บทที่ 116 สัตว์อสูรยอมจำนน
พระอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า ท้องฟ้าแจ่มใส
หลังจากตัดสินใจออกเดินทาง ฉู่อวิ๋นก็ใช้ก้าวเงาบินพุ่งทะยานไปอย่างรวดเร็ว ชั่วพริบตาเขาก็ปรากฏตัวห่างออกไปหนึ่งร้อยหมี่ ทำให้เขาประหลาดใจ แน่นอนว่าความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า เช่นนั้นความเร็วก็เร็วขึ้นมากเช่นกัน!
หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ออกจากดินแดนรกร้างที่ถูกเสาศักดิ์สิทธิ์ทำลายและเข้าสู่พื้นที่ป่าทึบอีกครั้ง สิ่งมีชีวิตชีวิตที่นี่เริ่มฟื้นตัว มีเงาต้นไม้ร่มรื่นเป็จุดๆ ใบไม้ส่งเสียงกรอบแกรบ และเสียงคำรามของสัตว์ปีศาจไม่ขาดสาย
“โฮก!”
เงาหนึ่งพุ่งผ่านไป ฉู่อวิ๋นเร่งความเร็วไปข้างหน้า ตอนนี้ เขาเพียงต้องวิ่งต่อไปสักวันหรือสองวัน ข้ามป่าดึกดำบรรพ์ เพื่อไปยังเมืองชุยเสวี่ย
แต่หากยังไม่ได้ข้ามป่าสีเืไป อาจจะต้องปะทะกับสัตว์ปีศาจและตกอยู่ในอันตราย ท้ายที่สุด แม้ว่าการจลาจลของสัตว์ปีศาจจะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ก็ยังมีสัตว์ปีศาจอีกมากอาศัยอยู่ที่นี่
หากไม่มีผู้นำกลุ่มัเหล็ก ซ่งอี้ ฉู่อวิ๋นก็คงจะผ่านพื้นที่ที่มีสัตว์ปีศาจบางตัวอาศัยอยู่ไม่ได้
หากเดินริมน้ำ รองเท้าไหนเลยจะไม่เปียก?[1] ไม่นาน เขาก็ได้เจอกับสัตว์อสูรที่ทรงพลังจำนวนหนึ่ง
มันคือเสือดาวสายฟ้าม่วงฝูงหนึ่ง พวกมันกระโจนออกมาจากป่าและคำรามอย่างโเี้ กรงเล็บของพวกมันเป็ประกายด้วยสายฟ้า พากันวิ่งรุมเข้ามา คล้ายกำลังจะกัดฉู่อวิ๋นเป็ชิ้นๆ
“ในเมื่อขวางทางข้า ก็ต้องขอทดสอบกับเ้าหน่อย” เมื่อฉู่อวิ๋นเห็นสัตว์อสูรปรากฏขึ้น เขาก็หัวเราะเบาๆ และค่อนข้างสงบ
เขาปรับลมหายใจด้วยพลังปราณ ใช้ฝ่ามือัพเนจรกระบวนท่าที่สอง ัคลั่งโจนสมุทร ทันใดนั้น ก็มีัคำรามออกมา สง่างาม และดุร้าย กลบทับเสียงคำรามของสัตว์ปีศาจ
“ปัง ปัง ปัง——”
รังสีฝ่ามือเ่าั้มีพลังมาก มันเปล่งแสงสีทอง เคลื่อนไหวราวกับัว่ายน้ำ ทำให้เสือดาวสายฟ้าม่วงทั้งหมดที่พุ่งเข้ามาได้รับาเ็ ล้มลงกับพื้นอย่างแรง เืสาดกระจาย
“โฮก!”
เสือดาวสายฟ้าม่วงบางตัวไม่ยอมแพ้ ดวงตาของพวกมันเบิกโพลงและคำรามด้วยเสียงทุ้มลึก
เป็แค่เด็กหนุ่มมนุษย์ จะมาทำร้ายพวกมันด้วยฝ่ามือเพียงไม่กี่ครั้งได้อย่างไร? นี่คือใครกัน? น่ากลัวยิ่ง ต้องรู้ว่าพวกมันเป็สัตว์อสูรที่เทียบได้กับนักรบระดับสองขั้นมหาสมุทรเชียวนะ!
ด้วยเสียง “ควับ” เสือดาวสายฟ้าม่วงหลายตัวก็บินขึ้นไปในอากาศเพื่อหมายโจมตีอีกครั้ง คราวนี้ พวกมันจริงจังกับการสั่งสอนฉู่อวิ๋น แขกที่ไม่ได้รับเชิญคนนี้
แต่ก่อนที่มันจะเข้ามาใกล้ จู่ๆ ก็มีร่างเงาปรากฎขึ้น เคลื่อนที่ไปรอบๆ ทันใดนั้น แสงฝ่ามือก็กะพริบในอากาศ เสียงกระแทกที่ทำให้หัวใจสั่นสะท้านก็ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับเสียงคำรามของั
“ปัง ปัง ปัง!”
ในไม่ช้า ร่างของสัตว์อสูรเสือดาวสายฟ้าม่วงเ่าั้ก็ถูกทุบเป็ชิ้น ๆ และกลิ่นคาวโชยมากระทบจมูกพวกมัน ส่วนสัตว์อสูรที่เหลือไม่กล้าเข้าใกล้เพราะพวกมันได้กลิ่นที่อันตรายอย่างยิ่ง
เด็กหนุ่มมนุษย์คนนี้ หาเื่ไม่ได้อย่างยิ่ง!
“ดูเหมือนว่าตอนนี้แม้ว่าข้าจะไม่ใช้กระบี่ แต่ก็สามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับต่ำได้ด้วยทักษะฝ่ามือ!” ฉู่อวิ๋นกวาดมองไปรอบๆ รู้สึกมั่นใจมากขึ้นเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตนเอง
เขาใช้ฝ่ามือัพเนจรเพื่อฆ่ากลุ่มสัตว์อสูรได้อย่างง่ายดาย ซึ่งแตกต่างจากเมื่อก่อนมาก
แค่ใช้ทักษะฝ่ามือที่ไม่คุ้นเคยก็ฆ่าพวกมันได้ ถ้าใช้กระบี่ไม่ใช่ว่าจะฆ่าสัตว์อสูรระดับกลางได้เชียวหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังไม่ถึงจุดสูงสุด พายุยุทธ์ในจุดตันเถียนของเขายังไม่กลับคืนสู่สภาวะดั้งเดิม
เมื่อคิดถึงดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็ตกตะลึง ตื่นเต้นเล็กน้อย และกระตือรือร้นที่จะลอง
ยามนี้ เขายังค้นพบว่ามีเสียงที่ดังก้องอยู่ใกล้ๆ และสัตว์อสูรที่อยู่รอบตัวเขาก็พากันมาที่นี่หลังจากได้กลิ่นเื พวกมันมีหลายตัว อัดแน่นอยู่ในพื้นที่ขนาดใหญ่ สถานการณ์น่าสะพรึงกลัว
ในป่า ดวงตาของสัตว์ปีศาจคู่หนึ่งฉายแววดุร้ายและกระหายเื พวกมันปรากฏตัวต่อๆ กัน มุ่งเป้าไปที่ฉู่อวิ๋นด้วย้ากินเนืุ้์อันล้ำค่า
พวกนี้เป็สัตว์อสูรระดับกลางทั้งหมด อาจกล่าวได้ว่าแต่ละตัวเทียบได้กับนักรบมนุษย์ในระดับห้าหรือหกของขั้นมหาสมุทร พวกมันทรงพลังมาก!
“พยัคฆ์ครามทอง ลิงปีศาจสามตา เถาวัลย์ใบมีด... ล้วนเป็หน้าเก่า…” ดวงตาของฉู่อวิ๋นหรี่ลง รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปาก เขาค่อยๆ วาดกระบี่ชื่อยวนออกมา "ในเมื่อพวกเ้าต่างก็อยู่ที่นี่ เช่นนั้นข้าก็จะเล่นให้หนำใจ!"
“ควับ!”
ยามนี้ รัศมีที่แท้จริงของฉู่อวิ๋นเปล่งประกาย ร่างกายของเขาถูกล้อมรอบด้วยแสงสีแดงสว่างอันล้ำค่า ราวกับเปลวไฟที่มีรูปร่างเหมือนมนุษย์กำลังลุกไหม้ พร้อมด้วยคลื่นความร้อนและพลังที่ไม่มีใครเทียบได้
คุณลักษณะที่เป็กลางและสงบสุขของพลังปราณฮุ่นหยวนหายไป กลายเป็ความรุนแรงและร้อนแรงของพลังปราณแปลกประหลาดขนานหนึ่ง ทั้งรูปแบบและสีของมันก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม
นี่คือพลังปราณใหม่ที่ฉู่อวิ๋นได้รับหลังจากดูดซับิญญาไฟหยางศักดิ์สิทธิ์ พลังปราณไฟหยาง!
“วิ้ง——”
พลังปราณไฟหยางถูกอัดแน่นไปที่กระบี่ชื่อยวน กระบี่ทั้งเล่มเป็เหมือนัไฟ กลืนกินกระบี่อันคมกริบและเปล่งประกายด้วยแสงสีแดง
ฉู่อวิ๋นฟันออกไปอย่างแรง ปราณไฟหยางแบ่งแยกท้องฟ้า ฟาดลงมาอย่างรวดเร็ว ข้ามความว่างเปล่า ทันใดนั้นสัตว์อสูรระดับต่ำจำนวนหนึ่งก็ถูกฆ่าตายในทันที พวกมันถูกตัดเป็สองท่อนด้วยกระบี่เดียว ไม่มีเวลาแม้แต่จะะโคำราม
พลังปราณไฟหยางยังคงเคลื่อนตัว ส่งเสียงอึกทึกไปตลอดทาง ทำให้แม่น้ำเกิดคลื่นสาดซัด ทำร้ายสัตว์ปีศาจนับไม่ถ้วน ฝนโลหิตหลั่งริน ทำลายล้างออกไปเป็ระยะหนึ่งร้อยหมี่
ข้างหน้า เส้นทางกระบี่เพลิงยาวหลายสิบหมี่ปรากฏขึ้น ช่องไฟลุกโชน
ในเวลานี้ สัตว์อสูรระดับกลางที่อ่อนแอเล็กน้อยเต็มไปด้วยเืและได้รับาเ็ พวกมันคำรามเสียงดัง สถานการณ์ไม่สู้ดีนัก มีเพียงสัตว์อสูรที่ทรงพลังเท่านั้นที่สามารถต้านทานได้ แต่พวกมันก็ไม่กล้าโจมตีอย่างป่าเถื่อน
“โฮก…”
สัตว์ประหลาดทุกตัวต่างหวาดกลัว ตัวสั่น และคร่ำครวญ เด็กหนุ่มมนุษย์คนนี้มาจากไหนกัน? แข็งแกร่งได้น่ากลัวยิ่งนัก เพียงกระบี่เดียวก็สามารถสังหารสัตว์ปีศาจได้เป็ฝูง!
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่เคยเห็นมนุษย์ที่แข็งแกร่งมาก่อน แต่การได้เห็นมนุษย์ที่อายุน้อยและแข็งแกร่งเช่นนี้ นี่คือครั้งแรก!
ยิ่งไปกว่านั้น สัตว์อสูรทุกตัวยังมีความรู้สึกคุ้นเคยอยู่กับพลังปราณไฟหยาง พวกมันตัวสั่นโดยไม่รู้ตัว แลดูหวาดกลัวมาก
“พลังปราณกระบี่ของข้าทำเช่นนี้ได้ด้วยหรือ? ไม่เลวเลย!” ฉู่อวิ๋นถือกระบี่ไว้ในมือและพูดกับตัวเองในขณะที่มองไปข้างหน้า วิเคราะห์การเคลื่อนไหวของกระบี่ ั้แ่เลื่อนขั้นมานี่เป็ครั้งแรกที่เขาใช้กระบี่
“ฮึ่ม เ้าหนู สร้างผลงานอันไร้ค่าพวกนี้ก็ได้ใจแล้วหรือ? ถ้าข้ายังมีชีวิตอยู่ อย่าว่าแต่สัตว์อสูรเลย แม้จะมีสัตว์อสูรบินโฉบท้องฟ้ามาโจมตีมากมาย ข้าก็จะฆ่าพวกมันทั้งหมดด้วยการปรายตามองเพียงครั้งเดียว!” โยวกู่จือพูดโอ้อวด
"จริงหรือ?” ฉู่อวิ๋นประสานมือแล้วพูดว่า “ผู้าุโ เช่นนั้นข้าจะปล่อยท่านเดี๋ยวนี้ ขอท่านแสดงให้ข้าดูด้วย”
เมื่อพูดเช่นนั้น ฉู่อวิ๋นก็หมุนเวียนพลังปราณเพื่อเปิดวงแหวนอวกาศ
การเคลื่อนไหวนี้ทำให้โยวกู่จือใและะโทันทีว่า “อย่านะ! เ้าเด็กหน้าเหม็น! ข้าก็บอกแล้วไงว่าถ้ายังมีชีวิตอยู่! แล้วนี่ทำไมไม่รีบ... หืม พวกมันกำลังทำอะไรอยู่?”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ โยวกู่จือก็พบว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสัตว์อสูรที่อยู่รอบตัวเขา
“หืม พวกมัน...ไม่เคลื่อนไหวแล้ว?” ฉู่อวิ๋นที่เพิ่งเห็นปรากฏการณ์ประหลาดนี้ก็ตกตะลึง
ยามนี้ มองเห็นสัตว์อสูรทุกตัวในป่าหมอบอยู่บนพื้น ร่างกายของพวกมันกำลังคลาน บางตัวตัวสั่น แววตาที่ดุร้ายฉาบด้วยความหวาดกลัว
ดูเหมือนว่าพวกมันกำลังก้มลงเพื่อขอความเมตตา
ขอความเมตตาจากฉู่อวิ๋น
“ไม่ใช่กระมัง?! ข้าแค่โบกพลังกระบี่ แม้จะดูน่าเกรงขาม แต่ก็ไม่ถึงกับต้องคุกเข่าให้ข้ากระมัง? พวกนี้ยังเป็สัตว์อสูรที่ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาอยู่หรือเปล่า?”
ฉู่อวิ๋นใจริงๆ เดิมทีเขาเตรียมพร้อมสำหรับการต่อสู้อันหนักหน่วงมาแล้ว แต่ด้วยสถานะปัจจุบันของเขาที่ยังไม่กลับคืนสู่สภาพเดิม เขาอาจไม่สามารถจัดการกับสัตว์อสูรระดับกลางที่แข็งแกร่งกว่าได้
ปราณกระบี่เพลิงเมื่อครู่นี้ เป็กระบี่ที่เขาเหวี่ยงอย่างสุดแรง แม้ว่าจะไม่ได้รับพร์จากิญญายุทธ์ แต่พลังของมันยังคงไม่สมบูรณ์เล็กน้อยหากจะฆ่าสัตว์อสูรระดับกลางอย่างเถาวัลย์ใบมีด
แต่ตอนนี้เขาไม่เคยคิดเลยว่าสัตว์อสูรเหล่านี้ที่แยกเขี้ยวกางกรงเล็บใส่เขา จะคุกเข่าลงหลังจากได้เห็นพลังกระบี่นี่ ยากจะเข้าใจจริงๆ
สัตว์ปีศาจกลุ่มใหญ่กำลังร้องขอความเมตตาจากเด็กหนุ่มคนหนึ่ง สถานการณ์นี้อัศจรรย์ยิ่งนัก
“ข้าเข้าใจแล้ว!” ในเวลานี้ จู่ๆ โยวกู่จือก็ะโออกมาว่า “เ้าหนู เ้าดูดซับิญญาไฟหยางศักดิ์สิทธิ์แล้ว ลมหายใจของเ้าจึงมีกลิ่นอายพลังปราณไฟหยางอยู่ เมื่อครู่นี้ตอนเ้าวาดกระบี่ สัตว์ปีศาจเหล่านี้จึงเข้าใจผิดคิดว่าเ้าเป็กายแท้ของิญญาศักดิ์สิทธิ์”
“อะไรนะ?!”
ฉู่อวิ๋นประหลาดใจจนเกาหัวซ้ำๆ เื่ตลกนี้ยิ่งใหญ่เกินไปแล้ว!
หากสัตว์ปีศาจถือว่าเขาเป็ิญญาศักดิ์สิทธิ์ เขาจะออกจากป่าสีเืได้โดยไม่มีอุปสรรคใช่หรือเปล่า?
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่อวิ๋นก็ได้แผนการอันล้ำลึกมา รอยยิ้มอันภาคภูมิใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเขา
“ในเมื่อสัตว์ปีศาจพวกนี้ยอมจำนนต่อข้า เช่นนั้นพวกมันก็จะเชื่อฟังคำสั่งของข้าใช่หรือไม่?”
“ถ้าสามารถควบคุมสัตว์ปีศาจทั้งหมดในป่าสนธยาได้ ก็จะเทียบเท่ากับการมีกองทัพสัตว์ปีศาจที่ทรงพลัง ผ่อนแรงได้เยอะเลย”
“แม้ว่าอาจมีผู้ทรงพลังที่ซ่อนอยู่ในเมืองชุยเสวี่ย แต่การปรากฏตัวของสัตว์อสูรระดับกลางจำนวนไม่น้อยก็จะทำให้เกิดความวุ่นวายอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้น การช่วยเหลือพี่ซินเหยาก็เท่ากับได้ประโยชน์มาสองเท่า!”
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ รอยยิ้มของฉู่อวิ๋นก็สดใสขึ้นเรื่อยๆ เขารู้สึกว่าหนทางข้างหน้าราบรื่น การเดินทางคล้ายจะไร้ขวากหนามขึ้นเรื่อยๆ จนเขาไม่สนใจเสียงะโของโยวกู่จือ
“นี่ เ้าเด็กโง่ ตื่นสิ!”
หลังจากนั้นไม่นาน ฉู่อวิ๋นก็กลับมามีสติและถามว่า “อะไร? ผู้าุโ ท่านะโดังมากจนหูของข้าจะหนวกอยู่แล้ว! เบาเสียงลงหน่อย”
“เ้ากำลังคิดอะไรอยู่? เ้าเด็กหน้าเหม็น ทำข้าโกรธมากนะ! ดูสิ! พวกมัน... พวกมันหันหลังหนีไปหมดแล้ว!” โยวกู่จือโกรธมากจนอยากจะออกไปเคาะหัวฉู่อวิ๋น
“อะไรนะ?!”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฉู่อวิ๋นก็ใและเงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ แล้วก็พบว่าสัตว์ปีศาจที่คุกเข่าอยู่เมื่อครู่นี้ ลุกขึ้นยืน หันหลังกลับและวิ่งหนีหายไปในพริบตา เหลือเพียงฝุ่นควันเป็ลูกคลื่น
ทันใดนั้นป่าทึบก็ว่างเปล่า ทิ้งฉู่อวิ๋นไว้ตามลำพังท่ามกลางความเงียบงัน
หลังจากตกตะลึง ฉู่อวิ๋นก็เลิกคิ้วและพูดด้วยความโมโห "ไหนคือการยอมจำนน? ไหนคือกองทัพสัตว์ปีศาจ?! หายไปหมดแล้ว! ไม่ได้ ข้าต้องจับพวกมันกลับมา!"
ทันทีที่พูดจบ ฉู่อวิ๋นก็รีบเร่งไปทุกทิศทาง มองหาร่องรอยของสัตว์ปีศาจ แต่พวกมันหายไปนานแล้ว และตอนนี้จะจับสักตัวยังยาก
ในไม่ช้า ฉู่อวิ๋นก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมแพ้ ดูเหมือนว่าแผนกองทัพสัตว์ปีศาจนี้จะล้มเหลว
“ฮ่าๆ เ้าหนูหน้าเหม็น แม้ว่าเ้าจะมีรังสีของิญญาศักดิ์สิทธิ์ แต่เ้าก็ไม่ใช่ิญญาศักดิ์สิทธิ์ สัตว์ปีศาจพวกนั้นจะกลัวเ้าก็เป็เื่ปกติ”
“ลองคิดดูสิ ถ้าเ้าเห็นมดตัวน้อยสวมมงกุฎและเสื้อคลุมั อยู่ยงคงกระพันฆ่าฟันไปทุกทิศทาง เ้าคงจะกลัวมากจนต้องวิ่งหนีทันทีใช่ไหม?” โยวกู่จือหัวเราะ
“ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะจับกลับมาไม่ได้สักตัว!” ฉู่อวิ๋นไม่พอใจ เขาเพิ่งคิดแผนออกแต่มันก็พังทลายในพริบตา น่าหงุดหงิดนัก!
ทันใดนั้น เขาจ้องมองไปข้างหน้าและสังเกตอย่างรอบคอบ ดวงตาของเขาเป็ประกายทันที และยิ้มออกมา “ฮ่าๆ ที่นี่มีสองตัวไม่ใช่หรือ?”
“ฟุ่บ--”
ในป่าทึบ เงาของต้นไม้สั่นไหว มองเห็นเถาวัลย์ใบมีดสองต้นเคลื่อนไหวอย่างสิ้นหวัง กลัวว่าจะถูกฉู่อวิ๋นพบเข้าจึงวิตกกังวลมาก
เดิมทีพวกมันก็เคลื่อนไหวช้ามาก ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้ไกลกว่าร้อยหมี่ ไม่นานหลังจากนั้น ฉู่อวิ๋นก็ตามพวกมันทัน
“ตอบข้ามา จะฟังคำสั่งข้าหรือจะเปลี่ยนตัวเองเป็ไม้ฟืน?!” ฉู่อวิ๋นระดมพลังปราณไฟหยางพันรอบกระบี่ ชี้ไปที่เถาวัลย์ใบมีดทั้งสอง และขู่ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ทันใดนั้นถาวัลย์ใบมีดก็กรีดร้องด้วยความใ กิ่งก้านขดตัวกันอย่างอิดโรย
แม้ว่าด้วยความแข็งแกร่งของสัตว์อสูรระดับกลางของพวกมัน ไม่จำเป็ต้องกลัวฉู่อวิ๋น แต่โดยสัญชาตญาณ พวกมันกลัวพลังของิญญาไฟหยางศักดิ์สิทธิ์
“ฟุ่บ—”
ทันใดนั้น เถาวัลย์ใบมีดทั้งสองก็หวาดกลัวมาก พวกมันสั่นเทาหดตัว ยิ่งหดยิ่งเล็ก ยิ่งหดยิ่งสั้น...
ในท้ายที่สุด ต้นไม้ปีศาจที่น่ากลัวแต่เดิมทั้งสองได้กลายมาเป็ต้นกล้าสีน้ำตาลเข้มขนาดเล็กสองต้น มีขนาดเท่าฝ่ามือ ปล่อยฉู่อวิ๋นให้ยืนจ้องมองอยู่ตรงนั้นไม่จากไปไหน
----------
[1] เมื่อทำสิ่งต่างๆ จะต้องพบกับความยากลำบากและความท้าทายบางอย่างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้