หลังจากไฟบ้านหลังใหญ่เปิดสว่างโร่ เป็สัญญาณบ่งบอกว่ามีคนถึงบ้านแล้ว ป้าสายที่อยู่ในรั้วบ้านถัดไป จึงเตรียมปิ่นโต ตักอาหารหลายอย่างทำจากฝีมือของตัวเอง มีทั้งผัดผัก แกงเขียวหวาน และไก่ทอด
“นั่นคุณทำอะไร” สามีของป้าสายเอ่ยทัก เมื่อเห็นภรรยาเตรียมจัดอาหารอย่างรีบร้อน
“ก็เอาไปให้หลานน่ะสิ นี่ก็ไม่รู้ว่าคุณวิน หรือหนูพิชญ์กันแน่ที่มาเปิดไฟ”
“ตาวินมันโตแล้วนะคุณ ไม่ต้องทำอาหารเผื่อกันวันเว้นวันแบบนี้หรอก ฝีมือคุณก็ใช่ว่าจะอร่อยมากมาย” ชายชรานั่งกางหนังสือพิมพ์ยกเท้าขึ้นสบายอารมณ์
“คุณคะ ฉันไม่ได้ห่วงคุณวินหลานคุณเสียหน่อย แต่ฉันห่วงหนูพิชญ์ กลับมาจากร้านก็เหนื่อยมากพอแรง เจอคำพูดคุณวินแต่ละครั้งจะมีแรงทำอาหารหรือเปล่าก็ไม่รู้ และไอ้ที่ว่าฉันทำอาหารไม่อร่อย ฉันก็เห็นคุณฟาดเรียบทุกที” ชายชราเหลือบตามองหนึ่งครั้ง พลางปล่อยยิ้มออกมา
“ถ้าไม่อร่อยมากนัก ก็ไปหากินเองแล้วกัน” หญิงชรามุ่ยหน้าแล้วเดินออกไปด้วยอาการน้อยใจ ชายชราส่ายศีรษะก่อนจะหันมาอ่านหนังสือพิมพ์ที่กางทิ้งไว้ต่อ
“ป้าสายเองหรือครับ นึกว่าใคร” ธาวินเหลือบไปเห็นป้าสายเดินเข้ามา ก่อนจะปล่อยแขนพิชญาออกจากมือ
“ทานอะไรกันมาหรือยัง” น้ำเสียงอบอุ่นทำให้พิชญาสะดุ้งตัวเล็กน้อย ก่อนจะหลบสายตาของป้าสาย ในตอนนี้เนื้อตัวเธอไม่ได้สะอาดเหมือนแต่ก่อน หากป้าสายรู้ความอัปยศนี้ หญิงสาวไม่แน่ใจนักว่าป้าสายยังจะเอ็นดูเธอเหมือนเดิมไหม
“ใอะไรคะ หนูพิชญ์ มาค่ะมากินข้าว เดี๋ยวป้าจัดโต๊ะให้นะ ทุกคนนั่งรอได้เลย ทำงานกันมาเหนื่อยๆ” ป้าสายหันเข้าครัวไป ก่อนที่พิชญาจะเดินตามไปช่วยด้วยสีหน้าอ่อนแรง
“หนูพิชญ์ คุณวินอาละวาดอะไรอีกไหม” ป้าสายกระซิบถามพลางหันหลังไปมองธาวิน ก่อนดวงตากลมใส มองป้านาไหวระริก พลางกลั้นใจส่ายศีรษะไปมาช้าๆ เป็การปฏิเสธไป หากแต่ความจริงแล้วเขาไม่เพียงอาละวาดเท่านั้น ซ้ำยังทำมากเกินกว่าที่ป้าสายจะรับรู้ได้ หญิงสาวถ่ายอาหารจากปิ่นโตลงช้าๆ ก่อนจะยกมาจัดวางไว้ที่โต๊ะจนครบ
“งั้นป้ากลับก่อนนะ กินกันให้อร่อย ถ้าคุณวินกับหนูพิชญ์อยากกินอะไรเป็พิเศษก็บอกป้าได้นะ”
“ขอบคุณมากครับ ป้าสาย” ธาวินและพิชญายกมือไหว้หญิงสูงอายุ ก่อนเธอจะเดินลับไป พิชญาร่ายมองดูอาหารครู่หนึ่ง แล้วลุกขึ้นทำท่าจะเดินออก เธอไม่อยากร่วมทานอาหารหรือแม้แต่จะมองหน้าคนใจร้ายอย่างเขา
“จะไปไหน” ธาวินถามในขณะที่เห็นร่างบางเดินออก
“.....” มีเพียงเสียงเงียบเท่านั้นที่เป็คำตอบ
“พี่ไม่ให้ไป เธอไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“พีวินยัง้าอะไรจากพิชญ์อีกคะ” ใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยน้ำตาหันมาถามอย่างสิ้นหวัง ชายหนุ่มเบี่ยงหน้าหันไปทางอื่น เพราะเบื่อที่จะเห็นน้ำตาของคนขี้แย
“มาทานข้าว”
“พิชญ์ไม่หิวค่ะ”
“ไม่หิวก็ต้องกิน” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเพื่อกลั้นน้ำตาให้หยุดไหล สองเท้าหันกลับมายังโต๊ะอาหาร พิชญาจำใจกินอาหารมื้อนั้น ที่แทบไม่ได้รับรู้รสชาติของอาหาร เพราะจิตใจได้แตกสลายไปแล้วเป็เสี่ยงๆ เธอพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลต่อหน้าเขา ธาวินเป็คนชอบเอาชนะ เขาจะยิ่งได้ใจ พิชญาฝืนใจแข็งกลั้นใจกินอาหารมื้อนั้นจนเสร็จ ก่อนจะลุกขึ้นเดินออกจากโต๊ะอาหาร
“จะไปไหน” เสียงทุ้มของเขาดังขึ้นขัดจังหวะอีกครั้ง
“ทานเสร็จแล้ว พิชญ์จะไปพักผ่อน
“ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น อยู่รอจนกว่าพี่จะกินข้าวเสร็จ แล้วขึ้นไปพร้อมกัน”
“มันมากเกินไปแล้วนะคะพี่วิน” หญิงสาวหันกลับมาต่อว่าเขาด้วยหมดความอดทน
“ถ้าพิชญ์ไม่ทำตามที่พี่สั่ง ไม่ว่าจะเื่อะไรก็แล้วแต่ ทุกคนจะรู้โดยทั่วกัน ว่าเราสองคนไม่ใช่พี่น้องกันเหมือนแต่ก่อน หากแต่เป็สามีภรรยากันแล้ว ที่สำคัญพี่มีแฟนแล้ว นี่มันผิดศีลธรรมสุดๆ ไปเลย คนอื่นจะคิดว่าพิชญ์ยอมให้พี่ง่ายๆ หรือเปล่านะ โดยเฉพาะกุ๊ยแฟนหนุ่มของพิชญ์”
“เพี้ย” พิชญาตบเข้าไปที่ใบหน้าของเขา น้ำตาเอ่อขึ้นมาจนพูดต่อไม่ออก เขาเลวทรามได้ถึงเพียงนี้
“พิชญ์เกลียดพี่วินที่สุด” หญิงสาวง้างมืออีกครั้ง ก่อนที่ร่างหนาจะลุกขึ้นแล้วถลาตัวไปคว้ามือยั้งไว้ได้ทัน เขารวบมือทั้งสองข้างของพิชญา พลางจูบไปที่ริมฝีปากบางของหญิงสาวอย่างกระหาย เสียงดูดรสััดังลอดมาเป็ระยะ เขาตอบตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่าทำไมถึงเกลียดคำนี้นัก
“เมื่อก่อนเวลาที่พิชญ์บอกว่าเกลียดพี่ พิชญ์จะโดนทำโทษเสมอจำได้ใช่ไหม แต่ตอนนี้วิธีการทำโทษมันได้เปลี่ยนไปแล้ว ดังนั้นอย่าพูดคำนี้ให้พี่ได้ยินอีก” พิชญามองหน้าเขาอย่างโกรธเคืองปล่อยน้ำตาไหลตามธรรมชาติ หญิงสาวถูกชายหนุ่มรวบสองมือไว้ แล้วฉุดยื้อขึ้น้า เขาจัดแจงย้ายทุกอย่างจากห้องนอนใหญ่เข้ามานอนห้องเดียวกับเธอ
“พี่วินทำอะไร” หญิงสาวมองตามกิริยาของชายหนุ่มด้วยความงุนงง สับสน หากแต่ร่างหนาไม่พูดพร่ำทำเพลงใดๆ เขาวางทุกอย่างที่หอบมาทิ้งลงบนเตียงของเธอ
“หมายความว่าไงคะ”
“พี่จะย้ายมานอนที่นี่ แล้วเธอก็หุบปากได้แล้ว เพราะนับจากนี้ไม่ว่าพี่จะทำอะไร เธอก็ไม่มีสิทธิ์ห้าม” ธาวินเอนตัวลงนอนแล้วหันหลังให้พิชญาเสมือนไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ว่าเธอจะยินดีหรือไม่
“พี่วินทำแบบนี้ ้าให้พิชญ์ชดใช้ใช่ไหมคะ” เสียงสั่นระริกกดต่ำลง เสมือนล่วงรู้ว่านับจากนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตของเธอ เขาเริ่มเดินเกมเอาคืนเธออย่างที่เคยประกาศไว้
“พึ่งรู้ตัวหรือไง” เสียงราบเรียบของชายหนุ่มทิ่มแทงเข้าไปในใจของหญิงสาวจุกจนพูดไม่ออก ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ พลางทอดสายตามองดูร่างหนาที่นอนหันหลังให้
“ถ้าพิชญ์บอกว่าพิชญ์กับพี่วาไม่ได้เป็อย่างที่พี่วินคิด พี่วินจะเชื่อพิชญ์ไหมคะ” น้ำตาร่วงหล่นลงพื้น หากแต่เธอพยายามกลั้นน้ำเสียงให้เป็ปกติที่สุด หญิงสาวหวังเล็กๆ ว่าเขาจะเชื่อคำพูดเธอแม้สักนิด
“สิ่งที่เธอเจอในตอนนี้ ก็มาจากที่เธอหักหลังพี่วา คิดว่าคนอย่างพี่จะเชื่อเธอ และปล่อยผ่านง่ายๆ เหรอ” พิชญาหลับตาแล้วกลั้นเสียงร้องไห้ให้เงียบที่สุด ธาวินเด็กชายจอมเกเร มีนิสัยดื้อรั้นไม่ฟังใคร ถือความคิดตัวเองเป็ใหญ่ในวันนั้น มาวันนี้เขาเติบโตมากพอที่จะทำสิ่งโหดร้ายชนิดที่ไม่มีใครคิด แม้แต่ตัวเธอเอง หน้าของทิวาลอยเข้ามาทำให้หญิงสาวอดคิดไม่ได้ว่า หากทิวามีชีวิตอยู่ คนอย่างธาวินจะไม่มีโอกาสได้เข้าใกล้และทำร้ายเธอได้อย่างทุกวันนี้ สองมือยกขึ้นมาปิดปากและปล่อยน้ำตาไหลออกมาจนสุดแสดงถึงความเ็ปอย่างแสนสาหัส
