เมื่อเทียบกับซือสิ่งหลงแล้ว เฉิงปู้กุยคนนี้ดูมีความไม่ธรรมดามากกว่า พลังของเขาอยู่ในจุดสูงสุดของผู้ฝึกตนระดับที่เจ็ดแล้ว แม้ว่าในดินแดนนี้ด้วยอายุและระดับพลังเท่านี้จะดูเหมือนไม่ใช่เื่ที่พิเศษอะไร แต่คนคนนี้เพิ่งเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์ตอนอายุสิบกว่าปีแล้ว ในอดีตเขาเคยเป็หนุ่มเ้าสำราญที่มีชื่อเสียงโด่งดังของแคว้นจินหลาน มีบางครั้งที่เขาไม่ได้กลับบ้านตลอดทั้งปี และมีครั้งหนึ่งที่เขาสลบไป เมื่อเขาตื่นขึ้นมาก็ได้พบนักเวทท่านหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็เปลี่ยนชื่อเป็เฉิงปู้กุย เพื่อเอาไว้เตือนตัวเองอยู่เสมอ และั้แ่ที่เขาฟื้นคืนสติขึ้นมา เขาใช้เวลาเพียงสามปีก็มาถึงจุดสูงสุดของระดับที่เจ็ด จนได้รับการยอมรับจากเหล่านักเวทในแคว้นจินหลานว่าจะเป็ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในอนาคต
แต่หลัวเลี่ยกลับให้ความสนใจองค์ชายเก้ามากกว่า
เนื่องจากตามข้อมูลที่ได้รับมาจากราชครูซาเฉียนหลี่นั้น ไม่ว่าจะเป็ซือสิ่งหลงหรือเฉิงปู้กุย ความสามารถของพวกเขาต่างก็ด้อยกว่าองค์ชายเก้าเล็กน้อย ด้วยองค์ชายเก้ามีพลังอยู่ที่ระดับผู้ฝึกตนระดับที่แปด และเป็อัจฉริยะรุ่นเยาว์ตัวจริงในบรรดาร้อยแคว้นทางตอนเหนือ เขานับว่าเป็อัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ
องค์ชายเก้ามองมาที่หลัวเลี่ยอย่างปกติ จากนั้นสายตาของเขาก็มองกวาดไปทั่วและไม่ได้หยุดมองหลัวเลี่ยอีก แต่เมื่อเขาเห็นเสวี่ยปิงหนิง ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความสนใจ แล้วเขาก็หยุดสายตาไว้ที่นางเป็ระยะเวลาหนึ่ง
ท่าทางเช่นนี้ทำให้หลัวเลี่ยรังเกียจ
เขาแน่ใจว่าองค์ชายเก้ารู้จักเขา แต่ด้วยท่าทางเช่นนี้ องค์ชายเก้าผู้นี้คงหยิ่งยโสไม่น้อย
“ข้ามาสายไปหน่อย หวังว่าทุกท่านจะเข้าใจ” องค์ชายเก้าพูดเสียงดัง
ลูกหลานของชนชั้นสูงทั้งหลายต่างบอกว่าไม่เป็ไร นี่แสดงให้เห็นถึงความหมายของคำว่าประจบสอพลออย่างแท้จริง
องค์ชายเก้าเดินไปนั่งบนที่ประทับ เขาดูเหมือนนักรบมากกว่า และไม่ได้ดูสง่างามแบบชนชั้นสูง
เฉิงปู้กุยและซือสิ่งหลงตามไปยืนทางด้านซ้ายและขวาขององค์ชายเก้าในเวลาเดียวกัน
หลังจากรอให้ทุกคนกลับเข้าประจำที่ตามลำดับ
องค์ชายเก้ายกแก้วขึ้นเพื่อบูชาพระจันทร์เป็ลำดับแรก จากนั้นก็ยกขึ้นอีกครั้งเพื่อถวายความเคารพแด่จักรพรรดิแห่งแคว้นจินหลานจากระยะไกล และยกแก้วขึ้นอีกสามครั้ง เพื่อขอให้อากาศดี ลมฝนตกต้องตามปรารถนา บ้านเมืองสงบสุขและเจริญรุ่งเรือง
หลังจากจบพิธีการแล้ว องค์ชายเก้าก็รับสั่งถึงเื่ที่เป็หัวข้อหลักของวันนี้
“อย่างที่ทุกท่านทราบกันดี ว่างานไหว้พระจันทร์ในคืนนี้ ไม่ใช่แค่บูชาพระจันทร์เท่านั้น แต่ยังมีอีกเื่หนึ่ง”
เฉิงปู้กุย ซือสิ่งหลง และคนสนิทขององค์ชายเก้าต่างจ้องมองไปที่หลัวเลี่ย
การกระทำเช่นนี้ของพวกเขา ทำให้ทุกคนที่อยู่ภายในงานมองตามมาด้วย
แม้หลัวเลี่ยจะกลายเป็จุดสนใจ แต่เขาก็ไม่ได้สนใจเื่อื่น เขารินเครื่องดื่มให้ตนเองและเสวี่ยปิงหนิงโดยไม่สนใจอะไรเลย
ท่าทางเช่นนี้ของเขาทำให้ซือสิ่งหลงโกรธ
องค์ชายเก้าโบกมือเพื่อหยุดเขา และพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องน้อยเสด็จมายังแคว้นจินหลานของข้าจากแดนไกล ไม่ทราบว่าท่านได้รับความสะดวกสบายดีหรือไม่”
“ท่านราชครูดูแลข้าเป็อย่างดี” หลัวเลี่ยกล่าวราบเรียบ
“เช่นนั้นก็ดีแล้ว จริงๆ ข้าอยากไปเยี่ยมท่านด้วยตนเอง แต่เพราะมีภารกิจมากมายทำให้ไม่ได้ไป หวังว่าท่านคงยกโทษให้ข้า” องค์ชายเก้ารับสั่ง
หลัวเลี่ยมองใบหน้าที่เสแสร้งขององค์ชายเก้า ในใจของเขารู้สึกขยะแขยง ไม่มีเวลาคือสิ่งใด มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ต้องทำเช่นนั้นหรือ ความจริงคือคิดว่าตนเองเป็ถึงองค์ชายผู้สูงส่งแห่งแคว้นจินหลาน คงคิดอยากให้เขามาทำความเคารพก่อนสินะ
เขาไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับคนที่จิตใจยากจะหยั่งถึงเช่นนี้ จึงพูดเข้าประเด็น “องค์ชายเก้าแจ้งว่ามีเื่บางอย่างที่สำคัญ ไม่ทราบว่าเื่นั้นคือเื่ใดหรือ”
องค์ชายเก้าหัวเราะ ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่มีอะไรมากมาย แค่เกี่ยวกับการประลองยุวราชันสิบแคว้นเท่านั้น ท่านอ๋องน้อยเพิ่งเคยมาแคว้นจินหลาน และยังใช้ฐานะท่านอ๋องแห่งแคว้นเป่ยสุ่ยเข้ามาที่แคว้นจินหลานของข้า นอกจากนี้ยังได้เป็ยุวราชันโดยไม่ต้องมีการประลองใดๆ อัจฉริยะรุ่นเยาว์ในแคว้นจินหลานของข้าล้วนไม่พอใจอย่างยิ่ง ด้วยตำแหน่งยุวราชันของแคว้นยังหมายถึงเป็ผู้มีฝีมืออันดับหนึ่งของแคว้นอีกด้วย แม้ว่าท่านอ๋องจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ยากที่จะได้รับความเคารพในแคว้นจินหลานของข้า และหากท่านไม่สามารถขึ้นเป็ยอดฝีมือรุ่นเยาว์ในห้าอันดับแรกได้ การที่ท่านขึ้นเป็ยุวราชันก็นับว่าทำให้คนเสื่อมศรัทธาแล้ว”
“เื่นี้ง่ายมาก องค์ชายเก้า ท่านเพียงไปหาเสด็จพ่อของท่าน และขอให้พระองค์เปลี่ยนมันเสีย” หลัวเลี่ยกล่าวอย่างเฉยเมย
เดิมทีเขาก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้ว
เขาสนใจบางสิ่งมากกว่า นั่นคือการสามารถเอาชนะยอดฝีมือรุ่นเยาว์ของสิบแคว้นได้ด้วยตัวเอง ซึ่งน่าสนใจทีเดียว
รอยยิ้มขององค์ชายเก้าหยุดชะงักลง ก่อนแทนที่ด้วยความเ็า
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉิงปู้กุยและซือสิ่งหลงก็หัวเราะออกมา
“เดิมทีข้าคิดว่าหลัวเลี่ยเป็คนที่มีพร์ ทว่าแท้จริงแล้วเขาเป็แค่คนขี้ขลาดคนหนึ่ง เขาไม่มีความกล้าแม้แต่จะขึ้นเป็ยุวราชันแห่งแคว้นจินหลานของข้า ช่างทำให้ข้าผิดหวังจริงๆ คนเช่นนี้จะเป็ตัวแทนในการต่อสู้แห่งแคว้นจินหลานของข้าได้อย่างไร?” เฉิงปู้กุยพูดอย่างประชดประชัน
“ข้าคิดว่าเขาก็ประมาณตนได้ดี เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของตนอยู่ในระดับปานกลาง และไม่คู่ควรกับหน้าที่ความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่นี้” คำพูดของซือสิ่งหลงเจือไปด้วยการเยาะเย้ยอย่างรุนแรง
หลัวเลี่ยชำเลืองมองชายทั้งสอง จากนั้นก้มศีรษะลงและดื่มเหล้าอีกครั้ง
ไม่ใช่เพราะเขาอารมณ์ดี แต่เขาไม่มีความสนใจที่จะลงมือทำอะไรเลยจริงๆ
ซือสิ่งหลงผู้นี้ไม่ว่าจะในด้านไหนก็ล้วนตามหลังเขาอยู่มาก เขาสามารถฆ่าซือสิ่งหลงได้ในพริบตาเท่านั้น
ส่วนเฉิงปู้กุย แม้จะเป็นักเวทที่แข็งแกร่งมาก แต่หลัวเลี่ยก็มีมือซ้ายของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งสามารถฆ่านักเวททั้งหมดได้
ดังนั้นด้วยความสามารถของทั้งสองคนนี้ หากเขาจะลงมือจริงๆ ก็ย่อมทำลายพวกเขาได้อย่างแน่นอน เพราะช่องว่างระหว่างพลังนั้นกว้างเกินไป
เฉิงปู้กุยและคนอื่นๆ คิดว่าหลัวเลี่ยกำลังกลัว จึงพูดถากถางอย่างไร้ยางอาย องค์ชายเก้าก็มองดูเหตุการณ์นี้ด้วยรอยยิ้ม ในขณะเดียวกันหางตาก็เหลือบมองเสวี่ยปิงหนิงเป็ครั้งคราว ไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“น้องเก้า เ้าช่างคิดเหมือนกับพี่สามเสียจริง”
เสียงแหลมสูงเสียงหนึ่งดังขึ้นยับยั้งการถากถางของเฉิงปู้กุยและซือสิ่งหลงที่มีต่อหลัวเลี่ย
เขาเห็นชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าปีเดินลงมาออกมาพร้อมกับเด็กวัยรุ่นที่หน้าตาเหมือนกันสองคน
ชายหนุ่มคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาคือองค์ชายสาม บุคคลเพียงคนเดียวที่สามารถแข่งขันกับองค์ชายเก้าเพื่อชิงบัลลังก์ได้ และเด็กหนุ่มฝาแฝดที่ติดตามเขามาคือฝาแฝดหยินหยางที่มีชื่อเสียงในแคว้นจินหลาน คนแรกชื่อหูหยางอี อีกคนชื่อหูหยินอี ทั้งสองมีชื่อเสียงโด่งดังยิ่งกว่าเฉิงปู้กุยและซือสิ่งหลงเสียอีก พวกเขามีพลังที่แข็งแกร่งมาก และเชี่ยวชาญในการต่อสู้ร่วมกันเป็พิเศษ
“พี่สามก็มาร่วมงานเลี้ยงเล็กๆ ครั้งนี้ที่ข้าเป็ผู้จัดขึ้นด้วยหรือ ช่างเป็ภาพที่หาได้ยากยิ่งนัก” ใบหน้าขององค์ชายเก้าเรียบเฉย เขาไม่แม้แต่จะลุกขึ้นยืนต้อนรับ
องค์ชายสามหัวเราะ และพูดว่า “น้องเก้าพูดถูก งานเลี้ยงที่เ้าจัดเป็เพียงงานเลี้ยงธรรมดาๆ เท่านั้น ข้าเองไม่ได้สนใจงานเลี้ยงนี้นักหรอก แต่ข้าได้ยินมาว่าเ้าเชิญหลัวเลี่ย ท่านอ๋องหนุ่มจากแคว้นเป่ยสุ่ยมาด้วย เพื่อจะขอให้เขาสละตำแหน่งยุวราชันแห่งแคว้นจินหลาน ตัวข้าสนใจเื่นี้อยู่บ้าง”
“ข้าเกรงว่าถึงพี่สามจะสนใจ แต่ท่านคงไม่มีวาสนากับตำแหน่งยุวราชันนี้” องค์ชายเก้ารับสั่งตอบ
“ข้าจะมีหรือไม่มีวาสนาก็ไม่ใช่เื่ของเ้า” องค์ชายสามกล่าวขึ้น
แม้ว่าทั้งสองจะเรียกกันว่าพี่น้อง แต่สิ่งที่พวกเขาเอ่ยออกมาล้วนเป็การกดข่มอีกฝ่ายทั้งสิ้น
และแม้ว่าหลัวเลี่ยจะรู้สึกขยะแขยงกับสิ่งนี้มาก แต่เขาก็มีความสุขที่ได้ดูเื่สนุก เพราะการได้ดูเื่สนุกนี้ก็ไม่ได้สร้างความเดือดร้อนให้เขา
องค์ชายทั้งสองจ้องหน้ากันเขม็งอยู่ครู่หนึ่ง คนอื่นๆ ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงพูดคุยออกมา พวกเขาจ้องตากันอยู่ราวครึ่งชั่วโมง หลังจากนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเป็เื่อื่น องค์ชายสามพูดขึ้นว่า “น้องเก้า ข้ามีวิธีตัดสินว่าใครจะได้เป็ยุวราชัน”
“อา เชิญพี่สามพูดมา” องค์ชายเก้าตอบ
“พวกเาาวจินหลานล้วนเคารพบูชาต้นหอมหมื่นลี้โบราณบนเขาอวิ๋นเยว่นี้ว่าเป็ต้นไม้ประจำแคว้นจินหลานมาโดยตลอด ซ้ำต้นไม้ต้นนี้ยังได้เลือกกษัตริย์องค์ใหม่แห่งแคว้นจินหลานมาแล้วถึงสามครั้ง แล้วเหตุใดพวกเราพี่น้องไม่ถือโอกาสในคืนวันไหว้พระจันทร์นี้ ใช้ต้นไม้ต้นนี้เป็ตัวตัดสินตำแหน่งยุวราชันเล่า” องค์ชายสามพูด
เมื่อได้ยินเช่นนั้นองค์ชายเก้าก็หัวเราะเสียงดัง และกล่าวว่า “คำพูดของพี่สามช่างตรงใจข้าเสียจริง ตอนนี้มีคนที่เข้าร่วมการแข่งขันยุวราชันสิบแคว้นอยู่ที่นี่กันครบห้าคนพอดี ข้าเป็หัวหน้าของซือสิ่งหลงและเฉิงปู้กุย ส่วนพี่สามก็เป็หัวหน้าของฝาแฝดหยินหยาง พวกเรามาไหว้พระจันทร์พร้อมกันเถิด ดูให้ชัดกันไปเลยว่าต้นไม้จะตอบรับใครมากกว่ากัน ใครได้รับการตอบรับมากกว่าจะเป็ผู้ที่ได้ตำแหน่งยุวราชันไป เช่นนี้เป็อย่างไร?”
องค์ชายสามเอ่ยว่า “น้องเก้าคิดเหมือนข้าพอดีเชียว เช่นนั้นเรามาทำแบบนี้กันเถิด”
พวกเขาเริ่มเตรียมการในทันที
สำหรับท่านอ๋องหนุ่มอย่างหลัวเลี่ย องค์ชายทั้งสองไม่ได้ให้ความสนใจหรือมองหลัวเลี่ยเป็คู่แข่งเลยแม้แต่น้อย
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้