ขณะเดียวกันผู้คนก็สังเกตเห็นถึงการมีอยู่ของชายชราแล้วเช่นกัน จึงอดใไม่ได้
“ชายชราคนนี้เป็ใครกัน? ไม่คิดว่าจะโผล่มาเงียบ ๆ ทั้งยังมีม่านแสงคุ้มกันที่หยุดยั้งฝ่ามือของผู้าุโเฉียนได้อีกด้วย พลังนี้ช่างลึกลับคาดเดาไม่ได้เลยจริง ๆ !” ผู้คนเห็นชายชราผู้นี้ต่างก็เริ่มคาดเดาตัวตนของเขา
จ้าวซินอี๋ ฉินเยียนหราน ฉินเจิ้นถิง และเหล่าผู้ฝึกยุทธ์สำนักยุทธ์เทียนเสวียนต่างก็ถอนใจอย่างโล่งอก แต่ผู้าุโเฉียนกลับหน้าเปลี่ยนสี เขามองตบะของชายชราผู้นี้ไม่ออก อีกอย่างในระดับเดียวกันก็แทบไม่มีใครอาศัยม่านแสงคุ้มกันหยุดยั้งการโจมตีของเขาได้ ดังนั้นตบะของชายชราผู้นี้อาจจะเหนือกว่าเขา เย่เฟิงมีผู้ฝึกยุทธ์แกร่งเช่นนี้คอยปกป้องเช่นนี้ ทำผู้าุโเฉียนไม่ชอบใจอย่างมาก “ในเมื่อเด็กคนนี้คือศิษย์ของท่าน เช่นนั้นข้าจะปล่อยเขาไป”
“พลังของชายชราผู้นี้ลึกลับคาดเดายาก แม้แต่ผู้าุโเฉียนก็ยังวางมือไม่ไล่ตามเย่เฟิงต่อ!” ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่งคิดในใจ ด้วยฐานะของผู้าุโเฉียน ผู้คนในที่แห่งนี้ต่างเคารพนับถือ บัดนี้เขาเลือกที่จะปล่อยเย่เฟิงเพียงเพราะคำพูดของชายชราคนหนึ่ง นี่พิสูจน์แล้วว่าพลังของชายชราแข็งแกร่งเพียงใด
“หยุดเดี๋ยวนี้!” ขณะที่ผู้าุโเฉียนจะหมุนตัวเดินออกไป กลับมีเสียงเย็นเยือกดังมาจากข้างหลังเขา ทำผู้าุโเฉียนหยุดชะงักและขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะหันไปแล้วกล่าวว่า “ท่านมีธุระใดอีกหรือ?”
“เ้าเป็ถึงผู้าุโสำนักชิงอวิ๋น มีฐานะสูงส่ง แต่กลับเคียดแค้นและยุยงเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ให้ลงมือจัดการเย่เฟิง เพียงเพราะเย่เฟิงปฏิเสธเข้าร่วมสำนักชิงอวิ๋น พอล้มเหลวก็ลงมือด้วยตัวเองอย่างโจ่งแจ้งโดยไม่คำนึงถึงฐานะของตน บัดนี้อยากจะไปก็เดินจากไปเช่นนี้ ในโลกนี้มีเื่ที่ง่ายดายเพียงนี้ด้วยหรือ?” ชายชราหรี่ตาที่แฝงไปด้วยความเย็นเยียบลงเล็กน้อย
“เช่นนั้นท่าน้าสิ่งใด?” ผู้าุโเฉียนได้ยินเช่นนั้นก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ เขาคือผู้าุโสำนักชิงอวิ๋น เขาไม่ไล่ตามเย่เฟิงต่อก็ถือว่าเป็การไว้หน้าชายชราผู้นี้แล้ว หากชายชราร้องขอในสิ่งที่เป็ไปไม่ได้ เช่นนั้นเขาคงปล่อยไปไม่ได้
“ตบปากตัวเองแล้วคุกเข่าขอโทษเย่เฟิง ข้าจะถือว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น!” ชายชรากล่าว
“อะไรนะ?” ผู้คนได้ยินเช่นนั้นต่างก็ตื่นใและมองชายชราด้วยสายตาเหลือเชื่อ แต่ก็มีหลายคนเผยสีหน้าดูแคลน ผู้าุโเฉียนคือผู้าุโสายในของสำนักชิงอวิ๋น มีฐานะสูงส่ง จะให้ตบปากตัวเองและคุกเข่าขอโทษเพื่อเด็กรุ่นหลังได้อย่างไร? แม้ชายชราผู้นี้จะแข็งแกร่ง แต่คำพูดของเขาจะไม่เกินไปหน่อยหรือ?
“ฮ่า ๆ ๆ!” ผู้าุโเฉียนได้ยินคำพูดของชายชราก็ะเิหัวเราะออกมา จากนั้นมองชายชราด้วยสายตาดูแคลนอย่างไม่ปกปิดใด ๆ “ข้าเห็นว่าท่านเป็คนเก่งมากฝีมือ จึงไม่อยากสร้างปัญหาและปล่อยเย่เฟิงไป แต่ไม่คิดว่าท่านจะพูดจาน่าขบขันเช่นนี้ ให้ข้าตบปากแล้วคุกเข่าขอโทษคนรุ่นหลังเนี่ยนะ ท่านคิดว่าข้าจะทำอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าพูดแค่ครั้งเดียว แต่จะทำหรือไม่ก็เป็เื่ของเ้า” ชายชรากล่าวเสียงนิ่งเรียบพลางยิ้มอย่างไม่สบอารมณ์
“ไม่เคยมีใครคุกคามข้าได้ ข้าขอตัวลา!” ผู้าุโเฉียนแค่นเสียงเ็า จากนั้นสะบัดแขนเสื้อและเดินออกไปทันที
“เพียะ!” ทว่าผู้าุโเฉียนยังเดินไปเพียงไม่กี่ก้าว ก็มีฝ่ามือใหญ่โผล่ออกมาจากความว่างเปล่าแล้วตบหน้าเขา จนเขาหน้าหันและไม่รู้ว่ามีฟันกี่ซี่ที่หลุดออกมา เมื่อเขา้าจะกล่าวบางอย่าง จู่ ๆ ความเจ็บก็แล่นเข้ามา จึงอดร้องเสียงหลงไม่ได้
“เ้ากล้าดียังไงมาตบหน้าข้า ข้าจะทำให้เ้าต้องตายทั้งเป็!” ผู้าุโเฉียนะเิโทสะ เขาเป็ถึงผู้าุโสายในแห่งสำนักชิงอวิ๋น แต่กลับถูกคนอื่นตบหน้าอย่างโจ่งแจ้ง ช่างอับอายขายหน้ายิ่งนัก แต่เมื่อเขาขยับตัว กลับรู้สึกถึงฝ่ามือที่มีพลังไร้เทียมทานจากฟากฟ้าพุ่งลงมาหาเขา ผู้าุโเฉียนจึงถูกฝ่ามือั์นั้นอัดกระแทกกับเวทีประลอง เขาพยายามดิ้นรนอยู่อย่างนั้นไปเรื่อย ๆ แต่กลับพบว่าพลังของตนมิอาจสั่นคลอนฝ่ามือนั้นได้เลย
“ชายชราคนนี้แกร่งมาก ไม่นึกว่าผู้าุโเฉียนที่อยู่จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้จะเปราะบางเมื่ออยู่ต่อหน้าคนผู้นี้ เช่นนั้นตบะของชายชราคนนี้อยู่ระดับไหนกันแน่ ช่างคาดเดาได้ยากเสียจริง!” เหล่าผู้คนหรือแม้แต่ยอดฝีมือบางคนเห็นฉากนี้ต่างก็ตกตะลึงเช่นนั้น
“ขั้นยุทธ์เทวะ เขาคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ ร้ายกาจมาก!” ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้คนหนึ่งคาดเดาตบะของชายชรา ก่อนจะอุทานออกมาด้วยความใ
ณ อาณาจักรจ้าว ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ถือว่าอยู่ยอดพีระมิดที่สูงที่สุด คนผู้นั้นจะสามารถก่อตั้งตระกูลหรือกองกำลังและรับลูกศิษย์จากทั่วสารทิศ จนกลายเป็ปรมาจารย์มากฝีมือ ในขณะเดียวกันก็ยังเป็ผู้ฝึกยุทธ์ชั้นยอดที่มีอำนาจสูงสุดและแกร่งสุดในอาณาจักรจ้าว แต่ขั้นยุทธ์เทวะเป็เพียงตำนานเท่านั้น ในอาณาจักรจ้าวมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะไม่เกินห้าคน พวกเขาล้วนเป็ยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่ที่พบเห็นได้ยากยิ่ง ส่วนใหญ่ไม่ยุ่งเื่ทางโลก มีเพียงบำเพ็ญตบะเท่านั้น
มีข่าวลือต่าง ๆ นานาว่าผู้เฒ่ามู่ก็ถึงระดับนี้แล้วเช่นกัน ดังนั้นผู้คนจึงยกย่องและเลื่อมใสศรัทธาเขา ส่วนสาเหตุที่ตระกูลมู่เจริญรุ่งเรืองมาหลายปีก็เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของผู้เฒ่ามู่ เห็นชัดว่าการมีผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะจะทำให้ตระกูลหรือกองกำลังของตนเจริญรุ่งเรืองอย่างไร้ขีดจำกัด
“ข้าคือผู้าุโสายในแห่งสำนักชิงอวิ๋น เ้าทำเช่นนี้กับข้า สำนักชิงอวิ๋นไม่ปล่อยเ้าไว้แน่ ขอโทษข้าซะ หาไม่แล้วเ้าคงรู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร!” ผู้าุโเฉียนข่มขู่
“แกว่งเท้าหาเสี้ยนเสียจริง จะตายอยู่รอมร่อแล้วก็ยังกล้าใช้สำนักชิงอวิ๋นมาข่มขู่ข้างั้นหรือ?” ชายชราแสยะยิ้ม จากนั้นเห็นฝ่ามือั์นั่นกดทับผู้าุโเฉียนต่อ ทำให้ผู้าุโเฉียนรู้สึกกดดันหลายเท่าอย่างฉับพลันจนหายใจไม่ออก
แรงกดดันนั้นมีมากขึ้นเรื่อย ๆ หากเป็เช่นนี้ต่อไป ผู้าุโเฉียนคงถูกบดขยี้อย่างแน่นอน เมื่อรับรู้ถึงวิกฤตที่ไม่เคยประสบมาก่อน ส่งผลให้ผู้าุโเฉียนได้กลิ่นความตาย จนในที่สุดฝ่ามือั์นั่นก็ทำให้จิตใจที่มุ่งมั่นของผู้าุโเฉียนพังทลายลงอย่างราบคาบ เขารู้ว่าหากเขาไม่ประนีประนอม ชายชราอาจฆ่าเขาจริง ๆ
“ได้โปรดไว้ชีวิต ข้า... ข้าตกลงคุกเข่าขอโทษเย่เฟิง!” ผู้าุโเฉียนวิงวอนชายชรา ตอนนี้เขามีหรือจะห่วงภาพลักษณ์ของตน ชีวิตคือสิ่งสำคัญที่สุด และชายชราตรงหน้าก็เป็คนที่เขามิอาจต่อกรด้วยได้ จากนั้นผู้าุโเฉียนลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก แล้วมองเย่เฟิงด้วยสายตาไม่เต็มใจ เขาตบหน้าตัวเองต่อหน้าสาธารณชน ทุกเสียงที่ดังออกมาทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง นี่น่ะหรือผู้าุโเฉียนแห่งสำนักชิงอวิ๋นผู้สูงส่งคนนั้น?
ต่อหน้าชายชราผู้นี้ ผู้าุโเฉียนกลับเปราะบาง แต่ยิ่งเป็ผู้แข็งแกร่งก็ยิ่งกลัวความตาย ประโยคนี้เป็ความจริงที่สมเหตุสมผล
“ฟึ่บ!” ตอนนั้นเองผู้าุโเฉียนคุกเข่าลงต่อหน้าเย่เฟิง นี่ทำให้เย่เฟิงรู้สึกเกินคาดมาก
“เมื่อครู่ข้าทำผิดไปแล้ว หวังว่าน้องเย่จะให้อภัย!” ผู้าุโเฉียนกล่าว จากนั้นลุกขึ้นยืนแล้วหันไปมองชายชราด้วยท่าทีเกรี้ยวกราด ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ท่านพอใจหรือยัง!”
“นี่เป็เพียงบทลงโทษเล็ก ๆ น้อย ๆ นับจากนี้ไปหากมีผู้ใดกล้ารังแกศิษย์ข้า ก็ต้องผ่านด่านข้าไปให้ได้ก่อน!” ชายชรากวาดตามองผู้าุโเฉียนด้วยสายตาเย็นเยือก แม้เขาจะพูดกับผู้าุโเฉียน แต่ก็เหมือนกล่าวกับทุกคนในที่แห่งนี้ทราบโดยทั่วกัน
เสียงนี้ไม่ดังมาก แต่กลับมีท่วงทำนองไร้ลักษณ์ที่คล้ายเชื่อมโยงกับฟ้าดิน ดังกระหึ่มในหูของผู้คน
“แกร่งมาก ไม่คิดเลยว่าเย่เฟิงคนนี้จะมีอาจารย์เป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ มิน่าพลังของเขาถึงแปลกพิลึก!” ผู้คนต่างตกตะลึงกับพลังของชายชรา ในสายตาของผู้คนนั้น ขั้นยุทธ์เทวะ คือการดำรงอยู่อันสูงสุดที่ยากจะพบเห็น
เหล่าคนที่อยากกำจัดเย่เฟิงได้ยินคำพูดของชายชราต่างก็หยุดความคิดนี้ไว้ทันที ถึงอย่างไรผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะก็มีพลังสยบที่น่าสะพรึงกลัว
ผู้าุโเฉียนเหลือบมองเย่เฟิงด้วยสายตาเย็นเยียบ ก่อนจะเดินออกจากเวทีประลอง วันนี้เขาขายหน้าไปมาก ทั้งยังถูกบีบให้ตบหน้าตัวเองและคุกเข่าขอโทษรุ่นเยาว์ที่อยู่เพียงขั้นรวมชี่ แต่หากเขาไม่ทำเช่นนี้ ความตายมาเยือนเขาแน่นอน เพราะผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะไม่ใช่คนที่เขาจะต่อกรด้วยได้ แต่ถึงอย่างนั้นความเกลียดที่ผู้าุโเฉียนมีต่อเย่เฟิงก็ไม่ได้ลดน้อยลงแม้แต่นิดเดียว กลับกันมีแต่จะเพิ่มมากขึ้น
แม้เขาจะสู้กับผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะไม่ไหว แต่ไม่ได้หมายความว่าสำนักชิงอวิ๋นจะไม่มีวิธีจัดการ ดังนั้นผู้าุโเฉียนจึงตัดสินใจกลับสำนักชิงอวิ๋น เพื่อไปเชิญผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะในสำนักมาจัดการเย่เฟิงและชายชราผู้นั้น
“เ้าหนู ตามข้ามา!” หลังผู้าุโเฉียนออกไป ชายชราก็หันมาพูดกับเย่เฟิงพร้อมรอยยิ้ม
เย่เฟิงกะพริบตาปริบ ๆ ดูเหมือนเขาจะไม่เคยเจอชายชราผู้นี้มาก่อนและไม่รู้ว่าอีกฝ่ายช่วยเขาไว้ทำไม ทั้งยังเรียกเขาว่าเป็ศิษย์ของตนอีกด้วย แต่ในเมื่อชายชราช่วยเขาให้รอดจากเงื้อมมือของผู้าุโเฉียน ก็คงไม่น่าจะมีเจตนาร้ายอะไร
ดังนั้นเย่เฟิงจึงพยักหน้าตอบรับชายชรา จากนั้นเขาทักทายฉินเจิ้นถิง ฉินเยียนหราน จ้าวซินอี๋ และคนอื่น ๆ ก่อนจะตามชายชราไป
สายตาเย็นเยือกหลายคู่มองแผ่นหลังเย่เฟิง เดิมทีพวกเขาคิดว่าวันนี้จะเป็วันตายของเย่เฟิง แต่กลับไม่คิดว่าเย่เฟิงจะมีอาจารย์ที่อยู่ขั้นยุทธ์เทวะมาช่วยไว้
“เป็กงซุนเชียน ผู้โด่งดังแห่งอาณาจักรจ้าวเมื่อร้อยปีก่อน คิดไม่ถึงว่าร้อยปีต่อมากงซุนเชียนจะกลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะแล้ว”
หลังจากเย่เฟิงและชายชราผู้นั้นออกไป จู่ ๆ ผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ที่ค่อนข้างอายุมากคนหนึ่งเอ่ยออกมาด้วยเสียงสั่น เมื่อผู้ฝึกยุทธ์คนอื่น ๆ ที่ค่อนข้างมีอายุได้ยินเช่นนี้ต่างก็ตะลึงงัน พวกเขาล้วนเคยได้ยินชื่อกงซุนเชียน
เมื่อร้อยปีก่อน กงซุนเชียนก็เคยเป็อันดับที่ 1 ของงานชุมนุมหวงปั่ง เวลานั้นถูกเรียกขานว่าเป็อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งอาณาจักรจ้าว มีชื่อเสียงโด่งดัง ต่อมากงซุนเชียนหายตัวเข้ากลีบเมฆโดยไม่ทราบสาเหตุ ในร้อยปีนี้ไม่มีผู้ใดพบเจอเขาเลย ทำให้ผู้คนเริ่มลืมเลือนเขา จนกระทั่งวันนี้ในร้อยปีต่อมา กงซุนเชียนปรากฏตัวอีกครั้ง ทว่าคนรุ่นหลังมีจำนวนน้อยนักที่จะรู้จักเขา บัดนี้เมื่อมีผู้ฝึกยุทธ์จุดสูงสุดของขั้นยุทธ์แท้ที่ค่อนข้างมีอายุคนนั้นเอ่ยถึงกงซุนเชียน ทำให้หลาย ๆ คนจำขึ้นมาได้ในทันที จึงส่งสายตามองแผ่นหลังของกงซุนเชียนด้วยความหวาดหวั่น
“กงซุนเชียนคือใคร ทำไมข้าไม่เคยได้ยินมาก่อน?” ชายหนุ่มอายุ 17-18 ปีคนหนึ่งกล่าวด้วยความสงสัย
“หุบปากไปเสีย! ผู้าุโกงซุนไม่ใช่เด็กรุ่นหลังเช่นเ้าจะเรียกชื่อตรง ๆ ได้ แล้วก็ห้ามไปล่วงเกินผู้าุโกงซุนเด็ดขาด ไม่งั้นตระกูลเราอาจจะเจอหายนะ!” เมื่อผู้าุโในตระกูลของชายผู้นั้นได้ยินคำพูดเขาก็ตำหนิทันที เพราะกลัวว่ากงซุนเชียนจะได้ยินคำพูดของชายหนุ่มและนำหายนะมาสู่ตน
เมื่อร้อยปีก่อน กงซุนเชียนก็คือชายในตำนานแห่งอาณาจักรจ้าว บัดนี้เขากลายเป็ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นยุทธ์เทวะ และปรากฏตัวอีกครั้งในงานชุมนุมหวงปั่งหลังผ่านไปร้อยปี ทั้งยังบีบผู้าุโเฉียนแห่งสำนักชิงอวิ๋นตบหน้าตัวเองและคุกเข่าขอโทษเด็กรุ่นหลัง นี่ก็พิสูจน์ความแข็งแกร่งของเขาได้แล้วไม่ใช่หรือ? เช่นนั้นใครเล่าจะกล้าล่วงเกินผู้าุโกงซุน?
ทุกคนต่างมองกงซุนเชียนและเย่เฟิงเดินจากไป พร้อมในใจมิอาจสงบนิ่งอยู่นาน
งานชุมนุมหวงปั่งครั้งนี้เกินความคาดหมายของใครหลาย ๆ คนไปมาก เพราะไม่มีใครคิดว่างานชุมนุมหวงปั่งจะจบลงด้วยวิธีนี้
ผู้าุโเฉียนออกจากลานประลองราชวงศ์ด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว แม้ว่าเขาจะโดนเย่เฟิงปฏิเสธคำเชิญ แต่เขาก็ยังมีโอวหยางเจินและฉวนเถี่ยจู้ เช่นนั้นเขาก็ไม่ได้กลับไปมือเปล่าแล้ว
ผู้คนเริ่มแยกย้ายพร้อมกับจดจำนามเย่เฟิงไว้ในใจ ขณะเดียวกันการปรากฏตัวของบุคคลในตำนาน อดีตอันดับที่ 1 ของงานชุมนุมหวงปั่งเมื่อร้อยปีก่อน กงซุนเชียนนั้นยังทำให้พวกเขาตกตะลึงเป็อย่างมาก
เย่เฟิงและอาจารย์ของเขาออกไปพร้อมกัน ด้านจ้าวซินอี๋ไม่มีอะไรให้ต้องเป็กังวล นางจึงออกจากลานประลองพร้อมกับจ้าวเยี่ย
“ไม่รู้ว่าเ้าเด็กนี่ไปรู้จักผู้าุโกงซุนได้ยังไง?” ฉินเจิ้นถิงพึมพำกับตัวเองด้วยความสงสัย แน่นอนว่าเมื่อเย่เฟิงปลอดภัย เขาก็ย่อมดีใจเป็ธรรมดา
“องค์ชายใหญ่ ข้าสำนักยุทธ์เทียนเสวียนขอตัวลา!” ฉินเจิ้นถิงหันไปมององค์ชายใหญ่ ก่อนจะกล่าวลาพร้อมโค้งคำนับ แม้ทั้งสองคนจะเป็ปฏิปักษ์ต่อกัน แต่มารยาทพื้นฐานก็เป็สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
“ผู้าุโฉินเดินทางปลอดภัย วันหน้าข้าจ้าวหยางจะไปเยี่ยมเยียนท่านที่สำนัก!” จ้าวหยางกล่าวพร้อมคำนับฉินเจิ้นถิง ในขณะเดียวกันดวงตาก็วาบประกายคมกริบ และคำพูดยังแฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง
เดิมทีวันนี้เขาคิดจะใช้งานชุมนุมหวงปั่งมากำราบสำนักยุทธ์เทียนเสวียน แต่ไม่คาดคิดว่าการจัดการเย่เฟิงเพียงคนเดียวจะทำแผนการของเขาล้มเหลว
