ท่าทางของเป่ยเหลียนโม่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง เขากล่าวเสียงเย็นว่า “ทหาร ช่วยส่งซ่งเช่อเฟยออกไปด้วย”
องครักษ์สองคนที่อยู่ข้างนอกผลักประตูเข้ามาและยืนอยู่ตรงหน้าซ่งอีอี ดูท่าว่าหากนางไม่ยินยอม เช่นนั้นก็มีแต่ต้องถูกโยนออกไปเท่านั้น
“ท่านอ๋องทรงประกาศชัดว่าจะสืบสวนเื่นี้ เหตุใดยามนี้เมื่อความจริงมาอยู่เบื้องหน้าแล้วพระองค์กลับปฏิเสธที่จะยอมรับมันเล่าเพคะ?”
ซ่งอีอีรู้สึกว่าตัวนางช่างน่าขันเสียจริง ไม่คาดคิดเลยว่ายามนี้นางจะต้องใช้ความรักที่เป่ยเหลียนโม่มีให้สตรีอื่นเพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง แต่ถึงแม้จะเป็เช่นนี้ นางก็ยังคงอยากอยู่เคียงข้างเขาด้วยความเต็มใจ
“ไม่จำเป็แล้ว” เป่ยเหลียนโม่กล่าว “สิ่งที่เปิ่นหวัง้าสืบก็สืบได้ชัดเจนแล้ว ความลับที่ซ่งเช่อเฟยเก็บซ่อนไว้ในอ้อมแขนก็จงเก็บไว้ชื่นชมเองเสียเถิด”
องครักษ์ขนาบข้างซ้ายขวาและบีบให้นางออกไปข้างนอก จากนั้นก็ปิดประตูห้องลง ในเหลาสุราแห่งนี้เต็มไปด้วยเสียงผู้คนดังจอแจ ในยามที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องนั้นซ่งอีอียังลอบดีใจอยู่ ด้วยคิดว่าเป่ยเหลียนโม่ไม่ได้ไร้เยื่อใยกับนางถึงเพียงนั้นจริงๆ
ทว่ายามนี้ดูเหมือนว่าเขาคงไม่อยากให้คนสังเกตเห็นได้ ดังนั้นจึงเรียกนางเข้าไป
“เช่อเฟย พระองค์ไม่เป็อะไรใช่หรือไม่เพคะ?”
ข้าหลวงที่รออยู่ด้านนอกเหลาสุรารีบเข้าไปรับ “เรารีบกลับวังกันเถิดเพคะ หากอวี๋เฟยรู้ว่าเราลอบออกมานอกวัง พระองค์จะต้องไม่พอพระทัยอีกแน่ๆ เลยเพคะ”
ใช่ ซ่งอีอียิ้มขมขื่น นางพะว้าพะวังเกี่ยวกับอวี๋เฟยเหนียงเหนี่ยง ลึกเข้าไปในวังหลวงแห่งนั้น ไม่มีวันใดเลยที่นางจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางจึงไม่ได้รู้สึกเ็ปกับคำกล่าวเมื่อครู่ของเป่ยเหลียนโม่อีกแล้ว
เพียงได้พบเขาสักครั้ง ถึงแม้ว่าจะถูกหักหน้าก็ยังดีกว่าคำกล่าวตามมารยาทอันจอมปลอมหลังกลับเข้าไปในวังหลวง
“ข้าจะต้องได้ท่านอ๋องมาครอง ต้องได้มาเท่านั้น” ซ่งอีอีพึมพำ “ไม่ว่าจะต้องแลกมาด้วยอะไรก็ตาม ข้าจะต้องเอาเขามาให้ได้”
ข้าหลวงได้ยินไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ไม่ได้ถามสิ่งใดเพิ่มเติม เช่อเฟยผู้นี้อาศัยอยู่ในวังหลวงด้วยสีหน้าเหม่อลอยตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังไม่ได้รับความโปรดปรานจากองค์ชายสามอีกด้วย ยามนี้หวังเพียงว่าจะมีพระชายาเอกผู้ซึ่งเป็ที่โปรดปรานเข้ามาอีกสักคน ไม่เช่นนั้นหากต้องรับใช้เ้านายเช่นนี้ก็คงไม่มีความหวังแล้วจริงๆ
เหยาเชียนเชียนที่อยู่นอกนครหลวงกำลังเดินตามเหล่าสาวใช้เพื่อไปเตรียมการหมักดอกกุหลาบที่เพิ่งเก็บกลับมาได้ ดอกกุหลาบเหล่านี้ล้วนถูกเพาะปลูกอย่างพิถีพิถันโดยเหล่าบ่าวไพร่ เหยาเชียนเชียนคิดว่าหากนำมาทำเป็น้ำจิ้มกุหลาบจะต้องอร่อยยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
“เมื่อหมักเสร็จแล้วก็ส่งไปให้ท่านอ๋องหนึ่งไห” นางปิดผนึกมันอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็สั่งให้คนนำไปวางไว้ในที่มืดและเย็น “อาเหยียนมานี่หน่อย มื้อเที่ยงเ้าอยากกินอะไร?”
เด็กน้อยปีนขึ้นไปบนตักของนางอย่างชำนาญ และบอกว่าปลากระรอกทอดเปรี้ยวหวานเมื่อวานรสชาติไม่เลว ไม่รู้ว่ายามนี้ยังมีเหลืออยู่หรือไม่
“เช่นนั้นแม่จะให้ทางห้องเครื่องลองดูก่อน หากไม่มีปลากระรอกทอดเปรี้ยวหวานแล้วแม่จะทำปลาต้มพริกให้เ้าแทน”
ระหว่างนั้นเหยาเชียนเชียนคิดว่าดองผักเพิ่มอีกสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน ครั้งหน้าจะทำเป็ปลาต้มผักดอง นางได้เรียนรู้วิธีทำมาแล้ว
ชีวิตที่นี่ดูเหมือนจะเชื่องช้ากว่าเมื่อก่อนอยู่สักหน่อย เหยาเชียนเชียนรู้สึกว่าที่ผ่านมานางใช้ชีวิตหรูหราเกินไป เมื่อไม่ต้องแบกสถานะหวังเฟยไว้แล้ว และนางอยู่ที่นี่ไม่มีคนคอยควบคุม อยากทำอะไรก็ทำสิ่งนั้น เป็อิสระยิ่งนัก
เมื่อไม่ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงต่างๆ นางก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกกลั่นแกล้ง หรือถูกจับสังเกตได้ว่านางแตกต่างจากเหยาเชียนเชียนคนเดิม และไม่ต้องคอยระแวดระวังว่าจะมีคนมาทำร้ายนางอยู่ตลอดเวลา
“ดีจัง” ทว่านางอดไม่ได้ที่จะถอนใจออกมา “ท่านอ๋องอยู่ที่นครหลวงเพียงลำพังแต่ยังต้องคอยลำบากเป็ธุระให้ข้าอีก ข้าทำเขาลำบากแล้วจริงๆ”
ยามนี้นางและอาเหยียนไม่ได้อยู่ข้างๆ เขา เช่นนั้นเขาก็คงไม่มีคนให้พูดคุยด้วยเป็แน่
เหยาเชียนเชียนทอดถอนใจ พลันรู้สึกอยากพบเขาขึ้นมา ความคิดถึงเอ่อล้นราวกับน้ำที่ทะลักออกจากเขื่อนยามเปิดที่กั้นออกแล้วไม่สามารถปิดลงได้ นางไม่รู้สึกว่าการที่นางคิดถึงเป่ยเหลียนโม่มีสิ่งใดผิดปกติเลย ถึงจะเป็สหายกัน ทว่าเขาทุ่มเททั้งแรงใจและจิติญญาเพื่อนางเช่นนี้นางก็ควรตอบแทนเขาบ้าง
“ข้าทำอาหารเพิ่มอีกสักหน่อยและสั่งให้คนไปส่งให้ท่านอ๋องดีหรือไม่?”
อาเหยียนนั่งฟังอย่างเงียบๆ เขาอยากจะบอกนางเหลือเกินว่าไม่จำเป็ จากที่เขาลองคำนวณดูอีกไม่นานท่านพ่อก็น่าจะมาถึงแล้ว
เป็เช่นนั้น ทันทีที่ฟ้ามืดลง เงาดำร่างหนึ่งก็ะโเข้ามาในเรือน
เดิมทีอาเหยียนกำลังจะนำไหน่ผีจื่อ [1] ไปให้ผู้เป็แม่ลองชิม แต่ทันทีที่เข้าไปในสวนก็พลันสบตาเข้ากับเ้าแมวดำ และในวินาทีนั้นภายในเรือนก็เงียบสงัด มีเพียงแค่สายลมที่พัดผ่านแ่เบา
แมวดำร้องขึ้นมาเสียงหนึ่ง “อะแฮ่ม!”
“ไหน่ผีจื่อนี้ดูเหมือนจะไม่สดใหม่แล้ว” อาเหยียนก้มหน้าลงแล้วหมุนตัวกลับ ก่อนจะกล่าวด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมว่า “ช่างเถิด พรุ่งนี้ค่อยทำมาให้ท่านแม่ใหม่แล้วกัน”
ถือว่าเด็กคนนี้รู้กาลเทศะไม่น้อย แมวดำมองเขาอย่างพึงพอใจอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงะโขึ้นไปบนหน้าต่างและลงสู่พื้นอย่างชำนาญ
เหยาเชียนเชียนถือจอกน้ำชาอยู่ในมืออย่างใจลอย แมวดำเดินเข้าไปอย่างเงียบเชียบและใช้อุ้งเท้าสะกิดข้างแก้มของนางเบาๆ ดูเหมือนว่านางจะผอมลงเล็กน้อย
“โอ๊ะ เสี่ยวไกวไกว?”
เหยาเชียนเชียนอุ้มมันขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ พลางหอมแก้มแมวดำไปฟอดใหญ่ จากนั้นจิตใจของนางก็ค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมาทีละน้อย
“เ้าหายไปที่ใดมา ข้าก็คิดว่าคืนนั้นข้าฝันไปเสียอีก” นางลูบหัวเล็กของแมวดำเบาๆ พลางพินิจมองมันอย่างละเอียด “ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด แต่ดวงตาของเ้ามักทำให้ข้านึกถึงท่านอ๋องได้เสมอ”
หญิงสาวถอนหายใจยาว นางรู้สึกเหี่ยวเฉาเล็กน้อย
“ไม่รู้ว่ายามนี้ท่านอ๋องจะเป็อย่างไรบ้าง ฮ่องเต้จะทำให้เขาลำบากใจหรือไม่ แล้วเขายังคงลำบากทั้งกายและใจเพื่อเื่ของข้าอยู่หรือไม่ อันที่จริงเขาไม่จำเป็ต้องรีบร้อนเลย ข้าอยู่ที่นี่สบายดี ทั้งยังมีอาเหยียนคอยอยู่เป็เพื่อนด้วย ต้องอยู่อีกนานเท่าใดก็ไม่เป็ปัญหาเลย”
จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร แมวดำเบิกตากว้าง เ้าเป็หวังเฟยของเปิ่นหวังก็ควรจะอาศัยอยู่ที่จวนอ๋อง เขาไม่เคยได้ยินว่ามีหวังเฟยคนใดพักอาศัยอยู่ที่เรือนพักข้างนอกเลย เช่นนั้นเขาควรทำอย่างไร?
เ้ารอก่อน เปิ่นหวังสืบสวนได้ชัดเจนแล้ว อีกไม่นานก็จะล้างมลทินให้เ้าได้แล้ว
“เ้าคิดว่าหากพรุ่งนี้ข้าแอบไปหาท่านอ๋อง ข้าจะโดนจับได้หรือไม่?”
เหยาเชียนเชียนเม้มปาก นางครุ่นคิดเื่นี้มาตลอดทั้งบ่าย ในยุคสมัยนี้ไม่มีบัตรประจำตัวและไม่มีกล้องวงจรปิดคอยตรวจตรา ถึงแม้ว่านางจะถูกฮ่องเต้เนรเทศออกจากนครหลวงและไม่อนุญาตให้นางกลับเข้าไป
ทว่าก็ต้องระวังสักหน่อย ดังนั้นหากนางแอบกลับเข้าไปนครหลวงอย่างเงียบๆ เช่นนั้นจะมีผู้ใดรู้ได้เล่า?
“ข้าสามารถปลอมตัวนิดๆ หน่อยๆ ได้ เ้าดูสิ แม้แต่อาเหยียนยังสามารถนั่งรถม้ามาที่นี่กลางดึกได้ เช่นนั้นข้าก็สามารถทำได้เหมือนกันน่ะสิ?”
หากเป็เวลากลางคืนก็จะยิ่งไม่มีผู้ใดสังเกตเห็น นางสามารถโกหกว่าตัวเองป่วยและปิดบังใบหน้าไว้ หรือว่าซ่อนตัวอยู่ในกล่องหรือถังไม้อะไรทำนองนั้น จากนั้นก็เข้าไปยังนครหลวงและเข้าไปในจวนอ๋องโดยไม่ถูกผู้ใดพบเห็น
“ข้าคิดว่าข้าทำได้” นางอุ้มแมวดำขึ้นมาแล้วเอ่ยถามว่า “เ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?”
เปิ่นหวังคิดว่าไม่ได้
แมวดำมองนางอย่างจริงจัง ยามเมื่อได้รู้ว่านางคิดถึงเขาก็รู้สึกดีใจเสียจนเกือบรักษาร่างเดิมไว้ไม่ได้ เขาอยากจะกลับคืนร่างมนุษย์แล้วกอดนางเสีย และบอกนางว่าเขาไม่เป็อะไร เขาสบายดี และเขาก็คิดถึงนางเช่นกัน
ในยามนี้มันไม่ง่ายเลยที่เหยาเชียนเชียนจะเปลี่ยนแปลงความรู้สึกที่มีต่อเขาบ้างแล้ว ทว่าชิงผิงอ๋องรู้สึกว่าความรู้สึกคะนึงหานี้ควรจะเพิ่มขึ้นให้มากยิ่งกว่านี้ มากจนถึงระดับที่ไม่สามารถยับยั้งความรู้สึกนั้นไว้ได้ ต้องสลักลงบนกระดูกจารึกลงบนหัวใจถึงจะดีที่สุด
หากสามารถใช้โอกาสนี้ผลักดันความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนให้ก้าวไปข้างหน้าได้อีกก้าวหนึ่ง เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก
“พรุ่งนี้ข้าจะลองไปปรึกษากับพ่อบ้านดูสักหน่อย ลองดูว่าเขาสามารถส่งข้ากลับไปได้หรือไม่” เหยาเชียนเชียนอุ้มแมวดำกลับไปที่เตียง และทอดมองแสงจันทร์ที่ส่องสว่างอยู่ข้างนอกพลางกล่าวพึมพำว่า “หวังว่าท่านอ๋องจะสบายดีนะ”
แมวดำถูไถศีรษะกับปลายคางของนางไปมา เปิ่นหวังสบายดี เ้าไม่ต้องเป็ห่วง
“ที่จริงเื่นี้ข้าเป็คนดึงท่านอ๋องเข้ามาพัวพันไปด้วย ในเมื่อฮ่องเต้้าให้ข้าจากไป เช่นนั้นการที่เขาไปสืบสวนอย่างลำบากจะสืบพบสิ่งใดได้อีกเล่า?”
แมวดำอ้าปากค้าง แต่ก็กลืนคำพูดลงไปได้ทันเวลา ไม่ใช่นะ เสด็จพ่อไม่ได้จงใจวางแผนทำร้ายเ้า เสด็จพ่อเพียงแค่ถูกหลอกใช้ไปด้วยเท่านั้น
หากจะกล่าวจริงๆ ก็ต้องกล่าวโทษที่ฮ่องเต้ไม่ยอมสืบสาวความจริง เขาไม่โปรดนาง ดังนั้นจึงโยงเื่ราวทั้งหมดนี้ไว้กับตัวนาง และเขาก็ค่อยๆ ยอมรับมันว่าทั้งหมดเป็ความผิดของเหยาเชียนเชียน
ทว่านี่ไม่ใช่เจตนาเดิมของฮ่องเต้ เขาให้ความสำคัญกับบุตรชายมาก ดังนั้นถึงได้กริ้วอย่างรุนแรงเช่นนี้ แม้ว่าเขาจะเพ่งเล็งนางอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้จงใจสร้างสถานการณ์ที่อันตรายเช่นนี้เพื่อวางแผนจัดการนาง
“เวลานั้นที่ข้าอยู่ในสุสานหลวง เพียงแค่แววตาที่ฮ่องเต้ทอดมองมาที่ข้านั้นก็ผิดปกติแล้ว ราวกับว่าเขา้าให้ข้าชดใช้ให้องค์ชายด้วยชีวิต อวี๋เฟยก็เป็ลมไม่ได้สติอยู่ข้างใน ฮ่องเต้เห็นสภาพเช่นนั้นของนางแล้วแต่ก็ยังไว้ชีวิตข้าได้ คาดว่าเขาคงเห็นแก่ท่านอ๋อง”
ก่อนหน้านี้เหยาเชียนเชียนเคยรู้สึกว่านางอาจเป็อันตรายถึงชีวิตได้ทุกเมื่อหากมีเป่ยเหลียนโม่อยู่ข้างๆ แต่คาดไม่ถึงเลยว่าเมื่อผ่าน่เวลาเ่าั้มาได้แล้ว กลับกลายเป็ว่าชิงผิงอ๋องเป็ดั่งยันต์คุ้มครองตัวนางแทนเสียเอง
นอกจากนั้น นางไม่คาดคิดเลยว่าวันหนึ่งนางจะคิดถึงอีกฝ่ายเช่นนี้
แมวดำยกขาหน้าขึ้นและวางลงบนไหล่ของนาง คล้ายกับพยายามจะมอบอ้อมกอดให้นาง
หากอวี๋เฟยไม่ได้กำกับและดำเนินการแสดงด้วยตัวเอง นางก็ไม่ต้องทนทุกข์กับความคับข้องใจนี้ ยามนี้ฮ่องเต้ยังคงกริ้วอยู่ และอวี๋เฟยก็ลงมืออย่างระมัดระวังและรอบคอบ ให้เวลาเขาอีกสักหน่อยเถิด เมื่อเขาสบโอกาสก็จะสามารถล้างมลทินให้นางได้อย่างแน่นอน
ทว่าการที่ซ่งอีอีมาพบเขาในวันนี้กลับสร้างความแปลกใจให้เขาไม่น้อย
สตรีผู้นั้นมีท่าทางลำพองใจด้วยคิดว่านางรู้ตัวคนร้ายที่อยู่เื้ัเื่ราวทั้งหมดแล้ว เช่นนั้นนางก็จะสามารถมาประจบประแจงเขาได้ในคราวเดียว ช่างน่าขันยิ่งนัก
ฮ่องเต้ให้ความสำคัญกับทารกในครรภ์เป็อย่างยิ่ง และทรงจัดสรรให้ข้าหลวงจำนวนมากไปคอยปรนนิบัติที่ตำหนักของอวี๋เฟย หากจะกล่าวว่ารอบกายของนางแข็งแกร่งไร้เทียมทานก็ไม่เกินจริง ทว่าภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็ยังคงมีคนลอบทำร้ายนางได้ ดังนั้นคนแรกที่เป่ยเหลียนโม่สงสัยก็คือตัวอวี๋เฟยเอง
แต่มีข้อเดียวที่ทำให้เขาลังเลก็คือเื่ที่อวี๋เฟยจะสามารถลงมือทำเื่เช่นนี้ได้จริงๆ หรือ?
เพราะถึงอย่างไรเด็กในครรภ์นี้ก็ถูกให้ความสำคัญอย่างยิ่ง หากสามารถคลอดออกมาได้ ถึงแม้จะเป็องค์หญิง ฮ่องเต้ที่ซึ่งมีลูกในวัยชราแล้วย่อมต้องยินดีอย่างแน่นอน ทว่าอวี๋เฟยกลับใช้เด็กคนนี้เป็เครื่องมือในการกำจัดเหยาเชียนเชียน สิ่งที่ต้องแลกมันไม่มากเกินไปหน่อยหรือ
แมวดำซุกไซ้ไปยังลำคอของเหยาเชียนเชียน เขาอยากจะบอกเล่าเื่นี้ให้นางฟังั้แ่ต้นจนจบ แต่ก็รู้สึกว่าใน่เวลาที่ดูจริงจังและฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ไม่ควรปล่อยให้แมวตัวหนึ่งมาแย่งการเป็จุดสนใจไป
เพราะฉะนั้นโปรดรอก่อนเถิด เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าเหยาเชียนเชียนอย่างสง่าผ่าเผย และจะดึงนางขึ้นมาจากหลุมเลนของการถูกใส่ร้าย
แต่ก่อนหน้านั้น เขาจะต้องไปจัดการเื่หนึ่งเสียก่อน
สายลมพัดพาเอาความหนาวเย็นในยามค่ำคืนจากไป และค่อยๆ พัดพานำแสงอาทิตย์ยามเช้ามาอย่างเนิบช้า
หลังจากที่เหยาเชียนเชียนล้างหน้าล้างตาเรียบร้อยแล้วก็ไปหาพ่อบ้านทันที และแอบบอกแผนการที่นางคิดไว้เมื่อวาน ในแผนการทั้งหมดมันคงจะมีแผนการที่สามารถทำได้อยู่บ้างกระมัง?
“แม่นางเหยา ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากรับปากท่านจริงๆ นะขอรับ แต่หากถูกจับได้จะต้องโทษตัดศีรษะเลยนะขอรับ” พ่อบ้านกล่าวอย่างเคร่งเครียด “ท่านไม่มีหมายเรียกตัวกลับนครหลวง หากมีคนพบเห็นและจำได้ นั่นจะถือเป็การิ่ราชโองการของฮ่องเต้ และองครักษ์ที่เฝ้าประตูจะสามารถปะาท่านได้ในทันทีนะขอรับ”
ร้ายแรงขนาดนั้นเลยหรือ เหยาเชียนเชียนเม้มปาก แต่นางก็อยากไปหาชิงผิงอ๋องจริงๆ
“ท่านอ๋องเขา...”
“เมื่อถึงเวลานั้นท่านอ๋องก็ช่วยท่านไม่ได้ขอรับ” พ่อบ้านปิดประเด็นสนทนาของนาง “เดิมทียามนี้ท่านก็มีปัญหารัดตัวอยู่แล้ว ดังนั้นควรจะสร้างปัญหาให้น้อยลงสิขอรับ การรอข่าวอยู่ที่นี่เป็หนทางดีที่สุดแล้ว”
อาเหยียนพยักหน้าตามไปด้วย ทั้งคู่เข้ากันเป็ปี่เป็ขลุ่ย ทำให้เหยาเชียนเชียนรู้สึกจากส่วนลึกของหัวใจว่าการที่นางไม่ทำอะไรเลยนั้นจะเป็การช่วยเหลือชิงผิงอ๋องได้ดีที่สุดแล้ว
นางไร้ประโยชน์จริงๆ ด้วยสินะ ฮือๆๆๆ!
เชิงอรรถ
[1] ไหน่ผีจื่อ(奶皮子)เป็ขนมท้องถิ่นของมองโกเลีย ทำจากนม มีลักษณะเป็แผ่นบางๆ
