บทที่ 25 เื่ใหญ่
“ได้ ข้าอนุญาต จงกักบริเวณหลิ่วเจ๋อหนึ่งเดือน หากคิดจะหนี ฆ่าทิ้งทันที หลังจากนั้นหนึ่งเดือน หากแพ้ ข้าจะไว้ชีวิตและขับไล่เ้าออกจากสำนักชิงหยุน แต่หากชนะ เ้าสามารถฆ่าหลิ่วเจ๋อได้” พูดจบผู้าุโผู้ดูแลยอดเขาหลักก็จากไปทันที เขาทนอยู่ตรงนี้ต่อไม่ไหว เพราะมันช่างน่าอับอายเหลือเกิน ถูกศิษย์รับใช้แห่งเขาชิงจู๋มาเคาะประตูบ้านเช่นนี้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
“ขอบพระคุณท่านาุโสำหรับความช่วยเหลือ” ฉินชูประสานมือคารวะท่านาุโที่หันหลังจากไป
เมื่อจัดการปัญหาเสร็จ ฉินชูก็พาผู้ติดตามกลับไป
หลังจากกลับมาจากยอดเขาหลัก ฉินชูก็ชักกระบี่ออกมาหมายสังหารหลี่ปัวกับลูกน้องของมัน
“ลูกพี่ ปล่อยให้เป็หน้าที่ของข้าเถอะ ข้าจะทำให้มันได้ชดใช้ในสิ่งที่ทำ” ไป๋อวี้พูดกับฉินชู
“งั้นเ้าเอาไปจัดการเอง” ในเมื่อไป๋อวี้ขอ ฉินชูก็จัดให้ เพราะไป๋อวี้เปรียบเสมือนพี่น้องที่ฉินชูยอมรับ อีกทั้งโอสถถอนพิษที่ไป๋อวี้ให้เขากินก็มีราคาแพงไม่น้อย
ไป๋อวี้กับเอ้อพั่งลากหลี่ปัวและลูกน้องจากไป ฉินชูก็ไม่ถามอะไรอีก
เมื่อกลับมาถึงยอดเขาชิงจู๋ ฉินชูก็พาเหล่าศิษย์รับใช้กลับมาที่ลานหอศิษย์รับใช้ ส่วนเหล่าผู้าุโแห่งยอดเขาชิงจู๋ก็กลับไปเรียกลูกศิษย์สายในและสายนอกบนยอดเขามาประชุมที่ลานฝึกตน แน่นอนว่าเหล่าลูกศิษย์ทางการทั้งหลายถูกสั่งสอนเสียยกใหญ่ เนื่องจากความสามารถของศิษย์สายนอกสู้กับศิษย์รับใช้ไม่ได้ พวกเขาขาดทั้งปณิธานอันแน่วแน่และความกล้าหาญ อีกทั้งยังเตือนลูกศิษย์ทางการทั้งหลายทำนองว่าห้ามมีพฤติกรรมแบบเดียวกับหลี่ปัวอีก หากมี...ฆ่าทิ้งสถานเดียว
หลังจากนั้นหนึ่งวัน ไป๋อวี้กับเอ้อพั่งก็กลับมาที่ลานศิษย์รับใช้ โดยไร้ร่องรอยของหลี่ปัวและลูกน้อง
ฉินชูไม่ถามอะไรอีก เพราะรู้ดีว่าไป๋อวี้จะจัดการเื่ได้อย่างสมเหตุสมผล
แต่ถึงต่อให้ฉินชูไม่ถาม เอ้อพั่งก็เล่าให้ฟังอย่างตื่นเต้น หลี่ปัวมีสภาพน่าเวทนาเป็ที่สุด ถูกตัดขาทั้งสองข้างและถูกตอน สุดท้ายถูกตัดหัวจบชีวิต
“กล้าดียังไงมามีเื่กับลูกพี่ เป็บุญของมันแค่ไหนแล้วที่ถูกทรมานแค่หนึ่งวัน” เอ้อพั่งกัดฟันพูด เขาเคารพศรัทธาในตัวฉินชูเป็ยิ่งนัก เพราะฉินชูนำเกียรติและศักดิ์ศรีมาสู่หอศิษย์รับใช้ ดังนั้นใครที่กล้ามาหาเื่ลูกพี่ของเขา เขาไม่ยอมเด็ดขาด
“จัดการเรียบร้อยแล้วก็ดี หลังจากนี้จงพยายามขึ้นอีก เป็ศิษย์รับใช้ก็ไม่น้อยหน้าใคร แต่คนที่ไม่พยายามพัฒนาตัวเองต่างหากที่น่าอาย” ฉินชูพูดกับเอ้อพั่ง
ยอดเขาชิงจู๋มีชื่อเสียงขึ้นมาแล้ว นอกจากยอดเขาหลัก ตอนนี้ยอดเขาที่เหลืออีกห้าลูกล้วนรู้จักหัวหน้าศิษย์รับใช้แห่งยอดเขาชิงจู๋ รวมถึงทราบข่าวที่ว่าเขา้าท้าสู้กับศิษย์สายนอกและต่อสู้กับศิษย์สายในแห่งยอดเขาหลักในศึกเป็ตาย
ก่อนที่ข่าวจะแพร่กระจายออกไป มีเพียงคนจำนวนหนึ่งที่รู้ แต่หลังจากข่าวกระจายออกไป ตอนนี้กลายเป็เื่ใหญ่ทันที
ทุกคนล้วนตั้งหน้าตั้งตารอชมการต่อสู้ระหว่างศิษย์รับใช้กับลูกศิษย์ทางการ หากศิษย์รับใช้ชนะขึ้นมา ศักดิ์ศรีศิษย์รับใช้ก็จะถูกยกระดับสูงขึ้น แต่ถ้าแพ้ก็ถือเป็เื่ปกติ ไม่มีอะไรต้องขายหน้า
สำหรับคนที่รอชม ฝ่ายที่ต้องรู้สึกกดดันกลับเป็เหล่าลูกศิษย์จากยอดเขาชิงหยุนที่เป็ถึงยอดเขาหลักในบรรดายอดเขาทั้งเจ็ด หากพวกเขาจัดการเื่นี้ไม่ดี คงหน้าแตกย่อยยับแน่นอน
ปรมาจารย์ผู้ดูแลยอดเขาชิงหยุนอย่างซูซานเหอโมโหเป็ยิ่งนัก ทั้งโมโหหลิ่วเจ๋อ ทั้งโมโหฉินชูที่ฉินชูไม่ไว้หน้ายอดเขาหลักเลยแม้แต่น้อย
ขณะที่ซูซานเหอกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการเื่นี้อย่างไร ผู้าุโระดับสามนามว่าจางจี้ก็เข้ามาหา เขาเป็อาจารย์ของหลิ่วเจ๋อ
“ท่านรองเ้าสำนัก ศิษย์รับใช้คนนั้นอวดดีเหลือเกิน ท่านต้องจัดการเื่นี้” ผู้าุโระดับจางจี้แสดงจุดยืนของตัวเอง
“ถูกต้อง จะปล่อยให้เขาปีนเกลียวแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ทางสำนักต้องรักษากฎของสำนัก การที่ศิษย์รับใช้ไม่รู้จักสถานะตัวเองเช่นนี้ มันไม่ถูกต้อง” ซูซานเหอพูดเสียงเย็น เขาไม่อยากให้เื่บานปลายไปมากกว่านี้ เพราะไม่ว่าฉินชูจะแพ้หรือชนะ ทางยอดเขาหลักก็เสียหน้าอยู่ดี
ฉินชูยังคงฝึกตนอยู่อย่างสม่ำเสมอ ตอนนี้เขาอยู่ห่างจากขั้นที่สองหนิงหยวนอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น ฝึกตนต่อไปอีกนิดเดียวแล้วเสถียรพลังต่ออีกหน่อยก็สามารถบรรลุขั้นหนิงหยวนได้แล้ว และนี่ก็เป็หนึ่งในเป้าหมายที่เขา้าจะบรรลุภายในหนึ่งเดือนเช่นกัน เขามั่นใจมาตลอดว่าจะสามารถบรรลุขั้นหนิงหยวนได้ภายในหนึ่งเดือน การต่อสู้กับลูกศิษย์ทางการหลังจากนี้จะไม่ระคายมือเขาแม้แต่น้อย จะให้สู้ตอนนี้ก็ยังได้
บ่มเพาะพลังปราณหนึ่งคืนเต็ม ขณะที่กำลังจะขัดเกลาวิชากระบี่ต่อ เหล่าผู้ดูแลของสำนักสองสามคนก็ปรากฏตัวขึ้นมา โดยมีเอ้อพั่งเป็ผู้นำพามาที่ผาหินตัด ซึ่งพวกเขาเป็ผู้ดูแลจากยอดเขาชิงหยุน
“ศิษย์รับใช้ฉินชูผู้ละเมิดกฎของสำนัก ท่านผู้ดูแลยอดเขาหลักได้สั่งลงโทษเ้า” หัวหน้าผู้ดูแลพูดขึ้น
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉินชูไม่ต่อต้านแต่อย่างใด ตอนนี้เขายังไม่สามารถต่อต้านกฎของสำนักได้ อีกอย่างเขายังต้องรบกวนให้โม่เต้าจื่อช่วยเหลือเขาอยู่ หากทำตัวเหิมเกริมเกินไป โม่เต้าจื่ออาจจะไม่ช่วยเหลือเขาก็เป็ได้
ก่อนหน้านี้ฉินชูคิดว่าตัวเองสามารถโต้แย้งได้บ้าง แต่ในความเป็จริงแล้ว ‘ไม่มี’ เขาจึงยอมจำนนถูกกักขังที่ยอดเขาชิงหยุน
สถานการณ์นี้ทำให้ฉินชูจนปัญญาเป็ยิ่งนัก เขารู้ดีว่าการกระทำอันไร้เหตุผลของปรมาจารย์ผู้ดูแลยอดเขาหลักก็เพื่อปกป้องศักดิ์ศรี เขาคิดว่าทางยอดเขาชิงจู๋คงยอมรับการกระทำแบบนี้ไม่ได้ ขืนยอมจำนนถูกจับอยู่แบบนี้ แล้วศักดิ์ศรีของยอดเขาชิงจู๋จะอยู่ที่ไหน
ตอนนี้คงยังไม่มีใครรู้ว่าเขาถูกจับตัวมา เหล่าผู้ดูแลระดับสูงของเขาชิงจู๋คงไม่มีเวลามาใส่ใจศิษย์รับใช้อย่างเขาเป็พิเศษ
การที่ฉินชูหายตัวไปหนึ่งวันเต็ม ทำให้ไป๋อวี้ร้อนใจยิ่งนัก เขารู้ได้ทันทีว่าเกิดเื่กับฉินชู และพอจะเดาได้ว่าคงถูกผู้ดูแลยอดเขาหลักพาตัวไป แต่เขาไม่มีสิทธิ์ทักท้วง จึงไปหอคุณูปการและเล่าเื่นี้ให้ผู้ดูแลหานฟัง
เื่นี้ทำเอาผู้ดูแลหานอึ้งงัน แม้่นี้ข่าวของฉินชูจะเป็เื่ใหญ่ แต่เขารู้สึกว่าฉินชูไม่ควรถูกปฏิบัติเช่นนี้ เพราะฉินชูไม่ได้แหกกฎข้อไหนของสำนัก แต่แค่แหกหน้าคนบางกลุ่มเท่านั้น
หลังจากบอกไป๋อวี้ให้รออยู่เฉยๆ ผู้ดูแลหานก็รายงานเื่นี้ไปยังผู้าุโระดับสูงของยอดเขาชิงจู๋
หลังจากปรมาจารย์ผู้ดูแลยอดเขาชิงจู๋นามว่าหลัวเจินทราบเื่ก็รีบเดินทางมายังยอดเขาหลักเพื่อถามถึงสถานการณ์ดังกล่าวทันที
“ปรมาจารย์หลัว เ้าศิษย์รับใช้คนนี้ไม่สำเหนียกสถานะของตัวเอง เล่นสนุกจนไฟลามทุ่ง ทำเอาศิษย์ในสำนักมากมายไม่พอใจ เื่นี้จำเป็ต้องจัดการอย่างเด็ดขาด” ซูซานเหอกล่าว
“ท่านรองเ้าสำนัก จริงอยู่ว่าฉินชูเป็อย่างที่ท่านกล่าว แต่เขาก็ไม่ได้ละเมิดกฎข้อใดของสำนักไม่ใช่หรือ” หลัวเจินไม่มีวันละทิ้งฉินชูเพียงเพราะประโยคเดียวของซูซานเหอ
“การที่ศิษย์รับใช้ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองแบบนี้ทำให้ปกครองภาพรวมของสำนักได้ยาก ดังนั้นจำเป็ต้องจัดการ ปรมาจารย์หลัวหยุดพยายามได้แล้ว นี่เป็การตัดสินใจของข้าร่วมกับผู้าุโท่านอื่น” ซูซานเหอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด เขาเป็ปรมาจารย์ผู้ดูแลยอดเขาหลักและยังเป็รองเ้าสำนักชิงหยุน ดังนั้นจึงมีอำนาจใหญ่กว่าปรมาจารย์ผู้ดูแลยอดเขาทั่วไป
ปึง!
หลัวเจินทุบโต๊ะลุกพรวดขึ้น “นี่ท่านรองเ้าสำนักกำลังใช้อำนาจข่มเหงคนอยู่กระนั้นหรือ ข้ายอมรับเื่แบบนี้ไม่ได้”
หลัวเจินสะบัดชายแขนเสื้อออกจากห้องโถงยอดเขาหลักและมุ่งตรงมาที่พื้นที่คุมขัง
หลัวเจินไม่เพียงแค่เป็ปรมาจารย์ผู้ดูแลยอดเขาชิงจู๋ แต่ยังมีศักดิ์เป็ถึงผู้าุโระดับสูงของสำนัก ดังนั้นผู้คุมขังจึงไม่กล้าขวางทางเขาและพาเขาไปยังสถานที่กักขังฉินชูแต่โดยดี
เมื่อเห็นฉินชูกำลังเข้าฌานอยู่ หลัวเจินก็พยักหน้าอย่างชื่นชม “ชื่นชอบหรืออดสูล้วนไม่เก็บไปใส่ใจ ไม่ถูกล่อลวงด้วยกำไรหรือขาดทุน ปล่อยเขา!”
เมื่อหลัวเจินสั่งให้ปล่อยฉินชู ผู้คุมขังก็เกิดลังเล “ท่านาุโหลัวขอรับ นี่เป็คำสั่งของท่านรองเ้าสำนัก ดังนั้นต้องได้รับอนุญาตจากปากผู้สั่งก่อนถึงจะปล่อยตัวคนนี้ได้”
“ในเมื่อเป็ศิษย์ของเขาชิงจู๋ หากกระทำความผิดก็ต้องเป็หน้าที่ของเขาชิงจู๋ ข้าจะพูดอีกครั้ง ปล่อยเขาซะ!” ใบหน้าของหลัวเจินฉายแววเย็นะเื อำนาจของสำนักชิงหยุนตกอยู่ที่ซูซานเหอแต่เพียงผู้เดียวแล้วอย่างนั้นหรือ เื่นี้หลัวเจินไม่ยอมเด็ดขาด
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดัน ผู้คุมขังจึงจำใจต้องปล่อยฉินชู เพราะเขาไม่อยากมีเื่กับหลัวเจิน
เมื่อหลุดจากการคุมขัง ฉินชูก็ขอบพระคุณหลัวเจิน
“พวกเราเหล่าศิษย์แห่งยอดเขาชิงจู๋ ตายในการต่อสู้ได้ แต่ไม่มีทางยอมจำนนจนตัวตาย เมื่อเ้าถึงคราวต้องสู้ จงสำแดงพลังของเ้าออกมาให้ผู้คนเกรงขาม กลับกันเถอะ” หลัวเจินพูดกับฉินชู