล้เป็พายคนนี้ ไหนเลยจะกล้าข่มขู่ให้เ้าใขนาดนั้นสมน้ำหน้าที่ถูกท่านอ๋องเก้าพันปีโบย โชคดีที่เ้าไม่เป็ไรมิฉะนั้นข้าต้องตีเ้าลูกเวรคนนี้ให้ตายทั้งเป็แน่ๆ”
อย่างว่าขิงยังคงยิ่งแก่ยิ่งเผ็ดจริงๆ
ประโยคเดียวไม่เพียงแต่พูดจนเื่นี้เป็การวิวาทระหว่างเด็กด้วยกันไปแล้วทั้งยังแก้บรรยากาศที่ตึงเครียดเมื่อครู่ไปได้ด้วย
ข่มขู่ให้ใ? เกือบจะฆ่านางกับจือฉินแล้ว!
น้ำหนักของการข่มขู่ให้ในี้ช่างหนักหนาจริงๆ
แต่นางแซ่โหยวคิดว่าประโยคหนึ่งก็สามารถให้เื่นี้ผ่านไปได้? คิดง่ายไปแล้ว!
นี่เป็เพียงการเริ่มต้น
ซูเฟยซื่อก้มศีรษะลงเล็กน้อยอย่างคับข้องใจบ้าง“ท่านป้าเข้มงวดไปแล้วจริงๆ เดิมไม่ได้เป็เื่ใหญ่โตอะไร เป็ข้ากับจือฉินไม่เคยเห็นโลกมาก่อนถูกข่มขู่ให้ใกลัวชั่วขณะ จึงทำให้ได้รับาเ็ ข้อเคลื่อนจนเกือบหลุดไม่โทษญาติผู้พี่หรอกเ้าค่ะ”
เสียงของนางไม่ดังมากแต่กลับพอให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ได้ยินหมด
เมื่อทุกคนได้ยินวาจานี้เห็นได้ชัดว่าเต็มไปด้วยความคับข้องใจแต่ไม่มีตำหนิสักนิดพลันยิ่งเห็นใจซูเฟยซื่อมากขึ้นหลายส่วน
ในทางตรงข้ามยิ่งรังเกียจชิงชังนางแซ่โหยวที่ช่วยแก้ต่างให้หลี่ฉีมากขึ้น
มุมปากนางแซ่โหยวกระตุกไม่คิดว่าตนถึงกับพ่ายแพ้นังหนูน้อยคนหนึ่ง
แต่หลี่ฉีทำความผิดอยู่ก่อนตอนนี้ไม่ว่านางจะพูดอะไรก็ล้วนไม่มีประโยชน์แล้ว
คิดจบนางแซ่โหยวได้แต่ต้องถอนหายใจแล้ว รีบดึงหลี่ฉีไปหาที่นั่ง เพื่อหลีกเลี่ยงเื่ขายหน้าผู้คนต่อไป
แต่ในขณะที่หันไปจู่ๆ ซูเฟยซื่อก็แกล้งทำเป็ใทั้งะโเสียงดัง “เอ๊ะ นี่ไม่ใช่กุญแจคล้องใจที่ข้าให้จือฉีหรือ? ทำไมถึงมาอยู่บนตัวญาติผู้พี่ได้เล่า? หรือว่าญาติผู้พี่กับจือฉี...”
ทุกคนยังไม่ได้ตอบสนองกลับมาว่าที่แท้จือฉีเป็ใครนางแซ่โหยวกลับะโเสียงดังในใจว่าแย่แล้ว
กุญแจคล้องใจอันนี้เป็นางให้หลี่ฉีใส่ไว้มาให้จือฉีดูเป็พิเศษ เพื่อให้จือฉีทำงานให้พวกเขาอย่างสุดใจ
แต่ไม่คิดว่ากุญแจคล้องใจอันนี้เป็ของที่ซูเฟยซื่อให้มาตอนนี้ยังถูกซูเฟยซื่อพบเห็นท่ามกลางฝูงชน
ทำอย่างไรดีนางควรอธิบายอย่างไร?
“จือฉี? เฟยซื่อกลัวว่าเข้าใจผิดไปแล้ว เป็ไปได้อย่างไรที่ฉีเอ๋อร์กับสาวรับใช้ของเ้าจะมีอะไรกัน?” นางแซ่โหยวฝืนฉีกรอยยิ้มออกมา
เพียงเห็นซูเฟยซื่อเลิกคิ้วอย่างเข้าใจ“ข้าก็รู้สึกว่าเป็ไปไม่ได้ แต่ป้ารู้ได้อย่างไรว่าจือฉีเป็สาวรับใช้ของข้าได้ล่ะเ้าคะ?”
“นี่...ก่อนหน้านั้นขณะที่ป้ามาที่จวนอัครมหาเสนาบดีเคยเห็นหน้าครั้งหนึ่งเป็อย่างไร ฟังจากน้ำเสียงเฟยซื่อนี่ไม่เชื่อป้าหรือ?” เห็นว่าอธิบายไม่ได้นางแซ่โหยวชิงลงมือก่อนเสียเลย
ว่าอย่างไรนางแซ่โหยวก็เป็ผู้าุโของซูเฟยซื่อ แต่ตอนนี้มีญาติชั้นขุนนางผู้สูงศักดิ์มากมายอยู่ในเหตุการณ์ถ้าครอบหมวกเื่ที่นางพูดจาไม่เคารพผู้ใหญ่ใบหนึ่งให้นาง แม้ว่าจะไม่ร้ายแรง แต่ท้ายสุดก็มีผลต่อชื่อเสียงของซูเฟยซื่อ
ซูเฟยซื่อไม่ได้กระวนกระวายด้วยยิ้มเบาๆ ทันที “เป็ไปได้อย่างไร? เฟยซื่อเพียงสงสัยว่าหญิงสาวครอบครัวไหนสามารถได้รับความโปรดปรานของญาติผู้พี่ต่างใส่กุญแจคล้องใจแล้ว สันนิษฐานว่างานสมรสไม่ไกลแล้วนะเ้าคะ ขอแสดงความยินดีกับญาติผู้พี่และท่านป้าแล้วเ้าค่ะ”
วันสมรสหรือ? หน้าของนางแซ่โหยวดิ่งวูบอย่างอดไม่ได้นางไม่เคยคิดให้จือฉีสมรสเข้าบ้านตระกูลหลี่มาก่อน
ถึงแม้ว่าหลี่ฉีจะอายุสิบเก้าปีแล้วยังไม่มีคู่สมรสแต่ดีร้ายอย่างไรเขาเป็คุณชายคนโตของตระกูลหลี่ สมรสสาวรับใช้คนหนึ่งกลับมาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนกัน
“สาวเ้าที่ไหนกันฉีเอ๋อร์ไอ้เ้าลูกคนนี้ไม่รู้เื่ เห็นว่าสวยดีก็ใส่ไปมั่ว” นางแซ่โหยวกล่าวจบรีบถอดดึงเอากุญแจคล้องใจบนร่างหลี่ฉีออกมา
กำลังจะขว้างทิ้งซูเฟยซื่อกลับออกปากอย่างเสียดาย “ข้าดูไปแล้ว กุญแจคล้องใจนี่สีสันไม่เลวไม่รู้ว่าท่านป้าจะให้เฟยซื่อดูเสียหน่อยได้ไหมเ้าคะ”
ดูหรือ?ใครจะรู้ว่าในใจซูเฟยซื่อกำลังคิดวางแผนอะไรอยู่อีก!
ในใจนางแซ่โหยวมีความไม่เต็มใจนับหมื่นแต่ก็เพียงให้ซูเฟยซื่อดู ถ้าปฏิเสธไยมิใช่เห็นตนเป็คนใจแคบเกินไปหรือ?
จนใจแล้วนางทำได้แต่ยิ้มพลางส่งกุญแจคล้องใจไปให้ “ย่อมได้”
ประกายแสงในดวงตาซูเฟยซื่อไหววูบทันทีรับเอากุญแจคล้องใจมาเล่น พลันคิ้วขมวดขึ้นมาแล้ว“นี่...นี่เป็กุญแจคล้องใจที่ไม่กี่วันก่อนข้าให้จือฉีเป็รางวัลเมื่อครู่ยังคิดว่าแค่คล้ายกัน คิดไม่ถึงว่าลูบคลำไปครายิ่งรู้สึกว่าใช่”
สีหน้านางแซ่โหยวเปลี่ยนไป“เฟยซื่อ เ้าอย่าพูดเหลวไหล กุญแจคล้องใจล้วนไม่ต่างกันมาก เ้ามั่นใจได้อย่างไรว่านี่เป็ของเ้า”
“ก็อาศัยสิ่งนี้”ซูเฟยซื่อพลิกกุญแจคล้องใจกลับมา มองอย่างถี่ถ้วนทันที ก็เห็นบนนั้นมีตัวอักษร“เฟย” ตัวหนึ่งแล้วจริงๆ “ของข้าทุกอย่างล้วนสลักชื่อของข้าไว้กุญแจคล้องใจนี่ก็มีด้วย ไม่ใช่ของข้า ยังสามารถเป็ของใครได้อีกเ้าคะ?”
นี่ก็เป็สิ่งที่นางได้ให้คนสลักไว้ตั้งนานแล้วเพราะสลักไว้ขนาดเล็ก ทั้งสลักไว้ในสถานที่ที่ซ่อนอยู่ไม่ดูให้รอบคอบก็ดูไม่ออกโดยสิ้นเชิง
“นี่...”นางแซ่โหยวเป็ใบ้ไร้วาจาในทันใด
บนกุญแจคล้องใจนี่ทำไมมีตัวอักษร“เฟย” ของซูเฟยซื่อได้?
หรือว่าทุกสิ่งนี้ต่างเป็สิ่งที่ซูเฟยซื่อจัดเตรียมไว้?
ไม่เป็ไปไม่ได้ ซูเฟยซื่อไม่ได้รู้เื่ของนางกับจือฉีทั้งสิ้นเป็ไปได้อย่างไรที่สามารถเตรียมการเหล่านี้ล่วงหน้าได้อีก
นั่น...ต้องเป็จือฉีคิดรีบร้อนสมรสเข้าตระกูลหลี่ จึงได้เกิดความผิดพลาดแบบนี้ออกมา
ทั้งหมดต้องโทษจือฉีนังหนูนั่นสาวรับใช้ก็ใช้ไม่ได้
ในใจนางแซ่โหยวแอบด่าตัดสินใจจะผลักเื่ทุกอย่างไปไว้บนร่างจือฉี“ในเมื่อเ้าบอกว่าของสิ่งนี้เป็ของที่ให้จือฉี ถ้าเช่นนั้นให้จือฉีมาอธิบายคราหนึ่งอาจเป็จือฉีรู้สึกว่าของสิ่งนี้มีค่าเอาไปขาย แล้วถูกฉีเอ๋อร์ไปซื้อมาได้ก็มีความเป็ไปได้ด้วยเหมือนกัน”
อืมเหตุผลกระท่อนกระแท่นแบบนี้ยังพูดออกมาได้ ดูท่านางแซ่โหยวจะจนคำพูดไปแล้ว
ซูเฟยซื่อหัวเราะอย่างเ็าในใจที่หัวเราะไม่ใช่นางแซ่โหยวจนคำพูด แต่เป็เพราะสิ่งที่นาง้าก็คือคำพูดนี้ของนางแซ่โหยว
“เ้าไปตามจือฉีมา นังหนูคนนี้กล้าดีอย่างไรเอาของที่ข้าให้เป็รางวัลแก่นางไปขายทำให้ข้าเข้าใจญาติผู้พี่ผิด สมควรตายจริงๆ” ซูเฟยซื่อกล่าวจบส่งสายตาหนึ่งซึ่งมิอาจเป็ที่สังเกตได้ให้ซางจื่อ ซางจื่อเข้าใจ รีบถอยออกไปทันที
หลังจากนั้นไม่นานสวนบุปผชาติอีกด้านหนึ่งจู่ๆ ก็มีเสียงกรีดร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังมา “โอ้จือฉี...จือฉี...”
“เกิดเื่อะไรขึ้น?” ซูเต๋อเหยียนลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเคร่งเครียด
เมื่อเร็วๆนี้จวนอัครมหาเสนาบดีเกิดเื่มากมายเกินไปแล้ว วันนี้ยากที่จะได้จัดงานรื่นเริงครั้งหนึ่งต้องไม่ให้เกิดเื่ขึ้นอีกเด็ดขาดมิฉะนั้นวันข้างหน้าเขาผู้เป็อัครมหาเสนาบดีคนนี้ ยังพบผู้คนได้อีกหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้