ทั้งสองคนเพิ่งเหาะออกไปได้ไม่ถึงสามจั้ง พลันมีแสงเพลิงพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เมื่อพวกเขาสังเกตเห็น ลำแสงนั้นก็พุ่งมาถึงตรงหน้าพวกเขาแล้ว
เปรี้ยง!
แสงเพลิงพุ่งเข้าชนร่างของสองคนนั้นจนกระเด็นถอยหลังไปสามสิบจั้ง แล้วจึงหยุดนิ่งลง
แสงเพลิงหยุดนิ่งอยู่เหนือตระกูลเสิ่น แสดงภาพมายาเป็ร่างของเสี่ยวเหยียน
ส่วนร่างของเสิ่นเสวียนค่อยๆ ปรากฏขึ้นข้างกายเสี่ยวเหยียน ลอยอยู่กลางอากาศด้วยท่าทางสบายๆ
เมื่อพลังถึงขั้นแก่นทองคำระดับต้นแล้ว ทำให้เขาสามารถเหาะอยู่กลางอากาศ่ระยะเวลาหนึ่งได้โดยไม่เปลืองแรงนัก
“ได้ยินว่าพวกเ้า้าเจอข้าอย่างนั้นหรือ”
เสิ่นเสวียนยืนอยู่กลางอากาศ กล่าวเสียงเรียบ
เคล็ดวิชาบำเพ็ญเพียรให้ความสำคัญกับรายละเอียด แม้เขายังไม่ถึงขั้นเหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ด้วยเคล็ดวิชาบำเพ็ญเพียรทำให้เขาสามารถยืนอยู่กลางอากาศได้
“ยืนอยู่กลางอากาศ! เ้าอยู่ในขั้นราชันอย่างนั้นหรือ”
ผู้นำที่อยู่ในขั้นราชันผู้นั้นมองเสิ่นเสวียน ภายใต้หน้ากากิญญามีความสงสัยอยู่เล็กน้อย
ในข้อมูลที่เขาได้รับมา เสิ่นเสวียนมีพลังยุทธ์ขั้นแม่ทัพเท่านั้น เหตุใดตอนนี้ถึงต่างกันมากขนาดนี้
หากอีกฝ่ายอยู่ในขั้นราชันจริงๆ เขาคงรั้งเอาไว้ได้ยากมาก
บนยอดหอคอยตระกูลหาน หานหนานเทียนและคนผู้นั้นลุกขึ้นยืน ต่างมองไปบนท้องฟ้าเหนือตระกูลเสิ่น
พวกเขากึ่งดีใจ กึ่งกังวล
ที่ดีใจคือเสิ่นเสวียนออกมาแล้ว ในที่สุดเขาก็ได้แก้แค้นแล้ว ส่วนที่กังวลคืออีกฝ่ายแข็งแกร่งขึ้นจริงๆ!
“เ้าไม่รู้จักข้าเลยด้วยซ้ำ เหตุใดถึง้าตัวข้า”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่ายด้วยความโกรธ ไม่ว่าจะเป็เผ่าอนธการหรือตระกูลหานมาหาเื่เขายังพอเข้าใจได้ เพราะตนทำร้ายพวกเขาไปแล้ว แต่คนที่ไม่ได้รู้จักเขาเลยอย่างเ้านี่กลับเข้ามาหาเื่ แบบนี้ทำเกินไปแล้วหรือเปล่า
“ปล่อยผู้เฒ่าล่างของข้าลง เขาอายุมากขนาดนี้แล้ว ทนกับการทรมานของเ้าไม่ได้หรอก”
ทว่าขั้นราชันผู้นั้นกลับเชื่อฟังเสิ่นเสวียนจริงๆ เขาคลายมือปล่อยให้ร่างของเสิ่นล่างร่วงหล่นลงไปทันที เสี่ยวเหยียนพุ่งดิ่งลงไปรับเสิ่นล่างเอาไว้ได้
เสิ่นล่างเหาะขึ้นไป้าอีกครั้งด้วยร่างที่สั่นเทิ้ม กล่าวกับเสิ่นเสวียน “เ้ากลับมาทำไม เ้าสู้พวกเขาได้หรือ”
“ผู้เฒ่าล่าง ลำบากท่านแล้ว ระหว่างที่ข้าเก็บตัวฝึกฝนข้าได้รับโอกาสและโชคที่ยิ่งใหญ่ กำลัง้าคนมาทดสอบพลังอยู่พอดี แล้วข้าก็คิดว่าเขาไม่เลวเลยทีเดียว
เสิ่นเสวียนสะบัดหัวเล็กน้อยยืดเส้นยืดสาย กล่าวด้วยท่าทางผ่อนคลายอย่างยิ่ง
ประโยคนั้นดังก้องอยู่ในหูของเสิ่นล่างที่กำลังสับสน หรือว่าเสิ่นเสวียนตั้งใจสู้กับขั้นราชันผู้นั้นจริงๆ
“เ้าคือเสิ่นเสวียนอย่างนั้นหรือ”
“ไร้สาระ ไม่รู้จักข้าแล้วมาตามหาข้าทำไม”
“ไม่เลวเลย น่าสนใจยิ่งนัก”
คนผู้นั้นพยักหน้า กระตุกยิ้มมุมปากภายใต้หน้ากากิญญา
“ว่ามา ใครสั่งเ้ามา”
เสิ่นเสวียนลอยอยู่ตรงนั้นพลางกล่าว
หานหนานเทียนที่อยู่บนยอดหอคอยตระกูลหานรู้สึกตึงเครียด กลัวว่าอีกฝ่ายจะซัดทอดมาถึงเขา
“เขาคงไม่บอกออกไปใช่ไหม” หานหนานเทียนถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ
“ไม่หรอก เขาเก็บความลับได้เป็อย่างดี”
“หานหนานเทียน”
ขั้นราชันที่ลอยอยู่ตรงนั้นกล่าวเสียงเรียบ เขาเปิดเผยชื่อของหานหนานเทียนออกมาตรงๆ
ทั้งสองคนบนยอดหอคอยตระกูลหานสีหน้าเปลี่ยนไปทันที โดยเฉพาะคนที่ท่าทางเหมือนโจรใจเหี้ยมผู้นั้นที่มีสีหน้าเก้อเขินเล็กน้อย
บนท้องฟ้าเหนือตระกูลเสิ่น ขั้นราชันผู้นั้นมองเสิ่นเสวียนด้วยท่าทางผ่อนคลายไม่ปิดบังอะไรเลย จากนั้นเขาก็ถอดหน้ากากออก
เขาดูเหมือนมีอายุกว่าสี่สิบปี บนใบหน้ามีรอยบากจากตาซ้ายไปถึงคาง เหมือนเคยโดนใครฟันหน้ามา
“เหลยต้งแห่งสำนักตี้หยิน!”
เมื่อถอดหน้ากากออก เสิ่นล่างที่ลอยอยู่ข้างๆ พลันะโออกมาทันทีด้วยสีหน้าตื่นใ เขาคิดไม่ถึงเลยว่าคนผู้นี้คือเหลยต้งจากสำนักตี้หยิน!
่วัยหนุ่มเขาไปท่องเที่ยวหาประสบการณ์อยู่ภายนอก เคยเข้าไปในอาณาเขตที่ถูกทอดทิ้งแล้วเห็นการเข่นฆ่าสังหารอยู่หลายครั้ง ในตอนนั้นเขาเคยเห็นเหลยต้งสังหารขั้นราชันคนหนึ่งตายไปกับตาตนเอง
สถานที่ที่เรียกว่าอาณาเขตที่ถูกทอดทิ้ง คืออาณาเขตที่ไม่สนใจแคว้นต่างๆ ไม่สนใจการค้า และไม่สนใจกฎเกณฑ์ต่างๆ ที่มนุษย์กำหนดขึ้นเช่นกัน
มันมีชื่อว่า ‘หุบเขาสุขาวดี’
คนที่ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ต่างเป็คนกระหายเื พวกเขาอาจเป็ที่หมายหัวจากแคว้นต่างๆ หรืออาจโดนไล่ล่าจนต้องมาซ่อนตัวที่นี่
สรุปแล้ว ชื่อเสียงอันโเี้ของหุบเขาสุขาวดีเลื่องลือไปทั่วทั้งแคว้น ส่วนเหลยต้งผู้นี้คือคนที่โด่งดังมากในหุบเขาสุขาวดี
เหลยต้งเป็บุตรบุญธรรมที่ประมุขสำนักาุโแห่งสำนักตี้หยินเก็บมาเลี้ยง ทว่าภายหลังเขาเข้า่ชิงตำแหน่งมาและยึดครองสำนักตี้หยิน พลังของเขาไม่ได้อยู่ในจุดสูงสุดของหุบเขาสุขาวดี แต่ระดับความโเี้ของเขากลับอยู่ในสิบอันดับแรก
“เขายอดเยี่ยมมากเลยหรือ”
เสิ่นเสวียนหันไปถามเสิ่นล่างที่กำลังตื่นใ เขาไม่รู้เลยจริงๆ ว่าอีกฝ่ายเป็ใครมาจากไหน
“เ้าต้องโง่ขนาดไหน แม้แต่ชื่อของข้ายังไม่เคยได้ยิน”
เหลยต้งเห็นท่าทางของเสิ่นเสวียน เดิมทีคิดว่าอีกฝ่ายจะหวาดกลัวจนต้องอ้อนวอนขอชีวิต ที่นี่ห่างจากหุบเขาสุขาวดีไม่ถึงสามพันลี้เลยด้วยซ้ำ ชื่อเสียงโเี้ของเขายังมาไม่ถึงที่นี่อีก ช่างน่าผิดหวังจริงๆ
“ท่านผู้นำ คนผู้นี้โเี้อำมหิตมาก เคยสังหารผู้แข็งแกร่งขั้นราชันมาก่อน ท่านต้องระวังให้มาก”
เสิ่นล่างกล่าวกับเสิ่นเสวียนด้วยสีหน้าเคร่งขรึม รู้สึกเครียดยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
แม้คนจากสำนักไท่อีจะแข็งแกร่ง แต่เสิ่นเสวียนปกปิดตัวตนไว้ล่วงหน้าแล้ว ในตอนนี้เื้ัของพวกเขาคือตระกูลเสิ่น จะแอบซ่อนที่ไหนได้อีก แน่นอนว่าใน่เวลาสำคัญ แม้เขาต้องตายก็ต้องปกป้องเสิ่นเสวียนไว้ให้ได้
เสิ่นเสวียนคือความหวังของตระกูลเสิ่น ตราบใดที่เสิ่นเสวียนยังมีชีวิตอยู่ ตระกูลเสิ่นต้องรุ่งเรืองขึ้นไปได้อย่างแน่นอน
“ข้าเข้าใจแล้ว ตระกูลหานเชิญพวกเ้ามาใช่ไหม หลังจากนั้นก็ส่งให้มาจัดการตระกูลเสิ่นของข้า” เสิ่นเสวียนกล่าวอย่างเข้าใจ
“ฮ่าๆ ตระกูลหาน เ้าเด็กหานหนานเทียนนั่นยังไม่มีสิทธิ์เชิญข้าหรอก”
เหลยต้งหัวเราะเสียงเย็น สำหรับเขาแล้วเมืองอวี่ฮว่าเป็เพียงเมืองที่ด้อยความสามารถ พลังอำนาจที่นี่เทียบได้กับการทะเลาะวิวาทเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ไม่ได้ยิ่งใหญ่อะไรเลย
“อ้อ ไม่ใช่ตระกูลหานอย่างนั้นหรือ น่าสนใจจริงๆ”
เสิ่นเสวียนมองอีกฝ่ายพลางพยักหน้า เื่ราวที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ธรรมดาขนาดนั้น แต่ก็มั่นใจได้ว่าต้องเกี่ยวข้องกับตระกูลหานอย่างแน่นอน
ส่วนบนยอดหอคอยตระกูลหาน ชายวัยกลางคนหน้าตาเหมือนโจรใจเหี้ยมผู้นั้นเหงื่อไหลเต็มใบหน้า ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนเลยว่าเหลยต้งจะเชื่อถือไม่ได้ขนาดนี้เพราะอีกฝ่ายไม่ค่อยพูด ที่เลือกเขาก็เพราะเขาโเี้และน่าเชื่อถือ ที่ไหนได้กลับเป็คนพูดมากเสียนี่
“น่าเสียดายจริงๆ ต้นกล้าที่ดีเช่นนี้กลับต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่”
เหลยต้งส่ายหัว กล่าวด้วยความเสียดาย จากนั้นแววตาของเขาพลันเย็นเยียบขึ้นมา
“อธิษฐานให้ชาติหน้าของเ้าอย่าได้เจอข้าอีกก็แล้วกัน”
ระหว่างที่กล่าว ฝ่ามือของเขาโจมตีเข้าใส่เสิ่นเสวียนอย่างแม่นยำ กลุ่มก้อนพลังรวมตัวกันอย่างรวดเร็วที่ใจกลางฝ่ามือ เพียงไม่กี่ลมหายใจก็กลายเป็ลูกไฟขนาดใหญ่เท่ากำปั้นแล้ว
ลูกไฟดวงนั้นพุ่งออกจากใจกลางฝ่ามือ ตรงเข้าใส่เสิ่นเสวียนด้วยความเร็วสูงดูน่ากลัว
กลุ่มก้อนพลังพุ่งถึงตรงหน้าเสิ่นเสวียนในพริบตาเดียว
“ระวัง!”
เสิ่นล่างที่อยู่ข้างๆ ะโเตือนเสิ่นเสวียนเสียงดังก้อง แต่เพราะเขาเสียพลังไปมาก ทำให้เขาไม่มีพลังเข้าไปขวางไว้
ทว่าในตอนที่เหลยต้งคิดว่าเสิ่นเสวียนต้องตายแน่ๆ เขากลับเห็นเสิ่นเสวียนยกมือขึ้นตบลูกไฟดวงนั้นอย่างจัง
ลูกไฟดวงนั้นไม่ได้ะเิออก แต่มันกระเด็นกลับไปหาเหลยต้งตามแรงที่เสิ่นเสวียนตบกลับไป
มันพุ่งไปรวดเร็วยิ่งกว่าก่อนหน้านี้มาก
“หืม?”
เหลยต้งมองลูกไฟที่พุ่งกลับมาด้วยสีหน้าตึงเครียด เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วปล่อยลูกไฟที่ใหญ่กว่าเดิมออกไปทันที
ตูม!
พลังทั้งสองพุ่งเข้าปะทะกันและะเิขึ้นบนท้องฟ้าเหนือตระกูลเสิ่น ควันหนาทึบปกคลุมไปทั่ว เสียงดังกึกก้องจนแก้วหูแทบแตก ในขณะที่พลังะเิออก คลื่นพลังมิติสั่นะเืเล็กน้อย ร่างของเสิ่นเสวียนปรากฏขึ้นเหนือหัวของเหลยต้ง สองมือจับกระบี่เพลิงเอาไว้แน่นก่อนฟันใส่เหลยต้ง
“เผ่าอนธการ!”
เมื่อเห็นกระบี่ฟันลงมา เหลยต้งจึงะโออกไปด้วยความใ