หยุนเซียวที่กำลังเดินเล่นอยู่เธอคิดว่าเธอได้ยินเสียงของหลินเป้ยเป้ยขอให้ช่วย ดังนั้นเธอจึงพยายามเรียกเธอและครั้งนี้เธอมั่นใจว่าเธอได้ยินหลินเป้ยเป้ยขอให้ช่วยและรู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับเธอ
หยุนเซียวไม่กล้าคิดมากและวิ่งเข้าป่าทันที“หลินเป้ยเป้ย นี่ครูหยุนเซียวเอง ครูกำลังมาแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ!”
อวี่เหวินเสียงที่กำลังฉีกเสื้อผ้าของหลินเป้ยเป้ยหยุดทันทีในเมื่อเขารู้ว่าคนที่มุ่งหน้ามาทางนี้คือหยุนเซียวเขาก็ยอมแพ้และจ้องหลินเป้ยเป้ยก่อนจะวิ่งหนีไป “เวรเอ๊ย พรุ่งนี้เวลาเดิมฉันจะรอเธออยู่ที่นี่ ถ้าเธอกล้าไม่มาล่ะก็ อย่าคิดว่าจะอยู่ในมหา’ลัยเว่ยเฉิงอย่างสงบสุขเลย”
ไม่นานหลังจากที่อวี่เหวินเสียงวิ่งหนีไปหยุนเซียวก็เห็นหลินเป้ยเป้ย เธอมีสีหน้าเหม่อลอย ผมยุ่งเหยิงและนั่งอยู่บนพื้นบนใบหน้ามีรอยนิ้วห้านิ้วแดงอย่างชัดเจนใครก็ตามที่เห็นสภาพน่าสงสารของเธอก็ต้องอยากจะกอดเธอ
หยุนเซียววิ่งเข้าไปหาทันที
“เป้ยเป้ย เป็อะไรหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้น? ใครทำกับเธออย่างนี้?” บรรยากาศเ็าปล่อยออกจากหยุนเซียวเธอมองดูรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นมีใครในป่านี้
“ครูหยุนเซียว...ฮือ!” หลินเป้ยเป้ยพุ่งเข้าสู่อ้อมกอดของหยุนเซียวเธอร้องไห้เหมือนกับเด็ก หยุนเซียวรู้สึกเมตตาหลินเป้ยเป้ยเธอกอดหลินเป้ยเป้ยและลูบหลังเบาๆ
หลังจากปลอบประโลมสักพักอารมณ์ของหลินเป้ยเป้ยก็ค่อยๆ กลับมาคงที่ “เป้ยเป้ย บอกครูซิว่าใครทำเื่นี้ครูจะช่วยเธอจากเหตุการณ์นี้เอง”
ในฐานะที่เป็ครูของคณะศิลปะหยุนเซียวมีความประทับใจต่อหลินเป้ยเป้ย เธอฉลาด เป็เด็กดีและขยันหมั่นเพียรหัวใจของหยุนเซียวร้อนเป็ไฟเมื่อเธอพบว่าหลินเป้ยเป้ยโดนข่มเหงใครก็ตามที่กล้าลงมือกับเด็กสาวอ่อนโยนอย่างนี้สมควรเจอความโกรธกริ้วของ์“ไม่เป็ไรค่ะ นะ...หนูไม่อยากกล่าวถึงเื่นี้”หลินเป้ยเป้ยเงียบสักพักก่อนจะส่ายหัว
“งั้น...มันทำอะไรเธอหรือเปล่า?” คำตอบของคำถามนี้เป็สิ่งที่หยุนเซียวกังวลมากที่สุดหลินเป้ยเป้ยส่ายหัว “โชคดีที่ครูมาทันเวลาค่ะ คุณครูหยุนเซียว ขอบคุณนะคะ!”
เมื่อได้ยินหลินเป้ยเป้ยพูดอย่างนี้หยุนเซียวก็โล่งอก เธอลูบหัวของหลินเป้ยเป้ยด้วยความรักใคร่ “เด็กโง่ครูเป็ครูของเธอ ก็เปรียบเสมือนแม่ของเธอ เธอไม่จำเป็ต้องพูดสุภาพไปหรอก”
“ค่ะ คุณครูหยุนเซียว ไปกันเถอะค่ะ”หลินเป้ยเป้ยยืนขึ้นและนำหยุนเซียวออกจากป่า
พวกเขามาถึงสนามกีฬาอีกครั้งเธอสูดอากาศที่สดชื่นและอารมณ์ของเธอก็ดีขึ้นมาเล็กน้อย
“จริงสิ เป้ยเป้ย เธอรู้หรือเปล่าว่าทำไมเมื่อเร็วๆนี้ฉินเฟิงถึงไม่มาเรียน?” จู่ๆหยุนเซียวก็ถามขณะที่เดินด้วยกัน
หลินเป้ยเป้ยบุ้ยปากและส่ายหัวเธอเริ่มรู้สึกผิดอีกครั้ง
“ไม่ใช่ว่าฉินเฟิง...ประกาศในชั้นเรียนว่าเขาจะจีบเธอเหรอ? ฉันคิดว่าพวกเธอสองคนคบกันแล้วซะอีก เธอไม่รู้อะไรเลยงั้นสินะ”
หลินเป้ยเป้ยไม่ได้พูดอะไรและคิดถึงฉินเฟิงมากยิ่งขึ้นหลังจากเหตุการณ์ล่าสุดนี้ เธออยากจะโทรหาฉินเฟิงในทันที
แต่หลังจากลังเลสักพักเธอก็ยอมแพ้ความ้า เธอกลัวว่าฉินเฟิงกำลังทำบางอย่างที่สำคัญอยู่และนั่นก็อาจจะเป็การรบกวนเขา
“เป้ยเป้ย เธอยังไม่ตั้งใจจะพูดถึงคนชั่วนั่นในตอนแรกใช่ไหม?” หลังจากเดินออกจากทางเข้าสนามกีฬา หยุนเซียวถามเธออีกครั้งเธออยากจะช่วยหลินเป้ยเป้ยเพื่อหาความยุติธรรม เธอคงจะไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ อย่างนั้น
หลินเป้ยเป้ยรู้ว่าครอบครัวของอวี่เหวินเสียงมีอิทธิพลขนาดไหนแม้ว่าเธอจะบอกครูหยุนเซียว หยุนเซียวก็ไม่สามารถแก้ปัญหานี้ได้สถานการณ์นี้อาจจะส่งผลต่อชื่อเสียงของเธอ เธอกัดฟันและส่ายหัวโดยไม่พูดอะไร
พวกเขาเดินออกจากวิทยาเขตหลินเป้ยเป้ยก้มหัวและไม่พูดอะไร หยุนเซียวจึงพูดคำปลอบโยนเรื่อยมาเมื่อพวกเขาออกจากทางเข้าของมหาวิทยาลัย ทั้งสองก็แยกจากกันหลินเป้ยเป้ยนั่งรถเมล์และกลับสโมสรหวงเจีย
เธอนั่งในห้องสวีท888ของสโมสรหวงเจีย หลินเป้ยเป้ยรู้สึกว่าห้องทั้งว่างเปล่าและหนาวเหน็บั้แ่ที่ฉินเฟิงจัดให้เธออยู่ในห้องนี้ เขาก็ไม่เคยกลับมา
ในตอนแรกหลินเป้ยเป้ยชินกับการอยู่ที่นี่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเธอก็รู้สึกเหงามากเธอแม้แต่เริ่มมีปัญหาเวลานอนตอนกลางคืน เธอปรารถนาว่าสักคืนฉินเฟิงอาจจะมาหาเธอแม้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่และหลับนอนกับเธอหลินเป้ยเป้ยก็ยอม
ยิ่งเธอนึกถึงมันเธอก็ทุกข์ร้อนมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้หลังจากที่เกือบจะโดนอวี่เหวิเสียงล่วงล้ำในวันนี้ความรู้สึกที่เธออดกลั้นไว้มานานก็พรั่งพรูออกมาทันใดนั้นเธอก็รวบรวมความกล้าหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาฉินเฟิง
ฉินเฟิงตื่นโดยเสียงโทรศัพท์เขาตอบอย่างรำคาญ “ใครวะ? โทรมาทำไมแต่เช้า? แกยังอยากจะอยู่ในเมืองเว่ยเฉิงอีกไหม?”
หลังจากได้ยินเสียงที่คุ้นเคยของฉินเฟิงหัวใจของหลินเป้ยเป้ยก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น เขายังแข็งแรงและเอาแต่ใจเหมือนเดิมนี่จึงเป็เหตุผลว่าทำไมหลินเป้ยเป้ยถึงเคยเกลียดเขา
ตอนนี้หัวใจของเธอพรั่งพรูไปด้วยความสุข...แต่เขาคือนายน้อยเ้าสำราญอันดับหนึ่งแห่งเมืองเว่ยเฉิงจริงๆ แล้วเธอไม่ควรจะชอบเขา!
หลินเป้ยเป้ยมองดูนาฬิกาบนกำแพงมันสิบเอ็ดโมงครึ่งแล้ว มุมปากของเธอยิ้มขึ้นและพูดแบบสงบนิ่ง “ฉินเฟิง ฉันเอง”
เสียงเบาใสเหมือนดั่งเสียงหยดน้ำจากหิมะที่ละลายบนูเาในฤดูใบไม้ผลิทำให้ความเมื่อยล้าของฉินเฟิงหายเป็ปลิดทิ้งเขาลุกขึ้นนั่งในทันทีและพูดด้วยรอยยิ้ม “เป้ยเป้ย ฉันไม่ได้เห็นเธอมานานแล้วเสียงเธอยังหวานใสอย่างเคยเลย”
เมื่อหลินเป้ยเป้ยรู้ว่าฉินเฟิงสามารถรู้เสียงของเธอได้ทันทีน้ำตาก็ไหลออกจากดวงตาของเธออย่างเงียบงันเธอไม่มั่นใจว่าเป็น้ำตาแห่งความเศร้าหรือความสุข
“เป้ยเป้ย พูดอะไรหน่อยสิ” ฉินเฟิงเกาหัว
“ฉินเฟิง ฉันกำลังรอคุณอยู่ที่สโมสรหวงเจีย ทำไมคุณถึงไม่มาหาล่ะ?” หลินเป้ยเป้ยพูดหลังเงียบไปพักหนึ่ง
หลังจากวางสายฉินเฟิงก็อารมณ์ดีมาก น้องหลินคนสวยเป็คนเริ่มชวนเขาก่อน เขาจะไม่ไปได้อย่างไร? ขณะที่คิดว่าเขาไม่ได้ไปมหาวิทยาลัยและเจอสาวสวยตั้งหลายวันเขารีบล้างหน้าและบ้วนปากทันที แล้วก็ขี่จักรยาน 28 นิ้วไปยังสโมสรหวงเจีย
“ไงครับ นายน้อยฉิน!” ทันทีที่ฉินเฟิงเดินผ่านประตูมา ผู้จัดการหลิวที่มีใบหน้าอ้วนหูกางก็วิ่งมาหาั์ตาของเขาแวววาวไปด้วยความสุขมันนานมากแล้วั้แ่ที่เขาเห็นฉินเฟิงครั้งล่าสุดที่สโมสรหวงเจีย“คุณไม่ได้มาที่นี่นานมากแล้วนะครับ พวกเราทุกคนคิดถึงคุณแทบตาย”
ในฐานะนายน้อยผู้ล่ำซำแต่ฉินเฟิงไม่มีท่าทีหยิ่งผยองเขาจะมีส่วนร่วมกับพนักงานตำแหน่งล่างๆบ่อยครั้งและคนพวกนั้นก็ชอบเลียขาฉินเฟิงอย่างยินดี
“ทำไมถึงคิดถึงฉันล่ะ? ฉันไม่สนใจร่างเนื้ออ้วนๆของนายหรอกนะ” ฉินเฟิงหยอกผู้จัดการหลิว
“นะ...นั่นเพราะว่าผมเป็ลูกน้องคุณมานานไม่มีทางที่ผมจะไม่รู้รสนิยมคุณหรอกครับ” ทันใดนั้นผู้จัดการหลิวก็โน้มไปหาหูของฉินเฟิงและกระซิบ“นายน้อยฉินครับ เมื่อคืนมีสาวฝรั่งเศสมาถึงในสโมสรหวงเจีย แบบว้าวเลย!เธอมีผมบลอนด์สวยงาม ผิวขาวเหมือนนม มีตาโตสีน้ำเงินเข้มและขนตายาวแม้ร่างกายของเธอไม่ได้มีเสน่ห์มากนัก แต่เธอมีรูปร่างรูปตัว S อย่างสมบูรณ์แบบ และขาของเธอก็เกือบจะถึงคอผมเลย”
ผู้จัดการหลิวทำท่าทางให้ดูเกินจริงในขณะที่พูด
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้