ในค่ำคืนถัดมา เว่ยจวินหยางวางมือบนหน้าอกของอวี๋มู่ แล้วเอ่ยถาม “อวี๋มู่ พักนี้ไม่รู้เป็อะไร ตอนที่ข้าร่วมรักกับเ้า ข้ามีความรู้สึกแปลกๆ ที่ตรงนี้”
เว่ยจวินหยางแนบหน้าด้านข้างเข้าไป เพื่อััความอบอุ่นจากิั แล้วเอ่ย “มันเต้นเร็วมาก แม้รู้สึกร้อนรุ่ม แต่ก็มีความสุขและผ่อนคลาย”
เขาเงยหน้ามองอวี๋มู่ นิ้วมือััริมฝีปากของอีกฝ่ายอย่างเบามือ รอยยิ้มงดงามแต่เจือความมึนงงและสับสน “และข้าก็ชอบใบหน้าของเ้าเวลาเ้าทนไม่ไหวจนแทบจะร้องไห้ เพราะมีเพียงเวลานั้นที่เ้าเป็ตัวของตัวเองที่สุด ต่างกับตอนนี้ ทั้งๆ ที่ใกล้ชิดกันขนาดนี้ เ้าก็ยังเคารพข้าเยี่ยงนี้ แต่ข้ากลับคาดเดาเ้าไม่ออก…”
อวี๋มู่ใ พลันรีบเก็บความรู้สึก แล้วตอบกลับ “นายท่าน ข้าน้อยหาได้มีความคิดหักหลังท่าน! ”
เว่ยจวินหยางทำเสียงเ็า “เ้าลองกล้าดูสิ? ”
“...” เอาเถอะ ๆ อวี๋มู่ถือว่าตัวเขาประเมินเว่ยจวินหยางไว้สูงเกินไป เขานึกว่าจะถูกเว่ยจวินหยางจับไต๋ได้เสียแล้ว
จากที่ดูตอนนี้ เ้าลูกสุนัขเว่ยอย่างไรก็คือลูกสุนัข ทั้งอวดดี เข้าข้างตัวเอง และยังหลอกง่ายอีกด้วย
เมื่อคิดได้เช่นนี้ อวี๋มู่ก็ใช้มือลูบเส้นผมดำขลับของเว่ยจวินหยางอย่างเบามือสองที แล้วเอ่ย “นายท่านวางใจได้ ข้าน้อยไม่มีทางหักหลังท่านแน่”
การกระทำเช่นนี้เป็สิ่งที่เว่ยจวินหยางปรารถนา บางทีอาจเป็เพราะในวันนั้นที่บ้านของโม่เหิง การกระทำของอวี๋มู่เช่นนี้อาจจะไปกระตุ้นอะไรบางอย่างของเว่ยจวินหยางเข้า หลังจากนั้นเว่ยจวินหยางก็มักจะเอ่ยให้อวี๋มู่ลูบผมอยู่บ่อยครั้ง ชายหนุ่มไม่ได้ใช้น้ำเสียงอ้อนวอน หากแต่เป็คำสั่ง แต่ท่าทางนั้นแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ากำลังออดอ้อน ซึ่งก็ดูน่ารักอยู่ไม่น้อย ทำให้อวี๋มู่ยิ้มปลื้มปริ่มอยู่ในใจไปหลายวัน
เมื่อถูกลูบขนเว่ยจวินหยางก็รู้สึกสบายใจขึ้น
เขาซบลงบนไหล่ของอวี๋มู่อย่างแนบชิด พลางเกี่ยวผมอวี๋มู่เล่นไปด้วย ทว่ากลับกล่าวกับอวี๋มู่ด้วยท่าทีคุกคาม “อวี๋มู่ เหมือนที่เ้าพูด ข้าเป็นายท่านของเ้า ดังนั้นเ้าต้องอยู่ข้างกายข้าตลอดไป ห้ามจากข้าไปไหน”
เขาเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “รอวันที่พวกเรากลับไปสำนักชิงอี ข้าจะอนุญาตให้เ้าอยู่กับข้าเป็การพิเศษ เ้าเพียงแต่ต้องดูแลเอาใจข้าเป็อย่างดี…”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็เงียบลง แล้วขมวดคิ้ว “ช่างเถอะ เ้ามันข้ารับใช้ที่โง่เขลาดูแลผู้ใดไม่เป็ งานพวกนั้นให้ผู้อื่นทำไป เ้าเพียงแต่ดูแลเอาใจข้าเื่บนเตียงก็พอแล้ว”
คำพูดสุดท้ายเจือด้วยเสียงหัวเราะ เว่ยจวินหยางพลิกตัว เขาวางฝ่ามือไว้ข้างกายของอวี๋มู่ ดวงตาโค้งยิ้มเป็ประกายสีสันสวยงาม เขาจูบปลายจมูกอวี๋มู่ แล้วเอ่ย “อีกสักรอบไหม? ”
อวี๋มู่สะดุ้ง ใบหน้าที่แสร้งทำเป็นิ่งมลายหายไปแทบจะทันที
*
่เวลาที่อวี๋มู่อยู่กับเว่ยจวินหยางมานั้น ทำให้อวี๋มู่กระจ่างแจ้งกับเื่ที่ว่ามนุษย์ย่อมไม่ใช่ทุกคนที่จะเป็มนุษย์ ยังมีสุนัขด้วย
และเว่ยจวินหยางก็ไม่ใช่สุนัขสายพันธุ์บริสุทธิ์ เขาเป็สุนัขพันทางสายพันธุ์แปลกประหลาด
หากจะให้กล่าวออกมาล่ะก็ ครึ่งท่อนบนคือหมาฮัสกี้จอมเอ๋อ ส่วนครึ่งท่อนล่างคือหมาเท็ดดี้
สมองฟั่นเฟือน มีพลังเหลือล้น ที่วันๆ เอาแต่ทรมานผู้อื่นไม่หยุดหย่อน
ต่อมาอวี๋มู่เอ่ยกับเว่ยจวินหยางเื่จะเข้าเมืองผิงไปสืบข่าวคราว โดยตอนนี้พลังของเว่ยจวินหยางฟื้นฟูกลับมาเจ็ดส่วนแล้ว เขาจึงไม่เกรงกลัวผู้ใดอีก ดังนั้นเว่ยจวินหยางจึงพยักหน้าตอบรับและตัดสินใจจะไปพร้อมกันกับเขา
ทำให้อวี๋มู่ที่นึกว่าจะได้เป็อิสระสักวันกลับปวดศีรษะหนักกว่าเดิม
แต่ปวดศีรษะไปก็ไม่ช่วยอะไร เขายังคงต้องสวมบทบาทข้ารับใช้ที่ซื่อสัตย์ต่อไป เขาต้องบูชานายท่านดั่ง์และผืนธรณี คำพูดของนายท่านก็คือคำคมในการดำรงชีพ
ทว่าได้ออกไปเดินเล่น ก็ช่วยผ่อนคลายอารมณ์ได้บ้าง
อวี๋มู่ถูกบังคับให้อยู่ในป่ากับเ้าลูกสุนัขเว่ยมาเนิ่นนานขนาดนี้ ทั้งๆ ที่มาถึงโลกยุคโบราณแล้วแท้ๆ แต่กลับไม่ได้เปิดหูเปิดตากับผู้คนและอารยธรรมของที่นี่เลย นั่นก็เท่ากับขาดทุนเป็อย่างมาก
ทั้งสองสวมชุดนักพรตเรียบง่าย เป็ตัวเล็กกับตัวโตเดินออกจากป่า
อวี๋มู่ไม่กล้าออกตัวชัดเจนว่าไม่อยากให้คนที่จำทางไม่ได้นำทาง จึงให้ระบบช่วยชี้ทางให้แล้วเดินนำ ส่วนเว่ยจวินหยางก็เดินตามหลัง
เดินไปสักพัก จู่ๆ ก็มีเด็กน้อยมาจับมือเขาที่ห้อยอยู่ข้างลำตัวเอาไว้
อวี๋มู่มองไปที่เว่ยจวินหยาง แต่เ้าลูกสุนัขเว่ยกลับมองไปข้างหน้าไม่ชำเลืองมาที่เขา แล้วยังกล่าวอย่างมีเหตุมีผล “แม้ว่าข้าจะฟื้นคืนพลังได้เจ็ดส่วน แต่หากไม่อยากให้มีปัญหา ทางที่ดีเ้ากับข้าควรจะแกล้งเป็เด็กกับผู้ใหญ่ธรรมดาทั่วไปจะดีกว่า”
อวี๋มู่เลิกคิ้ว คิดในใจว่าเด็กกับผู้ใหญ่ธรรมดานั้นหมายถึงการที่เว่ยจวินหยางต้องเรียกเขาว่าท่านพ่อจะดีกว่าไม่ใช่หรือ?
แน่นอนว่าคำพูดนี้อวี๋มู่ไม่กล้ากล่าวออกมา แต่ก็แอบชอบใจอยู่ลึกๆ คนเดียว
อวี๋มู่จับมือเย็นๆ ของเว่ยจวินหยางกลับ แล้วเอ่ยอย่างเคารพ “ขอรับ นายท่าน”
เว่ยจวินหยางกับเหลียงหานมีอาการตัวเย็นเหมือนกัน เว้นแต่ตอนที่พิษดอกเสน่หากำเริบเท่านั้นที่อีกฝ่ายจะตัวร้อน แต่ยามปกติมือเท้าของเขาจะเย็นเฉียบ
ฤดูร้อนนั้นยังดี แต่คาดว่าฤดูหนาวคงไม่สบายตัวเท่าไรนัก
เมื่อเว่ยจวินหยางได้รับการตอบรับจากอวี๋มู่ มุมปากก็โค้งขึ้นจากการยกยิ้ม แววตานั้นราวกับกำลังอมยิ้มอย่างมีความสุขอย่างที่เว่ยจวินหยางเองก็ไม่รู้ตัว
*
ในที่สุด พอเข้าเมืองผิง ย่ามเงินของเ้าของร่างเดิมก็ได้ถูกใช้สักที เขาพาเว่ยจวินหยางเข้าไปนั่งในโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง พวกเขาสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ซึ่งในระหว่างที่กำลังกินดื่มก็ได้ยินข่าวที่โต๊ะข้างๆ สนทนากันประมาณหนึ่ง
เมืองผิงนั้นห่างจากสำนักชิงอีไม่ไกลมากนัก ดังนั้นเมืองนี้จึงมีคนในยุทธภพที่มาแวะพักอยู่บ้าง อวี๋มู่ฟังพวกเขาสนทนา ก็ค่อยๆ เข้าใจเื่ราว
สำนักชิงอีในตอนนี้ไม่ค่อยสงบนัก เพราะสูญเสียเว่ยจวินหยางอันเป็ประมุขแห่งบู๊ลิ้มที่ทรงอำนาจและมีฝีมือสะท้านยุทธภพ ฝ่ายธรรมะหลายสำนักเริ่มบุกโจมตีใจกลางเขาว่านเหอ แต่ที่น่าขันคือหลังจากสิ้นเว่ยจวินหยางไป ภายในสำนักชิงอีกลับไม่สมานสามัคคีกันแต่อย่างใด
คุณชายทั้งสี่หลังจากได้ข่าวว่าไม่พบตัวเว่ยจวินหยาง นับวันก็ยิ่งกระวนกระวายใจ พวกเขาเกรงว่าเว่ยจวินหยางจะกลับมาแก้แค้น แค่ลงมือก็จัดการฆ่าล้างบางพวกเขาได้หมดสิ้น
มีใครบางคนบอกว่า ทีแรกเว่ยจวินหยางไม่อาจหนีออกจากสำนักชิงอีได้ หากว่าตอนนั้นคุณชายทั้งสี่ใช้ยาพิษ เว่ยจวินหยางคงตายไปนานแล้ว
แต่คุณชายสามนั้นมีเื่ส่วนตัว เหมือนว่าจะแอบรักใคร่ชื่นชมเว่ยจวินหยางมานาน ดังนั้นจึงอยากใช้วิธีนี้ทำให้เว่ยจวินหยางกลายเป็ของตนเองแต่เพียงผู้เดียว
แต่เพราะความคิดเช่นนี้นี่เอง นี่ทำให้เว่ยจวินหยางมีชีวิตรอดมาได้ ทั้งยังถูกอวี๋มู่พาออกมาจากสำนักชิงอี
เหล่านักท่องยุทธภพพวกนั้นสนทนาไปพลางหัวเราะเยาะอย่างน่าสมเพชไปพลาง หนึ่งในนั้นเอ่ยว่าเว่ยจวินหยาง แม้จะอำมหิตและโเี้ แต่ใบหน้าและรูปร่างนั้นนับว่าเลอค่า จึงไม่แปลกที่คุณชายสามนั่นถึงแอบหลงรักมานาน ทั้งยังคิดสกปรกกับเว่ยจวินหยางเช่นนั้น
ส่วนอีกคนก็หัวเราะเสียงดัง : ไม่รู้ว่าหนุ่มงามเช่นนั้น ที่ตรงนั้นจะหอมด้วยหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นทำไมทุกคนถึงอยากเอาไอ้นั่นของตัวเองเข้าไปเคล้าคลอกันเล่า?
เว่ยจวินหยางฟังพวกเขาสนทนาจนจบอย่างนิ่งเงียบ มือที่วางอยู่บนโต๊ะเคาะไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า จนเกิดเป็เสียงทำนอง
อวี๋มู่สำรวจใบหน้าของเว่ยจวินหยาง พบว่าเ้าลูกสุนัขนี่ไม่แสดงออกทางสีหน้าแม้แต่นิด แม้กระทั่งจิตสังหารยังซ่อนลึกอยู่ในแววตา แต่แบบนี้ยิ่งทำให้ผู้คนรู้สึกตื่นตระหนกมากกว่าเดิม
เพราะเมื่อไม่กี่วันมานี้ เขาก็ได้เห็นเว่ยจวินหยางฝึกฝนวิชา หักต้นไม้ด้วยฝ่าเท้า ผ่าก้อนหินขนาดใหญ่ด้วยหมัด นี่มันอาวุธสังหารชัดๆ ไม่แปลกที่คนในยุทธภพต่างเกรงกลัวเขา
อวี๋มู่ถามระบบในใจ : ระบบ นายว่าเ้าลูกสุนัขเว่ยคิดอะไรอยู่?
ระบบกล่าวตามความเป็จริง [ผมเดาว่าพวกนั้นอยู่ได้ไม่นานแล้วครับ]
อวี๋มู่สะดุ้งในใจ แล้วมองไปที่เว่ยจวินหยางอีกครั้ง เขาเห็นเด็กน้อยละสายตาออกจากพวกนั้นแล้ว และกำลังเริ่มทานอาหารเงียบๆ ด้วยท่าทางว่าง่าย
เมื่อทั้งสองออกจากโรงเตี๊ยม เว่ยจวินหยางก็ดึงมืออวี๋มู่ แล้วจู่ๆ ก็เอ่ยปากถาม “อวี๋มู่ เ้ารู้หรือไม่ว่าสิ่งที่ข้าเกลียดที่สุดในชีวิตคืออะไร? ”
“เรียนนายท่าน ข้าน้อยไม่ทราบ”
“ข้าเกลียดใบหน้าที่คล้ายกับแม่ของข้ามากที่สุด” เว่ยจวินหยางค่อยๆ ยกมุมปากยิ้ม แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงล่องลอย “ใบหน้านี้นำพาความเลวร้ายมาให้ข้านับครั้งไม่ถ้วน ข้าเคยคิดอยากทำลายมัน แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะตอนนั้นประมุขชื่นชอบในใบหน้าของข้า หากข้าทำลายมันโดยพลการ หัวของข้าก็คงเหมือนกับพวกหญิงสาวที่เขาหามา ถูกตัดขาดแล้วเก็บไว้ในห้องลับ และนอนตายตาไม่หลับ กระนั้นข้าจึงอดทน มาโดยตลอด รอจนวันที่ข้าเติบโตและแข็งแกร่งแล้วฆ่าเขาเสีย”
“หลังจากฆ่าเขาแล้ว แม้ว่าข้าจะไม่มีเหตุผลที่จะทำลายใบหน้าของตัวเอง แต่พอจ้องคันฉ่องทีไร ข้าก็ไม่เคยชอบใบหน้านี้เลย”
“มันทำให้ข้านึกถึงท่านแม่ นึกถึงว่านางเคยหักหลังข้าอย่างไร ผลักไสข้าสู่ปากเหวลึก จนไม่อาจคืนหวนกลับได้อีก…”
เว่ยจวินหยางมีท่าทีเ็า เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นะเื จนอวี๋มู่ฟังแล้วรู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นวาบขึ้นมา
แต่เมื่อกล่าวถึงตอนสุดท้าย เว่ยจวินหยางก็จับมืออวี๋มู่แน่น แล้วหันมามองเขา จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างฉับพลัน ซึ่งเป็รอยยิ้มที่ดูอ่อนโยนและไร้เดียงสาน่ารัก เว่ยจวินหยางเอ่ยถามอวี๋มู่ “แล้ว อวี๋มู่ เ้าชอบใบหน้าข้าหรือไม่? ”
เขาเปลี่ยนคำถามอย่างรวดเร็ว พลันเกิดเสียงดังตึงในใจของอวี๋มู่ จนไม่รู้ว่าต้องตอบอีกฝ่ายว่าอย่างไร
เพราะก่อนหน้านี้เว่ยจวินหยางบอกว่าเกลียดใบหน้าตัวเอง และไม่ชอบรูปลักษณ์ตัวเอง ถ้าเช่นนั้นตัวเขาเองควรจะบอกว่าเกลียดเหมือนกัน
ไม่ได้สิ หากกล่าวไปเช่นนี้ก็เหมือนกับกำลังไม่ให้เกียรติเว่ยจวินหยาง อีกฝ่ายต้องไม่พอใจขึ้นมาเป็แน่
เ้าลูกสุนัขเว่ยนี่ทำไมชอบตั้งคำถามฆ่าตัวตายแบบนี้ให้เขาตอบกันนะ
อวี๋มู่ทราบดีว่าไม่ควรให้เว่ยจวินหยางรอนาน ท้ายที่สุดอวี๋มู่ก็เลือกคำตอบตามสิ่งที่เขารู้สึก “นายน้อยรูปโฉมงดงาม นี่เป็เื่ที่คนทั่วปฐีต่างชื่นชม ข้าน้อยย่อมชื่นชอบใบหน้าของท่านอยู่แล้ว”
“เ้าชอบอย่างนั้นหรือ” ใครจะรู้ว่าภาพอันน่าสังเวชที่คาดคิดไว้จะยังมาไม่ถึง เมื่อเว่ยจวินหยางได้ยินคำตอบของเขา อีกฝ่ายก็นิ่งอึ้งไปเสี้ยววิ จากนั้นก็หลุดยิ้มออกมา เหมือนว่าวิเคราะห์อย่างละเอียด แล้วตอบเขา “เช่นนั้นข้าชอบด้วยก็ได้”
“?????”
อวี๋มู่ตะลึงงัน
นี่มันอะไรกัน?
สองเื่นี้มันเกี่ยวอะไรกัน?
เขาใช้ตรรกะอะไรกัน?
แต่พอเห็นเว่ยจวินหยางดีใจขึ้นมาจริงๆ เขาก็พลันโล่งอก
ขณะเดียวกันก็ยังมีความเอือมระอาและเอ็นดูอยู่นิดหน่อย
เขารับประกันว่าเอ็นดูแค่นิดหน่อยเท่านั้น
ก่อนหน้านี้อวี๋มู่เคยได้ฟังเื่ที่เว่ยจวินหยางฆ่าบิดามารดาและปลิดชีพพี่น้องของตนเอง เขาก็ตั้งแง่ว่าคนคนนี้คือฆาตกรวิปริตไปแล้ว แต่เมื่อครู่พอได้ฟังเขาบอกเล่า ก็เหมือนจะมีเื่ราวซ่อนลึกมากกว่านั้น
ตอนนี้พอเห็นเว่ยจวินหยางดีใจเพียงเพราะคำพูดที่อวี๋มู่บอกว่าชอบแค่คำเดียว ก็ไม่แปลกที่จะรู้สึกเช่นนั้น
อันที่จริง เ้าลูกสุนัขเว่ยก็ไม่ได้หมดทางเยียวยาขนาดนั้นนี่นา
ทว่ารอจนถึงตอนที่ออกจากเมืองผิง พวกเขาบังเอิญพบกับเหล่าผู้ท่องยุทธภพที่พูดจาดูถูกเว่ยจวินหยางเข้า อวี๋มู่ก็ล้มเลิกความคิดนั้นทันที
----------------------------------------------------------------------------------