ทันทีที่หานอวิ๋นซีเดินเข้าไป ท่าทีของฮ่องเต้เทียนฮุยก็แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง “อวิ๋นซี มานี่สิ รีบจับชีพจรเทียนโม่ พวกหมอหลวงต่างพูดว่าเป็ปกติแล้ว เ้าเองก็มาดูสักหน่อยเถอะ”
พระเ้ารู้ดีว่าการฟื้นขึ้นมาของไท่จื่อทำให้ฮ่องเต้เทียนฮุยมีความสุข!
จาก “หานอวิ๋นซี” ไป “ฉินหวังเฟย” จนไปถึง “อวิ๋นซี” หานอวิ๋นซีที่ได้ยินเช่นนี้ก็รู้สึกสบายใจ นางรู้ว่าความพยายามของตนเองไม่ไร้ประโยชน์ ไม่ว่าก้นบึ้งหัวใจของฮ่องเต้เทียนฮุยจะมองนางอย่างไร อย่างน้อยก็ให้ความเคารพนางอย่างที่สมควรได้รับ และยอมรับตัวตนของนาง
เมื่อนางเดินเข้าไป ไท่เฮาและฮองเฮาก็รีบถอยออกมาด้วยท่าทีอ่อนโยน แม้แต่หลงเทียนโม่ที่เคยดูถูกนางมาก่อนก็มีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความขอบคุณ “เสด็จอาหญิง ลำบากท่านแล้ว!”
หานอวิ๋นซียิ้มและนั่งลงเพื่อจับชีพจรอย่างจริงจัง ตอนนี้ทั้งห้องเงียบลง เงียบจนแม้แต่เสียงของเข็มที่หล่นลงพื้นก็ยังได้ยินอย่างชัดเจน
ถึงแม้จะไม่มีปัญหาอะไรแล้ว แต่เมื่อหานอวิ๋นซีทำด้วยตัวเอง ทุกคนก็ยังประหม่า ส่วนกู้เป่ยเยวี่ยที่เห็นท่าทางแสร้งทำเป็จริงจังของหานอวิ๋นซี รอยยิ้มอันอบอุ่นที่มุมปากก็ยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
ผู้หญิงคนนี้ แม้จะแสร้งทำเป็จริงจัง แต่ก็ยังดูดีจริงๆ
หลังจากแสร้งทำเป็จริงจัง หานอวิ๋นซีก็เอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ไม่เป็อะไรแล้วเพคะ ใช้เวลาพักฟื้นอีกสักสองสามวันและเปลี่ยนยาให้ตรงเวลา หลังจากแผลหายดีก็สามารถลุกขึ้นได้แล้ว กินแค่ยาเซิงเสวี่ยตาน ไม่จำเป็ต้องทานอะไรเพิ่ม เพียงเท่านี้ก็จะหายดีแล้วเพคะ”
ฮ่องเต้เทียนฮุยพยักหน้า “หมอหลวงกู้ ข้าฝากเ้าดูแลด้วยล่ะ”
“พ่ะย่ะค่ะ!” กู้เป่ยเยวี่ยขานรับ
หานอวิ๋นซีลุกขึ้นและแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในที่สุดนางก็จัดการเื่ที่ยุ่งยากนี้ได้เสร็จสมบูรณ์ และสิ่งตึงเครียดที่อยู่ในสมองมาหลายวันก็ผ่อนคลายลงอย่างสมบูรณ์
แม้ว่าก่อนหน้านั้น ในตอนที่ขอความเมตตาเพื่อสามตระกูลหาน หานอวิ๋นซีพูดไปแล้วว่าไม่ได้้าความดีความชอบอะไร ทว่าฮ่องเต้เทียนฮุยยังคง้าให้รางวัลแก่นาง ได้มอบของให้ขันทีไปกองโต หานอวิ๋นซีที่ทำอะไรไม่ได้จึงได้เพียงขอบคุณ
เดิมทีฮ่องเต้เทียนฮุย้าที่จะอยู่กับไท่จื่อสักพัก ทว่ายังมีเื่เร่งด่วนที่ต้องจัดการ จึงทำได้เพียงต้องออกไปก่อน ก่อนจะออกไป เขาบอกหานอวิ๋นซีว่าหากมีเวลาว่างก็เข้าวังมาอยู่เป็เพื่อนไท่เฮาบ่อยๆ หานอวิ๋นซียิ้มอย่างสดใสและตอบตกลง
อย่างไรก็ตาม นางก็ไม่สบายใจเลย ไท่เฮาและอี้ไท่เฟยเป็ศัตรูกัน เป็ไปไม่ได้ที่ฮ่องเต้เทียนฮุยจะไม่รู้เื่นี้ นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหลงเฟยเยี่ยเองก็พูดได้ยาก ดังนั้นการที่นางไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับวังจะดีกว่า
จากเื่ที่แม่ของนางช่วยชีวิตไท่เฮาไว้ นางก็เข้าใจความจริงมานานแล้วว่าคนในราชวงศ์ไม่ได้สำนึกบุญคุณจริงๆ หรืออาจพูดได้ว่า ไม่สำนึกบุญคุณ ไม่ใจอ่อนและทำเป็เมินเฉยไป
แล้วจะนับประสาอะไรกับการช่วยชีวิตที่มีค่าที่สุดของพวกเขาไว้
เื่นี้ หานอวิ๋นซีคิดเพียงว่าตนเองแค่จัดการกับปัญหาที่วุ่นวายปัญหาหนึ่งก็เท่านั้น
“เสด็จอาหญิง รอให้ข้าหายดีแล้ว ข้าจะไปขอบคุณท่านด้วยตัวเองถึงหน้าประตูเลย!” หลงเทียนโม่ยังคงจมอยู่ในความสุขจนถึงตอนนี้ และดูเหมือนว่าเขาจะพูดออกมาด้วยความจริงใจ
หานอวิ๋นซียิ้ม “เื่เล็กน้อย ไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอก ไท่จื่อพักผ่อนให้ดีเถิด หากรู้สึกไม่สบายก็ต้องบอกหมอหลวงกู้”
หลังจากพูดจบ หานอวิ๋นซีก็ออกไปกับไท่เฮาและฮองเฮา ในตอนที่จะขอตัวลา ใครจะรู้ว่าไท่เฮากลับจับมือนางไว้อย่างสนิทสนมเหมือนกับครั้งแรกที่พบกัน “อวิ๋นซี อย่าเพิ่งกลับเลย ไปทานอาหารเย็นที่จวนข้าก่อน หลายวันมานี้เ้าเหนื่อยมามากแล้ว ข้าต้องตอบแทนบุญคุณเ้าสักหน่อย”
“ฮ่าๆ อวิ๋นซี เราไม่เคยเลี้ยงอาหารค่ำใครเลย เ้าโชคดีมากนะ!” ฮองเฮาพูดด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
พระเ้ารู้ดีว่าคำพูดเหล่านี้จริงหรือเท็จ แต่ตอนนี้ คำพูดเหล่านี้ทำให้หานอวิ๋นซีถึงทางตัน หากนางปฏิเสธละก็คงเป็การดูิ่ไท่เฮาเกินไป
“เช่นนั้นหม่อมฉันรบกวนด้วยเพคะ” หานอวิ๋นซีที่ดูมีความสุข ทว่ากลับบ่นอยู่ในใจ ตอนนี้นางอยากจะกลับไปอาบน้ำให้เรียบร้อยแล้วก็นอน!
นางรู้ว่าการที่ไท่เฮาเอ่ยปากช่วยนาง มันคงไม่ใช่เื่ดีแน่ๆ พระเ้ารู้ดีว่าหากไป ไท่เฮาจะต้องทำอะไรเป็แน่!
ไท่เฮาเดินอยู่ตรงกลาง หานอวิ๋นซีและฮองเฮาก็เดินอยู่ข้างๆ ตลอดทางที่ไปตำหนักไท่เฮา หานอวิ๋นซีก็เงียบไม่พูดไม่จาและคิดถึงหลงเฟยเยี่ยโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหนกันนะ? ออกไปแล้วหรือยังอยู่กับฮ่องเต้เทียนฮุย?
ช่วยมารับนางกลับจวนได้หรือไม่?
ความเป็จริงชี้ชัดแล้วว่า หานอวิ๋นซีคิดมากเกินไป
เมื่อมาถึงตำหนักของไท่เฮา งานเลี้ยงอาหารค่ำถูกจัดเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเต็มไปด้วยอาหารและสุราชั้นดีมากมาย หานอวิ๋นซีที่ไม่ได้กินอาหารร้อนๆ มาหลายวัน เมื่อเห็นมันก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
ทันทีที่นั่งลง หลังจากพูดด้วยความเกรงใจสองสามคำ เมื่อเห็นไท่เฮาและฮองเฮาขยับตะเกียบ หานอวิ๋นซีก็เริ่มกินอย่างมีความสุขทันที
“อวิ๋นซี ไม่ต้องเกรงใจนะ คิดเสียว่ากินที่จวนของตัวเอง ข้ากับหมู่เฟยของเ้าก็ไม่ได้ต่างกัน บนโต๊ะอาหารไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย” ไท่เฮาที่เดิมทีคิดจะช่วยอวิ๋นซีคีบอาหาร แต่ใครจะไปรู้ว่า หานอวิ๋นซีจะคีบด้วยตัวเอง ราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่ไท่เฮาพูดและก้มหน้าก้มตากินอย่างจริงจัง
หานอวิ๋นซีที่ไม่ได้อาย ทว่าไท่เฮาและฮองเฮาต่างมองหน้ากัน กลับรู้สึกอายแทน
“ดูสิ คงหิวมาใช่หรือไม่ กินอีกสิ กินเยอะๆ เลย” ฮองเฮารีบพูดออกมา แล้วส่งสายตาให้ไท่เฮา
หานอวิ๋นซีที่กำลังฟังอยู่ ประโยคแรกก็เปรียบเทียบกับอี้ไท่เฟยแล้ว ไท่เฮาคิดจะทำอะไรกัน?
นางไม่ได้พูดอะไร ถึงฟ้าจะกว้าง แผ่นดินจะใหญ่ แต่เื่ท้องไส้ใหญ่ที่สุด เื่อื่นรอให้อิ่มท้องก่อนแล้วค่อยคุยกัน
ไท่เฮาดื่มน้ำแกงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อวิ๋นซี ในตอนนั้น แม่ของเ้า...”
“ไท่เฮา พ่อครัวคนไหนทำน้ำแกงหม้อนี้หรือเพคะ อร่อยเหลือเกิน” หานอวิ๋นซีขัดจังหวะด้วยรอยยิ้ม
“หัวหน้าพ่อครัวของครัวหลวงปรุงให้ข้า หากชอบก็มาที่นี่บ่อยๆ รับรองว่ามีให้เ้าดื่มจนพอเลยล่ะ” ไท่เฮาพูดด้วยรอยยิ้ม
“หม่อมฉันมิกล้าหรอกเพคะ” หานอวิ๋นซีพูด
“ทำไมถึงไม่กล้าล่ะ? เ้าไม่รู้หรอกว่าในตอนนั้นก่อนที่จะอภิเษก ข้าเกือบจะได้เ้าเป็...”
“ไท่เฮา อาหารจานนี้ก็อร่อยเหมือนกัน หัวหน้าพ่อครัวทำด้วยหรือเพคะ?” หานอวิ๋นซีขัดจังหวะอีกครั้ง
ท้ายที่สุด ไท่เฮาก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้มกึ่งหนึ่งและไม่พูดอะไรอีก เป็ผลให้หานอวิ๋นซีได้กินอาหารมื้อนี้อย่างราบรื่นและพอใจอย่างมาก ไว้กินอิ่มแล้วค่อยว่ากันอีกที
หลังจากล้างปากและเปลี่ยนมานั่งที่นั่งดื่มน้ำชา ไท่เฮาก็มีโอกาสพูดเสียที แต่คิดไม่ถึงว่านางจะพูดต่อในสิ่งที่นางยังพูดไม่จบก่อนหน้านั้น “อวิ๋นซี ก่อนที่เ้าจะอภิเษก ข้าเกือบจะได้เ้าเป็ลูกสาวบุญธรรมแล้ว แม่ของเ้าเองก็ตอบตกลงแล้วเช่นกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ มือของหานอวิ๋นซีที่ถือชาก็แข็งขึ้นเล็กน้อย ไท่เฮาพูดเช่นนี้ มีจุดประสงค์อะไรกัน?
นางไม่พูดอะไรสักคำและยังคงรออย่างเงียบๆ
ไท่เฮาหยุดครู่หนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อวิ๋นซี เ้ายังเต็มใจที่จะเป็ลูกสาวบุญธรรมของข้าอยู่หรือไม่?”
มุมปากของหานอวิ๋นซีกระตุกเล็กน้อย “ไท่เฮา ขอบพระทัยในความเมตตาของท่าน การที่อวิ๋นซีได้อภิเษกกับฉินอ๋อง อวิ๋นซีได้ปฏิบัติต่อไท่เฮาเหมือนครอบครัวเช่นกัน”
ในแง่หนึ่ง หานอวิ๋นซีก็ถือเป็ลูกสะใภ้ของไท่เฮาได้เช่นกัน
คิดไม่ถึงว่าจะยอมรับนางเป็ลูกบุญธรรม หานอวิ๋นซีผู้ฉลาดก็ััได้ถึงการตีสนิททันที
“ฮ่าๆ ลูกสะใภ้มักจะไม่สนิทสนมเท่ากับบุตรสาวอย่างไรล่ะ” ไท่เฮาพูดหยอกล้อ จากนั้นก็จับมือของหานอวิ๋นซีไว้
หานอวิ๋นซีเหลือบมองไท่เฮาด้วยหางตา แน่นอนว่าสีหน้าของลูกสะใภ้ของฮองเฮาท่านนี้เปลี่ยนไปดูไม่ดีทันที แน่นอน สิ่งที่ไท่เฮาพูดมันไม่ได้มุ่งเป้าไปที่ฮองเฮา แต่พุ่งไปที่อี้ไท่เฟย
หานอวิ๋นซีเป็ลูกสะใภ้ของอี้ไท่เฟย และตอนนี้ไท่เฮาก็อยากที่จะได้นางเป็บุตรสาว ซึ่งหมายความว่า้าที่จะติดสินบนนางเพื่อจัดการกับอี้ไท่เฟยสินะ!
ในที่สุดหานอวิ๋นซีก็เข้าใจว่าทำไมในตอนนั้นไท่เฮาต้องให้บุตรสาวของผู้มีพระคุณอภิเษกกับบุตรชายของศัตรู ที่แท้คือวางแผนจะให้นางปลอมตัวไปเป็สายลับ!
เพียงแต่ไม่ได้คาดคิดว่านางจะเติบโตมาเป็เด็กสาวอัปลักษณ์ที่ไร้ประโยชน์คนหนึ่ง
ไม่ต้องพูดถึงเื่การเป็สายลับเลย หานอวิ๋นซีไม่มีความคิดที่จะทำ และแม้ว่าจะทำ นางก็ไม่มีทางทำกับหลงเฟยเยี่ยอย่างแน่นอน ความขัดแย้งระหว่างไท่เฮาและอี้ไท่เฟย อย่างไรมันก็คือความขัดแย้งระหว่างฮ่องเต้กับหลงเฟยเยี่ย และการสั่งให้นางไปเป็สายลับข้างกายหลงเฟยเยี่ย เรียกได้ว่าเป็การรนหาที่ตายชัดๆ!
คำพูดของไท่เฮาที่แม้ว่าจะคลุมเครือ แต่เมื่อคนฉลาดฟังแล้วกลับเข้าใจได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
เมื่อเห็นหานอวิ๋นซีลังเล ไท่เฮาก็ขยิบตาให้ฮองเฮา ฮองเฮาจึงเอ่ยปากพูดว่า “อวิ๋นซี ไท่เฮาไม่มีบุตรสาว ทรงอยากได้บุตรสาวมาตลอด แม้จะพูดว่าเป็ลูกบุญธรรม แต่ก็จะปฏิบัติต่อเ้าเหมือนเหมือนบุตรสาวของนางเอง ถ้ามีใครกล้ารังแกเ้า ไม่ต้องพูดถึงไท่เฮาและข้า แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ช่วยไม่ได้”
ฮึฮึฮึ หานอวิ๋นซีถอนหายใจในใจ เ้าเล่ห์เหลือเกิน นี่กำลังบอกนางว่าตราบใดที่นางพยักหน้า ฮ่องเต้ก็คงเห็นนางเป็ที่พึ่งพาอย่างนั้นใช่หรือไม่
มองไปที่รอยยิ้มที่อ่อนโยนของฮองเฮา และใบหน้าของไท่เฮาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง หานอวิ๋นซีอยากบอกพวกนางเหลือเกินว่าสายลับมักจะถูกฆ่าตาย และทั้งหมดก็จะเป็คำสัญญาที่ว่างเปล่า
หานอวิ๋นซีดื่มชาในมืออย่างเงียบๆ ยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่าบุตรสาวย่อมสนิทกว่าลูกสะใภ้อยู่แล้ว
“ใช่ๆ” ฮองเฮาพยักหน้า
“ลูกสะใภ้ก็คือคนนอก” หานอวิ๋นซีพูดต่อ
ฮองเฮาคิดว่านางเห็นด้วย จึงพยักหน้าทันที
“ลูกสะใภ้ไม่สนิทกัน!” หานอวิ๋นซีพูดอีกครั้ง
ขณะนี้ ในที่สุดฮองเฮาฟังแล้วก็รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ตนเองเป็ลูกสะใภ้และแม่สามีก็อยู่ข้างๆ นาง!
ในดวงตาของนางฉายแววไม่พอใจ ทว่าก็ยังคงอดทนต่อไป
ทว่าไท่เฮากลับมีความยินดีที่ได้ยินเช่นนั้น นางเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ว่าเพียงหานอวิ๋นซีสามารถรักษาไท่จื่อได้ นางก็จะไม่สนใจความคับข้องใจในอดีตและทำตามแผนที่วางไว้เมื่อหลายปีก่อน โดยให้หานอวิ๋นซีไปเป็สายลับอยู่ในจวนฉินอ๋อง
เดิมทีคิดว่าหานอวิ๋นซีจะคิดเื่นี้อีกสักหน่อย แต่ใครจะรู้ว่าอวิ๋นซีจะเห็นด้วยกับคำพูดของนางมากขนาดนี้
“อวิ๋นซี เ้าเข้าใจก็ดีแล้ว ดีแล้วล่ะ เช่นนี้เื่นี้เราคงไม่ต้อง...”
ใครจะไปรู้ว่าไท่เฮาที่ยังไม่ทันจะพูดจบ หานอวิ๋นซีจะยืนขึ้นและคำนับถวายพระพร “อวิ๋นซีได้รับพรที่เป็ความรักจากไท่เฮาแล้ว อวิ๋นซีขอบพระทัยไท่เฮาเพคะ”
ไท่เฮาพึงพอใจเป็อย่างมากและยื่นมือไป “เด็กโง่ ถ้าแม่ของเ้าไม่จากไปก่อนเวลาอันควร ระหว่างเราก็คงไม่มีอะไรที่ต้องเข้าใจผิดกัน เ้าก็ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานมากขนาดนี้ มีข้าคอยหนุนหลังอยู่ อี้ไท่เฟยไม่กล้าทำให้เ้าลำบากอย่างแน่นอน”
หานอวิ๋นซียิ้มจางๆ ดูเหมือนทำอะไรไม่ถูก แต่จริงๆ แล้วเป็การประชดประชัน นางพูดว่า “ไท่เฮา แม้ว่าท่านแม่จะล่วงลับไปแล้ว แต่อวิ๋นซีก็อภิเษกออกเรือนไปอยู่กับสามีแล้ว เื่ลูกบุญธรรม อวิ๋นซีไม่สามารถตัดสินใจได้ เหตุใดไท่เฮาไม่ถามฉินอ๋องดูล่ะเพคะ?”
อะไรนะ?
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทั้งไท่เฮาและฮองเฮาต่างชะงักไป จากนั้นสีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
ความดุร้ายฉายแววส่องประกายในแววตาของไท่เฮา จนแทบจะะเิออกมา หานอวิ๋นซีนะหานอวิ๋นซี พูดมาตั้งนาน เ้ากำลังล้อข้าเล่นอยู่หรือไร!
เห็นได้ชัดว่าเื่นี้มุ่งเป้าไปที่อี้ไท่เฟยและฉินอ๋อง คิดไม่ถึงว่านางจะกล้าพูดว่าให้ไปหาฉินอ๋องเพื่อหารือเกี่ยวกับเื่นี้!
ดีจริงๆ!
ช่างเป็หญิงสาวที่ออกเรือนแล้วจริงๆ ปฏิเสธได้โดยสิ้นเชิง ปฏิเสธได้ยอดเยี่ยมเหลือเกิน! ทำให้นางและฮองเฮาไม่สามารถโกรธและไม่สามารถถือโทษได้
ถ้ารู้มาก่อนหน้านี้ นางก็คงไม่เปิดปากขอร้องตระกูลหาน!
มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้างกำแน่น ระงับความโกรธ ไท่เฮาเองก็ไม่ได้อยากที่จะหาเื่ใส่ตัว หากเื่นี้ไปถึงหูของฉินอ๋องและอี้ไท่เฟยเมื่อไร ไม่เพียงแต่จะทำให้พวกเขาหัวเราะเยาะเท่านั้น ทั้งยังทำให้พวกเขายิ่งได้ใจ
ไท่เฮาเองก็โกรธเช่นกัน “ไอ้หยา อย่าบอกนะว่าฉินอ๋องลืมเื่นี้ไปแล้ว เสด็จแม่ ท่านชอบอวิ๋นซี แต่อย่างไรนางเป็คนของจวนฉินอ๋อง เ้าไม่รู้นิสัยของอี้ไท่เฟยกับฉินอ๋องหรือไร หากให้พวกเขารู้เกี่ยวกับเื่นี้ ก็จัดการไม่ได้น่ะสิ!”