โครงเื่ในนิยาย “มหันตภัยแห่งแดนเซียนปีศาจ” มีตัวช่วยพิเศษให้กับซ่งฉียวนมากมายซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการที่ตกลงไปในแม่น้ำแห่ง์แต่ยังสามารถรอดชีวิตมาได้ด้วยความโชคดีในรูปแบบต่างๆเพียงแต่ว่าในแม่น้ำที่ลึกมากเช่นนั้น กระแสน้ำมากมายล้วนไม่สามารถทำให้เขาจมลงไปได้แถมจู่ๆ ก็เกิดเมตตาพาเขาไปเกยยังริมฝั่งของแม่น้ำอย่างลึกลับอีกด้วย
ทันใดนั้นผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองเว้นในส่วนที่เขียนถึงตอนที่ปรมาจารย์ของเขานั้นพบตัวเขาได้อย่างไรหลังจากผ่านตอนนี้ไปแล้ว บทต่อไปก็คือตอนที่ซ่งฉียวนได้สติขึ้นมาอีกครั้งแล้วพบว่าชะตากรรมของตัวเองนั้นยิ่งใหญ่มากเพียงใดถึงทำให้เขายังมีชีวิตรอดอยู่เวลานี้ผมหาซ่งฉียวนเจอแล้ว ในอีกไม่ช้าปรมาจารย์ลึกลับของเขาก็คงจะมาถึงที่นี่เพื่อพาตัวเขากลับไป
แต่ตอนนี้ผมสามารถเข้าไปดูเขาก่อนได้ว่าเป็อย่างไรบ้างจากนั้นก็ค่อยหาที่ซ่อนตัวอยู่ด้านข้างเพื่อรอให้ปรมาจารย์ของเขามาถึง ถ้าหากโชคดีผมอาจจะแอบส่งผลคืนิญญาให้กับคนผู้นั้นได้โดยที่ไม่มีผู้ใดล่วงรู้
เวลานี้ภายในใจของผมที่เหมือนกับแบกก้อนหินเอาไว้ก็ได้วางลงสักทีอย่างน้อยที่สุดผมก็ได้ทำในสิ่งที่ผมจะต้องทำทั้งหมดแล้ว หากโลกใบนี้มีกฎการดำเนินตามวัฏจักรของสิ่งต่างๆเป็ของตัวเองอยู่ ผมคงไม่ถึงกับว่าโชคร้ายไปละเมิดกฎที่ไม่ชัดเจนนั่น
“อาจิ่วเ้าหาสถานที่ที่ห่างจากเขาสักหน่อยแล้วค่อยลงไป ยิ่งเคลื่อนไหวน้อยยิ่งดี”
“ขอรับ ทั้งหมดล้วนฟังนายท่าน” ไม่รู้ว่าเป็เพราะความเข้าใจผิดของผมเองหรือไม่เวลาที่ได้ยินคำพูดของอาจิ่วมักจะทำให้ผมหลงคิดว่าเ้าเด็กนี่ต้องลำบากอยู่เสมอ ผมจึงยื่นมือไปลูบขนบนหัวของเขาถือเสียว่าเป็การปลอบโยน
สถานที่ที่พวกเราหยุดอยู่นั้นห่างจากจุดที่ซ่งฉียวนอยู่ประมาณสองร้อยเมตรอาจิ่วลดขนาดตัวให้เล็กลงแล้วยืนเกาะอยู่บนไหล่ของผมเดิมทีแล้วผมอยากจะเดินเข้าไปเช่นนี้เลย แต่จู่ๆ ก็นึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ซ่งฉียวน แม้ว่าเ้าเด็กนี่จะตาบอด ทว่าหูและจมูกของเขา รวมถึงประสาทััทั้งห้ากลับดียิ่งกว่าสุนัขเสียอีกหากผมรีบเข้าไปเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เกิดความลำบากโดยที่ไม่จำเป็
เมื่อคิดถึงตรงนี้แล้ว ผมจึงทำท่าใช้เวทมนตร์ตามที่ตัวเองเขียนขึ้นมาโดยทำการเปลี่ยนแปลงลมปราณทั่วร่างเล็กน้อย บอกใบ้ให้อาจิ่วรู้ว่าห้ามส่งเสียงใดๆออกมาเด็ดขาด ต้องระมัดระวังและเตรียมดำเนินการจากนั้นจึงเดินเข้าไปยังสถานที่ที่เด็กนั่นนอนคว่ำหน้าอยู่
ทว่าผู้ใดจะรู้เล่าว่าเมื่อเดินเข้าไปและอยู่ห่างจากซ่งฉียวนเพียงแค่ห้าเมตรกลับมีเื่ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เขาขยับตัวแล้ว
เขาขยับตัวแล้วให้ตายเถอะ!! เป็ไปได้อย่างไรกัน??? เขาตกลงมาจากที่สูงเช่นนั้นอีกทั้งยังตกลงไปในแม่น้ำแล้วยังถูกสายน้ำพัดพาไปอีกไม่รู้นานเท่าไรเป็ไปได้อย่างไรที่เขาจะฟื้นขึ้นมาในตอนนี้??
ไม่ต้องรอให้ผมคิดอะไรมากมาย เพราะตอนนี้ซ่งฉียวนกำลังพยายามพลิกตัวด้วยความยากลำบากการที่ต้องนอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้นก่อนหน้านี้คงทำให้เขารู้สึกอึดอัดอย่างแน่นอนผมมองเขาที่กำลังขมวดคิ้วแน่นและไอออกมาสองสามครั้ง ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้นมาด้วยความตกตะลึง จากนั้นเขาก็หันศีรษะมาทางผมอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้เขาเอนตัวและถูกคลื่นซัดเข้ามาบนฝั่งตอนนี้เขาพลิกตัวกลับมาแล้ว เมื่อหันศีรษะมาก็เป็ตำแหน่งที่ผมอยู่พอดีในเวลานี้จู่ๆ ผมก็เหมือนเห็นภาพลวงตาขึ้นมาคล้ายกับว่าถูกงูพิษจ้องมองมาโดยไร้ซึ่งหนทางที่จะหลบหนี
เด็กหนุ่มนอนอยู่บนฝั่ง ร่างกายเปียกโชกไปทั่วทั้งตัวผมสีดำที่เปียกแนบติดกับแก้มซึ่งเต็มไปด้วยาแ เดิมทีแล้วควรจะดูน่าสงสารทว่าพลังกลับรุนแรงเพิ่มมากขึ้นอย่างแปลกประหลาด น้ำเสียงเขาที่พูดออกมานั้นก็เยือกเย็นอย่างยิ่ง“ผู้ใด?”
คำถามนั้น สั้น กระชับ และได้ใจความ...
ผมลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอกโชคดีที่เขาจำไม่ได้ว่าผมก็คืออวี๋เคอ มิเช่นนั้นเื่ราวมากมายที่ส่งเสริมโครงเื่ทั้งหมดนั้นก็คงจะไร้ประโยชน์แล้วผมแสร้งกระแอมเล็กน้อย จากนั้นย่อตัวลง ยื่นมือไปแตะลงบนหน้าผากของเขาเบาๆแล้วถอนหายใจออกมาเสียงหนึ่ง แสร้งเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปจากเดิม“ข้าเป็แค่คนสัญจรที่ใจดีคนหนึ่ง ซึ่งบังเอิญผ่านมาพบเด็กน้อยผู้โชคร้ายเช่นเ้าเท่านั้น”
เมื่อผมพูดออกไปเช่นนี้ ทำให้อาจิ่วที่เกาะอยู่บนไหล่ผมแทบจะกลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ไหวแล้วจึงซบลงบนไหล่ของผมแล้วหันไปทางด้านหลังดูท่าทางคงจะกลั้นเอาไว้เสียจนจะเป็ลมแล้ว ผมมองข้ามนกตัวนี้ไปอย่างใจเย็น ตั้งสมาธิโคจรพลังปราณที่อ่อนโยนออกจากร่างกายแล้วค่อยๆส่งไปยังหน้าผากของซ่งฉียวนจนเข้าไปสู่ภายในร่างกายของเขาแม้ว่าจะไม่มีผลอะไรในการรักษา แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตามตอนนี้เป็่ฤดูใบไม้ร่วง พลังนี้สามารถทำให้ร่างกายของเขาอบอุ่นขึ้นได้หลังจากที่ต้องแช่อยู่ในน้ำเป็เวลานาน
เขาคงประหลาดใจเสียจนไม่ทันได้ขัดขืน แล้วยอมรับความช่วยเหลือจากคนที่ไม่รู้ประวัติความเป็มาเช่นผมอย่างเงียบๆดวงตาของเขาเริ่มแดงจากการที่ต้องแช่อยู่ในน้ำเหมือนกับพยายามจะลืมตาจนปวดไปหมดแล้ว ขณะที่ผมถ่ายทอดพลังปราณไปให้เขาก็หลับตาลงโดยที่ไม่ได้เตรียมการป้องกันแม้แต่น้อยดูเหมือนเขาจะรู้สึกวางใจผมอย่างบอกไม่ถูก
เวลาผ่านไปไม่ช้าแต่ก็ไม่ถือว่าเร็วจนเกินไปหน้าผากของเขาจากที่เย็นเยือกและถูกผมส่งความอบอุ่นให้นั้นก็เป็แค่เื่ที่ผ่านมาชั่วครู่แล้วขณะที่ผมรู้สึกว่าภารกิจของตนนั้นเสร็จสิ้นแล้วอยากจะดึงมือกลับ จู่ๆ คนที่นอนอยู่บนพื้นก็พูดออกมาด้วยเสียงแ่เบาสามคำทว่ากลับทำให้ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อดี
เขาส่งเสียงเรียกว่า “เยี่ยวั่งจือ”