หลังจากที่เฉินเย่เซิงถูกจับตัวเอาไว้ เขาก็นิ่งไป
เหมือนว่าเขาจะพอรู้ตัวแล้วว่าวันนี้จะเป็วันตายของตัวเองแววตาเริ่มหม่นลง เลิกที่จะต่อต้านไปแล้ว
ซ่างกวัยเฟยเองตอนนี้ก็ไร้ซึ่งท่าทีโอหังอวดเบ่งเหมือนก่อนหน้าแล้ว
ใบหน้าของมันเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่นไปหมดน้ำหูน้ำตาไหลเป็หยดๆ ทั้งตัวมันเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อนเย็นๆ จากความกลัว
เขามองไปทางหลิงหยางที่กำลังเดินเข้ามาจากนั้นก็รีบคุกเข่าคลานไปหาหลินหยางไม่ต่างอะไรกับหมาตัวหนึ่งดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองมีโอกาสรอดชีวิตเพิ่มมากขึ้นแม้สักเล็กน้อยก็ยังดี
“หลินอี้ ท่านฟังข้านะ พ่อของข้า ซ่างกวันอวิ๋นเป็เ้าของโรงงานช่างของราชสำนักแห่ง ‘ราชอาณาจักรโล่ยื่อ’ ถ้าท่านไว้ชีวิตข้า เื่ของพวกดาบอำมหิตถือว่าหายกันแล้วข้าจะมอบผลึกิญญาต้นกำเนิดให้อีก 1 ตันเพื่อแลกกับชีวิตข้า...ไว้ชีวิตข้าด้วย!!”
คำพูดของซ่างกวันเฟยทำเอาผู้คนถึงกับอึ้งไป
ตัวตนของมันมีสถานะที่น่าเกรงขามขนาดนั้นเชียว
ราชอาณาจักรโล่ยื่อเป็อาณาจักรที่แข็งแกร่งกว่าอาณาจักรชูอวิ๋นหลายเท่า
ในทวีปชี่อู่แห่งนี้ อาณาจักรจะมีอาณาเขตประมาณหนึ่งล้านลี้ประชากรประมาณร้อยล้านคน แต่ราชอาณาจักรนั้นมีอาณาเขตอย่างต่ำก็สิบล้านลี้แล้วจำนวนประชากรหลักพันล้านคน
ทั้งอำนาจด้านการทหาร ด้านเศรษฐกิจหรือจะเป็ด้านจำนวนยอดฝีมือในปกครองต่างก็แข็งแกร่งจนทิ้งห่างอาณาจักรชูอวิ๋นไปไกลจนไม่เห็นฝุ่น
ซึ่งพ่อของซ่างกวันเฟยก็เป็เ้าของโรงงานช่างของเชื้อพระวงศ์แห่งราชอาณาจักรด้วยสถานะแบบนั้นแทบจะเทียบเคียงกับจักรพรรดิของอาณาจักรชูอวิ๋นได้เลยทีเดียวมิน่าทำไมเ้าซ่างกวันเฟยอายุน้อยๆ แต่กลับมีทักษะด้านการช่างร้ายกาจขนาดนี้แถมยังมียอดฝีมืระดับเซียนเทียนสี่คนเป็องครักษ์ส่วนตัวอีก
ไม่รู้ว่าเ้าเฉินเย่เซิงมันไปข้องเกี่ยวกับบุคคลที่ยิ่งใหญ่ขนาดนั้นได้อย่างไรแต่ในเมื่อซ่างกวันเฟยเอาสถานะของบิดาออกมาอ้างแบบนี้เกรงว่าหลินหยางเองก็คงต้องกลับมาพิจารณาผลได้ผลเสียใหม่อีกครั้ง
แต่การกระทำของหลินหยางนั้นช่างโเี้เ็าและไร้ความรู้สึกเหลือเกิน!!
ผัวะ!!
กร็อบ
ซ่างกวันเฟยเพิ่งพูดจบได้ไม่ทันไรมือซ้ายที่สวมถุงมือเอาไว้ตบเข้าใส่กะโหลกของคุณชายผู้สูงศักดิ์คนนั้นแล้วส่วนกะโหลกปริแตกดังขึ้น ซ่างกวันเฟยมีเืออกจากรูทวารทั้งเจ็ดลูกั์ตาหลุดออกจากเบ้า ก่อนตายมันยังไม่อยากจะเชื่อว่าหลินหยางจะฆ่ามันอย่างเืเย็นได้ขนาดนี้
ความเงียบเข้าปกคลุมจนได้ยินแต่เพียงเสียงลมพัดผ่าน
พวกเขาได้เห็นบุคคลที่สถานะสูงส่งระดับเทียบเท่ากับเ้าชายของอาณาจักรผู้นั้นสิ้นชีพภายใต้เงื้อมมือของหลินหยางอย่างอำมหิตแต่เื่ยังไม่จบพียงเท่านี้
หลินหยางเรียกเอาดาบยาวเล่มหนึ่งออกมาจากแหวนพระสุเมรุจากนั้นก็ยกดาบขึ้นแล้วฟันตัดเอาศรีษะของซ่างกวันเฟยลงมาพร้อมกับโยนมันไปไว้ตรงหน้าชั้นวางป้ายชื่อขนาดใหญ่อันนั้น
“ผู้าุโถัง ผู้าุโหลิ่วชิง พี่น้องทุกท่านนั่นคือตัวที่ห้า...”
ตัวที่ห้า
หลินหยางยังคงนับจำนวนเอาไว้อยู่
จะราชอาณาจักรหรือโรงงานช่างของเชื้อพระวงศ์อะไรนั่นก็ไม่อาจหยุดยั้งการแก้แค้นของเขาได้
ต่อให้ซ่างกวันเฟยจะเป็บุตรของเทวดาบน์หรือทายาทของอสูรจากนรก มันก็ไม่มีทางหนีพ้นความตายได้เด็ดขาด!!
และตัวสุดท้าย
เหลือแค่เฉินเย่เซิงแล้ว!!!!
หวังิชงที่เห็นเจตนาฆ่าคนอันชัดเจนของหลินหยางแล้วก็รีบเปลี่ยนน้ำเสียงกลับมานุ่มนวลทันทีเพราะมันรู้ว่าต่อให้ะโตะคอกจนคอแทบแตกก็ไม่อาจหยุดยั้งหลินหยางได้แน่นอน
“หลินอี้ท่านมอบเฉินเย่เซิงให้พวกเราฝ่ายผู้ดูแลภายในจัดการเถอะ... ข้าขอสัญญาว่าจะจัดการมันตามกฏหมายของอาณาจักรชูอวิ๋นแน่นอน...”
คำพูดแบบนี้มันไร้ค่าไปแล้ว
หลินหยางี้เีเงยหน้าขึ้นมองมันด้วยซ้ำ
เขามองไปทางเฉินเย่เซิงที่สายตาเลื่อนลอยไปแล้ว “เฉินเย่เซิง เ้ายังจำได้ไหมว่าข้าเป็ใคร ?”
เอ๋?
เฉินเย่เซิงไม่รู้ว่าหลินหยางถามคำถามนี้ทำไม จึงได้สติกลับมาทันใดนั้นก็หัวเราะฮ่าฮ่าออกมา “หลินอี้ เ้าคิดจะเหยียดหยามข้าหรือ? บอกไว้เลยนะถ้าเ้าฆ่าข้าไป จะต้องมีคนตามมาจัดการทั้งแก ทั้งตระกูลเวินทั้งตระกูลเอามาเป็เครื่องบูชาศพข้าแน่!!!!”
เฉินเย่เซิงรู้ว่าอย่างไรตัวเองก็ไม่รอดแล้วแต่ก็ยังทำตัวอวดดีออกมาอีก แต่ด้วยประโยคที่หลินหยางกล่าวออกมาเพียงประโยคเดียวก็ทำให้มันใจนตัวแข็งไปเลย
“เ้าหมายถึง...เฉินเฉาเกอหรือ?”
เฮ้ยย!!!!
เฉินเย่เซิงตาเบิกโพลง
นั่นมันความลับที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตของเขาเลย ไอ้หลินอี้นี่มันกำลังพูดอะไรของมัน?
หลินอี้...หลินอี้....
เขาจ้องมองไปที่แววตาของหลินอี้ภายใต้หน้ากากนั่นอย่างเอาเป็เอาตายจากนั้นก็ใจนรู้สึกเหมือนิญญาเกือบหลุดออกจากร่าง “เ้าเป็ใคร!! เ้าเป็ใครกันแน่!! เ้าคือมันอย่างนั้นหรือ!! เป็ไปไม่ได้ เ้าไม่ใช่มัน!! ตกลงเ้าเป็ใครกันแน่!!!!”
เฉินเย่เซิงที่ชั่วร้ายมาตลอดชีวิตแต่คนอย่างมันก็มี่เวลาที่หวาดกลัวจนพูดมั่วไม่เป็ภาษาเหมือนกัน
มันะโกู่ก้องอย่างบ้าคลั่งอย่างกับหมาบ้าตัวสั่นหงกไปทั้งตัว ไม่เหลือท่าทีเหมือนเมื่อก่อนเลยสักนิด
ผู้คนเองก็งงเหมือนกัน
พวกเขาไม่รู้ว่าหลินหยางทำอะไรลงไป ถึงสามารถทำให้เฉินเย่เซิงหวาดกลัวได้ถึงขนาดนี้
จากนั้นหลินหยางก็ค่อยๆ ถอดหน้ากากของตัวเองออกมาเผยให้เห็นใบหน้าที่มีแต่เฉินเย่เซิงเท่านั้นที่รู้จัก
ฉึก
ในขณะเดียวกันหลินหยางก็แทงดาบในมือทะลุเข้าไปในหัวใจของเฉินเย่เซิง
ดาบยาวนั่นค่อยๆ เสียบเข้าไปทีละนิดๆใบหน้าของหลินหยางเองก็ค่อยๆ ขยับเข้าหาใบหน้าที่เปลี่ยนรูปไปอย่างน่าเกลียดของเฉินเย่เซิงทีละน้อยเช่นกันแต่ละคำที่กล่าวออกมานั้นเยือกเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำค้างแข็ง
“ข้าบอกแล้วไงข้าคือคนที่แต่เดิมน่าจะต้องตายไปนานแล้ว...”
“อัก...อัก!!”
เฉินเย่เซิงได้พบกับเื่ที่น่ากลัวมากที่สุดในชีวิตก่อนที่จะต้องตายไป
สองมือของมันพยายามคว้าอากาศแทบเป็แทบตายพยายามเค้นเสียงออกมาจากลำคอสุดชีวิต อยากจะะโออกมาดังๆ ว่า... หลินหยางหลินหยางมันยังไม่ตาย!!
เฉินเฉาเกอลูกข้า ไอ้หลินหยางนั่นยังไม่ตาย!!
แต่หลินหยางไม่เปิดโอกาสให้มันพูดเลยสักคำ
ดาบยาวของมันเสียบทะลุกลางอกของเฉินเย่เซิงจนมิดด้ามหลินหยางกระซิบที่ข้างหูของมันเป็ครั้งสุดท้ายว่า
“ไม่ต้องห่วงอีกไม่นานข้าจะส่งเฉินเฉาเกอตามไปอยู่กับเ้าแน่!!!!”
ไม่นะ!!!!
เฉินเย่เซิงอยากจะขอร้องให้หลินหยางมีเมตตาเป็ครั้งสุดท้าย ลนลานจนฉี่แตกน้ำตาไหลออกมาสภาพของมันอนาถจนดูไม่เหมือนคนอีกแล้ว
ถ้ารู้แต่แรกว่าจะกลายเป็แบบนี้ไม่น่าโลภมากจนกลายเป็ว่าสร้างอสูรกายตัวน้อยอันน่าสะพรึงกลัวขึ้นมา
สุดท้าย ไม่เพียงแต่ตัวเองต้องตายเท่านั้นตระกูลเฉินเองเกรงว่าไม่น่าจะรอดพ้นชะตากรรมแห่งการล่มสลายไปได้และยังมีลูกชายของตนที่กำลังจะต้องเผชิญกับเทพอสูรแห่งการแก้แค้นที่น่ากลัวที่สุดในโลก
อ๊ากกก!!!!!!!!
ถึงมันจะรู้สึกเสียใจกับการกระทำของตัวเองแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจกลับไปแก้ไขได้อีกแล้วมันกระอักเืออกมาไม่หยุด แววตาของมันค่อยๆ หม่นลงเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็ไร้ซึ่งประกายแห่งชีวิตหลงเหลืออีก
ในที่สุดมันก็มาถึงจุดสิ้นสุดของชีวิตแล้ว
เืสีแดงสดพุ่งกระฉูดออกมาตามดาบยาวที่หลินหยางดึงออกเป็ดั่งสัญลักษณ์แห่งความโกรธแค้นอันไร้ก้นบึ้งที่ถูกระบายออกมา
แผนการล้างแค้นครั้งใหญ่ก้าวที่สำคัญที่สุดได้สำเร็จลุล่วงลงแล้วตอนนี้ก็เหลือแค่เฉินเฉาเกอที่กลายเป็เ้าชายไปแล้วคนเดียวเท่านั้น
รอก่อนเถอะ เฉินเฉาเกอ!!
อีกไม่นานหรอก ข้าจะส่งเ้าไปอยู่กับพ่อของเ้าซะ!!!!
หลินหยางหายใจเข้าไปเฮือกใหญ่ในที่สุดก็สามารถสงบเจตนาฆ่าอันเกรี้ยวกราดภายในใจของตัวเองลงได้
ขั้นต่อไป
ตัดหัว!!
เอาไปบูชา!!
หัวมนุษย์สองหัว อาวุธสี่ชิ้นทั้งหมดถูกวางเอาไว้หน้าชั้นวางป้ายชื่อผู้ตายทั้งหกสิบแปดชีวิตของตระกูลเวิน
เวินติ่งเทียน เวินชิงชิงนำเหล่าคนของตระกูลเวินทั้งหมดเข้ามาโค้งคำนับให้กับผู้ที่ตายในการต่อสู้อันโหดร้ายของตระกูลเวิน
นี่คือพิธีอันศักดิ์สิทธิ์เป็ความยุติธรรมที่หลินหยางใช้เืสดๆ ทวงคืนกลับมา
แต่ในขณะที่พวกเขากำลังแสดงความอาลัยให้กับผู้เสียชีวิตอยู่นั้นหวังิชงที่อยู่ด้านหลังพวกเขาก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเ็าว่า
“หลินอี้ เวินติ่งเทียน!! เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในวันนี้ข้าจะต้อง...”
พอพูดไปแค่ครึ่งประโยค หั่วเอ๋อร์ก็บินขึ้นมา
“ไอ้เวรนี่ น่ารำคาญจังเลยเ้านี่ ไม่เห็นหรือว่าคนเขากำลังยุ่งอยู่ตาเ้ายังใช้งานได้อยู่รึเปล่า? ข้าจะนับหนึ่งถึงสามรีบไสหัวไปซะ ไม่อย่างนั้นข้าจะจับเ้ากินเสียเลย!!”
เ้า!!!!
หวังิชงเสียหน้าจนทำหน้าบิดเบี้ยวแต่สายตาของหั่วเอ๋อร์ที่จ้องมองมา มันก็น่ากลัวเหลือเกิน
เ้านกนี่...
ปากหมาไม่พอ ยังป่าเถื่อนอีก
ฝ่ายผู้ดูแลของพวกเขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์ในวันนี้จะพลิกกลับตาลปัตรจนกลายเป็แบบนี้ขนาดซูิชุนยังหยุดหลินหยางเอาไว้ไม่ได้เลย
แต่เื่นี้มันไม่จบแค่นี้แน่
เขาหวังิชงขอสาบานเขาจะต้องบดขยี้ตระกูลเวินให้สูญสิ้นไปจากเมืองอวิ๋นเฉิงให้ได้!!!!
“ยังไม่ไปอีก!!”
ทำเหี้ยมได้ไม่ถึงสามวิ พอหั่วเอ๋อร์ะโออกมาหวังิชงก็หัวหดกลับไปทันที จากนั้นก็พาเหล่าองครักษ์ราชวงศ์สลายตัวกลับไป
ในที่สุด ลานกว้างเมฆาร่วงโรยแห่งนี้ก็เงียบสงบลงเสียที
หลินหยางและเวินติ่งเทียนเคารพผู้ตายตามธรรมเนียมประเพณีเสร็จแล้วตอนนั้นเอง ท่านแม่ทัพตู้ิที่ยืนดูเงียบๆ อยู่ข้างๆ มาตลอดก็ก้าวเท้ายาวๆ เข้ามา
สีหน้าของเขายังคงดูแปลกประหลาดอยู่บ้างมองไปที่เวินติ่งเทียนและหลินหยางด้วยความรู้สึกผิด แต่ก็รู้สึกยินดีและสะใจด้วยเช่นกัน
เขากล่าวออกมาว่า “ท่านประมุขเวิน ผู้าุโหลิน เื่ในวันนี้เกรงว่าคงจะดังกระฉ่อนไปทั่วแล้ว!!”
..................................
เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน สายลมที่พัดผ่านในลานกว้างเมฆาร่วงโรยแห่งนี้ก็ค่อยๆสงบลง
ผู้คนของแต่ละฝ่ายต่างก็แยกย้ายกันกลับไปแล้ว เหลือเพียงแต่ร่องรอยของความเสียหายที่เกิดจากการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สั่นะเืไปทั่วทั้งอาณาจักรชูอวิ๋น
ตระกูลเวินตอบโต้ครั้งใหญ่ หลินอี้ะเืฟ้าดิน
ประมุขตระกูลเฉิน เฉินเย่เซิง คุณชายผู้สูงศักดิ์แห่งราชอาณาจักรโล่ยื่อซ่างกวันเฟย ล้วนตายกลายเป็ศพ แม้แต่หัวของพวกมันก็โดนตัดออกไปเป็เครื่องบูชา
เื่ทั้งหมดที่เกิดขึ้นกลายเป็หัวข้อสนทนาของเหล่าชาวเมืองแทบทุกคนพวกเขาต่างก็พูดชื่อของคนๆ หนึ่งออกมาไม่หยุด...หลินอี้
หลินอี้ผู้นี้แหละ ที่สามารถโค่นโอวหยาง สังหารสี่ผู้คุมกฎ
สองหมัดสยบั เอาชนะคนระดับเทพาแห่งเมืองอวิ๋นเฉิงซูิชุนลงได้
และสุดท้าย สามารถเดินฝ่ากองทัพองครักษ์ของฝ่ายผู้ดูแลภายในกว่าสองพันคนเข้าไปได้ราวกับไม่มีคนยืนขวางอยู่เลยจากนั้นก็ลงดาบปะา ตัดสินโทษของเฉินเย่เซิงและซ่างกวันเฟยอย่างเป็ธรรม
เื่ราวแบบนี้ มนุษย์ระดับนี้ทุกรายละเอียดของมันล้วนสามารถนำมาเล่าเป็ตำนานอภินิหารสืบต่อให้คนรุ่นหลังรับรู้ได้
และหลังจากที่เื่ราวทั้งหมดได้จบลงแล้ว คนของตระกูลเวินก็พาหลินอี้กลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเวินสีหน้าของพวกเขาแต่ละคนต่างก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความยินดีและประดับไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข
ถึงแม้ในใจของพวกเขาจะรู้ว่า หลังจากวันนี้ไปเกรงว่าตระกูลเวินคงจะถูกพวกผู้ดูแลภายในปองร้ายอย่างหนักหน่วงแน่นอน
หรืออาจถึงขั้นที่ตระกูลซ่างกวันจากราชอาณาจักรโล่ยื่อเปิดฉากการล้างแค้นครั้งใหญ่อันน่าหวาดหวั่นกับพวกเขาตระกูลเวินก็เป็ได้
ภายในประตูคฤหาสน์ตระกูลเวินที่ปิดแน่นสนิทเหมือนจะได้ยินเสียงหัวเราะพูดคุยที่เต็มไปด้วยความยินดีดังขึ้นจากในนั้นบ้างเป็บางครั้งคราแต่ก้อนเมฆสีดำอันมืดครึมกำลังค่อยๆ ถูกพัดเข้ามาแล้ว
..................................
กลางดึกคืนนั้น
ภายในพระตำหนักของอาณาจักรชูอวิ๋น
ภายในห้องบรรทมของเ้าชายนั้นหวังิชงกำลังนั่งตัวลีบอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง คนที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาคือชายหนุ่มที่สวมชุดของเ้าชายเอาไว้คนหนึ่ง
ชายหนุ่มผู้นี้มีใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและดูสะอาดสะอ้านถ้าสังเกตดูดีๆ จะพบว่ามีความคล้ายคลึงกับหลินหยางอยู่หลายส่วน
ดวงตาคู่นั้นของเขากึ่งปิดกึ่งเปิด กำลังพยายามทำใจให้สงบอยู่แต่ความโกรธแค้นและความเศร้าโศกที่ยากจะอธิบายได้นั้นได้สาดซัดใส่เขาราวกับคลื่นน้ำในมหาสมุทรอย่างที่ไม่อาจควบคุมได้
จากนั้น เ้าชายท่านนี้ก็พูดออกมาว่า “ท่านหวัง... เฉิน เฉินเย่เซิงผู้นั้นตอนนี้เป็อย่างไรบ้าง...”
“รายงานท่านเ้าชายลำดับที่เก้าร่างกายอันล้ำค่าของเฉินเย่เซิงได้ถูกคนของตระกูลเฉินพากลับไปไว้ที่คฤหาสน์แล้วแต่ว่าส่วนหัวของเขา...”
พอพูดถึงตรงนี้ หวังิชงก็หยุดไปครู่หนึ่งเขารับรู้ได้แล้วว่าเ้าชายลำดับเก้ากำลังปลดปล่อยจิตสังหารอันเข้มข้นออกมา
“พูดออกมา”
“ขอรับส่วนหัวของเขาถูกพวกของเวินติ่งเทียนนำกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลเวินแล้ว บอกว่าจะเอาไปใช้เป็ของบูชาในห้องบูชาของพวกมันเจ็ดวัน!!!!”
แกร๊กก!!!!
ที่พักมือบนเก้าอี้ขององค์ชายเก้าถูกบีบจนแตกเละคามือ