บทที่ 24 ของขวัญตอบแทน กับความใของมหาปราชญ์พันร่าง
ในยามรุ่งอรุณ
หลี่โม่ตื่นขึ้นอย่างสดชื่นและกระปรี้กระเปร่า แม้จะหลับไปเพียงสองชั่วยาม เขาก็ยังรู้สึกเปี่ยมล้นไปด้วยพลังงานและความมีชีวิตชีวา เมื่อคืน เขาทุ่มเทฝึกวิชาจนดึกดื่น และผลลัพธ์ก็คือ เส้นชีพจรเส้นที่สามจวนจะเปิดเส้นชีพจรสำเร็จแล้ว ไม่ต้องพูดถึงสิ่งอื่นใด เพียงแค่พละกำลังของเขาก็เพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
เขาค้นพบความจริงข้อนี้ในยามที่เผลอบีบตะเกียบหักไปโดยไม่ตั้งใจ ขณะกำลังทำอาหารเช้า
“ยัยก้อนน้ำแข็งยังคงฝึกอยู่หรือ?” หลี่โม่พึมพำกับตัวเอง “ขยันเสียจริง ไม่น่าแปลกใจที่นางจะได้เป็ถึงลิขิตฟ้าสีแดง”
หลี่โม่นำอาหารเช้าใส่ลงในลังถึง เพียงก่อไฟอุ่นๆ ก็พร้อมรับประทานได้ทันที นี่เป็เพียงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่เขาใส่ใจ แต่ไม่ใช่เื่ล้อเล่นเลย! เพราะ‘ยัยก้อนน้ำแข็ง’ กำลังจะมากินอาหารเช้าของเขาอยู่นะ! นี่มันเงินลงทุนอันล้ำค่าที่ได้มาจากความพยายามล้วนๆ เลย! ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยระดับ 'ลิขิตฟ้า' ของ 'ยัยก้อนน้ำแข็ง' นางอาจจะมอบความประหลาดใจแก่เขาได้อีกก็เป็ได้
“รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ คือสิ่งที่ตัดสินความสำเร็จ ข้าช่างเป็อัจฉริยะด้านการลงทุนเสียจริง” หลี่โม่กล่าวชมเชยตนเองด้วยความยินดี
ในยามนี้ เื่เงินทองสำหรับเขาแล้ว...เพียงแค่ในมิติของระบบ เขาก็มีทองคำถึงห้าพันตำลึง และยังมีข้าวของล้ำค่าหายากอีกมากมาย ซึ่งไม่แน่ว่าในอนาคตอาจมีโอกาสได้ใช้ประโยชน์ นักลงทุนที่ประสบความสำเร็จอย่างแท้จริง ต้องเข้าใจสัจธรรมที่ว่า ‘ขาของยุงก็คือเนื้อ’ อันหมายถึงการไม่ควรมองข้ามสิ่งเล็กน้อยนั่นแหละ!
“่เช้านี้คงต้องไปที่ถ้ำเทพศาสตรา เพื่อฝึกฝนกายาศาสตราสังหารเสียแล้ว” หลี่โม่ครุ่นคิดในใจ เขาเชื่อว่าร่างกายที่แข็งแกร่งนั้นมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าระดับพลังเลย แม้ว่าหลี่โม่จะตั้งมั่นที่จะเป็จอมยุทธ์ดาบก็ตาม แต่ใครเล่าจะกล่าวได้ว่าจอมยุทธ์ดาบจะไม่สามารถสวมใส่เกราะป้องกันอันแข็งแกร่งได้?
ยิ่งไปกว่านั้น กายาศาสตราสังหารยังสามารถเพิ่มความเชื่อมโยงกับศาสตราวุธได้ หากในภายภาคหน้าเขามีดาบที่ดี ก็จะสามารถปลดปล่อยพลังของวิชาดาบได้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปอีก
หลี่โม่เพิ่งก้าวพ้นประตูออกมา ยังไม่ทันเดินไปได้ไกลนัก เขาก็พบเงาร่างที่คุ้นเคยเดินสวนทางมา นั่นคือเซียวฉิน
ในยามนี้ แม้เสื้อคลุมของเขายังคงเป็ชุดสีเทาของศิษย์ชั้นนอก แต่สภาพจิตใจของเขากลับดีขึ้นมาก ราวกับได้ปัดเป่าเมฆหมอกทมิฬออกไปจนสิ้น เขาพร้อมที่จะยืนหยัดอย่างภาคภูมิใจในฐานะศิษย์ชั้นใน ยิ่งไปกว่านั้น พลังปราณบนร่างของเซียวฉินก็แข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนมากนัก
“ศิษย์น้องหลี่”
เซียวฉินเห็นได้ชัดว่ามายืนรออยู่ที่หน้าศาลาชิวสุ่ยได้พักใหญ่แล้ว เมื่อเห็นหลี่โม่ก้าวออกมาจากประตู เขาก็หัวเราะเสียงก้องด้วยพลังเต็มเปี่ยม
“ต้องขอบคุณเ้ามากนัก ตอนนี้ข้ากลับมาสู่ขั้นปราณโลหิตสิบเส้นชีพจรแล้ว”
“ต้องขอแสดงความยินดีกับศิษย์พี่เซียวด้วยนะขอรับ” หลี่โม่ไม่ได้แปลกใจกับเื่นี้เลยแม้แต่น้อย ในใจก็รู้สึกยินดีเป็อย่างยิ่ง ศิษย์พี่เซียวเป็คนดี การที่เขาไม่ต้องเสียเวลาไปอย่างไร้ค่า และได้กลับมาสู่เส้นทางแห่งความรุ่งโรจน์อีกครั้ง ถือเป็เื่น่ายินดี
“ต้องขอบคุณศิษย์น้อง” เซียวฉินส่ายหน้า กล่าวอย่างจริงใจ
“หากไม่ใช่เพราะหยกทมิฬเม็ดนั้นของศิษย์น้อง เกรงว่าข้าคงต้องเสียเวลาไปอีกนาน นี่คือน้ำใจที่สร้างชีวิตใหม่ให้ข้าเลยนะ”
“ฟื้นคืนมาได้ก็ดีแล้วขอรับ หากเป็เช่นนี้ต่อไป ศิษย์พี่ก็จะกลับสู่ศิษย์ชั้นในได้ในไม่ช้า” หลี่โม่ชมเชยหนึ่งประโยคอย่างไม่สงสัย คาดว่าศิษย์พี่เซียว น่าจะเปิดใช้งานหยกโบราณเจ็ดดาราแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าภายในนั้นคือการสืบทอดมรดกของยอดฝีมือ, หรือว่าจะเป็... ตัวยอดฝีมือเองนะ?
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเป็แบบไหน ความสำเร็จในอนาคตของเซียวฉินก็จะไม่ต่ำอย่างแน่นอน
ในขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น ทันใดนั้น หลี่โม่ก็รู้สึกถึงบางอย่าง
มีใครบางคนกำลังสอดแนมเขาอยู่?
หลี่โม่คิดทบทวนในใจ แล้วก็ตอบสนองได้อย่างเป็ธรรมชาติ หรือว่า... คือท่านอาจารย์ของเซียวฉิน?
“น้ำใจของศิษย์น้องที่ช่วยเหลือยามยาก ข้าไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรจริงๆ”
“่นี้ข้ามีโชคดีบางอย่าง และได้ผู้าุโท่านหนึ่งมอบเครื่องรางป้องกันตัวให้”
เซียวฉินล้วงถุงผ้าไหมสีทองออกมาจากแขนเสื้อ รูปแบบของถุงผ้าไหมนั้นเห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ของยุคสมัยนี้ วัสดุก็ไม่ใช่เส้นด้ายทองคำธรรมดา แม้จะอยู่ห่างออกไป ก็ยังรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นที่สงบและอ่อนโยน อืม ข้อเสียเพียงอย่างเดียวคือ ถุงผ้าไหมนั้นร้อยด้วยเชือกป่าน
“ข้างในนี้บรรจุขนนกที่หลงเหลือจากสัตว์วิเศษซึ่งมีสายเืแข็งแกร่ง มันสามารถต้านทานสิ่งชั่วร้าย และบำรุงร่างกายได้”
“ของดีขนาดนี้ ศิษย์พี่เซียวก็้าไม่ใช่หรือขอรับ?” หลี่โม่พอจะรู้แล้วว่าผู้าุโที่ศิษย์พี่เซียวพูดถึงคือใคร ดูท่าจะได้เจอท่านอาจารย์จริงๆ สินะ ไม่น่าแปลกใจที่จะสามารถนำเครื่องรางป้องกันตัวอันล้ำค่าเช่นนี้ออกมาได้
“สำหรับข้าแล้ว ประโยชน์ใช้สอยก็ไม่มากเท่าไหร่”
“ศิษย์น้องโปรดอย่าได้ปฏิเสธเลย” เซียวฉินเห็นเขาลังเล จึงรีบกล่าว
หลี่โม่เข้าใจในใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงออกทางสีหน้า ยิ้มพลางรับถุงผ้าไหมมา
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็จะไม่เกรงใจแล้วนะขอรับ ขอบคุณศิษย์พี่เซียว”
ของป้องกันตัวนั้น ยิ่งมีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี ตอนนี้เขาฝึกกายาศาสตราสังหาร การป้องกันร่างกายในอนาคตจะต้องแข็งแกร่งอย่างแน่นอน พูดง่ายๆ คือการป้องกันทางกายภาพสูงมาก แต่เมื่อเจอ ‘ความเสียหายทางวิชาคาถา’ ก็อาจจนปัญญาได้ ถุงผ้าไหมนี้จึงช่วยเติมเต็มจุดด้อยด้านนี้ได้พอดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกลอบทำร้ายด้วยวิธีการแปลกๆ ลงทุนครั้งเดียว ได้ผลตอบแทนสองเท่า
อิ๋งปิงที่ฟังอยู่ในห้องเกิดความฉงน“?”
“ศิษย์น้องใช้ร่วมกันเถิด” เซียวฉินยิ้มอย่างโล่งใจ เขาเกรงว่าศิษย์น้องหลี่จะปฏิเสธไม่ยอมรับ
“ศิษย์น้อง ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนนะขอรับ ข้ายังมีเื่บางอย่างที่ต้องจัดการ” เซียวฉินโบกมือ ในยามนี้ อาจารย์ของเขายังคงอ่อนแออย่างมาก และ้าสมุนไพรกับสมบัติที่ช่วยฟื้นฟูิญญาอย่างเร่งด่วน เขาต้องหาวิธีค้นหาสิ่งเ่าั้ให้ได้ แม้จะรู้ว่าสิ่งเ่าั้ล้วนมีราคาแพงลิบลิ่ว แต่ก็ควรจะลองสืบดูก่อนว่าสามารถหาได้จากที่ใด
“ศิษย์พี่เชิญ” หลี่โม่พยักหน้า เมื่อสวมถุงผ้าไหมแล้ว เขาก็ััได้ถึงความอบอุ่นบางเบาในทันที
แอ๊ด—
เสียงดังมาจากด้านหลัง คืออิ๋งปิงเปิดหน้าต่างเพื่อระบายอากาศ ก้อนน้ำแข็งที่เกาะอยู่บนหน้าต่างร่วงลงสู่พื้น แตกกระจายออกเป็เสี่ยงๆ
ระหว่างทางลงเขา
ฝีเท้าของเซียวฉินเบาลงมาก แต่ยังไม่ทันเดินไปได้ไกลนัก เสียงของมหาปราชญ์พันร่างก็ดังขึ้นในจิตสำนึกของเขา
“พร์เช่นนี้... พร์เช่นนี้... ช่างโดดเด่นเหนือยุคสมัยจริงๆ!”
น้ำเสียงเต็มไปด้วยความตกตะลึง และยังได้ยินถึงความหวาดหวั่นอีกด้วย ยอดฝีมือท่านนี้ที่เคยกล่าวว่าเ้าสำนักแคว้นจื่อหยางก็เป็แค่สิ่งมีชีวิตเล็กๆ น้อยๆ เห็นได้ชัดว่าเสียอาการไปแล้ว
“อาจารย์?” เซียวฉินอดไม่ได้ที่จะตะลึงงัน หยุดฝีเท้าลง แล้วเอ่ยปากถามโดยสัญชาตญาณ
“อาจารย์หมายความว่า พร์ของศิษย์น้องหลี่แข็งแกร่งมากหรือขอรับ?”
“ไม่! ไม่ใช่เขา! แต่เป็เด็กสาวผู้นั้น!” เสียงของชายชราดูเหมือนจะยังไม่สามารถสงบจิตใจลงได้ในตอนนี้
“เด็กสาว?” เซียวฉินครุ่นคิดเล็กน้อย แล้วพยักหน้ากล่าว
“โอ้ อาจารย์พูดถึงศิษย์น้องอิ๋งปิงนี่เอง ได้ยินมาว่านางกับศิษย์น้องหลี่เป็เพื่อนสมัยเด็ก เติบโตมาด้วยกัน และยังเป็ศิษย์สายตรงทั้งคู่”
“ในอนาคต พวกเขาทั้งสองคงจะก้าวหน้าไปพร้อมกัน ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างเื่ราวดีๆ ได้ก็เป็ได้...” ศิษย์พี่เซียวเผยรอยยิ้มอย่างผู้าุโปนอิจฉาเล็กน้อย
“ก้าวหน้าไปพร้อมกัน?” มหาปราชญ์พันร่างถอนหายใจแ่เบา พลางกล่าวว่า
“ศิษย์เอ๋ย เ้าไม่รู้เลยว่านางแบกรับอะไรไว้บนบ่า คนเช่นนางล้วนถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกับโชคชะตาที่ลิขิตฟ้า”
“ส่วนศิษย์น้องหลี่ของเ้า โดยกำเนิดแล้วก็ถือว่าสมบูรณ์แบบมาก หากอยู่ในสถานที่เล็กๆ อย่างแคว้นจื่อหยาง ก็ถือว่าเป็ผู้ที่โดดเด่นเหนือใคร แต่ก็ถูกจำกัดอยู่แค่เพียงแคว้นจื่อหยางเท่านั้นแหละ”
“เด็กสาวผู้นั้น บางทีในอนาคตของเก้า์สิบดินแดน อาจจะเปล่งประกายเจิดจรัสเลยก็เป็ได้”
“ไม่คิดเลยว่าหลังจากข้าได้ปลดปล่อยพลังเทพแล้ว ยังจะมีวาสนาได้เห็นการกำเนิดของยอดฝีมือเช่นนี้ในยามที่ยังอ่อนด้อยอยู่...”
เซียวฉินฟังแล้วงงงวยไปหมด เมื่อวานอาจารย์ยังวางท่าเป็ยอดคนผู้หยิ่งผยองเหนือโลกอยู่เลย ไฉนทัศนคติถึงได้เปลี่ยนไปรวดเร็วถึงเพียงนี้? ช่างพลิกผันเสียจริง…
“แต่ท่านอาจารย์ ท่านเพิ่งกล่าวเมื่อวานนี้เองว่า อย่าให้ข้าน้อยประเมินตนเองต่ำไปนะขอรับ”
“อืม หากเ้าสามารถบรรลุถึงระดับที่ข้าเคยเป็ได้ บางทีอาจจะมีวาสนาได้เห็นนางทะยานสู่เก้า์” มหาปราชญ์พันร่างกล่าวด้วยน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกราวกับว่าการได้เป็เพียงผู้เฝ้ามอง ก็เป็เื่ที่น่าภาคภูมิใจอย่างยิ่งแล้ว ขนนกเพลิงที่เขามอบให้เซียวฉิน และเซียวฉินได้ส่งต่อให้หลี่โม่นั้น มาจากสหายหญิงคนสนิทของเขา หากไม่คุ้นเคยกัน เขาคงไม่สามารถรับรู้ได้ชัดเจนถึงเพียงนี้
“???” เซียวฉินรู้สึกงุนงงไปหมด เขาไม่เคยแม้แต่จะออกจากแคว้นจื่อหยางด้วยซ้ำ นับประสาอะไรกับแดนบูรพา หรือแม้แต่เก้า์สิบดินแดนที่อยู่ภายนอก เขาไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งเ่าั้มีความหมายอย่างไร
มหาปราชญ์พันร่างกล่าวเสริมว่า
“สำหรับแคว้นจื่อหยางแล้ว สำนักชิงเยวียนคือสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แต่เมื่ออยู่ในแดนบูรพา ก็ไม่ถือว่าเป็อะไรเลย สิ่งที่ข้าช่วยเ้าได้ก็คือ ทำให้เ้ามีคุณสมบัติที่จะได้เห็นความกว้างใหญ่ของโลกเท่านั้น”
“เด็กสาวผู้นั้น ในอนาคตอาจจะมีชื่ออยู่ในตำนานของเก้า์สิบดินแดน”
“ส่วนความแตกต่างระหว่างสิ่งเหล่านี้ เ้าจะเข้าใจได้เองในภายหลัง”
เสียงของชายชราชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า
“เมื่อมีัผงาด ปลาในหนองก็พลอยได้อานิสงส์”
“ในเมื่อหลี่โม่มีความสัมพันธ์ฉันเพื่อนสมัยเด็กกับอิ๋งปิง ความสำเร็จในอนาคตของเขาก็จะไม่ต่ำอย่างแน่นอน พูดง่ายๆ คือเขาจะไม่ด้อยไปกว่าเ้าอย่างแน่นอน คบหาเขาไว้ให้มากเถิด”
ทัศนคติของมหาปราชญ์พันร่างได้เปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว จากการอุปถัมภ์กลายเป็การแนะนำให้คบหาไว้ให้มาก และการเปลี่ยนแปลงนี้ เกิดขึ้นเพราะศิษย์น้องอิ๋งปิงเท่านั้นหรือ?
“ข้ากับศิษย์น้องหลี่มีความคิดตรงกัน เขาคือสหายคนแรกของข้าเลยนะขอรับ” รอยยิ้มของเซียวฉินเต็มไปด้วยความสบายใจ ในเมื่อเป็สหายกันแล้ว จะต้องคิดมากไปไย?
“เ้ามีจิตใจที่ดีเช่นนี้เชียว”
“หวังว่าเ้าจะรักษาจิตใจแรกเริ่มนี้ไว้ได้นะ ฮ่าฮ่าฮ่า” ชายชราก็อดไม่ได้ที่จะถูกรอยยิ้มของเขาดึงดูดไปด้วย แต่แล้ว ก็ดูเหมือนเป็เพราะพูดมากเกินไป เสียงของเขาก็พลันเลือนรางลงไปเล็กน้อย
“หวังว่าวันนี้จะเจอของวิเศษที่เป็ประโยชน์ต่อดวงิญญานะ” ฝีเท้าของเซียวฉินที่กำลังลงเขาเร็วขึ้นเล็กน้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้