ภายในห้องพิเศษ ตี้ ในมือเฟิ่งเฉี่ยนที่กุมหมากขาวตกอยู่ในความคิดของตน เดิมทีการเผชิญหน้ากับซือคงเซิ่งเจี๋ยสำหรับนางแล้วถือเป็คู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง นางมีความกดดันมากอยู่แล้ว ตอนนี้สิ่งแวดล้อมรอบๆ กายของนาง น้ำจากบ่อน้ำทำให้เสื้อผ้าอาภรณ์ของนางเปียกชุ่ม ร่างกายค่อยๆ รู้สึกหนาวะเื ย่อมส่งผลต่อสมาธิและความคิดของนางไม่มากก็น้อย สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำให้นางมีความกดดันมากขึ้น
“หมากดำคิดอะไรอยู่กันแน่นะ” นางพูดกับตนเองแล้วเปลี่ยนมือที่ถือกระทะ ใช้มือขวาถือหมาก มือซ้ายถือกระทะ ขณะที่มือทั้งสองข้างสลับสับเปลี่ยนกันอยู่นั้น ในสมองของนางพลันกระจ่างแจ้ง นางเข้าใจแล้ว!
“ที่แท้เป็เช่นนี้เอง! นี่เป็หมากลวงก้าวหนึ่งเท่านั้น หมากลวงที่คิดจะบดบังผืนฟ้าขณะก้าวข้ามมหาสมุทร แผนการที่แท้จริงของเขาอยู่บริเวณมุมบนขวา!” เฟิ่งเฉี่ยนส่ายหน้าเมื่อกระจ่างแจ้งแก่ใจ นางถอนใจเฮือกๆ “เป็หมากลวงที่ยอดเยี่ยม! ซือคงเซิ่งเจี๋ย! เซียนหมากล้อมผมเงิน! จิตใจช่างโเี้!”
หลังจากรู้แผนการของเขา เฟิ่งเฉี่ยนคิดจะเดินหมากก้าวต่อไปทันที ทว่าวินาทีที่นางกำลังจะวางหมากลงบนกระดาน มือของนางพลันชะงัก คำพูดของเซวียนหยวนเช่อดังขึ้นในสมองของนาง “กฎในการเดินหมากของเจิ้น จะใช้พละกำลังเพียงหกส่วนในการโจมตีเสมอ ส่วนพละกำลังอีกสี่ส่วนนั้นต้องป้องกันกักเก็บเอาไว้ เช่นนี้แล้วจึงจะสามารถรักษาสมดุลให้ตนเองใจเย็นสุขุมมั่นคงได้ั้แ่ต้นจนจบกระดาน ยืนอย่างมั่นคงเดินหมากอย่างสุขุม ย่อมลดโอกาสผิดพลาดได้ ทำให้ศัตรูไม่มีทางฉวยโอกาสโจมตี!”
หมากในมือของนางเคลื่อนไหวช้าๆ แล้ววางลงบนอีกตำแหน่งหนึ่ง
ริมฝีปากของนางยกยิ้มมั่นใจ
บนกระดานหมากใหญ่ ปรากฏให้เห็นตำแหน่งที่หมากขาววางลงไปอย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ในชุมนุมหมากล้อมเกิดเสียงฮือฮาขึ้นอีกครั้ง
“ไฉนจึงเดินตำแหน่งนี้”
“ไม่มีเหตุผล! เดินตำแหน่งนี้ไม่มีประโยชน์แม้แต่น้อย!”
“แม่นางเฟิงกำลังคิดอะไรอยู่”
“หรือไม่มีความสามารถอื่นอีกแล้ว”
หานไท่ฟู่เห็นเช่นนั้นจึงตบเข่าฉาด เขาร้อนใจ “นี่มันอะไรกัน เดินในตำแหน่งข้างๆ ดีเพียงใดกัน อีกสองตำแหน่งนั่นก็ไม่เลว! ไม่ว่าจะเดินตำแหน่งใด ย่อมดีกว่าตำแหน่งนี้เป็ร้อยร้อยเท่า! เ้าเด็กคนนี้ คิดอะไรอยู่กันแน่ ข้าร้อนใจจะแย่อยู่แล้ว!”
หานหลินเยว่กลับไม่คิดเช่นนั้น “ท่านปู่ ท่านร้อนใจอะไรเ้าคะ ท่านประมือกับแม่นางเฟิงมากี่ครั้ง ท่านเคยเห็นนางเดินหมากส่งเดชหรือ ข้าเชื่อว่าหมากก้าวนี้ นางจะต้องมีเหตุผลของนาง”
นางหันไปมองฟางเสีย “ศิษย์พี่ฟาง ทักษะการเดินหมากของท่านเหนือกว่าพวกเราทุกคน ท่านอธิบายให้พวกเราฟังสักหน่อยเ้าค่ะ หมากก้าวนี้ของแม่นางเฟิงหมายความอย่างไร”
หานไท่ฟู่คิดว่าคำพูดของหลานสาวมีเหตุผล เขาเคยประมือกับเด็กคนนี้มาตั้งหลายครั้ง ทุกครั้งมองไปแล้วเหมือนไร้เหตุผล ทว่าสุดท้ายกลับมีประโยชน์ อีกทั้งในนาทีวิกฤติไม่แน่ว่าอาจจะคลี่คลายด้วยหมากก้าวนี้ ดังนั้นเขาจึงกล่าวเร่ง “ฟางเสีย เ้าทักษะสูงกว่าใคร เ้ามาอธิบายให้พวกเราฟัง!”
ได้ยินหานไท่ฟู่กล่าวเช่นนี้ ทุกคนจึงหันมามองฟางเสียเพื่อรอคำอธิบาย
ฟางเสียกระแอมกระไอให้คอโล่งแล้วเอ่ยว่า “ก็ได้ เช่นนั้นข้าจะอธิบาย...”
รอบๆ พลันเงียบเสียงลง แต่ละคนฟังด้วยท่าทางคอยืดคอยาว จากนั้นได้ยินฟางเสียพูดต่อว่า “หมากก้าวนี้...ที่จริงข้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน!”
เพ้ย หานไท่ฟู่เกือบหมดสติ!
หานหลินเยว่เองก็เช่นกัน
คนที่รายล้อมอยู่รอบๆ ก็ไม่ต่างกัน!
ดีนัก พูดมาตั้งนาน เขาเองก็ไม่เข้าใจ!
อ๊ากๆๆ ช่างเป็การเสียเวลาและเสียอารมณ์โดยแท้!
ตำหนักหงเหวิน เมื่อเห็นตำแหน่งที่หมากขาววางลงไป บรรดาขุนนางส่งเสียงฮือฮาทันที
“เอ๊ะ ไฉนจึงเดินตำแหน่งนี้”
“ชัดเจนเหลือเกินว่าที่เป็การเดินหมากแย่ๆ ก้าวหนึ่ง!”
“หมากก้าวนี้ไม่สมควรอย่างยิ่ง!”
“นี่แหละนะ ทักษะการเดินหมากของมือสมัครเล่น!”
“ตอนนี้ข้าเริ่มเสียใจแล้ว รู้แต่แรกข้าควรวางเดิมพันข้างหมากดำ!”
“ข้าก็เสียใจเช่นกัน! ตอนนี้เปลี่ยนเดิมพันไปวางข้างหมากดำทันหรือไม่”
“...”
เมื่อมีผู้กลัดกลุ้ม ย่อมมีผู้ยินดี ทว่าในเมื่อเป็ศึกที่เกี่ยวพันกับชื่อเสียงของแผ่นดิน ผู้ที่ยินดีจึงมิกล้าแสดงความรู้สึกออกนอกหน้านัก
มหาเสนาบดีเฟิ่งชังส่ายหน้าเสียดาย “ดูท่าแล้วข้าทายไม่ผิด หากว่ากันด้วยทักษะการเดินหมาก แม่นางเฟิงและซือคงเซิ่งเจี๋ยยังห่างชั้นกันอีกโยชน์!”
หลี่หรงเต๋อสีหน้าไม่ค่อยน่าดูนักเช่นกัน เขามองออกว่าตำแหน่งที่หมากขาวเดินมิใช่ตำแหน่งดีเด่อันใด ทว่าในเมื่อเขาวางเดิมพันว่าหมากขาวชนะ ต่อให้เป็ผลไม้รสขมเขาก็ต้องกล้ำกลืนลงไป เขาแค่นเสียงฮึอย่างไม่สบอารมณ์ “ผลแพ้ชนะยังไม่ออกมา จะไม่ดีใจเร็วเกินไปหน่อยหรือ!”
มหาเสนาบดีเฟิ่งลอบลำพองใจ เขาคร้านจะถือสาหลี่หรงเต๋อ
กลับเป็ไท่จื่อน้อยเสียอีกที่เก็บอัดความคับข้องใจเอาไว้เต็มท้อง เขาส่งเสียงออกมาอย่างทนไม่ไหว “ท่านตา เหตุใดท่านจึงว่ากล่าวเสด็จ...พี่สาวเฟิงเช่นนี้ พี่สาวเฟิงไปทำอะไรล่วงเกินท่านไว้หรือ”
มหาเสนาบดีเฟิ่งตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าองค์ไท่จื่อน้อยจะสร้างความลำบากใจให้กับเขาเช่นนี้ เขาหน้าแดงก่ำ พูดด้วยความอดทน “ไท่จื่อทรงเข้าพระทัยผิดแล้ว! กระหม่อมไม่ได้คิดจะดูแคลนแม่นางเฟิง กระหม่อมเพียงแต่...”
“ท่านตา ท่านไม่ต้องอธิบายแล้ว!” ไท่จื่อน้อยยกกำปั้นน้อยๆ ขึ้นมาพร้อมกับเอ่ยวาจาหนักแน่น “ไม่ว่าท่านจะมองพี่สาวเฟิงอย่างไร เย่เอ๋อร์ยังคงคิดว่าพี่สาวเฟิงเก่งกาจกว่าซือคงเซิ่งเจี๋ยอยู่ดี! พี่สาวเฟิงจะต้องชนะแน่นอน!”
โอ๊ะ ถูกหลานชายตัวน้อยของตนเองฉีกหน้า เฟิ่งชังรู้สึกกระอักกระอ่วนใจอย่างที่สุด ทว่าเขาไม่อาจตอบโต้ได้
หากเขามาทะเลาะกับเด็กน้อยคนหนึ่ง เช่นนั้นเขาย่อมต้องเสียภาพพจน์ของมหาเสนาบดีของแผ่นดิน
เห็นเฟิ่งชังพูดไม่ออก หลี่หรงเต๋อหัวเราะออกมา “ท่านมหาเสนาบดีเฟิ่ง องค์ไท่จื่อตรัสถูกต้องแล้ว! ท่านดูแคลนแม่นางเฟิงเช่นนี้ คงมิใช่เป็เพราะแม่นางเฟิงเคยทำอะไรล่วงเกินท่านหรอกนะ ฮ่าๆๆ...”
เฟิ่งชังโกรธจนหน้าแดง เ้าสิ่งของโบราณนี่ ถึงกับขว้างปาก้อนหินใส่คนที่ตกลงไปในบ่อต่อหน้าธารกำนัล
เฟิ่งชังกำลังจะพ่นวาจาระบายโทสะ องค์ไท่จื่อน้อยกลับชิงเอ่ยวาจาก่อน “ใต้เท้าหลี่ ข้าว่าท่านมิได้วางเดิมพันข้างพี่สาวเฟิงด้วยความจริงใจอะไร ท่านเพียงแค่้างัดข้อกับท่านตาของข้าเท่านั้นเอง! ในเมื่อเป็เช่นนี้ รบกวนท่านอย่าได้วิพากษ์วิจารณ์ทักษะการเดินหมากของพี่สาวเฟิงส่งเดชอีก ข้าฟังแล้วไม่ชอบใจอย่างยิ่ง!”
โอ๊ะ หลี่หรงเต๋อกระอักกระอ่วนเช่นกัน
เพิ่งจะหัวเราะเยาะเฟิ่งชังเสร็จ คิดไม่ถึงว่าตนเองจะถูกไท่จื่อน้อยฉีกหน้าเช่นกัน
ใบหน้าวัยชรานั้นแดงก่ำ แทบจะแทรกแผ่นดินหนี
ครานี้ เฟิ่งชังอารมณ์ดีขึ้นมาก อย่างไรหลานชายของเขาก็ยังอยู่ข้างเขา
เซวียนหยวนเช่อกวาดสายตาเ็าปราดหนึ่ง แววตาของเขาคมปลาบเอ่ยตำหนิว่า “เย่เอ๋อร์ อย่าเสียมารยาท! ยังไม่รีบขอขมาใต้เท้าทั้งสองท่านอีก”
องค์ไท่จื่อน้อยทำปากย่นยู่ เขาลุกขึ้นยืนจากที่นั่งของตนด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ แม้ในใจจะเต็มไปด้วยความไม่ยินยอม แต่ยังคงหันไปประสานมือเป็หมัดน้อมคำนับคนทั้งสองแล้วพูดด้วยท่าทางเป็การเป็งาน “เย่เอ๋อร์เอาแต่ใจ พูดจาไม่ให้เกียรติ หวังว่าท่านตาและใต้เท้าหลี่จะให้อภัย เย่เอ๋อร์ขอขมาท่านทั้งสองตรงนี้!”
เฟิ่งชังเห็นเช่นนั้นจึงรีบคำนับตอบ “มิกล้ามิกล้า! ไท่จื่อน้อยไร้เดียงสาไม่มีพิษมีภัย พูดจาตรงไปตรงมา เป็กระหม่อมเองที่เอ่ยวาจาล่วงเกิน กระหม่อมควรละอายใจมากกว่าพ่ะย่ะค่ะ!”
หลี่หรงเต๋อรีบคำนับตอบเช่นกัน “องค์ไท่จื่อกล่าวหนักไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
องค์ไท่จื่อน้อยหันหน้าไปมองบิดาบนบัลลังก์ครู่หนึ่ง แล้วนั่งลงหงอยๆ
ผู้เป็บิดาย่อมเข้าใจบุตรชายที่สุด เซวียนหยวนเช่อย่อมรู้ว่าบุตรชายไม่มีความสุขเพราะรู้สึกไม่ได้รับความเป็ธรรม ดังนั้นเขาจึงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “ตามที่เจิ้นดูแล้ว หมากขาวก้าวนี้เดินได้เยี่ยมยอดที่สุด ไม่เพียงแต่ทำลายหมากลวงของหมากดำ ซ้ำยังถอยและรุกได้อย่างอิสระ ดูไปแล้วธรรมดาสามัญ ทว่ากลับเป็การเดินหมากที่แสนจะธรรมดาหลังจากอ่านเกมที่เยี่ยมยอดออก ไม่ง่ายดายจริงๆ!”
ไท่จื่อน้อยได้ยินเช่นนั้นจึงเงยหน้าขึ้นด้วยสีหน้าเบิกบานอีกครั้ง หลังจากมองไปที่กระดานหมากใหญ่ครู่หนึ่ง แก้มที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยเนื้อก็ยิ้มร่าเริงราวกับบุปผาบานสะพรั่ง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้