ท้องฟ้าเหนือหัวของเฉินเฉาเกอพลันมืดลงอย่างกะทันหัน
ภาพที่ปรากฏต่อหน้าเขาคือก้อนหินแร่ขนาดประมาณูเาลูกเล็กๆ ประมาณสิบกว่าลูกที่ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหนเต็มไปหมดราวกับก้อนอุกกาบาตที่พุ่งลงมาใส่เขาพร้อมกับความสิ้นหวังที่กำลังถาโถมลงมา
นี่มันไม่ใช่เล่นๆ แล้วนะ!!
สถานการณ์แบบนี้ อย่าว่าแต่เฉินเฉาเกอเลย ขนาดคนที่ดูอยู่ข้างๆยังไม่กล้าแม้แต่จะมอง
การประลองครั้งนี้ถูกหลินหยางเปลี่ยนเป็ละครสัตว์ที่มีเขาเป็ตัวเอกที่กำลังกลั่นแกล้งลิงตัวหนึ่งอยู่
ตูมตูมตูม
ูเานับสิบตกลงสู่พื้นจนผืนแผ่นดินสั่นะเืไปหมด
เ้าชายลำดับที่เก้าผู้น่าสงสาร กระบวนท่าคลื่นั์ที่มีพลังทำลายล้างไม่ได้ด้อยไปกว่าต้นฉบับเลยนั้นแต่ทวนยาวอันแสนบอบบางนั่นจะสามารถต้านทานูเาหินแร่ที่หนักนับหมื่นชั่งอย่างนั้นได้อย่างไร
เฉินเฉาเกอฝืนใช้ทวนในมือค้ำยันูเาที่กำลังตกลงมาเอาไว้จนทวนถูกดัดงอแทบจะกลายเป็ครึ่งวงกลมไปแล้วแต่ก็ไม่อาจต้านทานได้ ูเาหินแร่ลูกนั้นจึงตกลงสู่พื้น
เฉินเฉาเกอเกือบจะถูกทับจนแบนเป็ภาพวาดประดับพื้นไปแล้ว
แต่โชคดีที่เขายังว่องไวพอ
ในจังหวะที่เส้นยาแดงผ่าแปดก่อนที่เฉินเฉาเกอกำลังจะถูกทับจนแบนนั่นเองเขาก็ผ่อนแรงในมือข้างที่จับทวนเอาไว้ ทวนนั้นพลันยืดตัวดีดออกอย่างแรงเขาใช้ประโยชน์จากแรงดีดนั่นผลักตัวเองจนกระเด็นออกมาไกลหลายเมตรจนสามารถหลบูเาเ่าั้ไม่ให้ถูกทับแบนจนกลายเป็เื่ตลกให้ผู้อื่นล้อเลียนได้
“หลินอี้!!!! แน่จริงเ้าก็มาสู้กันแบบซึ่งๆหน้าสิวะ!!!!”
เฉินเฉาเกอที่ตอนนี้ยืนอยู่ในใจกลางของกลุ่มูเานั้นช่างดูน่าสงสารราวกับกระต่ายป่าที่หลงทางอยู่ในหุบเขา เขาโมโหจนะโท้าทายอีกฝ่ายอย่างคลั่งแค้น
“สู้ก็สู้!!!!”
หลินหยางที่ลงมาจากบนฟ้านั้นมีสีหน้าเ็าดุจน้ำแข็ง แววตาคมปลาบดุจสายฟ้าจิตสังหาระเิออกมาพร้อมกับที่สองมือของเขาปรากฏเปลวเพลิงรูปฝ่ามือขนาดใหญ่ขึ้นมันก็คือเคล็ดวิชาศักดิ์สิทธิ์ของหลินหยาง...ฝ่ามืออัคคี์นั่นเอง
เปลี่ยนพลังเป็รูปร่าง?
ยอดฝีมือระดับอวิ้นหลิง?
พอคนรอบข้างเห็นวิชานี้เข้าก็ใกันทันที แต่ไม่นานพวกเขาก็สังเกตเห็นทันทีว่าพลังจากสองหมัดของหลินอี้นั้นอยู่แค่ระดับเซียนเทียนขั้นท้ายเท่านั้นแต่แค่นั้นก็สามารถทำให้ผู้คนทั้งสนามถึงกับตกตะลึงได้แล้ว
ฝ่ามืออัคคีทั้งสองข้างของหลินหยางกำลังจะฉีกท้องฟ้าออกเป็เสี่ยงๆ
หลินหยางที่ลอยลงมาจากท้องฟ้ากำลังจะกำจัดศัตรูคู่อาฆาตของเขาแล้ว
เฉินเฉาเกอที่ยืนรอยู่บนพื้นนั้นพอเห็นหลินหยางกำลังจะลงมาสู้กันตรงๆ แล้วใบหน้าอันโกรธเกรี้ยวของเขาพลันแปรเปลี่ยนเป็รอยยิ้มสุดเหี้ยมเกรียมในที่สุดก็จะได้ซัดกับมันตรงๆ เสียที
เขาพลันเรียกเอาอาวุธิญญาระดับสูงชิ้นที่สามออกมาดังฟึบ
มันเป็กระบองหัวกะโหลกที่มีรูปร่างน่าหวาดกลัวฟันอันแหลมคมของมันยิ่งทำให้มันดูน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่าเดิมราวกับเป็เศียรของพญาอสูรสุดอำมหิตยามที่มันถูกเหวี่ยงออกจะเกิดสายลมสีดำอันทรงพลังจนน่าใจหายขึ้น
เฉินเฉาเกอะโกู่ก้องอย่างเกรี้ยวกราดราวกับเทพอสูรว่า
“ตายซะเถอะ ไอ้พวกนอกรีต!!”
เส้นสายของเฉินเฉาเกอมันกว้างยิ่งกว่าที่คนเป็เ้าชายควรจะมีทำให้หลินเวยถึงกับรู้สึกอับอายในความสามารถของตนเอง ซึ่งไอ้กระบองชิ้นนี้ไม่ใช่สมบัติของอาณาจักรชูอวิ๋นด้วยซ้ำก็ไม่รู้ว่าไอ้เฉินเฉาเกอไปเอาของดีแบบนี้มากจากไหน
หลินหยางตกอยู่ในอันตรายแล้ว
ไม่รู้เพราะสาเหตุใดแต่จนบัดนี้หลินหยางก็ยังไม่ยอมสวมใส่ชุดเกราะิญญาเหล็กทมิฬครบชุดเสียทีแม้แต่ชุดเกราะส่วนถุงมือเขาก็ยังไม่ได้ใส่เลยคงยากที่จะต้านทานความสามารถของอาวุธิญญาระดับสูงของเฉินเฉาเกอได้
แต่ในขณะที่ฝ่ามือเปลวเพลิงของหลินหยางกำลังจะปะทะเข้ากับท่าสังหารของเฉินเฉาเกอนั้นหลินหยางพลันสะบัดสองมือของเขาลงพื้นที่อยู่ตรงหน้าของเฉินเฉาเกอแทน
ตูม!!
พื้นตรงนั้นถูกซัดจนเกิดะเิขึ้น ฝุ่นควันพลันฟุ้งกระจาย
แรงะเิที่เกิดขึ้นทำให้เฉินเฉาเกอไม่สามารถลืมตาขึ้นมาได้แต่แค่นั้นไม่สามารถหยุดเจตนาฆ่าของเฉินเฉาเกอได้อยู่แล้ว
หลินหยางตีพลาด แต่กระบองของเฉินเฉาเกอไม่มีทางพลาดแน่นอน
เมื่อเจอแรงอัดกระแทกที่เกิดจากการะเิแล้วเฉินเฉาเกอก็แค่ะโหลบออกมาโดยไม่เป็อะไรเลย แต่สองมือของหลินหยางยังคงกดลงอยู่กับพื้นโดยที่ไม่ขยับร่างกายใดๆหัวกลมๆของมันช่างคล้ายกับลูกแตงโมสุกๆ น่าทุบให้เละเหลือเกิน
“ตายซะ!!”
เฉินเฉาเกอยิ้มเหี้ยมอย่างได้ใจภายในใจมีแต่ความยินดีที่ในที่สุดก็จะได้ล้างแค้นให้ผู้เป็พ่อแล้ว
แต่น่าเสียดายที่ในจังหวะนั้นเอง หลินหยางที่กำลังกดมือลงบนพื้นอยู่นั้นก็แสยะยิ้มอำมหิตขึ้นมาจากนั้นก็พึมพำว่า
“วิชาภูผาทะลวงไข่!!”
ูเาอัญมณีที่ถูกคัดเลือกรูปทรงเป็อย่างดีโผล่พุ่งขึ้นมาจากพื้นดินอย่างกะทันหัน
ยอดเขาลูกนี้แหลมคมราวกับหัวหอก แค่ดูก็รู้สึกเจ็บแทนแล้ว
หลินหยางอำมหิตเหลือเกิน
เขาตั้งใจล่อให้เฉินเฉาเกอะโขึ้นจากนั้นก็อัญเชิญูเาที่ยอดของมันแหลมคมขึ้นมาจากพื้นดิน
ผลลัพธ์น่ะหรือ...
ค่อนข้างจะอนาถเลยทีเดียว
อ๊ากกก!!!!
เสียงร้องอันโหยหวนของเฉินเฉาเกอดังก้องสะท้อนไปทั่วทั้งคฤหาสน์
คนที่ยืนดูข้างๆ ถึงกับขมวดคิ้วอย่างอดไม่ได้
เจ็บน่าดูเลยนะนั่น
แค่ดูอยู่ก็รู้สึกปวดร้าวบริเวณเบื้องล่างแทนแล้ว
ผู้าุโน้อยหลินอี้ผู้นี้ใช่อสูรกลับชาติมาเกิดหรือไม่จิตใจว่าอำมหิตแล้ว การกระทำอำมหิตยิ่งกว่า
เก็บ
หลังจากที่หลินหยางเจาะไข่แตกไปแล้ว เขาไม่ได้ไล่ตามไปซ้ำต่อแต่เขาเลือกที่จะเก็บูเาทั้งหมดบนสนามกลับเข้าไปในแหวนพระสุเมรุแทน
ตรงหน้าเขานั้น
เฉินเฉาเกอได้ร่วงลงมายืนอยู่บนพื้นแล้ว
ชายหนุ่มผู้แสนองอาจคนนั้นหลังจากที่ลงมาอยู่บนพื้นแล้วถึงกับเซถอยหลังไปหลายก้าว สองขาสั่นหงึกๆ ราวกับสตรีวัยแรกแย้มที่เพิ่งเสียพรหมจรรย์ใบหน้าขาวซีด ยืนหายใจถี่อยู่อย่างนั้น
“ล...หลิน..ยี่ ข้า จะ ฆ่า เ้า!!”
ั้แ่เขาเกิดมาเฉินเฉาเกอยังไม่เคยถูกหยามเกียรติมากขนาดนี้มาก่อน ไอ้หลินอี้นี่เป็ดาวข่มดวงในชีวิตของเขาเลย
หลินหยางรู้สึกสะใจอย่างมากแต่แค่นั้นก็ยังยากที่จะสะกดข่มความแค้นของเขาลงได้อยู่ดี
เขาพูดขึ้นอย่างเ็าว่า “ถ้ายังไม่ไสหัวออกไปอีกละก็ ไอ้ที่จะแตกนั้นไม่ใช่แค่ไข่ของแกแน่!!”
ไอ้เวรเอ๊ย!!
เฉินเฉาเกอหน้าบูดจนแทบเป็ตะคริวแล้ว
เป้าหมายที่เขาจะมาในวันนี้แต่เดิมคือเพื่อมาเหยียบย่ำคนแต่ตอนนี้เขากลับเป็ฝ่ายถูกศัตรูคู่แค้นของเขาเหยียบย่ำแทนเสียได้
เขาที่มีพลังระดับสูงสุดของเซียนเทียนขั้นท้ายนั้นแต่กลับไม่สามารถรับมือกับวิชาเสกูเาของอีกฝ่ายได้
โอยย...
เจ็บชะมัด...
เจ็บใจเหลือเกิน!!
เฉินเฉาเกอโมโหจนแทบคลั่งแล้วในที่สุดเขาจึงตัดสินใจจะใช้พลังลึกลับที่เขาเก็บซ่อนเอาไว้แล้วพลังฟ้าดินสีดำทมิฬสายหนึ่งค่อยๆ ไหลออกมาจากจุดชี่ไห่ของเขา
ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเปล่งประกายแสงสีดำที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายออกมาบรรยากาศรอบตัวเขาพลันเปลี่ยนเป็เย็นเยือกจนน่ากลัว
มาแล้ว!!
ในที่สุดมันก็ใช้พลังนั่นแล้ว!!
หลินหยางนั้นคอยสังเกตเฉินเฉาเกอตลอดเวลาเขารู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายมีพลังลึกลับบางอย่างซ่อนอยู่ในจุดชี่ไห่
มันคือไพ่ตายที่แท้จริงของเฉินเฉาเกอ
ที่เขากลั่นแกล้งเฉินเฉาเกอแบบไร้เหตุผลขนาดนั้นก็เพื่อล่อให้มันใช้พลังนี้ออกมาเขาจะได้มีข้อมูลเตรียมตัวไว้ใช้ในศึกตัดสินในอนาคต
พอผ่านไปครู่หนึ่ง ดวงตาของเฉินเฉาเกอก็เปลี่ยนสีดำสนิททั้งดวงพลังอันชั่วร้ายและทรงพลังนั่นปรากฏออกมาให้เห็นแล้ว แต่นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด
เฉินเฉาเกอเริ่มพูดขึ้นอีกครั้ง น้ำเสียงเขาแหบแห้งลงเล็กน้อย “ในเมื่อเ้าคิดจะใช้วิธีไร้ยางอายแบบนั้นละก็ อย่างนั้นมาลองเจอวิธีของข้าบ้างแล้วกัน!!”
เขาค่อยๆ ชูมือขึ้น บนฝ่ามือเขาพลันเกิดหมอกควันสีดำทมิฬขึ้น จากนั้นมันก็รวมตัวกันจนกลายเป็เหยี่ยวตัวเล็กๆสีดำตัวหนึ่งกำลังกระพือปีกบิน
เหยี่ยวน้อยตัวนี้ท่าทางดูดุร้ายร่างกายครึ่งซีกของมันมีแต่กระดูก คล้ายปีศาจที่ถูกสร้างขึ้นมากจากซากศพทั่วทั้งร่างของมันมีแต่กลิ่นอายอันชั่วร้ายแผ่ออกมา
องค์ชายเก้าเองก็มีพลังระดับอวิ้นหลิงด้วยหรือ?
แล้วนั่นมันพลังอะไรกัน?
แล้วสิ่งที่เรียกออกมานั่นมันคือตัวอะไรกัน? ทำไมมันถึงได้ดูชั่วร้ายขนาดนั้นเล่า?
นี่เป็ครั้งแรกที่พวกคนที่อยู่รอบข้างได้เห็นวิชามารของเฉินเฉาเกอนี่เหมือนกันแต่ไม่นานเ้าเหยี่ยวนั่นก็เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง
ถุงฟ้าดินของเฉินเฉาเกออยู่ๆ ก็เรียกเอาอะไรบางอย่างออกมาด้วยจากนั้นมันก็หลอมรวมเป็หนึ่งเดียวเข้ากับเหยี่ยวสีดำในพริบตานั้นเองมันก็เปลี่ยนกลายเป็เหยี่ยวโครงกระดูกสีขาวขนาดตัวประมาณครึ่งเมตรตัวหนึ่งดูทรงพลังจนน่าหวาดหวั่นจนคนรอบข้างที่ยืนดูอยู่ถึงกับหน้าถอดสี
แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!!
เหยี่ยวกระดูกขาวตัวนี้กางปีกของมันขึ้นความรู้สึกที่มันปล่อยออกมานั้นราวกับว่ามันมีพลังระดับเซียนเทียนขั้นท้ายเลยทีเดียว
เฉินเฉาเกอมันยังแอบซ่อนท่าไม้ตายแบบนี้เอาไว้ด้วย!!
ถ้ามีเหยี่ยวบินช่วยแบบนี้ยังต้องกลัวูเาั์ของหลินหยางอยู่อีกหรือ?
หลี่จิ้งตอนนี้ได้เร่งพลังฟ้าดินขึ้นทั่วร่างแล้วพร้อมที่จะออกไปหยุดการต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
แม้แต่คนระดับเขาที่มีระดับอวิ้นหลิงแล้วยังรู้สึกได้ถึงความอันตรายของมันแสดงให้เห็นว่าเหยี่ยวกระดูกขาวตัวนี้มันน่ากลัวมากถึงเพียงใด
“หลินอี้ ให้เวลาแกสามวิ ก้มหัวคุกเข่าขอชีวิตซะแล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า!!”
เฉินเฉาเกอยังไม่รู้เื่ที่หลินหยางได้หยุดการโจมตีระดับอวิ้นหลิงเอาไว้ได้ในเหตุการณ์ต่อสู้ครั้งใหญ่ในคฤหาสน์ตระกูลเวินเมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเลยเชื่อมั่นในวิชานี้ของตัวเองมาก
ถ้าหลินอี้ไม่ยอมสยบ ก็ต้องตาย!!
ั์ตาของหลินหยางเปล่งประกายแสงสีแดงออกมาพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่พลังฟ้าดินสีดำของศัตรูเหมือนจะเข้าใจพลังของศัตรูแล้ว
ขณะที่กำลังเผชิญหน้ากับพลังแห่งความตายของเฉินเฉาเกออยู่นั้นหลินหยางกลับเผยรอยยิ้มเ็าออกมา
“มีแค่เ้าที่เลี้ยงนกไว้หรืออย่างไร...หั่วเอ๋อร์ออกมาทำงานได้แล้ว!!”
โอ้!!
มีเสียงร้องตอบรับกลับมาจากที่ไม่ไกลนัก ส่องประกายแสงสีทองออกมาจากหมอกสีดำ
เงาร่างสีแดงสายหนึ่งบินออกมาตามเสียงพูดแบบไร้มารยาทตามแบบฉบับของมันมาอยู่ต่อหน้าผู้คน “เ้าหลินอี้น้อย!!!! ทำไมวันนี้เ้าเื่เยอะจังเลยเพิ่มข้าว...มื้อดึกเ้าต้องเพิ่มข้าวให้ข้าด้วยนะ!!!!”
พลังของหั่วเอ๋อร์นั้นแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อถึงตอนนี้มันจะถูกผนึกพลังเอาไว้ส่วนหนึ่งก็ตามแต่พลังของมันจะถูกฟื้นคืนกลับมาตามระดับความสามารถของหลินหยาง
หลินหยางตอนนี้อยู่ในระดับเซียนเทียนขั้นกลาง หั่วเอ๋อร์จะอยู่เหนือกว่าหนึ่งขั้นนั่นก็คือระดับสูงสุดของเซียนเทียนขั้นท้าย แต่ตัวมันนั้นมีร่างกายของอสูรเทวะอยู่ทำให้พลังที่มันสามารถะเิออกมานั้นอยู่เหนือกว่าระดับพลังของมันหลายเท่า
น่าเสียดายที่ระดับพลังของมันตอนนี้ยังไม่สามารถกลับคืนสู่ร่างปี้ฟังผู้เผาผลาญสรรพสิ่งได้ทำได้เพียงอยู่ในร่างนกกระจอกขนสีแดงที่เปล่งประกายแสงของพลังฟ้าดินเปลวเพลิงออกมามันบินมายืนอยู่บนไหล่ของหลินหยาง ถ้าเปรียบเทียบเื่ภาพลักษณ์แล้วเหยี่ยวกระดูกขาวของศัตรูนั้นกินขาด
ถึงแม้แรงกดดันของหั่วเอ๋อร์จะดูด้อยลงกว่าเดิมแต่ท่าทางของมันก็ยังคงเป็แบบของผู้อยู่สูงสุดของเทือกเขาเมฆมรกตอยู่
มันถลึงตาใส่เ้าเหยี่ยวกระดูกขาวที่จิตสังหารกำลังพลุ่งพล่านไปทีหนึ่ง
“แล้วเกิดอะไรขึ้น? สู้ไม่ได้แล้วหรือ?เ้ามนุษย์หรือว่าเ้ากระดูกบินได้นั่นเล่า? ถ้ามนุษย์นั่นต้องใช้เนื้อปีศาจสิบชั่งส่วนกระดูกนั่นยุ่งยากหน่อย ขอเป็หัวสิงโตสักชิ้นก็แล้วกัน”
เ้าบ้านี่เสนอราคาเสียแล้วท่าทางของมันทำเอาเฉินเฉาเกอแทบคลั่ง
สัตว์เลี้ยงเป็อย่างไรเ้าของก็เป็อย่างนั้นจริงๆ
หลินอี้ว่าน่ารังเกียจแล้ว ไอ้นกนี่ก็กวนประสาทไม่แพ้กันเลย!!
“ไปขยี้มันซะ!!”
เฉินเฉาเกอโบกมือหนึ่งที เหยี่ยวกระดูกขาวพลันพุ่งเข้าใส่ศัตรูของมันทันทีสายลมอันน่าหวั่นเกรงพุ่งเข้ามาอย่างรุนแรง แต่มันกลับทำให้ดวงตาของหั่วเอ๋อร์เปล่งประกายขึ้น
“เห้ย!! กระดูกตัวนั้นมัน ‘เหยี่ยวชิงหลิน’ นี่นา!! ถึงจะดูเก่าจนขึ้นราไปแล้วก็ตามแต่ถ้าเอามาเผาหน่อยก็ยังพอเอามาทำสตูว์ได้อยู่นี่!! เ้าหลินอี้น้อยข้าไม่เกรงใจแล้วนะ!!”
เป้าหมายสูงสุดในชีวิตของหั่วเอ๋อร์ก็คือการกิน
ไม่มีอะไรดึงดูดเขาได้มากเท่ากับสตูว์ที่ทำจากกระดูกของสัตว์อสูรระดับสูงแล้ว
สายลมที่พัดวนอยู่รอบตัวของเหยี่ยวกระดูกขาวนั้นแม้แต่ยอดฝีมือระดับเซียนเทียนขั้นท้ายยังต้องปวดหัว แต่พอหั่วเอ๋อร์คิดจะลงมือ สายลมนี่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว
ตูม
หั่วเอ๋อร์ะเบิดพลังอัคคีออกมารอบตัว
มันคือพลังที่สามารถสยบทุกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความชั่วร้ายได้พอเหยี่ยวกระดูกขาวที่ถูกเรียกออกมาจากวิชามารตัวนั้นปะทะเข้ากับหั่วเอ๋อร์ก็เหมือนกับหนูมาเจอกับแมว พลังงานสีดำทมิฬนั่นพอปะทะเข้ากับเปลวเพลิงของหั่วเอ๋อร์แล้วก็ถูกเผาจนดิ้นพล่านทันที
กา!! กา!!
ยังไม่ทันได้สู้เลย เ้าเหยี่ยวนี่ก็กลัวเสียแล้ว
พลังที่แพ้ทางกันตามธรรมชาติแบบนี้ทำให้เหยี่ยวกระดูกขาวแสดงความสามารถออกมาได้เพียงแค่ครึ่งเดียวเท่านั้นส่วนหั่วเอ๋อร์ที่เจออาหารอันโอชะน่ารับประทานแบบนี้ก็ะเิพลังออกมาอย่างเต็มที่ทันที
ท่าไม้ตายที่เฉินเฉาเกอคิดว่าจะใช้ข่มขวัญของคนที่ยืนชมอยู่นั้นกลับถูกหั่วเอ๋อร์ลากมันมากดลงบนพื้นในเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีพร้อมกับพึมพำออกมาว่า
“เ้าอย่าสู้สิ!! สู้ไปก็ไม่มีประโยชน์หรอก!! อย่างไรเ้าก็เคยตายไปแล้วนี่ ให้ข้ากินเ้าก็เหมือนให้ข้าช่วยปลดปล่อยเ้าไง...โอ๋โอ๋ เด็กดี แป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว”
